alivesonline.com : มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จัดค่ายวัฒนธรรมนานาชาติ ครั้งที่ 3 มีนักศึกษาจาก 491 มหาวิทยาลัย ใน 58 ประเทศ สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการ ระหว่างวันที่ 24 มิถุนายน – 1 กรกฏาคม 2562 พร้อมดึงจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นเจ้าภาพร่วม มุ่งเสริมสร้างบรรยากาศความเป็นนานาชาติของมหาวิทยาลัยพร้อมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของ นครศรีธรรมราช ให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก
ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2560 มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ริเริ่มจัดค่ายวัฒนธรรมนานาชาติและได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนต่างชาติได้มารู้จักวัฒนธรรมไทย อันเป็นเอกลักษณ์สำคัญของชาติ และกลายเป็นทูตวัฒนธรรมที่จะช่วยในการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยไปสู่สากลต่อไป ขณะเดียวกันเยาวชนไทยที่เข้าร่วมโครงการก็จะมีโอกาสสร้างเครือข่ายกับเยาวชนต่างชาติจากนานาประเทศทั่วโลกและเพิ่มพูนประสบการณ์การใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตจริงด้วย โดยในปี 2562 มหาวิทยาลัยฯ ได้รับความร่วมมือจากจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นเจ้าภาพร่วมจัดค่ายวัฒนธรรมนานาชาติครั้งที่ 3 โดยมีเยาวชนผู้เข้าร่วมค่าย 200 คน แบ่งเป็นเยาวชนไทย 70 คน และ เยาวชนต่างชาติ 130 คน
“มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์มีเป้าหมายในการก้าวสู่ความเป็นนานาชาติ โดยเริ่มจากปฏิรูปการเรียนการสอนโดยนำมาตรฐาน UKPSF (UNITED KINGDOM PROFESSIONAL STANDARDS FRAMEWORK) มาใช้ การให้ความสำคัญกับการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษของนักศึกษา มีการจัดตั้ง “สถาบันภาษา” เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะสากลให้แก่นักศึกษา สนับสนุนให้นักศึกษาไปปฏิบัติงานสหกิจศึกษาในต่างประเทศ รวมทั้งการส่งเสริมวัฒนธรรมสู่สากล”
นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวเสริมว่า นครศรีธรรมราช เป็นจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดในภาคใต้ ประมาณ 1.55 ล้านคน มีขนาดพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภาคใต้ ถือเป็น 1 ใน 55 จังหวัดเมืองรองของประเทศไทย ค่ายวัฒนธรรมนานาชาติจึงเป็นหนึ่งในความร่วมมือระหว่างจังหวัดนครศรีธรรมราชและมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ที่สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลไทยที่มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์ทางด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเมืองรองให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก
“จังหวัดนครศรีธรรมราชขอขอบคุณมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ที่ได้ริเริ่มโครงการค่ายวัฒนธรรมนานาชาติซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2560 และมีส่วนช่วยในการประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดฯ เช่น วัดพระบรมธาตุวรมหาวิหาร, หมู่บ้านคีรีวง ทะเลสิชล และขนอม ให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล ใน 74 ประเทศ และ 5 ทวีปทั่วโลก โดยทางจังหวัดฯ มีความยินดีที่ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดค่ายวัฒนธรรมนานาชาติประจำปี 2562 และพร้อมที่จะสนับสนุนและร่วมมือกับมหาวิทยาลัยฯ ในมิติต่าง ๆ ต่อไป”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงศธร เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสถาบันภาษา มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ในฐานะผู้อำนวยการโครงการค่ายวัฒนธรรมนานาชาติ กล่าวถึงรายละเอียดในการจัดค่ายวัฒนธรรมนานาชาติครั้งนี้ว่าได้รับความสนใจจากเยาวชนสมัครเข้าร่วมโครงการฯ 1,130 คน จาก 491 มหาวิทยาลัย จาก 58 ประเทศ และ 5 ทวีปทั่วโลก โดยมีการคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติตรงตามที่กำหนดจำนวน 200 คน เข้าร่วมค่ายเป็นระยะเวลา 8 วัน โดยในระหว่างวันที่ 24 – 28 มิถุนายน 2562 ซึ่งอยู่ที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์และจังหวัดนครศรีธรรมราช จะมีการแสดงวัฒนธรรมประจำชาติจากเยาวชนทุกชาติจำนวน 26 ชุด และเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการจะมีโอกาสเรียนรู้วัฒนธรรมไทยผ่านกิจกรรมต่าง ๆ คือ ต่อยมวยไทย รำไทย และ ดนตรีไทย ตลอดจนการศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์เมืองนครศรีธรรมราช เยี่ยมชมวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร และเยี่ยมชมหมู่บ้านคีรีวง อ. ลานสกา และชายหาดทรายขาวน้ำทะเลฟ้าใส อ. สิชล รวมถึงการเดินทางโดยรถไฟไปยังกรุงเทพมหานครเมืองหลวงของประเทศไทย
ส่วนวันที่ 29 มิถุนายน – 1 กรกฏาคม 2562 ที่กรุงเทพมหานคร เยาวชนจะมีโอกาสเยี่ยมชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามและพระบรมมหาราชวัง และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รวมถึงการชมการแสดงโขน ซึ่งอนุเคราะห์จัดโดยกระทรวงวัฒนธรรม และในพิธีปิดค่ายฯ เยาวชนจะร่วมกันแสดงชุด “Cultures without Borders” ซึ่งจะเป็นการผสมผสานเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของแต่ละชาติเข้าด้วยกัน
“วัตถุประสงค์สำคัญประการหนึ่ ของการจัดโครงการค่ายวัฒนธรรมนานาชาติคือ การพัฒนาเยาวชนให้เป็นพลเมืองโลก ผู้ยอมรับในความแตกต่างทางวัฒนธรรม สีผิว และความเชื่อของพลเมืองแต่ละประเทศ และเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาสังคมโลกให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง โอกาสนี้ขอขอบคุณจังหวัดนครศรีธรรมราชรวมถึงองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ สํานักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช กระทรวงวัฒนธรรม การรถไฟแห่งประเทศไทย หลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย ธนาคารออมสิน บริษัท ฉัตรทวีกิจคอร์เปอเรชั่น จํากัด และ บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จํากัด (มหาชน) ที่ให้การสนับสนุนโครงการเป็นอย่างดี”ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงศธร กล่าวในตอนท้าย