Variety » รพ.กรุงเทพ แนะเสริมสร้างพัฒนาการและดูแลฟัน “เด็ก” วัย 1-4 ปี

รพ.กรุงเทพ แนะเสริมสร้างพัฒนาการและดูแลฟัน “เด็ก” วัย 1-4 ปี

6 ธันวาคม 2018
0

alivesonline.com : เด็ก…ต้องการการดูแลที่ใกล้ชิด เพื่อความสมบูรณ์พร้อมทั้งร่างกาย อารมณ์ จิตใจ พัฒนาการ และพฤติกรรม ผู้ปกครองและคนใกล้ชิดควรใส่ใจดูแลสุขภาพเด็กตั้งแต่วันนี้ เพื่อเตรียมพร้อมให้เด็กในวันนี้เป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรงขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะเรื่องของ “สุขภาพฟัน” ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญและไม่ควรละเลย

นพ.พรเทพ สวนดอก (ซ้าย) กุมารแพทย์ โรงพยาบาลกรุงเทพ และ ทพญ.ดาราวรรณ หอมรสสุคนธ์ (ขวา) ทันตแพทย์เด็ก โรงพยาบาลกรุงเทพ

นพ.พรเทพ สวนดอก กุมารแพทย์ โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า เด็กมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละระยะเป็นลักษณะเฉพาะ พัฒนาการ 4 ด้านของเด็ก ได้แก่ การศึกษาปฐมวัย เป็นการศึกษาเด็กอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีและเรียนรู้เกี่ยวกับพัฒนาการเด็กความต้องการของเด็ก สอนให้เด็กเกิดความคิดสร้างสรรค์ฝึกพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน เช่น พัฒนาการทางร่างกาย พัฒนาการทางด้านสังคม พัฒนาการทางด้านอารมณ์ และพัฒนาการทางด้านจิตใจ

เด็กจะเจริญเติบโตตั้งแต่อยู่ในครรภ์กระทั่งหลังคลอด โดยร่างกายและสมองจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 0-6 ปีแรกของชีวิต ขบวนการที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคือ การเจริญเติบโตและพัฒนาการ หมายถึง กระบวนการเปลี่ยนแปลงด้านวุฒิภาวะ (Maturity) ของอวัยวะระบบต่าง ๆ และตัวบุคคล ทำให้เพิ่มความสามารถของบุคคลในการทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำสิ่งที่ยากและซับซ้อนยิ่งขึ้นได้ ตลอดจนการเพิ่มทักษะและความสามารถในการปรับตัวในภาวะใหม่ของบุคคล

สำหรับพัฒนาการของเด็กแบ่งออกเป็น 4 ด้านคือ

1.พัฒนาการด้านร่างกาย การบังคับกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น ชอบปีนป่ายเตะบอล สามารถขี่รถจักรยานสามล้อได้

2.พัฒนาการด้านสติปัญญา เด็กสามารถที่จะใช้สัญลักษณ์แทนวัตถุและสถานที่ได้ มีทักษะการใช้ภาษาอธิบายสิ่งต่าง ๆ ได้ สามารถที่จะอธิบายประสบการณ์ของตนได้ โดยเด็กในวัยนี้สามารถที่จะวาดภาพพจน์ในใจได้ รวมถึงการใช้ความคิด หรือสร้างจินตนาการและการประดิษฐ์ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของเด็กในวัยนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณครูส่งเสริมให้เด็กใช้การคิดประดิษฐ์ในการเล่าเรื่องหรือการวาดภาพก็จะช่วยพัฒนาการด้านนี้ของเด็กได้มากยิ่งขึ้น

3.พัฒนาการด้านอารมณ์ เด็กในวัยนี้เริ่มมีลักษณะอารมณ์แบบผู้ใหญ่คือ โกรธ อิจฉา กังวล ก้าวร้าว พอใจ เป็นต้น

4.พัฒนาการด้านสังคม เด็กจะสามารถช่วยเหลือตนเองได้ดีขึ้น อาบน้ำ แต่งตัว ใส่รองเท้าเอง บอกเวลาขับถ่าย เข้าห้องน้ำเองและทำความสะอาดหลังขับถ่ายเองได้ ทั้งนี้ เด็กต้องเรียนรู้ที่จะปฏิบัติตัว เพื่อให้สังคมยอมรับและทำตัวให้เข้ากลุ่มได้

ส่วนพัฒนาการของเด็กวัย 1-4 ปี ได้แก่

วัย 1 ปี เริ่มพูดเป็นคำที่มีความหมาย เช่น พ่อ แม่ เลียนเสียง ท่าทางและเสียงพูดได้

วัย 1 ปี 3 เดือน ชี้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายตามคำบอก ดื่มน้ำจากถ้วย

วัย 1 ปี 6 เดือน เริ่มเดินได้คล่อง รู้จักขอ และทำตามคำสั่งง่าย ๆ ได้

วัย 1 ปี 8 เดือน พูดแสดงความต้องการ พูด 2-3 คำติดต่อกัน เริ่มพูดโต้ตอบ

วัย 2 ปี สามารถเรียกชื่อสิ่งต่าง ๆ และคนที่คุ้นเคย ตักอาหารกินเอง

วัย 2 ปี 6 เดือน ซักถาม พูดคำคล้องจอง เลียนแบบท่าทาง หัดแปรงฟัน

วัย 3 ปี บอกชื่อและเพศตนเองได้ รู้จักให้และรับ รู้จักรอ

วัย 4 ปี เริ่มซักถามคำว่า “ทำไม” สามารถล้างหน้า แปรงฟันได้เอง บอกขนาด ใหญ่ เล็ก ยาว-สั้น และเล่นรวมกับคนอื่นโดยรอตามลำดับก่อนหลังได้

สิ่งที่ควบคู่ไปพร้อม ๆ กับพัฒนาการทางด้านร่างกายและจิตคือ “สุขภาพของเด็ก” โดยเฉพาะย่างยิ่ง “สุขภาพฟัน” เพราะ “โรคฟันผุในเด็กเล็ก” มักเกิดขึ้นได้เพราะเด็กกับขนมหวานเป็นสิ่งที่เลี่ยงได้ยาก จนส่งผลให้โรคฟันผุถือเป็นโรคติดเชื้อที่พบมากในประชากรเด็กไทย !

 

ทพญ.ดาราวรรณ หอมรสสุคนธ์ ทันตแพทย์เด็ก โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวเพิ่มเติมว่า หน้าที่ของ “ฟันน้ำนม” ใช้เพื่อบดเคี้ยวอาหาร ให้ความสวยงามและความมั่นใจให้แก่เด็ก สร้างรอยยิ้มและความประทับใจให้แก่ผู้พบเห็น ช่วยในการออกเสียงที่ไพเราะ และที่สำคัญคือ ช่วยเก็บที่ให้ “ฟันแท้” ที่จะขึ้นมาในวันข้างหน้า ในช่วงวัยเด็กเล็กที่มีการเจริญเติบโตและพัฒนาการของร่างกาย พร้อม ๆ กับการเจริญเติบโตของฟันและขากรรไกร ควรมีการกระตุ้นพัฒนาการของลูกน้อยไปด้วยกัน ควรแยกเวลาดื่มนมและเวลานอนออกจากกัน ซึ่งเด็กมีโอกาสฟันผุมากขึ้นหากปล่อยให้เด็กดูดนมหลับคาอก หรือหลับคาขวด หรือตื่นขึ้นมาดื่มนมในเวลากลางคืน ไม่แนะนำให้ใช้เครื่องดื่มรสหวานใส่ขวดนม หรือใช้นมปรุงแต่งรส น้ำหวาน น้ำผลไม้ เพราะจะทำให้ฟันผุลุกลามอย่างรวดเร็ว

จากผลสำรวจสภาวะทันตสุขภาพแห่งชาติในปี 2560 พบว่า กว่า 50% ของเด็กไทยมีฟันผุก่อนเข้าชั้นอนุบาล ทั้งนี้ โรคฟันผุมีผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของลูกน้อย โดยฟันน้ำนมซี่แรกจะขึ้นเมื่อเด็กอายุประมาณ 6-7เดือน เด็กแต่ละคนมีฟันซี่แรกอาจขึ้นเร็ว หรือช้าต่างกัน บางคนมีฟันซี่แรกอาจจะขึ้นตั้งแต่ 3 เดือน หรือบางคนฟันซี่แรกอาจขึ้นหลังจากอายุครบ 1 ขวบปีไปแล้ว แต่ไม่พบบ่อยนัก

การขึ้นของฟันน้ำนมมักจะเริ่มจากฟันหน้าล่างแล้วขึ้นไปที่ฟันหน้าบน ทยอยขึ้นจนมีฟันน้ำนมครบ 20 ซี่เมื่ออายุประมาณ 2 ขวบครึ่งถึง 3 ขวบ ในช่วง1-4 ปีจึงเป็นช่วงสำคัญในการวางรากฐานสุขภาพช่องปากที่ดีสำหรับลูกน้อย เริ่มต้นการรักษาสุขภาพช่องปากตั้งแต่ฟันซี่แรกขึ้นโดยแนะนำให้มีการทำความสะอาดฟันและช่องปากร่วมกับการพบทันตแพทย์สำหรับเด็กตั้งแต่ฟันซี่แรกขึ้น หรือไม่เกิน 6 เดือนหลังฟันซี่แรกขึ้น

“โรคฟันผุ” เป็นโรคติดเชื้อที่พบได้ง่ายที่สุด มักเกิดจากเชื้อโรคกลุ่ม Strep Mutans ซึ่งมีการใช้น้ำตาลแล้วผลิตเป็นกรด ทำให้เกิดมีการสูญเสียแร่ธาตุของโครงสร้างฟัน เชื้อโรคกลุ่มใหญ่นี้พบได้ทั้งในช่องปากตั้งแต่ฟันยังไม่ขึ้นและส่งต่อได้จากแม่ แต่โรคฟันผุก็สามารถป้องกันได้หากผู้ปกครองได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากทันตแพทย์ โดยแนะนำให้พบทันตแพทย์ครั้งแรกเมื่อเด็กมีอายุครบ 1 ขวบ โดยทันตแพทย์จะทำการประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุของเด็ก รวมถึงพิจารณาการใช้ฟลูออไรด์ที่เหมาะสมในการให้ฟลูออไรด์เสริมตามความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุ

ทันตแพทย์ยังจะสอนวิธีทำความสะอาดช่องปากและฟัน เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถได้ฝึกปฏิบัติจริงในเด็ก แนะนำการใช้เลือกใช้แปรงสีฟันและยาสีฟันที่เหมาะสม โดยในเด็กเล็กแนะนำให้ใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในปริมาณน้อยไม่เกินหนึ่งเม็ดข้าวสารแล้วใช้ผ้าสะอาดช่วยเช็คฟองออกเพื่อป้องกันการกลืนยาสีฟันในเด็ก การรับประทานอาหารระหว่างมื้อ ไม่ควรเกิน 2 ครั้งต่อวัน หลีกเลี่ยงการให้ขนมกรุบกรอบ ขนมถุง ลูกอม เยลลี่ น้ำหวาน น้ำอัดลม ฝึกรับประทานอาหารให้เป็นเวลา ในช่วงนี้ต้องประเมินว่า เด็กมีนิสัย ติดจุกนมปลอม ดูดนิ้ว เม้ม หรือกัดริมฝีปาก-กัดเล็บหรือไม่ ถ้ามีควรเข้ารับการปรึกษาจากทันตแพทย์เพื่อแนะนำการปรับเปลี่ยนนิสัยดังกล่าว

การตรวจฟันครั้งแรกก็เหมือนกับการพาลูกไปฉีดวัคซีนและดูพัฒนาการด้านการเจริญเติบโตของลูกน้อยกับกุมารแพทย์ โดยทันตแพทย์จะให้คำปรึกษาแนะนำผู้ปกครอง ผู้ดูแลเด็ก ในการดูแลสุขภาพช่องปากเป็นรายบุคคล เพื่อให้ลูกน้อยมี “สุขภาพฟัน” ที่แข็งแรงและให้มี “ฟันสวย” ยิ้มใสตลอดอายุการใช้งานของฟัน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ทันตกรรมเด็ก Call Center โทร.1719