New Issues » [ชมคลิป] แนะนักการตลาดยึดหลัก 5R หัวใจสู่ความสำเร็จ

[ชมคลิป] แนะนักการตลาดยึดหลัก 5R หัวใจสู่ความสำเร็จ

23 พฤศจิกายน 2018
0

alivesonline.com : สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย จัดงานใหญ่ประจำปี Marketing Day 2018 ระดมกูรูด้านการตลาดเผยเคล็ดลับสู่ความสำเร็จ ด้าน นายกสมาคมการตลาดฯ เชื่อเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว ระบุเทรนด์การตลาดใน 1-2 ปีข้างหน้าจะเป็นการเติบโตจากภายในสู่ภายนอก อัพเดตหัวใจการทำธุรกิจยุค Marketpreneurship ผสมผสานหัวใจนักการตลาดกับการเป็นนักวางยุทธศาสตร์ พร้อมมีความยืดหยุ่นฉับไวแบบผู้ประกอบการ เพื่อสร้างสร้างความสำเร็จทางธุรกิจ แนะนักการตลาดยึดกลยุทธ์ “5R” สู่ความสำเร็จ

ในพิธีเปิดงานวันนักการตลาด Marketing Day 2018” ซึ่งจัดโดย สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (MAT)  เมื่อวันที่ 23 พ.ย.61 ณ โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ถ.สุขุมวิท 22 กรุงเทพฯ  นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย กล่าวเปิดงานในหัวข้อ ก้าวสู่โลกการตลาดในน่านน้ำของปลาตัวจริง” ว่า ในปี 2561 ถือเป็นปีที่ธุรกิจไทยเริ่มเห็นโอกาสในการเติบโตจากสภาวะเศรษฐกิจไทยที่เริ่มฟื้นตัว ดังจะเห็นได้ว่าอัตราการเติบโตทางจีดีพีในช่วง 9 เดือนแรกมีการขยายตัวกว่า 4.3% จากการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น 5% ขณะที่มีอัตราการว่างงานลดน้อยลง และลดลงเหลือเพียง 1% ซึ่งต่ำสุดในรอบ 2 ปี ส่วนการลงทุนมีการขยายตัว 3.9% เท่ากับเป็นตัวบ่งชี้เชิงบวกในระยะเริ่มต้น แม้จะมีความท้าทายจากการสภาวะผันผวนทางเศรษฐกิจโลกจากสถานการณ์การเพิ่มการกีดกันทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ทำให้การส่งออกชะลอตัวลงบ้าง แต่ภาพรวมของปี 2561 และปี 2562 ยังมองเห็นโอกาสในการพัฒนาภาคธุรกิจของประเทศไทย แต่นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ และนักการตลาดจะต้องมีการปรับตัวเพื่อตอบรับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น

https://www.facebook.com/alivesonline/videos/1943057402662632/?modal=admin_todo_tour

 

https://www.facebook.com/alivesonline/videos/1959780497424075/?modal=admin_todo_tour

เทรนด์การตลาดใน 1-2 ปีข้างหน้าจะเริ่มเปลี่ยนจาก Globalization เป็น Localization มากขึ้น เป็นการเติบโตจากภายในสู่ภายนอก เพราะธุรกิจภายในประเทศนั้นโอกาสทางจะมีมากขึ้น ผู้ประกอบการภายในประเทศจะมีโอกาสเติบโตมากขึ้น แต่การจะคว้าโอกาสได้นั้นองค์กรต้องมีการปรับตัว เจ้าของกิจการและนักการตลาดจะพึ่งพายอดขายผ่านการสร้างแบรนด์ด้วยโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างเดียวนั้นไม่พออีกต่อไป ดังนั้นบุคลากรในองค์กรจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีปฎิบัติ ขณะที่ผู้ประกอบการรายย่อยที่ถนัดด้านการผลิตก็จะต้องมีหัวใจนักการตลาด พร้อมการเป็นนักวางยุทธศาสตร์มากขึ้น ส่วนองค์กรใหญ่ก็ต้องปรับตัวให้มีความฉับไวและยืดหยุ่นแบบผู้ประกอบการรายย่อย ธุรกิจยุค Marketpreneurship จึงต้องก้าวสู่ความเปลี่ยนแปลงในการทำธุรกิจ รวมถึงนำเทรนด์เทคโนโลยีที่มีประโยชน์มาให้เสริมประสิทธิภาพ

“เทคโนโลยีที่น่าจับตามองในปี 2562 คือ เรื่องของ Connected Cloud, Chatbots, Data Analytic และการนำ Data ไปใช้ รวมถึงเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น IoT, AI, Machine Learning และ Edge Computing สิ่งเหล่านี้จะมีบทบาทเป็นอย่างยิ่งในโลกยุคใหม่และธุรกิจที่เปิดรับและนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพทั้งการผลิตและการตลาด ย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงกว่าองค์กรที่ไม่มีการปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ผู้ชนะในน่านน้ำของการแข่งขันในยุคใหม่ จึงไม่ได้วัดกันที่การเป็น ปลาใหญ่ หรือปลาไว แต่ต้องเป็นปลาที่ใช่ หรือ The Right Fish”

นายอรรถพล กล่าวด้วยว่า หัวใจแห่งความสำเร็จประกอบด้วย “5 ใช่” คือ Right People – Right Product – Right Purpose – Right Approach และ Right Time โดย Right People คือ “คนที่ใช่” ในยุคที่ส่วนแบ่งของตลาดและกลุ่มผู้บริโภคมีการแบ่งย่อยเป็นอย่างมาก แบรนด์ต้องมีความชัดเจนว่าสินค้าและบริการนั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใคร เพราะในโลกยุคปัจจุบัน Mass Marketing หรือ One Size Fit All นั้นเริ่มเลือนหายไป และถูกทดแทนด้วย Personalized Marketing ซึ่งเป็นการตลาดระดับบุคคล ดังนั้น การตั้งโจทย์ที่ถูกต้องต้องเริ่มตั้งแต่การตั้งกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อตอบความต้องการของกลุ่มเป้าหมายให้ได้อย่างตรงจุด

Right Product คือ “สินค้าที่ใช่” เพราะการพัฒนาสินค้าและบริการไม่ได้มาจากความเชี่ยวชาญขององค์กรเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมาจากความต้องการของลูกค้า ในสมัยนี้ไม่ใช่ว่าแค่ผลิตสินค้าดีมีคุณภาพแล้วคนจะหลั่งไหลมาซื้อ แต่นอกจากดีแล้วยังต้องโดนอีกด้วยคือ สินค้าที่ใช่นั้นต้องโดนใจและตอบโจทย์ในการแก้ปัญหาในชีวิตของลูกค้า ดังนั้นแบรนด์จึงต้องใกล้ชิดกับผู้บริโภคให้มากขึ้นและทำความเข้าใจกับความต้องการของพวกเขาให้ได้อย่างถ่องแท้

Right Purpose คือ “วัตถุประสงค์ที่ใช่” เนื่องจากเราอยู่ในยุคที่เรื่องของ Shared Purpose เป็นเรื่องสำคัญ เพราะผู้บริโภคมีทางเลือกมากมาย ความชอบและการเลือกซื้อเป็นระดับบุคคลมากขึ้น ผู้บริโภคจึงมองหาแบรนด์ที่เป็นเหมือนเพื่อนของเขา คิดอะไรเหมือนกัน มีความเชื่อและมีจุดหมายในชีวิตที่เหมือนกัน ดังนั้นแบรนด์ที่มีวัตถุประสงค์ที่ยิ่งใหญ่มากกว่าแค่การขายสินค้าและบริการจึงมักเป็นแบรนด์ที่ถูกเลือก โดยแบรนด์เหล่านี้ต้องพิสูจน์ความตั้งใจดีด้วยการกระทำ ดังนั้นเรื่องของความรับผิดชอบทางสังคม หรือ CSR จึงไม่ใช่แค่กิจกรรมชั่วคราว แต่ถูกฝังลงไปในขั้นตอนและแนวคิดของสินค้าด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกซื้อและเลือกแนะนำของลูกค้าเป็นอย่างมาก

Right Approach & Right Time “ถูกวิธี ถูกที่” และ “ถูกเวลา” ในยุคที่ผู้บริโภคเป็นใหญ่ แบรนด์ต้องสร้างความเข้าใจใน Customer Journey และเข้าให้ถึงผู้บริโภคให้ ถูกวิธี ถูกที่ และถูกเวลา โดยไม่มีเส้นกั้นระหว่าง Online และ Offline อีกต่อไป ทั้งการสื่อสาร ช่องทางการขาย และการเชื่อมโยงข้อมูลของลูกค้า ทุกอย่างต้องถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน โดยเจ้าของกิจการและนักการตลาดต้องมองภาพใหญ่ให้ชัดเจนเป็นหนึ่งเดียว รวมถึงการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลจากช่องทางต่าง ๆ จะมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อความสำเร็จ

“สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเป็นหัวใจสำคัญที่เจ้าของกิจการและนักการตลาดจะต้องปรับตัว โดยนำแนวคิด 5 Rights ไปปรับใช้ พร้อมเปิดรับแนวทางของ Marketpreneurship โดยผสมผสานหัวใจนักการตลาดกับความเป็นผู้ประกอบการ เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จไปด้วยกัน” นายอรรถพล กล่าวในตอนท้าย