New Issues » “เฮเฟเล่ ประเทศไทย” ปลื้มทำยอดขายติดอันดับ 3 ของโลก

“เฮเฟเล่ ประเทศไทย” ปลื้มทำยอดขายติดอันดับ 3 ของโลก

1 กุมภาพันธ์ 2019
0

alivesonline.com : “เฮเฟเล่ ประเทศไทย” ตั้งเป้าปี 62 กวาดรายได้ 4 พันล้านบาท หลังทำยอดขาย 3.7 พันล้านบาทในปี 61 ขึ้นแท่นอันดับ 1 ของเอเชียและอันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ มั่นใจทิศทางตลาดอสังหาฯ ไทยยังเป็นบวก เตรียมใช้งบฯ 700-800 ล้านบาท ลงทุนด้านเทคโนโลยี-การจัดการ-ขยายคลังสินค้า พร้อมใช้งบฯ การตลาด 3-4% ของยอดขายเร่งสร้างการรับรู้ขยายตลาด B2C

นายโฟลเคอร์ เฮลสเติร์น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านอุปกรณ์เพื่อบ้านและอาคารครบวงจร เปิดเผยว่า ในปี 2561 บริษัทฯ มียอดขายประมาณ 3.7 พันล้านบาท สูงเป็นอันดับอันดับ 1 ของเอเชีย และเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ โดยกลุ่มสินค้าขายดีเป็นกลุ่มอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ 50% อุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์ 30% อุปกรณ์สุขภัณฑ์และเครื่องใช้ฟ้า 15% และ อุปกรณ์ช่างและเครื่องมือต่าง ๆ 5%

ในปี 2562 คาดว่าจะสามารถทำยอดขายเติบโตขึ้น 10% คิดเป็นมูลค่าเป็น 4 พันล้านบาท โดยจะมีการใช้งบประมาณ 700-800 ล้านบาทในการลงทุนด้านต่าง ๆ โดยทั้งทางด้านเทคโนโลยี การบริหารการจัดการ และการขยายคลังสินค้าที่ศูนย์กระจายสินค้า ถ.บางนา ตราด กม. 22 บนพื้นที่กว่า 1.4 หมื่นตรม. ซึ่งเริ่มดำเนินการลงเสาเข็มตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.61 โดยใช้เงินลงทุนกว่า 450 ล้านบาท เพื่อกระจายสินค้าไปยังโชว์รูม “เฮเฟเล่” ทั้ง 6 แห่งคือ สุขุมวิท 64, บางโพธิ์, พัทยา, หัวหิน, ภูเก็ต และเชียงใหม่ รวมทั้งตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

“ปัจจุบันคลังสินค้าของ เฮเฟเล่ ประเทศไทย ถือเป็นคลังสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีสต็อกสินค้ามากกว่า 2.2 หมื่นรายการ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1.6 พันล้านบาท โดยแต่ละวันมีคำสั่งซื้อประมาณ 5 พันรายการ พร้อมจัดส่งด้วยรถขนส่งจำนวน 50 คัน ขณะเดียวกันยังมีสินค้ามากกว่า 4.5 หมื่นรายการที่พร้อมส่งตรงจากสำนักงานใหญ่ที่ประเทศเยอรมนี เพื่อกระจายไปยังโชว์รูมทั้ง 6 แห่งทั่วประเทศ การขยายพื้นที่คลังสินค้าครั้งนี้จึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพเรื่องการจัดเก็บและขนส่งสินค้าให้มีความถูกต้อง แม่ยนำ และทันสมัยมากขึ้น ทั้งยังเป็การย้ำถึงศักยภาพของ เฮเฟเล่ ประเทศไทยที่มีการพัฒนาอย่างไม่อย่างหยุดยั้ง”

นายโฟลเคอร์ กล่าวด้วยว่า ในปี 2562 “เฮเฟเล่ ประเทศไทย” จะเริ่มให้ความสำคัญในการทำตลาด B2C และตลาดออนไลน์เพิ่มมากขึ้นจากปัจจุบันที่สัดส่วนส่วนใหญ่ยังคงเป็น B2B 95% และ B2C 5% โดยจะมีการใช้งบประมาณการตลาด 3-4% จากยอดขายสร้างการรับรู้ผ่านทุกช่องทาง ในขณะที่ช่องทางการจัดจำหน่ายหลักยังเป็นการเน้นการขายสินค้าผ่านกลุ่มลูกค้าโครงการ 49% ตลาดเทรดดิชันนัลเทรด 19% โมเดิร์นเทรด 19% อุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์ Furniture Fitting 12 % และโชว์รูม 1% โดยในปี 2562 คาดว่าสินค้าในหมวดอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และช่องทางการขายจากร้านตัวแทนจำหน่ายจะมียอดการเติบโตสูงสุดโดยเปรียบเทียบจากยอดขายปีที่ผ่านมา

“ในปี 2562 ทิศทางของตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังเป็นไปในทางบวก โดยเฉพาะกลุ่มสำนักงาน ศูนย์การค้า และโรงแรม โดยเรายังคงจะมุ่งเน้นการนำเสนอไอเดียในการเพิ่มพื้นที่ในทุกตารางเมตรให้ผู้ประกอบการ และเน้นสินค้า Green Product มากขึ้น พร้อมเน้นสินค้าที่ตอบสนองการเติบโตของโรงแรม ด้วยการนำสินค้านวัตกรรมสำหรับโรงแรม ระบบการจัดการทั้งภายในและภายนอก เช่น ระบบควบคุมการเข้าออกด้วยไดอะล็อค โดยควบคุมได้ทั้งอาคาร ระบุผู้ใช้งาน รวมถึงการออกเอกสารทางการเงิน เชื่อมต่อด้วยระบบ HMS หรือการเข้าถึงระบบการบริหาร แสดงสถานะของทุกห้องพักตลอดเวลา รวมถึงการควบคุมแสงสว่างภายในห้อง การเปิดปิดเปลือกอาคารที่ทันสมัยและสวยงาม การบริหารจัดการน้ำภายในห้องพัก โดยทั้งหมดพร้อมจะเติมเต็มทุกความต้องการ เพื่อสร้างประสบการณ์สุดประทับใจให้ลูกค้าได้เสมอ” นายโฟลเคอร์ กล่าวในที่สุด