alivesonline.com : ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ “เจ้าพระยามหานคร” โชว์ผลประกอบการช่วง 9 เดือนแรก ปี 61 มีรายได้กว่า 1.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% คณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติจ่ายเงินปันผล 7 สตางค์ต่อหุ้น วันที่ 30 พ.ย.ศกนี้ เผยไม่ได้ผลกระทบจากนโยบาย LTV ของแบงก์ชาติ เพราะเน้นลูกค้าพักอาศัยเอง เดินหน้าพัฒนาโครงการต่อ 10 แห่ง มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท
นายแพทย์วิเชียร แพทยานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ CMC ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ กล่าวภายหลังพิธีเปิดการซื้อขายหลักทรัพย์วันแรกในตลาดหลักทรัพย์ MAI เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า การนำหุ้น IPO ของบริษัทฯ ราคา 3.00 บาท เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ MAI เป็นวันแรก เชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบสนองที่ดีจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย โดยบริษัทฯ ได้จำหน่ายหุ้น IPO ประมาณ 30% ให้นักลงทุนสถาบันชั้นนำของไทย อาทิ กองทุน MFC และกองทุน KTAM และกลุ่มผู้บริหารได้นำหุ้นเดิม ติดไซเลนท์พีเรียดเต็มโควตา 55% และยืนยันจะไม่ขายหุ้นในส่วนที่ไม่ติดไซเลนท์พีเรียด โดยบริษัทฯ ได้วางแผนการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 10 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีความต้องการซื้อคอนโดมิเนียมสูงขึ้น และเพื่อให้รายได้มีการเติบโตต่อเนื่อง
ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 1,502 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่ 1,058 ล้านบาท และมีกำไรขั้นต้น 633 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึงเท่ากับ 42% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่ 439 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 186 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 165% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่ 70 ล้านบาท ยิ่งกว่านั้นอัตรากำไรสุทธิยังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะคือ เพิ่มกว่าหนึ่งเท่าตัวเป็น 12.03% จาก 5.83%
บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่า ผลประกอบการในปี 2561 จะเติบโตตามเป้าหมาย และเพื่อเป็นของขวัญต้อนรับผู้ถือหุ้นใหม่ที่ให้ความเชื่อมั่นลงทุนในหุ้น IPO ของ CMC คณะกรรมการบริษัทฯ ได้พิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลประกอบการในรอบ 9 เดือนแรกและกำไรสะสม จำนวน 7 สตางค์ต่อหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกราย โดยวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับเงินปันผล (Record Date) คือวันที่ 30 พฤศจิกายน 2561
นายแพทย์วิเชียร กล่าวเสริมว่า บริษัทฯ ไม่ได้ผลกระทบจากนโยบาย LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทยแต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทฯ มุ่งเน้นลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยในราคาขายประมาณ 2-4 ล้านบาท ซึ่งลูกค้ามักจะซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังแรก จึงคาดว่ายอดขายทั้งในปี 2561 และ 2562 จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี 2562 มั่นใจว่าจะมีผลประกอบการที่เติบโตจากการรับรู้รายได้ของโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมโอนและโครงการระหว่างก่อสร้างมูลค่ากว่า 5,538 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ กำลังออกโปรโมชั่นกระตุ้นการขาย
ทั้งนี้ CMC ถือว่าประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยมากว่า 24 ปี มีการดำเนินการที่ครบวงจรครอบคลุมถึงงานก่อสร้าง การผลิตวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างต่าง ๆ อาทิ แผ่นอาคารสำเร็จรูปภายนอก เฟรมกระจกและประตูอลูมิเนียม และผนังอาคารภายใน EPS การผลิตเฟอร์นิเจอร์บิลด์อิน และการจัดหาอุปกรณ์เพื่อใช้และสร้างมูลค่าเพิ่มในโครงการ ทำให้สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในระดับประมาณ 40% ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา