New Issues » “ลาซาด้า” ตั้งเป้าสร้างผู้ค้าออนไลน์ทั่วอาเซียน 8 ล้านรายภายในปี 2030

“ลาซาด้า” ตั้งเป้าสร้างผู้ค้าออนไลน์ทั่วอาเซียน 8 ล้านรายภายในปี 2030

21 พฤศจิกายน 2018
0

alivesonline.com : “ลาซาด้า” หนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เน้นสร้างระบบนิเวศอี-คอมเมิร์ซแบบยั่งยืนและครบวงจร รวมถึงสนับสนุนโครงสร้างด้านเทคโนโลยีและโลจิสติกส์เพื่อประโยชน์ต่อผู้ขาย ผู้บริโภค และชุมชนในท้องถิ่น พร้อมเตรียมขยายโครงการขับเคลื่อนร้านค้าออนไลน์เพื่อสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการกลุ่มผู้หญิง-แม่บ้าน ตั้งเป้าส่งเสริมผู้ประกอบการจำนวน 8 ล้านรายทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในปี 2030

นายเจมส์ ตง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลาซาด้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ลาซาด้า” มีนโยบายสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจสู่ระบบดิจิทัลให้สามารถเข้าถึงผู้กลุ่มผู้บริโภคที่ใช้อินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้ผู้ค้าสามารถสร้างแบรนด์ของตนเองบนแพลตฟอร์มของ “ลาซาด้า” ได้ง่ายขึ้นและใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโลจิสติกส์ของ “ลาซาด้า” เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนถ่ายสินค้าและนำส่งสินค้าสู่ผู้บริโภค โดยมีเป้าหมายส่งเสริมผู้ประกอบการจำนวน 8 ล้านรายทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในปี 2030

หลังจากที่ “ลาซาด้า” ได้ผ่านความท้าทายต่าง ๆ จนสามารถประสบความสำเร็จในการสร้างธุรกิจช่วงยุคตั้งต้นของอี-คอมเมิร์ซ ขณะนี้พร้อมที่จะนำระบบนิเวศทางธุรกิจอันแข็งแกร่งของ “ลาซาด้า” เข้าสู่ยุคแห่งการปรับเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีเป้าหมายหลักในการสร้างแพลตฟอร์มอันเป็นที่เชื่อถือได้ โดยเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงผู้ขายกับผู้บริโภคในภูมิภาคฯ เข้าไว้ด้วยกัน สำหรับการสนับสนุนให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถใช้เทคโนโลยีและโลจิสติกส์ของ “ลาซาด้า” เป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ได้เติบโตขึ้นพร้อมธุรกิจอันยั่งยืนและช่วยผลักดันเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เติบโตในระยะยาว

ในฐานะที่ “ลาซาด้า” เป็นแพลตฟอร์มของการชอปปิ้งและจำหน่ายสินค้าออนไลน์ชั้นนำของภูมิภาค จึงมุ่งมั่นในการสร้างอี-คอมเมิร์ซให้เป็นธุรกิจชั้นแนวหน้าในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล เนื่องจากเห็นว่าธุรกิจเอสเอ็มอีที่แข็งแกร่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการเสริมสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับอี-คอมเมิร์ซทั้งระบบ โดยธุรกิจเอสเอ็มอีเหล่านี้ยังช่วยเปิดศักยภาพและนำพาให้ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก้าวสู่ยุคดิจิทัลด้วย นอกจากนี้ “ลาซาด้า” ยังให้การสนับสนุนให้ผู้ค้าในธุรกิจเอสเอ็มอีให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น โดยได้พัฒนาความคิดริเริ่ม รวมไปถึงเครื่องมือต่าง ๆ ที่เน้นการฝึกอบรวมและส่งเสริมให้ผู้ค้าสามารถดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคและปิดการขายได้มากขึ้น

“ปัจจุบันผู้ค้ายุคใหม่ไม่ได้มองอี-คอมเมิร์ซเป็นเพียงแค่ส่วนเสริมของธุรกิจเท่านั้น แต่มองว่าคือสิ่งจำเป็นในการผลักดันความสำเร็จของธุรกิจ โดยผู้นำในด้านธุรกิจอีคอมเมิร์ซอย่าง ลาซาด้า สามารถเป็นคู่ค้าสำหรับผู้ประกอบการที่มุ่งมั่นในการสร้างธุรกิจให้เติบโตแบบมืออาชีพ ซึ่งการเติบโตของธุรกิจเหล่านี้จะผลักดันระบบนิเวศทางธุรกิจทั้งระบบ”

นายเจมส์ ตง กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในหลาย ๆ ประเทศยังคงเผชิญกับความท้าทายต่างๆ เช่น การพัฒนาการรองรับการชำระเงินออนไลน์ หรืออี-เพย์เม้นท์ (e-Payment) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการเข้าถึงบริการด้านการเงินและการสนับสนุนด้านอื่น ๆ แต่สำหรับในประเทศไทย “ลาซาด้า” ได้ก้าวข้ามผ่านขีดจำกัดดังกล่าว โดยได้จับมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ นำร่องปล่อยสินเชื่อออนไลน์ (Digital Lending) ให้แก่ลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เป็นผู้ขายบน “ลาซาด้า” ด้วยการนำเทคโนโลยี Artificial Intelligence (AI) ที่พัฒนาโดย บริษัท เอสซีบี อบาคัส จำกัด มาใช้พิจารณาปล่อยสินเชื่อให้ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซเป็นแห่งแรกในประเทศไทย เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าให้สามารถทำการขอสินเชื่อออนไลน์ได้ทันทีไม่ต้องขอเอกสารยุ่งยาก สร้างความคล่องตัวทางการเงิน และความสามารถในการขยายธุรกิจให้แก่กลุ่มผู้ค้า “ลาซาด้า” ประเทศไทย

ระบบโลจิสติกส์ยังถือเป็นความท้าทายอีกด้านหนึ่งของผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยข้อจำกัดในด้านผู้ให้บริการซึ่งดำเนินธุรกิจขนาดเล็กและไม่สามารถตอบโจทย์ในทั้งระบบ ทั้งยังมีความแตกต่างทางโครงสร้างด้านการคมนาคมขนส่งภายในภูมิภาคอีกด้วย

จากการวิจัยของ อิโคโนมิสต์ อินเทลลิเจ้นท์ ยูนิต ประจำภูมิภาคเอเชีย หรือ “อีไอยู” (Economist Intelligence Unit : EIU) พบว่า โลจิสติกส์ ถือเป็นหนึ่งในความท้าทายของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะในประเทศที่มีภูมิประเทศเป็นแบบหมู่เกาะ เช่น อินโดนิเซีย และฟิลิปปินส์ โดยผลการวิจัยระบุว่า เครือข่ายถนน ไปจนถึงเครือข่ายค้าปลีกและการกระจายสินค้า เป็นปัจจัยที่มีความเสี่ยงสูงสำหรับบริษัทผู้ประกอบธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ

“สำหรับภูมิภาคที่มีความแตกต่างและหลากหลายเช่นนี้ ข้อมูลและเทคโนโลยีนับเป็นสองปัจจัยหลักที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาประสบการณ์ของผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ โดยผู้ประกอบการที่มีความสามารถในการใช้ข้อมูลเพื่อเข้าถึงรสนิยมของผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่และสามารถสร้างความต้องการของผู้บริโภคขึ้นได้นั้น จะเป็นผู้ที่ผู้ที่อยู่บนเส้นทางแห่งความสำเร็จ”

นายเจมส์ ตง กล่าวด้วยว่า การใช้เครือข่ายโลจิสติกส์ของ “ลาซาด้า” จะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบธุรกิจในด้านการเคลื่อนย้ายสินค้าในแต่ละประเทศ ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการเหล่านี้สามารถเข้าถึงและส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้ในทุกที่ โดยเทคโนโลยีของ “ลาซาด้า” ที่ใช้ระบบสถิติและข้อมูลเชิงลึก จะสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กเชื่อมต่อกับผู้ซื้อสินค้าผ่านเครือข่ายซึ่งไว้ใจได้ นับเป็นการสร้างโอกาสในการต่อยอดธุรกิจและเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพของตลาดผู้บริโภคในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซสามารถเปิดโอกาสให้ชุมชนและผู้ที่มีความสามารถพิเศษในด้านต่าง ๆ มากมาย ผู้ประกอบการรุ่นใหม่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นเพราะสามารถเข้าถึงสื่อประเภทโซเชียลเน็ตเวิร์คและนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้อย่างกว้างขวาง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือความยืดหยุ่นในการประกอบธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ดึงดูดให้กลุ่มผู้หญิงหันมาเป็นผู้ประกอบการธุรกิจอีคอมเมิร์ซมากขึ้น โดยสามารถดูแลธุรกิจไปพร้อม ๆ กับการดูแลครอบครัวที่บ้านได้ในเวลาเดียวกัน

“เมื่อพิจารณาถึงความสำคัญของผู้บริโภคกลุ่มที่เป็นผู้หญิงซึ่งมีส่วนสำคัญในการผลักดันธุรกิจและการพัฒนาเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน เราจึงมองเห็นถึงเหตุผลที่ผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์ซรายใหญ่ ๆ ให้การสนับสนุนบรรดาผู้ประกอบการรายย่อยที่เป็นสุภาพสตรี โดยเฉพาะในธุรกิจสินค้าอี-คอมเมิร์ซประเภทเครื่องสำอางและสินค้าสำหรับเด็ก

ทั้งนี้ ผู้หญิงมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจดิจิตอลเป็นอย่างมาก โดยระบบนิเวศทางอี-คอมเมิร์ซที่สมบูรณ์แบบจะช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจอันแข็งแกร่งสำหรับผู้ประกอบการที่เป็นผู้หญิง และเพื่อเป็นการสนับสนุนกลุ่มสตรีในภูมิภาค “ลาซาด้า” ได้พัฒนาความคิดริเริ่ม อาทิ โครงการ “Mompreneurs” ซึ่งเป็นโปรแกรมฝึกอบรมที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย ช่วยให้สุภาพสตรีที่เป็นแม่บ้านสามารถทำธุรกิจร้านค้าออนไลน์ได้ในขณะที่ยังคงดูแลครอบครัวไปด้วย โดยโปรแกรมนี้ได้ดำเนินการแล้วในประเทศฟิลิปปินส์ และคาดว่าจะขยายสู่ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคนี้ต่อไป