New Issues » “อัลทิมา ไลฟ์” โชว์ ล้ำพัฒนาเทคโนฯ AR สร้างสีสันตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

“อัลทิมา ไลฟ์” โชว์ ล้ำพัฒนาเทคโนฯ AR สร้างสีสันตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

13 กรกฎาคม 2019
0

alivesonline.com : ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ 7 หมื่นล้านบาท แรงไม่หยุด DOD Biotech ผู้ผลิต OEM รายใหญ่แตกบริษัทลูก “อัลทิมา ไลฟ์” สร้างแบรนด์เอง หวังชิงแชร์ 5% ใน 3-5 ปี ชูจุดต่างใช้งบฯ การตลาด 50 ล้านบาท ช่วยเครือข่าย MLM ดึง 5 ศิลปินดังนั่งแท่นพรีเซนเตอร์ช่วยโปรโมตสินค้า พร้อมนำเทคโนโลยี AR พัฒนาแอปฯ และภาพโฮโลแกรม 3 มิติให้ข้อมูลด้านต่าง ๆ แก่สมาชิกและผู้ซื้อสินค้า

 

นางสาวพรรษมนต์ ธราวิทย์ณัฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลทิมา ไลฟ์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพทั้งภายในและภายนอก ภายใต้แบรนด์ “Ultima Life” (อัลทิมา ไลฟ์) เปิดเผยว่า บริษัทฯ จัดตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 13 เม.ย.62 ก่อนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.62 เบื้องต้นมีผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 11 รายการ โดยคาดว่าภายในเดือน ก.ย.62 จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้นอีก 7 รายการ เพื่อให้มีผลิตภัณฑ์เป็นไปตามเป้าหมาย 30 รายการภายในปี 2562

บริษัทฯ ใช้ช่องทางจัดจำหน่ายในระบบธุรกิจเครือข่ายซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกประมาณ 3 พันราย โดยคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1 แสนรายภายใน 3 ปี หรือประมาณปี 2565 โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีการอบรมให้ความรู้สมาชิกทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ นวัตกรรม การตลาด และอื่น ๆ โดยมีวิทยากรผู้ให้ความรู้คือบุคลากรของบริษัทฯ ทั้งในระบบออฟไลน์และออนไลน์ โดยมีห้องประชุมขนาดต่าง ๆ รวม 7 ห้อง รองรับผู้เข้ารับการอบรมได้มากกว่า 200 คนต่อวัน

“จากการเริ่มทำการตลาดอย่างจริงจังเพียงประมาณ 1 เดือน เราพบว่าจากสมาชิกประมาณ 3 พันราย มีสมาชิกที่ทำธุรกิจอย่างจริงจังประมาณ 1.2 พันราย ส่วนใหญ่สามารถทำรายได้ในระดับที่น่าพอใจคือประมาณ 5 พันบาทถึง 1 หมื่นบาท ในขณะที่มีสมาชิกที่สามารถทำรายได้ 1-2.5 แสนบาทถึง 2 ท่าน และสูงสุดคือ 2.5 แสนบาท”

นางสาวพรรษมนต์ กล่าวเสริมว่า จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ Ultima Life คือระบบการผลิตซึ่งดำเนินการผลิตโดยบริษัทแม่คือ บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD Biotech เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI เมื่อปี 2561 ถือเป็นโรงงานผลิตสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียและถือเป็นโรงงานเพียงแห่งเดียวที่มีโรงงานสกัดวัตถุดิบ ตั้งอยู่ที่ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยก่อนหน้านั้นดำเนินธุรกิจในลักษณะรับช่วงการผลิต หรือ OEM ให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพทั้งในประเทศและต่างประเทศมาตั้งแต่ปี 2554 เป็นจำนวนมากกว่า 1 พันแบรนด์

 

นายธานัท จารุฤทธิไกร ผู้บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท อัลทิมา ไลฟ์ จำกัด กล่าวว่า จากมูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพของประเทศไทย ประมาณ 7 หมื่นล้านบาท บริษัทฯ คาดว่าในปี 2562 จะมียอดขายประมาณ 300 ล้านบาท โดยตั้งเป้าว่าภายใน 3-5 ปีจะมียอดขายประมาณ 3 พันล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดประมาณ 5% โดยเบื้องต้นใช้งบประมาณการตลาด 50 ล้านบาทเพื่อสร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภคผ่านช่องทางออฟไลน์ 60% ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ ป้ายบิลบอร์ด และสถานีรถไฟฟ้า ส่วนอีก 40% เป็นการกระตุ้นตลาดผ่านช่องทางออนไลน์

เบื้องต้นบริษัทฯ ยังมีการนำศิลปินดารามาเป็นพรีเซนเตอร์ผลิตภัณฑ์ 5 รายการคือ โดยเบื้องต้นเซ็นสัญญาแล้ว 3 รายคือ “จ๋า -ณัฐฐาวีรนุช ทองมี” ผลิตภัณฑ์ ONE WAY WHEY PROTEIN ISOLATE “แหม่ม-วิชุดา พินดั้ม” ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้หญิง R3VERSE VINE และ “ดีเจแอนดี้ เขมพิมุก” ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบชงดื่มสำหรับผู้ต้องการดูแลรูปร่าง OB-EX ส่วนอีก 2 รายการจะใช้พรีเซนเตอร์ที่สร้างสีสันและความฮือฮาให้ผู้บริโภคอย่างมากคือผลิตภัณฑ์บำรุงตับ LEVAREAN และผลิตภัณฑ์เพิ่มการเผาผลาญ CALLOX

นายธานัท กล่าวด้วยว่า บริษัทฯ ยังถือเป็นผู้ดำเนินธุรกิจเครือข่ายรายแรกของประเทศไทยที่มีการนำเทคโนโลยี AR มาคิดค้นและพัฒนาแอปพลิเคชัน Ultima Life ในรูปแบบ Product Talk เพื่อให้ข้อมูลและอำนวยความสะดวกด้านต่าง ๆ แก่สมาชิกและผู้บริโภคในการรับรู้และจดจำผลิตภัณฑ์ รวมถึงสั่งซื้อสินค้า โดยปัจจุบันมีผู้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันแล้ว 3 พันราย มีผู้ใช้งานในระบบไอโอเอส 1 หมื่นครั้ง และแอนดรอยด์ 1.5 หมื่นครั้ง

“การใช้งานแอปฯ ดังกล่าว เพียงผู้ใช้งานสแกนกล่องผลิตภัณฑ์ก็จะได้พบกับภาพผลิตภัณฑ์และข้อมูลผลิตภัณฑ์อย่างละเอียดผ่านทางหน้าจอสมาร์ทโฟน โดยขณะนี้บริษัทฯ กำลังพัฒนาระบบให้ฉายภาพโฮโลแกรม 3 มิติ ซึ่งคาดว่าแล้วเสร็จภายในเดือนต.ค.ศกนี้ โดยผู้ใช้งานจะสามารถสแกนภาพต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Ultima Life ที่เผยแพร่ตามสื่อต่าง ๆ และติดตั้งตามสถานที่ทั่วไป เช่น รูปพรีเซนเตอร์ หรือผู้บริหารในป้ายโฆษณาบนป้านบิลบอร์ด หรือสถานีรถไฟฟ้าก็จะได้พบภาพโฮโลแกรม 3 มิติของพรีเซนเตอร์ที่แนะนำผลิตภัณฑ์นั้น ๆ หรือผู้บริหารก่าวถึงนโยบายของบริษัทฯ เป็นต้น”

นายธานัท กล่าวในตอนท้ายว่า แอปพลิเคชัน Ultima Life ยังถือเป็นเครื่องมือส่งเสริมการตลาดของบริษัทฯ ที่จะรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ของสมาชิกและผู้บริโภคในลักษณะ Big Data ทำให้สามารถรับรู้ถึงพฤติกรรมการบริโภค ความต้องการผลิตภัณฑ์ ภูมิลำเนาของผู้ใช้งาน และอื่น ๆ เพื่อนำไปต่อยอดในการใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ต่อไป โดยในช่วงที่ผ่านมาพบว่าผู้ใช้งานส่วนใหญ่นอกพื้นที่กรุงเทพฯ มีกระจายทั่วไปคือ ภูเก็ต เชียงใหม่ นครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี ชลบุรี ระยอง รวมถึงกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน CLMV

 

ด้าน  เภสัชกรหญิง ภัสราธาดา วัชรธาดาอาภาภัคผู้บริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท อัลทิมา ไลฟ์ จำกัด กล่าวว่า จุดเด่นของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Ultima Life จะเน้นในเรื่องของการป้องกันและให้ความรู้แก่ผู้บริโภค พร้อมส่งเสริมให้รับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพิ่มเติมจากอาหารที่รับประทานในแต่ละวันเพื่อช่วยป้องกันและทำให้สุขภาพแข็งแรง ขณะเดียวกันในส่วนของผลิตภัณฑ์ทุกรายการยังเน้นเรื่องความปลอดภัย โดยมีการทดลองสารสกัดชนิดจนได้รับใบรับรองในระดับสากล สามารถบ่งชี้ได้ว่าสารสกัดแต่ละชนิดมีที่มาจากที่ใด มีความปลอดภัยระดับใด และมีสารปนเปื้อนระดับใด

เภสัชกรหญิง ภัสราธาดา กล่าวด้วยว่า ผลิตภัณฑ์ Ultima Life มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 590-1,590 บาท เหมาะสำหรับผู้บริโภคทุกเพศทุกวัยที่ต้องการดูแลสุขภาพและรูปร่างซึ่งคิดค้นและพัฒนาโดยนักวิจัยทั้งของ “อัลทิมา ไลฟ์” และบริษัทแม่คือ DOD Biotech รวมถึงนักวิจัยพันธมิตรจากสถาบันต่าง ๆ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยปัจจุบันกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก และผลิตภัณฑ์สกินแคร์สำหรับผู้ใหญ่ซึ่งคาดว่าจะสามารถจัดจำหน่ายได้ภายในปี 2562