“สหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 23” ตอบโจทย์คนทุกเจนเนอเรชั่น

‘บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา’ (กลาง) ประธานเครือสหพัฒน์ แถลงข่าวการจัดงาน “สหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 23” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ว้าวถูกใจทุก Gen” เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนทุกเจนเนอเรชั่น ทั้งสินค้าและบริการมากมายจากหลากหลายแบรนด์ โดยมี ‘บุญชัย โชควัฒนา’ (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานกรรมการ บมจ.สหพัฒนพิบูล ‘บุญเกียรติ โชควัฒนา’ (ที่ 2 จากขวา) ประธานกรรมการ บมจ.ไอซีซี และ ‘วิชัย กุลสมภพ’ (ขวาสุด) กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องแอมเบอร์ ชั้น 2 ไบเทค บางนา เมื่อเร็ว ๆ นี้

น.ศ.58 ประเทศร่วมโครงการค่ายวัฒนธรรมนานาชาติม.วลัยลัยลักษณ์


alivesonline.com :
มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จัดค่ายวัฒนธรรมนานาชาติ ครั้งที่ 3 มีนักศึกษาจาก 4
91 มหาวิทยาลัย ใน 58 ประเทศ สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการ ระหว่างวันที่ 24 มิถุนายน – 1 กรกฏาคม 2562 พร้อมดึงจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นเจ้าภาพร่วม มุ่งเสริมสร้างบรรยากาศความเป็นนานาชาติของมหาวิทยาลัยพร้อมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของ นครศรีธรรมราช ให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก

ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2560 มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ริเริ่มจัดค่ายวัฒนธรรมนานาชาติและได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนต่างชาติได้มารู้จักวัฒนธรรมไทย อันเป็นเอกลักษณ์สำคัญของชาติ และกลายเป็นทูตวัฒนธรรมที่จะช่วยในการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยไปสู่สากลต่อไป ขณะเดียวกันเยาวชนไทยที่เข้าร่วมโครงการก็จะมีโอกาสสร้างเครือข่ายกับเยาวชนต่างชาติจากนานาประเทศทั่วโลกและเพิ่มพูนประสบการณ์การใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตจริงด้วย โดยในปี 2562 มหาวิทยาลัยฯ ได้รับความร่วมมือจากจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นเจ้าภาพร่วมจัดค่ายวัฒนธรรมนานาชาติครั้งที่ 3 โดยมีเยาวชนผู้เข้าร่วมค่าย 200 คน แบ่งเป็นเยาวชนไทย 70 คน และ เยาวชนต่างชาติ 130 คน

“มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์มีเป้าหมายในการก้าวสู่ความเป็นนานาชาติ โดยเริ่มจากปฏิรูปการเรียนการสอนโดยนำมาตรฐาน UKPSF (UNITED KINGDOM PROFESSIONAL STANDARDS FRAMEWORK) มาใช้ การให้ความสำคัญกับการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษของนักศึกษา มีการจัดตั้ง “สถาบันภาษา” เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะสากลให้แก่นักศึกษา สนับสนุนให้นักศึกษาไปปฏิบัติงานสหกิจศึกษาในต่างประเทศ รวมทั้งการส่งเสริมวัฒนธรรมสู่สากล”

นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวเสริมว่า นครศรีธรรมราช เป็นจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดในภาคใต้ ประมาณ 1.55 ล้านคน มีขนาดพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภาคใต้ ถือเป็น 1 ใน 55 จังหวัดเมืองรองของประเทศไทย ค่ายวัฒนธรรมนานาชาติจึงเป็นหนึ่งในความร่วมมือระหว่างจังหวัดนครศรีธรรมราชและมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ที่สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลไทยที่มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์ทางด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเมืองรองให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก

“จังหวัดนครศรีธรรมราชขอขอบคุณมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ที่ได้ริเริ่มโครงการค่ายวัฒนธรรมนานาชาติซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2560 และมีส่วนช่วยในการประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดฯ เช่น วัดพระบรมธาตุวรมหาวิหาร, หมู่บ้านคีรีวง ทะเลสิชล และขนอม ให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล ใน 74 ประเทศ และ 5 ทวีปทั่วโลก โดยทางจังหวัดฯ มีความยินดีที่ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดค่ายวัฒนธรรมนานาชาติประจำปี 2562 และพร้อมที่จะสนับสนุนและร่วมมือกับมหาวิทยาลัยฯ ในมิติต่าง ๆ ต่อไป”

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงศธร เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสถาบันภาษา มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ในฐานะผู้อำนวยการโครงการค่ายวัฒนธรรมนานาชาติ กล่าวถึงรายละเอียดในการจัดค่ายวัฒนธรรมนานาชาติครั้งนี้ว่าได้รับความสนใจจากเยาวชนสมัครเข้าร่วมโครงการฯ 1,130 คน จาก 491 มหาวิทยาลัย จาก 58 ประเทศ และ 5 ทวีปทั่วโลก โดยมีการคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติตรงตามที่กำหนดจำนวน 200 คน เข้าร่วมค่ายเป็นระยะเวลา 8 วัน โดยในระหว่างวันที่ 24 – 28 มิถุนายน 2562 ซึ่งอยู่ที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์และจังหวัดนครศรีธรรมราช จะมีการแสดงวัฒนธรรมประจำชาติจากเยาวชนทุกชาติจำนวน 26 ชุด และเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการจะมีโอกาสเรียนรู้วัฒนธรรมไทยผ่านกิจกรรมต่าง ๆ คือ ต่อยมวยไทย รำไทย และ ดนตรีไทย ตลอดจนการศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์เมืองนครศรีธรรมราช เยี่ยมชมวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร และเยี่ยมชมหมู่บ้านคีรีวง อ. ลานสกา และชายหาดทรายขาวน้ำทะเลฟ้าใส อ. สิชล รวมถึงการเดินทางโดยรถไฟไปยังกรุงเทพมหานครเมืองหลวงของประเทศไทย

ส่วนวันที่ 29 มิถุนายน – 1 กรกฏาคม 2562 ที่กรุงเทพมหานคร เยาวชนจะมีโอกาสเยี่ยมชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามและพระบรมมหาราชวัง และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รวมถึงการชมการแสดงโขน ซึ่งอนุเคราะห์จัดโดยกระทรวงวัฒนธรรม และในพิธีปิดค่ายฯ เยาวชนจะร่วมกันแสดงชุด “Cultures without Borders” ซึ่งจะเป็นการผสมผสานเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของแต่ละชาติเข้าด้วยกัน

“วัตถุประสงค์สำคัญประการหนึ่ ของการจัดโครงการค่ายวัฒนธรรมนานาชาติคือ การพัฒนาเยาวชนให้เป็นพลเมืองโลก ผู้ยอมรับในความแตกต่างทางวัฒนธรรม สีผิว และความเชื่อของพลเมืองแต่ละประเทศ และเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาสังคมโลกให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง โอกาสนี้ขอขอบคุณจังหวัดนครศรีธรรมราชรวมถึงองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ สํานักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช กระทรวงวัฒนธรรม การรถไฟแห่งประเทศไทย หลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย ธนาคารออมสิน บริษัท ฉัตรทวีกิจคอร์เปอเรชั่น จํากัด และ บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จํากัด (มหาชน) ที่ให้การสนับสนุนโครงการเป็นอย่างดี”ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงศธร กล่าวในตอนท้าย

 

“ไทย-เดนมาร์ค” รณรงค์วันดื่มนมโลก “นมยิ่งดื่ม ยิ่งดี”

alivesonline.com : อ.ส.ค. ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน เนื่องใน “วันดื่มนมโลก” รณรงค์ให้ประชาชนดื่มนมมากขึ้นจาก 18 ลิตรต่อคนต่อปี เป็น 25 ลิตรต่อคนต่อปี พร้อมส่งเสริมและกระตุ้นการดื่มนมของประชาชนแต่ละประเทศให้เพิ่มขึ้นด้วยและสร้างการเติบโตในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นม

ดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นม “ไทย-เดนมาร์ค” นมโคสดแท้ 100% ไม่ผสมนมผง เปิดเผยว่า เนื่องในวันดื่มนมโลก (World Milk Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 1 มิถุนายนของทุกปี อ.ส.ค. ได้ร่วมจัดกิจกรรม “วันดื่มนมโลก” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “นมยิ่งดื่ม ยิ่งดี” โดยมีการร่วมมือกับหลายหน่วยงาน โดยมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ คือ

1.จัดกิจกรรมสำนักงาน อ.ส.ค. ทั้ง 5 ภาค ได้แก่ สำนักงาน อ.ส.ค. ภาคเหนือตอนบน จังหวัดเชียงใหม่ จัดกิจกรรม ณ สวนสัตว์เชียงใหม่, สำนักงาน อ.ส.ค. ภาคเหนือตอนล่าง จังหวัดสุโขทัย จัดกิจกรรม ณ Thai-Denmark Milk Land สาขาพิษณุโลก, สำนักงาน อ.ส.ค. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น จัดกิจกรรม ณ ตลาดต้นตาล จังหวัดขอนแก่น, สำนักงาน อ.ส.ค. ภาคกลาง จัดกิจกรรม อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี จัดกิจกรรม ณ ฝ่ายท่องเที่ยวเชิงเกษตร สำนักงาน และสำนักงาน อ.ส.ค. ภาคใต้ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จัดกิจกรรม ณ หน้าอำเภอเมืองปราณบุรี

2.กิจกรรมร่วมกับ Thai-Denmark Milk Land (เฉพาะวันที่ 1 มิถุนายน 2562) และ Milk Shop (เฉพาะวันที่ 31 พฤษภาคม 2562) แจกนม 1 แก้วทันที เมื่อซื้อเครื่องดื่ม 1 แก้วภายในร้านThai-Denmark Milkland 16 สาขาที่ร่วมรายการ และ Milk Shop

3.กิจกรรมร่วมกับร้าน McDonald’s จำนวน 5 สาขา ได้แก่ เซียร์ รังสิต, เอ็มพาร์ค รังสิต คลอง 3, กลาสเฮ้าส์ รัชดา 17, แมกซ์แวลู หลักสี่, ซูพรีม สามเสน โดยแจกผลิตภัณฑ์นม “ไทย-เดนมาร์ค” 1 กล่อง เมื่อซื้อชุดแฮปปี้มีล เฉพาะวันที่ 1 มิถุนายน 2562

4.กิจกรรมร่วมกับ ปตท. สำนักงานใหญ่ จำหน่ายนมราคาพิเศษในวันพุธ-ศุกร์ ตลอดเดือนมิถุนายน 2562 ณ ปตท.สำนักงานใหญ่

5.กิจกรรมร่วมกับสวนน้ำ Vana Nava Hua Hin แจกนม 1 แก้วทันที เมื่อซื้อเครื่องดื่ม 1 แก้ว เฉพาะวันที่ 1-2 มิถุนายน 2562

6.กิจกรรมที่ อ.ส.ค. ร่วมกับ กรมปศุสัตว์ กทม. คือการเสวนาในวันที่ 1 มิถุนายน 2562 เวลา 14.00 น. เวที Milk Talk เรื่อง Milk Land & Milk Shop ณ กรมปศุสัตว์ พญาไท กรุงเทพฯ

ดร.ณรงค์ฤทธิ์ ยังกล่าวอีกว่า กิจกรรมทั้งหมดที่ อ.ส.ค. ได้มีการจัดขึ้นในวันดื่มนมโลก ปี2562 เพื่อกระตุ้นให้เกิดการบริโภคนมมากขึ้นและตอบสนองต่อนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมให้ประชาชนคนไทยทุกเพศทุกวัยมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงด้วยการดื่มนม การรณรงค์การดื่มนมยังช่วยสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้แก่อาชีพการเลี้ยงโคนมของเกษตรกรไทยรวมถึงสหกรณ์โคนมทั่วทุกภูมิภาคให้มีความเติบโตตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำอีกด้วย

“การส่งเสริมการบริโภคนมในประเทศไทยเป็นหนึ่งในห้ายุทธศาสตร์พัฒนาโคนมและผลิตภัณฑ์นม โดย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ตั้งเป้าหมายการบริโภคนมของคนไทยในปัจจุบันให้เพิ่มสูงขึ้น จากปัจจุบันคนไทยดื่มนม 18 ลิตร/คน/ปี เพิ่มขึ้นเป็น 25 ลิตร/คน/ปี ภายในปี 2564 ซึ่งดำเนินการผ่านโครงการต่าง ๆ อาทิ โครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน และโครงการรณรงค์บริโภคนมในสถาบันการศึกษา เป็นต้น โดย อ.ส.ค. ได้เปิดร้าน Milk Shop ในสถาบันการศึกษาแล้วหลายแห่งและจะกระจายไปทั่วทุกภูมิภาค เพื่อรณรงค์การบริโภคนมให้เพิ่มขึ้นในกลุ่มนักเรียนนักศึกษา”

ดร.ณรงค์ฤทธิ์ กล่าวในตอนท้ายว่า สำหรับร้าน Thai-Denmark Milk Land คาเฟ่นม ที่เปิดภายนอกสถาบันการศึกษาสำหรับบุคคลทั่วไปให้เข้าถึงร้านนมคุณภาพดี เป็นนมโคสดแท้ 100% ไม่ผสมนมผง จากฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค โดยร้านนม Thai-Denmark Milk Land และ Milk Shop ที่ อ.ส.ค. ดำเนินการอยู่นี้มีเป้าหมายคือ ส่งเสริมให้คนไทยได้ดื่มนมที่ดี มีคุณภาพเป็นนมโคสดแท้ 100% ไม่ผสมนมผง ที่มาจากเกษตรกรไทย อีกทั้งยังเป็นการสร้างความยั่งยืนให้แก่อาชีพการเลี้ยงโคนมแก่เกษตรกร และกลุ่มสหกรณ์โคนมไทยอีกด้วย

 

เบลเยียม รุกเพิ่มส่วนแบ่งตลาดมันฝรั่งทอดเมืองไทย

นายโรเมน คูลส์ เลขาธิการใหญ่ สหภาพอุตสาหกรรมการผลิตและจัดจำหน่ายมันฝรั่งแห่งเบลเยียม (Belgapom) เปิดเผยว่า ในงาน “THAIFEX World of Food Asia 2019” ระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2562 คณะกรรมการการตลาดเพื่อการเกษตรฟลานเดอร์ส (Flanders Agricultural Marketing Board – VLAM) กำหนดนำ 5 ผู้ส่งออกมันฝรั่งทอดรายใหญ่ของเบลเยียม ได้แก่ Agristo, Bart’s Potato Company, Clarebout Potatoes, Ecofrost และ Mydibel ได้มาร่วมนำเสนอสินค้าในกลุ่ม “Belgian Fries” โดยมีจุดประสงค์เพื่อขยายเครือข่ายธุรกิจ เพิ่มส่วนแบ่งในตลาดมันฝรั่งแปรรูปที่กำลังเติบโตของเมืองไทย และเสริมสร้างชื่อเสียงของมันฝรั่งทอดของเบลเยียมในประเทศไทยและทั่วภูมิภาค

บริษัททั้ง 5 แห่งนี้เป็นตัวแทนของธุรกิจครอบครัวรายใหญ่ที่สุดของเบลเยียมซึ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์และความเชี่ยวชาญด้านมันฝรั่งที่ครอบคลุมและส่งออกสินค้าในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก การร่วมจัดแสดงสินค้าในงาน THAIFEX 2019 ถือเป็นกิจกรรมหนึ่งในแคมเปญส่งเสริมการขาย 5 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเกิดจากการประสานความร่วมมือกับคณะกรรมการการตลาดเพื่อการเกษตรฟลานเดอร์ส (Flanders Agricultural Marketing Board – VLAM) และ Belgapom ซึ่งเป็นสมาคมอุตสาหกรรมการค้าและการผลิตมันฝรั่งของเบลเยียม

“หลังการจัดแสดงสินค้าทั้งในอินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์มันฝรั่งทอดสู่ประเทศไทยในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในแผนการขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของบริษัท แม้ผลิตภัณฑ์ของเราจะมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่บ้างแล้วในภูมิภาคนี้ หากเราเล็งเห็นถึงโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในการขยายธุรกิจส่งออกและเพิ่มความนิยมต่ออาหารชั้นเลิศประจำชาติเรา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถือเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุดของโลก ด้วยจำนวนชนชั้นกลางที่เพิ่มสูงขึ้น การขยายตัวเมืองที่รวดเร็ว และจำนวนประชากรวัยหนุ่มสาวจำนวนมาก โดยแนวโน้มนี้ รวมถึงมาตรฐานระดับสูงและนวัตกรรมอาหารของเบลเยียม จะเป็นตัวขับเคลื่อนอุปสงค์ต่อสินค้าของเราในภูมิภาคนี้และตลาดอื่น ๆ ให้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอุตสาหกรรมของเราพร้อมตอบสนองความต้องการด้วยแนวทางดั้งเดิม เนื่องจากมันฝรั่งทอดของเบลเยียมมีความแตกต่างจากมันฝรั่งของประเทศอื่นอย่างสิ้นเชิง”

“ประเทศไทยมีชื่อเสียงอย่างมากในฐานะสวรรค์สำหรับนักกิน และผู้บริโภคชาวไทยก็รู้จักและหลงใหลในอาหารคุณภาพดีเป็นอย่างมาก มันฝรั่งทอดของเบลเยียมยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในประเทศไทย ดังนั้น เราจึงรู้สึกตื่นเต้นมากที่มีโอกาสแบ่งปันหนึ่งในอาหารประจำชาติยอดนิยมของเบลเยียมแก่เมืองไทย ด้วยผิวนอกสีเหลืองทองและกรุบกรอบ และสัมผัสเนื้อในที่นุ่มนวล ทำให้มันฝรั่งของเบลเยียมหรือที่เราเรียกกันว่า Frites ถือเป็นอาหารชั้นเลิศที่แท้จริงของประเทศเรา ไม่ว่าจะเสิร์ฟเป็นเครื่องเคียงกับสเต็ก หรือรับประทานเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยคู่กับซ้อสมายองเนสก็อร่อยถูกปากทุกคน”

นายโรเมน กล่าวด้วยว่า กลุ่ม “Belgian Fries” ยังเป็น “พันธมิตรผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของการแข่งขัน “Belgian Fries Back to Basic Dip and Topping Sauce Challenge” และจะเข้าร่วมในรายการแข่งขันทำอาหาร Thailand Ultimate Chef Challenge ด้วยเช่นกัน ประเทศเบลเยียมเป็นผู้ส่งออกมันฝรั่งแช่แข็งรายใหญ่ที่สุดของโลก ผลผลิตของประเทศกว่า 90% ถูกส่งออกสู่ตลาดทั่วโลก เฉพาะในปี ค.ศ. 2018 บริษัทต่าง ๆ ของเบลเยียมสามารถผลิตมันฝรั่งได้ในปริมาณมหาศาลกว่า 5 ล้านตัน

มันฝรั่งทอดของเบลเยียมมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของมรดกด้านอาหารของประเทศ โดยมีร้านค้าและแผงจำหน่ายมากมายในเบลเยียมที่บริการเสิร์ฟอาหารว่างแสนอร่อยเมนูนี้ โดยในความเป็นจริงนั้น ร้านจำหน่ายมันฝรั่งสไตล์เบลเยียมเป็นสิ่งที่เราพบเห็นได้ทั่วเมืองหรือในหมู่บ้าน จนได้รับการยกย่องให้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมอันรุ่มรวยของประเทศจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ “ยูเนสโก” (UNESCO) ซึ่งได้มอบสถานะแหล่งวัฒนธรรมอาหารของเมนูจานนี้แก่ประเทศเบลเยียมในปี ค.ศ. 2014

ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.originalfries.eu หรือ www.jamesbint.be

ชมโฉมสาวงามแนะนำสินค้าทดลองชิมใน THAIFEX 2019


alivesonline.com :
เปิดฉากอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับมหกรรม
งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก “THAIFEX – World of Food ASIA 2019” ซึ่งจัดขึ้นโดย กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ หอการค้าไทย และโคโลญเมสเซ่ ประเทศเยอรมนี บนพื้นที่กว่า 1.31 แสนตารางเมตร ที่ IMPACT Challenger Hall 1-3 และ IMPACT EXHIBITION Hall 5-12 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2562 โดยวันที่ 28–31 พฤษภาคม เวลา 10.00 – 18.00 น. เป็นวันเจรจาธุรกิจ ส่วนวันที่ 1 มิถุนายน เวลา 10.00 – 20.00 น. เป็นวันเจรจาธุรกิจและจำหน่ายปลีก

ภายในงานนอกจากจะมีการจัดแสดงสินค้า เทคโนโลยีและบริการทางด้านอาหารแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ผู้ชมงานได้มาอัปเดตสถานการณ์และเทรนด์ของธุรกิจอาหารที่มีความทันสมัยและมีนวัตกรรมที่น่าสนใจ ผ่านนิทรรศการ การประกวด การสัมมนา และกิจกรรมพิเศษที่น่าสนใจอีกมากมาย

แต่ที่ขาดไม่ได้คงเป็นเหล่าสาวงามประจำบูธต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่แนะนำสินค้ากันอย่างขมีขมันด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมเชื้อเชิญให้ผู้มาร่วมงานได้ลองชิมอาหารและเครื่องดื่มรสเลิศกันอย่างไม่อั้น ทั้งยังได้ชมความงดงามน่ารักพริ้มเพราของพวกเธออย่างไม่รู้อิ่มอีกด้วย..เชื่อหรือยังว่างานเขาดีจริง ๆ

                             

THAIFEX 2019 ถ้าพลาด…ต้องรอถึงปีหน้า!

 

alivesonline.com : THAIFEX – World of Food ASIA 2019” งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก จัดขึ้นโดย กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ หอการค้าไทย และโคโลญเมสเซ่ ประเทศเยอรมนี บนพื้นที่กว่า 1.31 แสนตารางเมตร ที่ IMPACT Challenger Hall 1-3 และ IMPACT EXHIBITION Hall 5-12 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2562 โดยวันที่ 28–31 พฤษภาคม เวลา 10.00 – 18.00 น. เป็นวันเจรจาธุรกิจ ส่วนวันที่ 1 มิถุนายน เวลา 10.00 – 20.00 น. เป็นวันเจรจาธุรกิจและจำหน่ายปลีก

ภายในงานนอกจากจะมีการจัดแสดงสินค้า เทคโนโลยีและบริการทางด้านอาหารแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ผู้ชมงานได้มาอัปเดตสถานการณ์และเทรนด์ของธุรกิจอาหารที่มีความทันสมัยและมีนวัตกรรมที่น่าสนใจ ผ่านนิทรรศการ การประกวด การสัมมนา และกิจกรรมพิเศษที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ

Thailand Ultimate Chef Challenge/Global Chefs Challenge : การจัดแข่งขันทำอาหารและแกะสลัก ตกแต่งอาหารไทยและอาหารนานาชาติ

Innofood Asia Conference : การสัมมนาเกี่ยวกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม

Thailand: Kitchen of the World : กิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์อาหารไทยในการเป็นครัวของโลก เน้นภาพลักษณ์ที่ดีของสินค้าอาหารไทยประเภทต่าง ๆ

Thai SELECT Pavilion : กิจกรรมส่งเสริมผลิตภัณฑ์อาหารไทยสำเร็จรูปและร้านอาหารไทยในต่างประเทศที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai Select พร้อมนำเสนอการสาธิตปรุงอาหารโดยเชฟคนไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลก

Innovation Design Zone : การจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมและการออกแบบในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและส่งเสริมการตลาดในรูปแบบการสาธิต การทดลองชิมอาหารในรูปแบบใหม่เชิงสร้างสรรค์ พร้อมจัดแสดงผลงานการพัฒนาบรรจุภัณฑ์จากโครงการ SMART PACKAGING และจัดกิจกรรม Design Service Society พร้อมการจัดส่วนประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลของเครื่องหมาย T MARK

THAIFEX Trend Halal : จัดแสดงสินค้าพร้อมรายชื่อผู้ประกอบการฮาลาลภายในงาน

DITP Service Center : ให้บริการข้อมูล ให้คำปรึกษาด้านการค้าระหว่างประเทศ รับสมัครสมาชิก thaitrade.com เว็บไซต์การค้าออนไลน์ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ รับสมัครเข้าอบรมหลักสูตรต่าง ๆ ด้านการค้าระหว่างประเทศ

DITP Logistics Pavilion : ให้บริการด้านโลจิสติกส์ครบวงจรทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำหรับ Exhibitors และ Trade Visitors โดยกลุ่มผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ของไทย

60+ Pavilion : นำเสนอผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับผู้บริโภคกลุ่มสูงอายุ ผลิตภัณฑ์ Anti-aging ตลอดจน Functional Food

THAIFEXtaste Innovation Show : พบกับ 50 ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรางวัลนวัตกรรมดีเด่น และนิทรรศการเทรนด์อาหารของโลก

นอกจากนั้น ยังมีกิจกรรมใหม่ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกอีกด้วย ได้แก่ 

NEW FACES : Global – Local Linkage พบกับผู้ประกอบการอาหารที่มีศักยภาพรายใหม่ที่ได้รับการคัดสรรจากพาณิชย์จังหวัดต่าง ๆ รวมกว่า 94 บริษัท

THAIFEXfuture Food Experience : เวทีกิจกรรมพิเศษสำหรับสินค้าอาหารอนาคตและสตาร์ทอัป

Mom and Kids Pavilion : นำเสนอผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับแม่และเด็ก

Explore Thai Tea Masterclass…A Tasting Experience : ชิมชาไทยระดับพรีเมี่ยม

Taste of ASEAN : สัมผัสประสบการณ์และเทรนด์อาหารของอาเซียน

ย้ำอีกครั้ง “THAIFEX – World of Food Asia 2019” จะมีขึ้นจนถึงวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน 2562 เท่านั้น พลาดแล้วต้อรอจนถึงปีหน้า ! ถ้าไม่เชื่อเชิญชมบรรยากาศงานชิมลางกันก่อนได้

[ชมคลิป] คุณพร้อมหรือยัง? เปิดรับประสบการณ์ชมงาน THAIFEX 2019


alivesonline.com :
THAIFEX – World of Food ASIA 2019” งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก นอกจากจะมีการจัดแสดงสินค้า เทคโนโลยีและบริการทางด้านอาหารแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ผู้ชมงานได้มาอัพเดตสถานการณ์และเทรนด์ของธุรกิจอาหารที่มีความทันสมัยและมีนวัตกรรมที่น่าสนใจ ผ่านนิทรรศการ การประกวด การสัมมนา และกิจกรรมพิเศษที่น่าสนใจอีกมากมาย โดยเฉพาะประสบการณ์การทำอาหารไทยผ่านมุมมองของเชฟชื่อดังจากแดนจิงโจ้ เดวิด ทอมป์สัน” ผู้สร้างชื่อจากร้านอาหารไทยชื่อดัง “Nahm” จนคว้ารางวัล 1 ดาวมิชลินมาแล้ว

 

 

[ชมคลิป] เปิดแล้ว THAIFEX 2019 คาดเงินสะพัด 1.15 หมื่นล้านบาท

‘บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์’ (กลาง) อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย ‘กลินท์ สารสิน’ (ซ้าย) ประธานกรรมการหอการค้าไทย และ ‘แมธเธียส คูเปอร์’ (ขวา) กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคโลญเมสเซ่ จำกัด ในพิธีเปิดงาน “THAIFEX – World of Food Asia 2019” งานแสดงสินค้าและเครื่องดื่มระดับนานาชาติที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก ณ ฟอร์เย่ ชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

alivesonline.com : THAIFEX – World of Food ASIA 2019” งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก เปิดอย่างเป็นทางการแล้วบนพื้นที่ยิ่งใหญ่กว่าทุกปี รวม 1.3.1 แสนตารางเมตรที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 28 พ.ค. – 1 มิ.ย.62 เผยผลตอบรับดีเกินคาด ผู้ประกอบการแห่ร่วมแสดงสินค้ากว่า 6 พันคูหา จาก 40 ประเทศ คาดมีผู้ซื้อหลั่งไหลมาชมงานจากทั่วโลกกว่า 1.3 แสนคน จากกว่า 100 ประเทศ พร้อมสร้างมูลค่าการซื้อขาย 1.15 หมื่นล้านบาท

นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า งาน THAIFEX – World of Food Asia ถือเป็นงานแสดงสินค้าและเครื่องดื่มระดับนานาชาติซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 28 และเป็นครั้งที่ 16 ที่ร่วมงานกับออร์แกไนเซอร์งานแสดงสินค้าระดับโลกคือ “โคโลญเมสเซ่” จากประเทศเยอรมนี ความยิ่งใหญ่ของงานนี้ทำให้มีผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มจากทั่วโลกมาร่วมแสดงสินค้าเป็นจำนวนมาก และยังมีผู้ซื้อจากทั่วโลกพร้อมใจกันเดินทางมาร่วมเจรจาธุรกิจ โดยในแต่ละครั้งจะมีมูลค่าการซื้อขายและก่อให้เกิดการส่งออกสินค้าอาหารและเครื่องดื่มมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท

 

สำหรับการจัดงานในปี 2562 นับว่ามีความยิ่งใหญ่ มีความเป็นสากล และมีกิจกรรมที่น่าสนใจกว่าทุกปี ทำให้มีผู้ประกอบการจากทวีปต่าง ๆ อาทิ เอเชียตะวันออก อาเซียน ยุโรป สหรัฐอมริกา ลาตินอเมริกา แอฟริกา รวมกว่า 40 ประเทศ พร้อมใจกันมาจัดแสดงสินค้ามากกว่า 2.7 พันบริษัท เป็นจำนวน 6 พันคูหา มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยมีผู้ลงทะเบียนเข้าชมงานล่วงหน้ากว่า 7.3 พันคน จาก 106 ประเทศ อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลีใต้ จีน ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ อินเดีย เป็นต้น โดยคาดการณ์ว่าตลอดทั้งงานจะมีผู้เข้าชมงานกว่า 1.3 แสนคน มีมูลค่าการซื้อขาย 1.15 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการซื้อขายในวันเจรจาการค้า 11,445 ล้านบาท และการจำหน่ายปลีก 55 ล้านบาท

นางสาวบรรจงจิตต์ กล่าวอีกว่า ภายในงานนอกจากจะมีการจัดแสดงสินค้า เทคโนโลยีและบริการทางด้านอาหารแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ผู้ชมงานได้มาอัพเดตสถานการณ์และเทรนด์ของธุรกิจอาหารที่มีความทันสมัยและมีนวัตกรรมที่น่าสนใจ ผ่านกิจกรรมพิเศษ นิทรรศการ การประกวด และการสัมมนา อาทิ การแข่งขันทำอาหาร การสัมมนาเกี่ยวกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม กิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์อาหารไทยในการเป็นครัวของโลก กิจกรรมส่งเสริมผลิตภัณฑ์อาหารไทยสำเร็จรูปและร้านอาหารไทยในต่างประเทศที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai Select การสาธิตปรุงอาหารโดยเชฟคนไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลก กิจกรรมส่งเสริมนวัตกรรมและการออกแบบในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร การนำเสนอผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับผู้สูงอายุ การแสดงผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรางวัลนวัตกรรมดีเด่น นิทรรศการเทรนด์อาหารของโลก เป็นต้น

“กิจกรรมในปีนี้ยังมีความพิเศษกว่าทุกปีเนื่องจากมีกิจกรรมใหม่ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก อาทิ การจัดแสดงของผู้ประกอบการที่มีศักยภาพรายใหม่ที่ได้รับการคัดสรรจากพาณิชย์จังหวัดกว่า 104 บริษัท กิจกรรมสำหรับสินค้าอาหารอนาคตและสตาร์ทอัป รวมถึงสัมผัสประสบการณ์และเทรนด์อาหารอาเซียน งานนี้จึงเป็นงานที่ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก และผู้สนใจในธุรกิจอาหาร ตลอดจนร้านค้าปลีก-ค้าส่ง ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร และโรงแรม ไม่ควรพลาดที่จะเข้ามาชม” นางสาวบรรจงจิตต์ กล่าวในตอนท้าย

ด้าน นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า เทรนด์ของอุตสาหกรรมอาหารมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน สืบเนื่องจากผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับการเลือกอาหารที่มีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดและเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความตื่นตัวในการผลิตสินค้าที่คำนึงถึงความต้องการในด้านดังกล่าวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้เทรนด์เรื่องเทคโนโลยีและดิจิทัลยังเป็นเรื่องที่ผู้บริโภคสนใจซึ่งขณะนี้ ผู้ประกอบการได้เร่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคมากที่สุด

จากการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจเอสเอ็มอีในอาเซียนพบว่า ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านเทคโนโลยีมากที่สุดในอาเซียน โดยเฉพาะการลงทุนทางด้านซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เช่น แอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือที่พร้อมให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภค ดังนั้นงาน THAIFEX 2019 จึงได้รวบรวมเทรนด์สินค้าอาหารที่อยู่ในกระแสความสนใจมานำเสนอ รวมทั้งมีการสัมมนาให้ความรู้ด้านนวัตกรรมอาหารและเทคโนโลยีที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์อาหารและบริการมีมูลค่าสูงขึ้น

“งานนี้มีเป้าหมายที่จะเป็นสื่อกลางและสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการไทยให้ก้าวไปสู่ระดับสากล โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการนำสินค้าใหม่มานำเสนอแก่ผู้ซื้อที่มีศักยภาพจากทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นโอกาสที่จะได้รวบรวมข้อเสนอแนะจากผู้ซื้อ เพื่อนำไปพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการมากขึ้น จึงกล่าวได้ว่างานนี้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของประเทศไทย เป็นการตอกย้ำการเป็นงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มอันดับหนึ่งในเอเชียสำหรับผู้ซื้อทั้งในภูมิภาคนี้และทั่วโลก” นายกลินท์ กล่าว

ส่วน นายแมธเธียส คูเปอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคโลญเมสเซ่ จำกัด เปิดเผยถึงกิจกรรมการเจรจาธุรกิจภายในงานว่า THAIFEX – World of Food Asia ให้ความสำคัญกับการเจรจาทางธุรกิจเป็นอันดับหนึ่ง โดยในปีนี้ได้เพิ่มช่องทางออนไลน์เพื่อให้เกิดการจับคู่ทางธุรกิจได้สะดวกยิ่งขึ้นและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงให้ความสำคัญกับการบริการ โดยอำนวยความสะดวกในการลงทะเบียนและการเดินทางให้กับผู้ร่วมเจรจาธุรกิจรวมทั้งผู้เข้าร่วมงานทุกคน อาทิ การตั้งตู้รับบัตรเข้างานอัตโนมัติกว่า 20 เครื่องเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ลงทะเบียนล่วงหน้าให้สามารถใช้บริการ Self-Check-in ได้โดยไม่เสียเวลา รวมถึงการจัดทำบัตรสมาชิก THAIFEXclusive สำหรับผู้ที่เข้าชมงานติดต่อกัน 2 ปี ให้สามารถเข้ารับบริการและใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ภายในงาน และไม่ต้องลงทะเบียนเข้าชมงานในครั้งต่อไป นอกจากนี้ ยังมีการอำนวยความสะดวกในด้านการเดินทางทุกรูปแบบ รวมถึงการเดินทางโดยเรือ (Shuttle Boat) ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อให้ผู้เข้าชมงานจากต่างประเทศได้ผ่อนคลายและชื่นชมธรรมชาติและสถานที่สำคัญริมแม่น้ำเจ้าพระยา อีกทั้งยังเป็นการลดปัญหาการจราจรและส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทยด้วย

งาน THAIFEX – World of Food Asia 2019 จัดขึ้นบนพื้นที่กว่า 1.31 แสนตารางเมตร ที่ IMPACT Challenger Hall 1-3 และ IMPACT EXHIBITION Hall 5-12 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2562  โดยวันที่ 28–31 พฤษภาคม เวลา 10.00 – 18.00 น. เป็นวันเจรจาธุรกิจ ส่วนวันที่ 1 มิถุนายน เวลา 10.00 – 20.00 น. เป็นวันเจรจาธุรกิจและจำหน่ายปลีก

พาณิชย์ดึง 20 ร้านอาหารไทยในต่างแดนชมงาน THAIFEX 2019

alivesonline.com : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เร่งเครื่องผลักดัน “ครัวไทยสู่โลก” นำผู้ประกอบการร้านอาหารไทยในต่างแดนที่ได้รับตรา Thai SELECT Premium และ Thai SELECT เข้าชมงาน “THAIFEX – World of Food Asia 2019” หวังสร้างการเจรจาธุรกิจ ต่อยอดขยายการสั่งสินค้าจากผู้ผลิตชาวไทย พร้อมศึกษาดูงานร้านอาหารชั้นนำที่มีเอกลักษณ์ พบปะผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารไทย และร่วมกิจกรรมเวิร์คช้อป เพื่อนำกลับไปปรับใช้ หวังสร้างความยั่งยืนให้อาหารไทยรสชาติไทยแท้ อีกทั้งกระตุ้นให้เกิดการสมัครขอรับตราสัญลักษณ์เพิ่มมากขึ้น

นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศยังคงเดินหน้าผลักดันและส่งเสริมโครงการครัวไทยสู่โลกอย่างต่อเนื่องซึ่งครอบคลุมถึงการพัฒนาและการส่งเสริมสินค้าเกษตร อาหาร ธุรกิจด้านอาหาร และร้านอาหารไทยในต่างประเทศ หนึ่งในแผนงานนั้นคือ โครงการส่งเสริมและพัฒนาร้านอาหารไทยที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT เนื่องจากปัจจุบันมีร้านอาหารไทยในต่างประเทศทั่วโลกมากกว่า 15,000 ร้าน ซึ่งมีทั้งร้านอาหารไทยที่ให้บริการอาหารรสชาติไทยแท้ และร้านอาหารที่กล่าวอ้างว่าเป็นร้านอาหารไทยแต่ให้บริการอาหารของประเทศอื่น หรือให้บริการอาหารไทยที่ไม่ใช่รสชาติไทยอย่างแท้จริง ซึ่งอาจทำให้ภาพลักษณ์ของอาหารไทยและร้านอาหารไทยเสียหายได้ การมอบตราสัญลักษณ์ Thai SELECT จึงเป็นเครื่องมือที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคว่าร้านอาหารไทยที่เลือกรับประทานนั้นมีความเป็นไทยอย่างแท้จริง

ปัจจุบัน มีร้านอาหารไทยในต่างประเทศที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT Premium และ Thai SELECT รวมทั้งสิ้น 1,418 แห่ง ตั้งอยู่ในภูมิภาคอเมริกา 530 แห่ง ยุโรป 362 แห่ง เอเชีย 401 แห่ง แปซิฟิกใต้ 78 แห่ง ตะวันออกกลางและแอฟริกา 47 แห่ง ซึ่งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้จัดกิจกรรมพัฒนาและสนับสนุนผู้ประกอบการด้วยการเชิญผู้ประกอบการร้านอาหาร พ่อครัว แม่ครัว หรือผู้ที่มีอำนาจในการบริหารจัดการร้านในต่างประเทศ จำนวน 20 ร้าน จาก 18 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร ฮังการี เยอรมนี ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ อินโดนีเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จีน และญี่ปุ่น เป็นต้น มาศึกษาดูงานธุรกิจอาหารไทยในประเทศไทย พัฒนาศักยภาพผ่านการเวิร์คช้อปโดยวิทยากรที่มีชื่อเสียง และร่วมเจรจาธุรกิจภายในงาน “THAIFEX – World of Food Asia 2019”

นางสาวบรรจงจิตต์ กล่าวต่อไปว่า กิจกรรมสำคัญภายใต้โครงการนี้ คือการนำผู้ประกอบการร้านอาหารไทยในต่างประเทศเข้าร่วมงาน “THAIFEX – World of Food Asia 2019” นอกจากจะได้เห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมอาหารของไทยแล้ว ยังจะได้มีโอกาสเจรจาการค้ากับผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของไทย รวมถึงเยี่ยมชมคูหา Thai SELECT ซึ่งมีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์อาหารไทยสำเร็จรูปที่มีรสชาติไทยแท้ นอกจากนั้น ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ร่วมกับผู้ที่ประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจร้านอาหารไทยในประเทศไทย ได้ชมการสาธิตการปรุงอาหารไทยโดยเชฟที่มีชื่อเสียงระดับโลก และเยี่ยมชมสถาบันสอนทำอาหาร พร้อมพบปะผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงอาหารไทย ตลอดจนกิจกรรมการจับคู่อาหารไทยกับเครื่องดื่ม และสาธิตการจัดจาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการนำไปประยุกต์ใช้กับร้านอาหารไทยในต่างประเทศต่อไป

“การดำเนินงานโครงการนี้ นอกจากจะเป็นการสร้างเครือข่ายของผู้ประกอบการร้านอาหารไทยในต่างประเทศแล้ว กิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นถือว่าเป็นประโยชน์และประสบการณ์อันดีสำหรับผู้เข้าร่วม นอกจากนั้นยังเป็นการประชาสัมพันธ์ตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น พร้อมส่งเสริมภาพลักษณ์ของอาหารไทยและร้านอาหารไทย และยังเป็นโอกาสในการพบปะเจรจาการค้าระหว่างผู้ประกอบการร้านอาหารกับผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของไทย รวมถึงสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ อุปกรณ์และของตกแต่งบนโต๊ะอาหาร ซึ่งกรมเชื่อมั่นว่าโครงการดังกล่าวจะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวของการส่งออกสินค้าอาหารและบริการอาหารของไทย รักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจอาหารอันดับต้นๆ ของโลกได้ต่อไป” นางสาวบรรจงจิตต์ กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและครบวงจรที่สุดงานหนึ่งของภูมิภาคเอเชียภายใต้ชื่อ “THAIFEX – World of Food Asia 2019” จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 28 พ.ค. – 1 มิ.ย.62 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี บนพื้นที่จัดงานที่ยิ่งใหญ่มากกว่า 1 แสนตารางเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 11 อาคาร เพื่อรองรับผู้เข้าร่วมแสดงสินค้า หรือ Exhibitor กว่า 2,700 ราย รวม 5,800 คูหา จากกว่า 40 ประเทศ โดยคาดว่าจะก่อให้เกิดมูลค่าการซื้อขายมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท

 

แม็คโคร โชว์ศักยภาพ “คู่คิดธุรกิจคุณ” ในงาน ThaiFex 2019

alivesonline.com : บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) โชว์ศักยภาพทางธุรกิจ ตอกย้ำ “คู่คิดธุรกิจคุณ” ในงาน ThaiFex 2019 เป็นครั้งแรก ขนทัพกลุ่มสินค้าเพื่อมืออาชีพ ประกาศศักดาศูนย์รวมวัตถุดิบคุณภาพยืนหนึ่งในไทย พร้อมเปิดตัว MHA “แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี” เปิดคอร์สอบรม รับปรึกษาปัญหาทำธุรกิจร้านอาหาร เติมเต็มสิทธิพิเศษ รวมถึงอัปเกรดเทคโนโลยีสุดล้ำกับ Makro Click บริการซื้อสินค้าออนไลน์เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอาหารอีกมากมาย

นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการตลาด บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีของการทำธุรกิจในประเทศไทย “แม็คโคร” ได้สร้างความเชื่อมั่นในการเป็นคู่คิดธุรกิจให้กับมืออาชีพ ผู้ประกอบการ ด้วยการร่วมโชว์ศักยภาพในงานแสดงสินค้าอาหาร 2562 หรือ ThaiFex – World of Food Asia 2019 ซึ่งจัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หอการค้าไทย และโคโลญเมซเซ่ ภายในพื้นที่ขนาด 108 ตารางเมตร ของ “แม็คโคร” ที่ตั้งอยู่ในบูท VV15 ฮอลล์ 12

การร่วมออกงานครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิดหลักคือ “คู่คิดธุรกิจคุณ” (makro your trusted partner) ซึ่งนำแสดงกลุ่มสินค้าและธุรกิจที่สร้างชื่อเสียงจนเป็นที่ยอมรับ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสินค้าภายใต้แบรนด์ aro, กลุ่มสินค้าเอ็กคลูซีฟ, กลุ่มผลิตภัณฑ์แช่แข็ง, ผักผลไม้สดคุณภาพมาตรฐานปลอดภัย

“ในงานนี้ยังถือเป็นโอกาสอันดีของการเปิดตัว MHA หรือ แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี ซึ่งจะเป็นเครือข่ายสำคัญในการแชร์ประสบการณ์ระดับมืออาชีพที่ แม็คโคร มุ่งหวังให้เป็นศูนย์ในการให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งมีอยู่จำนวนมากในเมืองไทย อีกทั้งยังเปิดรับสมาชิก พร้อมสิทธิพิเศษต่าง ๆ มากมายภายในงานด้วย”

นางศิริพร กล่าวด้วยว่า สำหรับยุค 4.0 แม็คโคร ยังนำเสนอเทคโนโลยีเพื่อผู้ประกอบการผ่านเว็ปไซต์ Makro Click ที่สามารถสั่งซื้อสินค้าได้อย่างรวดเร็วทันใจ โดยภายในงานจะมีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำ พร้อมชอปปิงสินค้าที่ต้องการได้ในทันที

เชิญร่วม “โชว์ ช้อป แชร์” ได้ที่บูทแม็คโคร ( VV15) ฮอลล์ 2  ภายในงานแสดงสินค้าอาหาร 2562  หรือ ThaiFex – World of Food Asia 2019  ระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม –วันที่ 1 มิถุนายน 2562 (วันเจรจาธุรกิจ 28 -31 พฤษภาคม 2562 เวลา 10.00-18.00 น. วันเจรจาธุรกิจและจำหน่ายปลีก วันที่ 1 มิถุนายน 2562 เวลา 10.00-20.00 น.