alivesonline.com : มกอช.เร่งกู้วิกฤติเกลือทะเลไทย หลังราคาตกเหลือเพียงกิโลกรัมละ 1 บาท เร่งหนุนเกษตรกรทำนาเกลือระบบ GAP มุ่งยกระดับการผลิตได้มาตรฐาน คุณภาพระดับสากล หวังแก้ปัญหาราคาตกต่ำ-ลดนำเข้า เพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันในอุตสาหกรรมอาหารทั้งในและต่างประเทศในอนาคต
ตามที่ยุทธศาสตร์เกลือทะเลไทย พ.ศ.2560-2564 ได้กำหนดให้มีการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานเกลือทะเลเพื่อเพิ่มมูลค่าและเพื่อให้เกลือทะเลมีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ตรงตามความต้องการของตลาด รวมทั้งกำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพัฒนาเกษตรกรเกลือทะเล เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันเกลือทะเลไทยเพื่อให้เกลือทะเลมีช่องทางการตลาดที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อยกระดับราคาเกลือทะเลให้มีเสถียรภาพรวมทั้งให้มีการบริหารจัดการระบบนิเวศเพื่อการทำนาเกลือมีพื้นที่อย่างเหมาะสมและมีการบริหารจัดการระบบนิเวศอย่างยั่งยืนนั้น
นางสาวจูอะดี พงศ์มณีรัตน์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เปิดเผยว่า จากยุทธศาสตร์ดังกล่าว มกอช. ได้จัดทำมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับเกลือทะเลขึ้นมา จำนวน 2 เรื่อง ได้แก่ เกลือทะเลธรรมชาติ (มกษ.8402-2562) และการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับการทำนาเกลือ (มกษ. 9055-2562) รวมทั้งได้จัดทำโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ แนวทางการตรวจประเมินตามมาตรฐานสินค้าเกษตร เรื่อง การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) สำหรับการทำนาเกลือทะเล (มกษ. 9055-2562) ขึ้น เพื่ออบรมสร้างความรู้ ความเข้าใจ ให้แก่ผู้ตรวจประเมินให้มีทักษะและศักยภาพด้านการตรวจสอบและรับรองตามมาตรฐานสามารถนำความรู้ไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งจะช่วยผลักดันให้สินค้าเกลือทะเลของไทยได้รับการรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในการยกระดับศักยภาพการผลิตสินค้าเกษตรของประเทศไทยให้เทียบเท่ากับต่างประเทศ
นางสาวจูอะดี กล่าวถึงสถานการณ์ผลิตและการตลาดเกลือทะเลไทยในปัจจุบันด้วยว่า ปัจจุบันการทำนาเกลือทะเลเป็นสินค้าเกษตรที่สำคัญ ประเทศไทยการทำนาเกลือเป็นอาชีพดั้งเดิม โดยมีเกษตรกร 1.2 พันครัวเรือน มีพื้นที่ทำนาเกลือทั้งหมดประมาณ 84,485 ไร่ แบ่งแหล่งผลิตที่สำคัญออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่มีการผลิตมาก ประมาณร้อยละ 90.0 ของผลผลิตทั้งประเทศ อยู่ที่ 3 จังหวัดภาคกลางคือ จังหวัดเพชรบุรี สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม และกลุ่มที่มีการผลิตเล็กน้อย ประมาณร้อยละ 10.0 ของผลผลิตทั้งประเทศ อยู่ที่ 4 จังหวัดในภาคกลางและภาคใต้คือ จังหวัดชลบุรี จันทบุรี ฉะเชิงเทรา และปัตตานี โดยในแต่ละปีจะมีผลผลิตเกลือทะเลประมาณเกือบ 1 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2 พันล้านบาท
ด้าน นางสาวนลินทิพย์ เพณี ผู้อำนวยการกองส่งเสริมมาตรฐาน มกอช. กล่าวเพิ่มเติมว่า เกลือทะเลเป็นอาหารธรรมชาติที่มีบทบาทสำคัญต่อชีวิตมนุษย์มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มนุษย์จำเป็นต้องใช้เกลือเพื่อการบริโภคและอุปโภค ปรุงอาหาร ถนอมอาหาร และใช้เป็นยารักษาโรค การทำนาเกลือถือเป็นอาชีพที่ต้องอาศัยภูมิปัญญาและประสบการณ์ ร่วมกับการพึ่งพาอาศัยธรรมชาติ ปัจจุบันเกลือสมุทร หรือเกลือทะเล ถูกกำหนดให้เป็นสินค้าเกษตรกรรมขั้นต้นและคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2554 ให้การทำนาเกลือนับเป็นส่วนหนึ่งของอาชีพเกษตรกรรม แต่ที่ผ่านมาเกษตรกรนาเกลือทะเลประสบปัญหาในหลายด้าน โดยเฉพาะคุณภาพการผลิตส่งผลให้ราคามีความผันผวนเป็นประจำทุกปี
ดังนั้น มกอช.จึงต้องเร่งส่งเสริมให้เกษตรกรเข้าสู่ระบบGAP เพื่อยกระดับคุณภาพมาตรฐานเกลือไทยสู่ระบบสากลให้เป็นที่ยอมรับของอุตสาหกรรมอาหารและผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศในอนาคตซึ่งปัจจุบันเกษตรกรไทยมีคู่แข่งคือประเทศอินเดีย ดังนั้น มกอช.จึงต้องเร่งผลักดันให้เกษตรกรเข้าสู่มาตรฐาน GAP เพื่อการันตีให้ผู้บริโภคและอุตสาหกรรมอาหารในประเทศมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐาน ทั้งยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้เกษตรกรไทยและลดการนำเข้าเกลือจากต่างประเทศไปในตัว
“จากนี้ไป มกอช. จะเร่งเดินหน้าในการเข้าไปส่งเสริมให้เกษตรกรนาเกลือเข้าสู่ระบบมาตรฐาน GAP ในทุกจังหวัด ดังนั้นเมื่อเริ่มมีมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารของเกลือก็จะต้องมีการตรวจสอบรับรองซึ่งเหลือทะเลแตกต่างจากสินค้าเกษตรอื่น ๆ เพราะมี 3หน่วยงานดูแลคือ กรมวิชาการเกษตร กรมประมง และกรมปศุสัตว์ รวมทั้งผู้ตรวจรับรองเอกชน ดังนั้นจึงต้องมีมาตรฐานกลางให้ 4หน่วยงานปฏิบัติ” นางสาวนลินทิพย์ กล่าว
ด้าน นางสาวเกตุแก้ว สำเภาทอง เกษตรกรนาเกลือทะเลบ้านแหลม อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี กล่าวว่า ปัจจุบันมีการนำเข้าเกลือจากประเทศอินเดียจำนวนมาก ส่งผลให้ราคาเกลือทะเลที่เกษตรกรชาวนาเกลือผลิภายในประเทศมีราคาตกต่ำอย่างหนัก จากต้นปีราคาเกลือทะเลราคากิโลกรัมละ 2-3 บาท เหลือราคากิโลกรัมละไม่ถึง 1 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาต้นทุนการผลิต จนสร้างความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรชาวนาเกลืออย่างหนัก เนื่องจากขาดทุนสะสมจนเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว โดยข้อมูลการนำเข้าเกลือจากต่างประเทศ พบว่าปี 2560 มีการนำเข้าเกลือ 151,480 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 216 ล้านบาท ปี 2561 มีการนำเข้าเกลือ 328,883ตัน คิดเป็นมูลค่า 437 ล้านบาท ปี 2562 (เดือนมีนาคม) มีการนำเข้าเกลือ 100,819 ตัน คิดเป็นมูลค่า 120 ล้านบาท
“ปัญหาของชาวนาเกลือมาตรฐานมี 3 อย่างคือ เรื่องฟ้าฝน สภาพอากาศ และคุณภาพ แต่ที่ผ่านมาการทำนาเกลือทะเลยังขาดมาตรฐานควบคุมคุณภาพการผลิตถ้ามีการจัดการที่ดีทำให้แก้ปัญหาได้ โดยที่ผ่านมาเกลือไม่มีมาตรฐาน ส่งผลให้กระทบต่อการทำตลาดในอุตสาหกรรมอาหารเป็นอย่างมาก การที่ มกอช. เข้ามาส่งเสริมให้เกษตรกรทำนาเหลือระบบ GAP จึงถือเป็นเรื่องดีที่จะช่วยยกระดับคุณภาพและมาตรฐานเกลือไทยให้เป็นที่ยอมรับในตลาดอย่างกว้างขวางมากขึ้น” นางสาวเกตุแก้ว กล่าวในตอนท้าย