alivesonline.com : สมาคมส่งเสริมธุรกิจการจัดอินเซนทิฟระดับโลก เลือกไทยจัดประชุมใหญ่ครั้งแรกในรอบหลายสิบปี หลังเห็นศักยภาพรอบด้าน ทั้งภาพลักษณ์ของประเทศ การพัฒนาเมืองรอง ความปลอดภัย และการขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยี ด้าน “ทีเส็บ” เผยตลาดอินเซนทิฟไทยในปี 2561 มีนักเดินทางต่างประเทศสูงสุดในรอบ 14 ปี รวมกว่า 3.6 แสนราย ทำรายได้สูงสุดในรอบ 7 ปี คิดเป็นจำนวนเงิน 2 หมื่นล้านบาท เผยจุดหมายปลายทางการจัดงานที่ กรุงเทพฯ พัทยา และภูเก็ต
นายฟิลลิป อายส์วอด ประธานสมาคมส่งเสริมธุรกิจการจัดอินเซนทิฟระดับโลก (The Society for Incentive Travel Excellence : SITE) เปิดเผยว่า SITE เป็นสมาคมที่ดำเนินงานเกี่ยวกับธุรกิจการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล หรืออินเซนทิฟ (Incentive) ที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลก มีประสบการณ์ยาวนานถึง 50 ปี โดยเชี่ยวชาญด้านการออกแบบและนำเสนอประสบการณ์สำหรับการจัดประชุมและเดินทางเพื่อเป็นรางวัล มีจำนวนสมาชิก 2,480 ราย จากสมาชิก 84 ประเทศ และมีเครือข่ายสาขาในลักษณะ Chapter ของสมาชิกในภูมิภาคเดียวกันจำนวน 29 กลุ่มจากทั่วโลก จึงถือว่ามีบทบาทในการสร้างเครือข่ายและพัฒนาธุรกิจ นำเสนอหลักสูตรการศึกษาเพื่อผู้ประกอบการ สร้างเครือข่ายพันธมิตรเพื่อแบ่งปันข้อมูลจากทั่วโลก จัดทำงานวิจัยที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับอุตสาหกรรม ตลอดจนสนับสนุนพร้อมผลักดันในระดับนโยบาย
สำหรับเทรนด์โลกของธุรกิจการจัดงานอินเซนทิฟ หรือการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลมีการเติบโตเร็วที่สุดและมีค่าใช้จ่ายต่อคนสูงที่สุดจากทุกกลุ่มของอุตสาหกรรมไมซ์ โดยนักเดินทางกลุ่มอินเซนทิฟส่วนใหญ่จะเดินทางอยู่ในภูมิภาคเดียวกัน เพราะเสน่ห์ของจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดนักเดินทางกลุ่มอินเซนทิฟ ได้แก่ ภาพลักษณ์ชื่อเสียงของประเทศ และแบรนด์ของเมืองหรือจังหวัดเป็นสิ่งสำคัญ โดยเน้นการพัฒนาเมืองรองเป็นจุดหมายปลายทางใหม่เพื่อตอบโจทย์นักเดินทาง รวมถึงมีความนิยมในกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ความปลอดภัยยังเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด ขณะที่เทคโนโลยีคือปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญเช่นกัน
ด้านภาพรวมแนวโน้มของประเทศไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการจัดอินเซนทิฟ นับว่ามีแนวโน้มที่ดีมาก เนื่องจากไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านการจัดอินเซนทิฟที่สมบูรณ์แบบ มีเสน่ห์มากมาย เดินทางเข้าถึงได้ง่าย มีโรงแรมที่พักและสถานที่จัดงานระดับห้าดาว มีรากฐานวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์หยั่งลึก และอาหารการกินที่มีชื่อเสียงเป็นเอกลักษณ์
นายฟิลลิป กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นในฐานะหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำคัญด้านการจัดอินเซนทิฟของเอเชีย จึงได้รับเลือกให้จัดงานประชุมใหญ่ของสมาคมในครั้งนี้คือ การประชุมใหญ่ “SITE2019 Global Conference” ภายใต้คอนเซปต์งานคือ “Incentivising Diversity & Innovation” เมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา ณ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ โดยสมาคม SITE ได้มีการนำเสนอจุดเด่นของกรุงเทพฯ ในด้านความร่วมสมัยของเมืองและวัฒนธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่วงการอินเซนทิฟกําลังมองหาเพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้เข้าร่วมประชุม
“SITE2019 Global Conference” เป็นงานประชุมประจำปีของผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมอินเซนทิฟระดับมืออาชีพจากทั่วโลกหลายภาคส่วน อาทิ Incentive Planner, Corporate Buyer, Incentive House, DMC, Convention Bureau, Tourism Bureau, สายการบิน, ศูนย์ประชุม, โรงแรม และบริษัทเดินเรือสำราญ เป็นต้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเวทีของการสร้างเครือข่ายธุรกิจอุตสาหกรรมอินเซนทิฟและใช้เป็นเวทีขับเคลื่อนส่งเสริมการศึกษา ความรู้ แนวคิดใหม่ตลอดจนพัฒนาการใหม่ ๆ เพื่อความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมต่อไป
นายฟิลลิป กล่าวอีกว่า ในส่วนของกิจกรรมที่เกิดขึ้นในงาน “SITE2019 Global Conference” มีมากมาย อาทิ การสัมมนาให้ความรู้ในหัวข้อ บลอกเชน คริปโตเคอเรนซีกับการดำเนินธุรกิจอินเซนทิฟ, การเรียนรู้ข้อกังวลของลูกค้าเพื่อนำมาพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ในการจัดงานที่ตอบโจทย์ลูกค้า, การขาย การตลาดในวงการอินเซนทิฟ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานระหว่างผู้ประชุม, การเรียนรู้การก้าวทันแนวโน้มใหม่ ๆ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีโปรแกรมด้านการศึกษา ได้แก่ Certified Incentive Specialists (CIS) สำหรับผู้เริ่มต้น และ Certified Incentive Travel Professional (CITP) สำหรับผู้ทำงานในวงการมาอย่างน้อย 5 ปี โดยโปรแกรมสำคัญคือการศึกษาเชิงสร้างสรรค์นอกสถานที่ หรือ “Cultural & Creative Immersion” เพื่อให้มีประสบการณ์ตรงกับแนวคิด สถานที่ กิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ที่หลากหลายในกรุงเทพฯ ซึ่งสามารถตอบโจทย์สร้างแรงบันดาลใจในการใช้ความหลากหลายสร้างความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ไม่ว่าจะเป็น workshop จากงานศิลป์ที่ Soy Sauce Factory การดูงานพัฒนาความสร้างสรรค์เชิงศิลป์ ณ Warehouse 30 และ Thailand Creativity and Design Center (TCDC)
-
“ไทย” เป็นเจ้าภาพในอาเซียนในรอบหลายสิบปี
ด้าน นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” เปิดเผยว่า การประชุมใหญ่ของสมาคม SITE ครั้งนี้ถือเป็นการกลับมาจัดในอาเซียนอีกครั้งในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา โดยการที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพการจัดประชุมใหญ่ครั้งนี้ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศใน 4 ด้านหลักด้วยกัน คือ 1.การสร้างความเชื่อมั่นจากประชาคมโลกถึงศักยภาพความพร้อมของไทยในการก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมอินเซนทิฟในระดับภูมิภาคและการเพิ่มจำนวนงานอินเซนทิฟระดับโลกเข้าสู่ประเทศไทย 2.การกระตุ้นอุตสาหกรรมอินเซนทิฟในระดับภูมิภาคอาเซียนให้เติบโต 3.การสร้างแรงบันดาลใจและผลักดันบุคลากรในวงการอินเซนทิฟให้ตื่นตัวและมีการพัฒนาต่อเนื่องอยู่เสมอ 4.การสร้างโอกาสให้กับอุตสาหกรรมอินเซนทิฟไทยได้แสดงศักยภาพด้านวัฒนธรรมที่หลากหลายและนวัตกรรมภูมิปัญญาสร้างสรรค์ของประเทศสู่สายตาผู้เชี่ยวชาญด้านอินเซนทิฟจากทั่วโลก (Incentive Professional) ที่จะเข้าร่วมงานกว่า 300 ราย โดยคาดว่าจะสร้างรายได้ให้ระบบเศรษฐกิจไทยได้กว่า 25 ล้านบาท
บทบาทของ “ทีเส็บ” ในครั้งนี้ได้ดำเนินตามแนวการทำงานภายใต้แบรนด์ไมซ์ไทย THAILAND : Redefine Your Business Events ในฐานะของ Co-Creator ผู้ร่วมประมูลสิทธิ์การจัดงานประชุมใหญ่ของมืออาชีพด้านอินเซนทิฟจากทั่วโลกมาพบปะแลกเปลี่ยนหารือการทำธุรกิจร่วมกันในอนาคต ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับหน่วยงานภาครัฐและผู้ประกอบการภาคเอกชนในการสร้างทีมคณะทำงานเจ้าภาพ เช่น กรุงเทพมหานคร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) การบินไทย และสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) ขณะเดียวกันยังเป็น Collaborator สร้างความร่วมมือกับพันธมิตรในการอำนวยความสะดวกการจัดงาน อาทิ การบริการไมซ์เลนช่องทางพิเศษ ประสานเรื่องสถานที่จัดงานและที่พัก ตลอดจนเป็น Thought Leader ผู้นำสร้างสรรค์การนำเสนอวัฒนธรรมและนวัตกรรมให้วงการอินเซนทิฟไทยและระดับนานาชาติ
นอกจากนี้ ยังทำให้ได้มองเห็นช่องทางของการพัฒนาแนวคิด สินค้า หรือบริการใหม่เพื่อตอบสนองนักเดินทางเป้าหมายในอนาคต ขณะเดียวกันยังนำเสนอกิจกรรมก่อน-หลังการประชุมที่ให้ผู้เข้าประชุมได้เรียนรู้วัฒนธรรมไทยและชีวิตความเป็นอยู่ของไทยริมแม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจากเป็นที่ตั้งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ รวมถึงเป็นที่ตั้งของสถานที่จัดงานและศูนย์การค้าสมัยใหม่ จึงเหมาะสมกับการเป็นสถานที่จัดงานให้ผู้เข้าประชุมเห็นภาพประเทศไทยทั้งในแง่ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และพัฒนาการที่ก้าวทันโลกสมัยใหม่ไปพร้อมกัน
“สำหรับกิจกรรมก่อนการประชุมที่ ทีเส็บ นำเสนอให้แก่ผู้เข้าร่วมงานผ่านกิจกรรม Bangkok Discovery Tour คือ การเยี่ยมชมตลาดยอดพิมาน เรียนรู้การพับดอกไม้ วัดโพธิ์ เรียนรู้ศาสตร์การนวดแผนไทยพื้นฐาน และการทำลูกประคบที่สามารถจัดเป็นกิจกรรมสำหรับการจัดงานอินเซนทิฟในอนาคตได้”
นายจิรุตถ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทีเส็บ” ยังได้ร่วมมือกับสมาคม SITE จัดหลักสูตรอบรมเพื่อเรียนรู้การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอินเซนทิฟ (Incentive Specialist) หรือ Certified Incentive Specialists (CIS) เพื่ออบรมเบื้องต้นและสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์แนวทางการออกแบบโปรแกรมอินเซนทิฟที่สามารถกระตุ้นจูงใจผู้ร่วมงานให้พัฒนาตนเอง พัฒนาอาชีพ เรียนรู้การตลาดและห่วงโซ่ของธุรกิจอินเซนทิฟ โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมอบรมถึง 60 ราย จากฮ่องกง มาเลเซีย สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา และไทย โดยปัจจุบันมีคนไทยผ่านการอบรม CIS สูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียรวมถึง 68 คน ตอกย้ำศักยภาพบุคลากรด้านอินเซนทิฟที่มีมาตรฐานนานาชาติของประเทศไทย
สำหรับตลาดอินเซนทิฟไทยในปีที่ผ่านมา 2561 (สิ้นสุดปีงบประมาณเดือนกันยายน 2561) มีจำนวนนักเดินทางจากต่างประเทศทั้งสิ้น 369,370 ราย เติบโตร้อยละ 35.90 (สูงที่สุดในรอบ 14 ปี) มีรายได้รวม 20,670 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 23.80 (สูงที่สุดในรอบ 7 ปี) โดยกลุ่มนักเดินทาง 10 อันดับแรกที่มีจำนวนสูงสุดได้แก่ จีน 79,121 ราย อินเดีย 65,717 ราย มาเลเซีย 32,980 ราย เวียดนาม 26,046 ราย ฟิลิปปินส์ 22,025 ราย เกาหลีใต้ 17,596 ราย อินโดนีเซีย 16,164 ราย สิงคโปร์ 14,596 ราย ญี่ปุ่น 13,187 ราย และ สปป. ลาว 13,157 ราย โดยมีจุดหมายปลายทางของการจัดงานที่ กรุงเทพฯ พัทยา และภูเก็ต ตามลำดับ ส่วนกิจกรรมที่ได้รับความนิยม ได้แก่ การนัดหมายประชุมทางธุรกิจล่วงหน้า การนำเที่ยวก่อนการประชุม และงานแสดงวัฒนธรรม
ในปี 2562 “ทีเส็บ” ได้เตรียมแคมเปญสนับสนุนธุรกิจอินเซนทิฟภายใต้แนวคิด “MEET BY DESIGN – Redefined” เพื่อดึงดูดกลุ่มอินเซนทิฟจากต่างประเทศให้มาจัดงานในประเทศไทย โดยปรับแนวทางการสนับสนุนให้สอดคล้องกับตลาดเป้าหมาย ทั้งตลาดยุโรป อเมริกา โอเชียเนีย ญี่ปุ่น สาธารณรัฐประชาชนชนจีน อินเดียและกลุ่มประเทศอาเซียน โดยประมาณการว่า ในปี 2562 จะมีนักเดินทางกลุ่มอินเซนทีฟจากต่างประเทศมายังประเทศไทยจำนวน 388,000 ราย และสร้างรายได้ 21,700 ล้านบาท
“จากภาพรวมตลาดอินเซนทิฟของไทยที่มีแนวโน้มดีมาก ประกอบกับมีจำนวนผู้ดำเนินงานมืออาชีพระดับนานาชาติในอุตสาหกรรมอินเซนทิฟจากประเทศไทยที่เป็นสมาชิกสมาคม SITE ถึง 23 ราย ส่งผลให้มีการจัดตั้งสมาคม SITE สาขาประเทศไทยขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางการสร้างเครือข่ายธุรกิจอินเซนทิฟระดับนานาชาติ โดยกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมดำเนินงานจัดกิจกรรมส่งเสริมธุรกิจอินเซนทิฟสำหรับกลุ่มสมาชิกในภูมิภาคเดียวกัน โดยจะมีการประกาศการจัดตั้งสมาคม SITE สาขาประเทศไทยอย่างเป็นทางการภายในงาน SITE2019 Global Conference โดย “ทีเส็บ” เป็นแกนนำให้การสนับสนุนและร่วมประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนจนประสบความสำเร็จในการก่อตั้งสมาคม SITE สาขาประเทศไทยขึ้นเป็นประเทศแรกในอาเซียน ตอกย้ำภาพลักษณ์ไทยในฐานะจุดหมายปลายทางระดับโลกของการจัดอินเซนทิฟในระดับนานาชาติ” นายจิรุตถ์ กล่าวในตอนท้าย