alivesonline.com : PPS พัฒนากลุ่มธุรกิจใหม่ภายใต้ Investment Platform หนุนธุรกิจในเครือ พร้อมปรับโครงสร้างธุรกิจ ด้าน PPS Oneworks รับงานเข้ามือ 30 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจวิศวกรที่ปรึกษารับรู้รายได้ต่อเนื่อง เดินหน้าประมูลงานใหม่ หนุน Backlog 315 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้โต 10% หรือ 425 ล้านบาท เตรียมจ่ายปันผลอีก 0.01 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่าย 22 พ.ค.62 ขณะที่ผลประกอบการปี 61 รายได้รวม 387.09 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7.42 ล้านบาท
ดร.พงศ์ธร ธาราไชย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ PPS เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะพัฒนาการดำเนินธุรกิจ รวมถึงเพิ่มช่องทางในการหารายได้ให้แก่กลุ่มบริษัท ภายใต้ Investment Platform เพื่อการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง โดยมีกลุ่มบริษัท Ensemble Equity PTE., LTD.และ Profin Group ทำหน้าที่หากลุ่มผู้ลงทุน ร่วมกับผู้ช่วยในการคัดเลือกโครงการที่น่าสนใจ และใช้ Project SPV หรือ Special-Purpose Vehicles เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงกลุ่มนักลงทุนและโครงการ และส่งต่อโครงการนั้นให้บริษัทในเครือ PPS ทั้งหมด เพื่อทำหน้าที่เป็น Project Support หรือ Technical service
“การพัฒนากลุ่มธุรกิจใหม่ถือเป็นโอกาสในการขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งเป็นการลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาโครงการภาครัฐและเอกชนที่อยู่ในภาวะชะลอตัว โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ปรับโครงสร้างการทำธุรกิจ ปรับกลยุทธ์การดำเนินงาน รวมทั้งหาโอกาสทางธุรกิจอยู่เสมอ เพื่อกระจายความเสี่ยง ขยายขอบเขตการดำเนินงาน ตลอดจนขยายฐานลูกค้าเพื่อรองรับการเติบโตที่ยั่งยืน”
ขณะที่ บริษัทร่วมทุน PPS Oneworks ขยายธุรกิจด้านการออกแบบ การบริหารงานก่อสร้าง งานประมาณราคา (Quantity Surveyor) และ Technical Support ด้วยเทคโนโลยี BIM (Building Information Modeling) ซึ่งเป็นโอกาสในการขยายบริการและขยายฐานลูกค้าให้กับบริษัท อีกทั้งเป็นการดำเนินงานที่มีระยะเวลาสั้น สามารถคาดการณ์รายได้และระยะเวลารับรู้รายได้ได้ชัดเจนกว่างานรับเหมา ขณะนี้มีงานที่อยู่ระหว่างการดำเนินการประมาณ 30 ล้านบาท และมีโครงการที่อยู่ระหว่างการเจรจาอีกหลายโครงการ โดยในปี 2562 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ 50 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจวิศวกรที่ปรึกษาบริหารโครงการในช่วงไตรมาสแรกทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องอาทิ โครงการสยามสินธร โครงการพัฒนาพื้นที่ย่านสยามสแควร์ (Block H) และโครงการเซ็นทรัลพลาซา ชลบุรี อีกทั้งยังมีโครงการใหญ่ที่เพิ่งเริ่มงานในปลายปี 2561 อาทิ โครงการ เดอะมอลล์ 2 รามคำแหง โครงการ The EmSphere นอกจากนี้มีงานที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา มูลค่ารวมมากกว่า 60 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มงานประเภทโรงแรมและงานโมเดิร์นเทรด ขณะเดียวกันยังเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน อีกทั้งเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าร่วมประมูลงานในโครงการเมกะโปรเจกต์และงานกลุ่ม EEC คาดว่าจะเริ่มทยอยเปิดประมูลตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/62 เป็นต้นไป ปัจจุบันบริษัทมี Backlog อยู่ที่ 315 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2566 บริษัทเชื่อว่าจะสามารถเติบโตตามแผนที่วางไว้ประมาณ 10% หรือมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 425 ล้านบาทในปี 2562
ดร.พงศ์ธร กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้นำเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 ในการจ่ายปันผล สำหรับปี 2561 จากกําไรสะสม ในอัตราหุ้นละ 0.02 บาท เป็นจำนวนเงิน 16.72 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นไปแล้ว เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2561 ในอัตราหุ้นละ 0.01 บาท ดังนั้น บริษัทฯ จะจ่ายเงินปันผลเพิ่มเติมให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.01 บาท คิดเป็นเงินปันผลจ่ายเพิ่มเติมจํานวน 8.60 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 58.72% ของกําไรสะสมส่วนที่ยังไม่ได้จัดสรรก่อนจ่ายปันผลประจําปี 2561 กำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 7 พ.ค. 62 และกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 22 พ.ค. 62 (ขออนุมัติจากประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 24 เม.ย.62 )
ขณะที่ผลประกอบการปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวม 387.09 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 396.03 ล้านบาท จำนวน 8.94 ล้านบาท หรือลดลง 2.26 % และมีกำไรสุทธิ 7.42 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 55.17 ล้านบาท จำนวน 47.75 ล้านบาท หรือลดลง 86.55% ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทฯ มีการชะลอตัวลงเนื่องจากความล่าช้าจากโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาข้อตกลงร่วมกัน ส่งผลให้มีการปรับประมาณการต้นทุนและรายได้ของโครงการดังกล่าว