New Issues » “โปรทรัค” แจงสูตรธุรกิจ “ศูนย์ซ่อมบำรุงรถบรรทุก”

“โปรทรัค” แจงสูตรธุรกิจ “ศูนย์ซ่อมบำรุงรถบรรทุก”

29 กรกฎาคม 2019
0

alivesonline.com : “สามมิตร” เผยความสำเร็จโมเดล “โปรทรัค” ศูนย์บริการซ่อมบำรุงรักษารถบรรทุกในรูปแบบเน็ตเวิร์คครบวงจรเจ้าเดียวในประเทศ เปิดสาขา 10 บางบ่อ เจาะลูกค้าฝั่งตะวันออก ชูแนวคิด Data Management จัดการข้อมูลรถบรรทุกในระบบเชื่อมโยงลูกค้าทั้งผู้ใช้บริการและเจ้าของรถ ต่อยอดสู่การยกระดับบริการหลังการขาย ช่วยลดขั้นตอน และลดต้นทุนลจิสติกส์ ย้ำแผนลงทุน 1 พันล้านบาท ขยายสาขาครบ 100 แห่งทั่วประเทศในปี 2564

นายตฤณ ศิริจารุวร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สามมิตร พีทีจี โปรทรัค โซลูชัน เซนเตอร์ จำกัด ภายใต้ “สามมิตร กรุ๊ป โฮลดิ้ง” เปิดเผยว่า ศูนย์บริการโปรทรัค (PRO TRUCK) เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท สามมิตรแมนูแฟคเจอริง จำกัด (มหาชน) และบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) เพื่อให้บริการซ่อมบำรุงรักษารถบรรทุกและรถเทรเลอร์ในรูปแบบศูนย์บริการครบวงจร (One Stop Service) ด้วยช่างที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน บริการด้วยอะไหล่คุณภาพ พร้อมจุดจอดรถและที่พักผ่อนสำหรับคนขับที่มีความสะดวกสบายและปลอดภัย โดยคำนึงถึงการเสริมสร้างความปลอดภัยบนท้องถนน (Road Safety) ซึ่งสาเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ส่วนใหญ่เกิดมาจากสภาพของรถที่ไม่พร้อมใช้งาน และสภาพร่างกายของคนขับรถที่เหนื่อยล้า ดังนั้นการตรวจเช็คสภาพรถและซ่อมบำรุงรักษาให้พร้อมใช้งานเสมอจึงเป็นเรื่องสำคัญและมีส่วนช่วยลดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้

“โปรทรัค” เริ่มเปิดให้บริการในพื้นที่สถานีบริการน้ำมันพีที (PT) มาตั้งแต่ต้นปี 2561 ใน 9 สาขาทั่วภูมิภาคของประเทศ ถือเป็นโมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งจากผู้ใช้บริการทั่วไป ผู้ประกอบการ และตัวแทนจำหน่ายรถบรรทุกที่ยังไม่มั่นใจในคุณภาพและมาตรฐานของอู่ซ่อมทั่วไป ทั้งยังอาจไม่สะดวกในการเข้ารับบริการจากศูนย์ซ่อมบำรุงของตัวแทนจำหน่ายรถบรรทุกเนื่องจากมีราคาสูง

“โปรทรัค” วางตำแหน่งทางการตลาดเป็นทางเลือกให้ลูกค้า ด้วยจุดแข็งสำคัญหลายด้าน อาทิ มาตรฐานของช่างที่ได้รับการอบรมร่วมกับ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน อะไหล่คุณภาพที่ได้มาตรฐานผู้ผลิต (OEM) รวมถึงความสะดวกในการเข้ารับบริการ จากการเชื่อมโยงข้อมูลของรถและประวัติการซ่อมผ่านเน็ตเวิร์ค ทำให้สามารถนำรถเข้าซ่อมที่ “โปรทรัค” ได้ทุกศูนย์ทั่วประเทศ โดยมีแผนเปิดสาขาที่ 10 บางบ่อ บริเวณถนนบางนา-ตราด ขาออก กม.ที่ 30 เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าฝั่งในพื้นที่ฝั่งตะวันออก

นายตฤณ กล่าวด้วยว่า “โปรทรัค” มีจุดเด่นด้านเทคโนโลยีการจัดเก็บฐานข้อมูลของลูกค้าด้วยแอปพลิเคชัน “PRO TRUCK” ที่มีฟังก์ชั่นระบบติดตามข้อมูลที่เชื่อมต่อกับ GPS ของรถ สามารถตรวจสอบตำแหน่งของรถได้แบบเรียลไทม์  เช็คตำแหน่งของศูนย์บริการที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งจะสามารถเช็คประวัติการซ่อมย้อนหลังได้ เช็คสถานะการซ่อมผ่านแอปฯ ได้ทันทีจากกล้อง CCTV ที่ติดตั้งไว้ในทุกศูนย์ฯ โดยปัจจุบันมีลูกค้าดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นแล้วกว่า 2 พันราย มีจำนวนรถเข้าใช้บริการเฉลี่ยเดือนละ 200-300 คัน โดยในช่วง 1 ปีที่เปิดดำเนินการ มีลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำมากกว่า 1.1 พันราย

จากความสำเร็จของการดำเนินงาน และแอปพลิเคชั่น PRO TRUCK จึงมีแนวคิดในการจัดการกับข้อมูลในระบบ (Data Management) เพื่อยกระดับการบริการหลังการขาย ให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับลูกค้าได้มากขึ้นในอนาคต ซึ่งจะเป็นการนำเทคโนโลยีมาช่วยลดขั้นตอนและค่าใช้จ่ายการบริหารจัดการต้นทุนให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี โดยจะมีการเสริมฟังก์ชั่นใหม่ อาทิ ระบบการแจ้งเตือนการซ่อมล่วงหน้า เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นการนำรถเข้าซ่อมบำรุงตามรอบระยะเวลา ระบบการจองคิวเข้ารับบริการจึงทำให้ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาในการนำรถเข้าซ่อมหลายวัน โดยศูนย์ฯ สามารถเตรียมอุปกรณ์และอะไหล่ล่วงหน้า เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการให้บริการ นอกจากนี้ ภายในแอปฯ ยังสามารถช่วยประเมินค่าใช้จ่ายได้ล่วงหน้า ประเมินการซ่อม และค่าซ่อม ออนไลน์ ระบบการวางบิลออนไลน์ ลูกค้าสามารถอนุมัติการซ่อมได้ออนไลน์ รวมถึงการทำโปรโมชั่นต่างๆ ส่งตรงถึงลูกค้า เป็นต้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาคาดว่าจะสามารถใช้ได้ภายในต้นปี 2563

บริษัทฯ ยังมีแผนงานในการจับมือกับสถาบันการเงินชั้นนำ ต่อยอดแอปพลิเคชัน PRO TRUCK ให้สามารถรองรับระบบสินเชื่อรถบรรทุก (Truck Leasing) โดยใช้ประวัติการตรวจซ่อมบำรุงรักษาของรถเป็นฐานข้อมูลในการการันตีคุณภาพของรถ สร้างมาตรฐานราคาของรถบรรทุกมือสอง และการให้สินเชื่อเพื่อเช่าซื้อรถ รวมไปถึงการเพิ่มบริการทางการเงินหลังการปล่อยกู้ อาทิ เพิ่มการกู้เพื่อมาบำรุงรักษา หรือผ่อนจ่ายค่าบำรุงรักษารถ เป็นต้น

“บริษัทฯ คาดว่าจะเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้ให้กับ สามมิตร กรุ๊ป โฮลดิ้ง ในสัดส่วน 5-10 % ของรายได้ทั้งหมด โดยมีแผนขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศ จำนวน 100 สาขา ภายในปี 2567 โดยใช้งบประมาณสำหรับการลงทุนกว่า 1 พันล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดรถเชิงพาณิชย์ ซึ่งปัจจุบันรถที่มีขนาด 2 ตันขึ้นไป มีจำนวนรถใหม่สู่ตลาดประมาณ 3 หมื่นคันต่อปี และมีจำนวนรถใหญ่ในตลาดประมาณ 1 แสนคัน โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากการก่อสร้างตามโครงการสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น เช่น การสร้างถนน ทางด่วน สะพาน รถไฟ สนามบิน และระบบชลประทาน ความต้องการใช้รถบรรทุกและรถเทรเลอร์ได้ขยายตัว  รวมถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องของธุรกิจ  E-Commerce ทั้งภายในประเทศและกลุ่มประเทศอาเซียน ส่งผลให้ธุรกิจโลติกส์เติบโตอย่างรวดเร็วเช่นกัน”