alivesonline.com : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เผยยอดส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับครึ่งปีแรก 62 ทะลุ 7.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ เตรียมแผนพาผู้ประกอบการคว้าโอกาสกลางวิกฤติสงครามการค้าสหรัฐอเมริกาและจีน พร้อมกระตุ้นการปั้นแบรนด์ลุยตลาดอินเตอร์ เดินหน้าดันยอดส่งออกสินค้าแฟชั่นรวมอัญมณีและเครื่องประดับเติบโต 1%
นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือ DITP กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้ติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนอย่างต่อเนื่อง หลังจากส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อประเทศอื่น ๆ ที่อยู่ในซัปพลายเชนของการผลิต ล่าสุดพบว่าเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นเนื่องจากทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าเจรจาเพื่อหาจุดยืนร่วมกันเพื่อบรรเทาผลกระทบที่มีต่อภาคธุรกิจของทั้งสองประเทศ
ในส่วนของประเทศไทยนั้นจะได้รับทั้งผลดีและผลเสียจากความขัดแย้งครั้งนี้ โดยในระยะสั้นถึงกลาง การที่สหรัฐอเมริกาเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน รวมถึงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ จะทำให้สินค้านำเข้าจากจีนมีราคาสูงขึ้น ดังนั้นผู้นำเข้าจากสหรัฐอเมริกาอาจหันไปนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่น รวมถึงไทย แต่หากจีนส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไปสหรัฐอเมริกาได้น้อยลง ก็อาจนำเข้าสินค้าจากไทย โดยเฉพาะสินค้ากึ่งวัตถุดิบ เช่น พลอยสี น้อยลงเช่นกัน ขณะที่ในระยะยาวสงครามการค้าจะส่งผลให้เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลกชะลอตัวลงและกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ในทุกวิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอ เรามั่นใจว่าผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพที่จะพัฒนาสินค้าเพื่อหาโอกาสใหม่ ๆ ในตลาดทั่วโลก โดยเฉพาะการหันมาเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม หรือ Niche Market และผู้บริโภคที่ยังมีกำลังซื้อ ผู้ประกอบการไทยจึงต้องติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันยังต้องเร่งปรับตัวสร้างแบรนด์สินค้าให้แข็งแกร่ง ผลิตและออกแบบสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมเร่งหาตลาดส่งออกใหม่ ๆ เพื่อเสริมกับตลาดเดิมที่มีอยู่ด้วย”
นางสาวบรรจงจิตต์ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันลูกค้ามีความต้องการสินค้าที่มีความเป็น Unique มากขึ้น สวมใส่แล้วต้องสะท้อนความเป็นตัวตนและแตกต่างจากคนอื่น และต้องการเครื่องประดับที่มีฟังก์ชั่นอื่นเพิ่มเติม เช่น วัดชีพจร นับก้าว หรือเป็นเครื่องประดับชิ้นเดียว แต่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบใส่ได้ในหลายโอกาส ผู้ประกอบการจึงควรสร้างสรรค์สินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับกลางและบนมากขึ้น เพราะลูกค้ากลุ่มนี้ยังมีกำลังซื้อ ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรก็ตาม
ในปี 2562 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ตั้งเป้าการส่งออกสินค้าแฟชั่น รวมอัญมณีและเครื่องประดับ เติบโตประมาณ 1% จากปีที่ผ่านมา โดยพร้อมจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อหาตลาดและคู่ค้าใหม่ ๆ ให้ผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดคณะผู้แทนการค้าไปเยือนตลาดเป้าหมายเพื่อหาลู่ทางการค้าการลงทุน การเชิญผู้นำเข้าจากต่างประเทศมาเยือนประเทศไทยในช่วงงาน Bangkok Gems & Jewelry Fair ในเดือนกันยายน 2562 การจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ การพัฒนาการซื้อขายสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซ ขณะเดียวกันยังส่งเสริมภาพลักษณ์อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยผ่านแคมเปญ “Thailand Magic Hands : the Spirit of Jewelry Making” ในตลาดสำคัญทั้งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินเดีย และอิตาลี
นางสาวบรรจงจิตต์ กล่าวอีกว่า ในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.62) ประเทศไทยส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับมูลค่ารวม 7,245.63 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าพลอย ไข่มุก และเครื่องประดับเทียมขยายตัว 19.72%, 46.22% และ 6.40% ตามลำดับ ขณะที่ตลาดอินเดียได้แรงหนุนจากการส่งออกพลอย ไข่มุกและอัญมณีสังเคราะห์ ทำให้มูลค่าส่งออกสูงถึง 95.14% ตลาดสวิตเซอร์แลนด์ เพิ่มขึ้น 27.12% จากพลอยและเครื่องประดับอัญมณีเทียม ตามด้วยตลาดสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ภาพรวมเพิ่มขึ้น 4.37% ขณะที่การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำไม่ขึ้นรูป) มีมูลค่า 3,848.72 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 0.45% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยการส่งออกไปตลาดหลัก เช่น ฮ่องกงและสหรัฐอเมริกา หดตัวลงถึง 7.67% และ 3.48% ตามลำดับ อันเยื่องมาจากผลกระทบสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เตรียมจัดงานใหญ่ระดับสากล งานแสดงสินค้าอัญมณี และเครื่องประดับ “Bangkok Gems and Jewelry Fair ครั้งที่ 64” ระหว่างวันที่ 10-14 กันยายน 2562 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยและสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการได้พบคู่ค้าใหม่ ๆ โดยผู้สนใจติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและลงทะเบียนเข้าชมงาน Bangkok Gems and Jewelry Fair ล่วงหน้าได้ที่ เว็บไซต์ www.bkkgems.com