alivesonline.com : ตลาดพื้นที่พาณิชยกรรมยังคงเติบโตต่อเนื่อง มีอัตราเช่าสูงถึง 95% ของพื้นที่ทั้งหมด พบ “ธุรกิจฟิตเนส” น่าจับตามอง หลังเติบโตรองรับเทรนด์การดูแลสุขภาพคนทุกเพศวัยมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการระดับกลางที่ใช้พื้นที่เพียง 600-,1000 ตารางเมตร เผยพื้นที่เช่าที่ผู้ประกอบการให้ความสนใจมาก ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าและอาคารสำนักงาน
นายธีระวิทย์ ลิ้มทองสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส เรียลเอสเตท แอ็ดไวเซอรี่ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดพื้นที่พาณิชกรรมยังคงดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดพื้นที่ศูนย์การค้าในย่านใจกลางเมือง เช่น สยาม ราชประสงค์ และพร้อมพงษ์ ยังคงดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยในช่วงครึ่งปีแรก (มกราคม – มิถุนายน 2562) พบว่า ทำเลดังกล่าวยังคงมีอัตราเช่าสูงประมาณ 95% โดยหมวดหลักคือ กลุ่มผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่ม (Food and Berverage หรือ F&B) เนื่องจากกลุ่มนี้ยังคงเป็นกลุ่มที่สร้างจุดขายให้กับห้างได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกัน อีกเทรนด์หนึ่งที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากคือ เทรนด์การรักสุขภาพที่กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจ และมาแรงมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ปี 2557 – ปี 2562) ทำให้หลายธุรกิจที่เกี่ยวข้อง อาทิ ธุรกิจรองเท้า เสื้อผ้ากีฬา, ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ และธุรกิจฟิตเนสเติบโตอย่างรวดเร็วตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น คอนโดมิเนียม ห้างสรรพสินค้าและอาคารสำนักงาน
ฟิตเนสถือเป็นผู้เช่ารายใหญ่ของตลาดพื้นที่ศูนย์การค้า เนื่องจากฟิตเนสมีความต้องการใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ ส่งผลให้มีความต้องการพื้นที่เช่ามากขึ้น นอกจากนี้ ยังพบว่าพฤติกรรมของผู้ที่มาใช้บริการฟิตเนส โดยเฉลี่ยจะมาใช้บริการเป็นประจำอย่างน้อย 2-3 วันต่อสัปดาห์ ส่งผลให้อาคาร หรือ ห้างสรรพสินค้านั้น ๆ มีทราฟฟิกเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย โดย
เมื่อพิจารณาถึงผู้เล่นหลักในตลาดฟิตเนสในปัจจุบัน เช่น “ฟิตเนสเฟิร์ส” และ “เวอร์จิ้น แอคทีฟ” พบว่ายังมีการขยายสาขาออกไปอย่างต่อเนื่อง โดยทั้งสองแบรนด์เน้นจับตลาดกลุ่มบนเป็นหลัก ซึ่งการจับตลาดกลุ่มบนของผู้เล่นหลักนี้ส่งผลให้เกิดช่องว่างทางการตลาดของตลาดฟิตเนสระดับกลางซึ่งถือมีโอกาสเติบโตเช่นกัน
นายธีระวิทย์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของผู้ประกอบการฟิตเนสระดับกลางที่น่าจับตามองคือ “เจ็ทส์ ฟิตเนส” ซึ่งที่ผ่านมา เน้นการเช่าพื้นที่ในที่สะดวกสบาย ลดขนาดการใช้พื้นที่ของฟิตเนสลง จากปกติที่ฟิตเนสระดับบนแต่ละสาขาจะใช้พื้นที่ประมาณ 2-3 พันตารางเมตร แต่สำหรับ “เจ็ทส์ ฟิตเนส” ลดการใช้พื้นที่ลงเหลือเพียง 600-1,000 ตารางเมตร แต่มาทดแทนด้วยการเปิดสาขาจำนวนมากขึ้น ทำให้สามารถเปิดได้ 2-3 สาขาในทำเลเดียวกัน เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของผู้ออกกำลังกายและง่ายต่อการเข้าถึง นอกจากนี้ ยังเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมงอีกด้วย
ด้วยกลยุทธ์การหาทำเล และการเปิดบริการแบบ 24 ชั่วโมง ทำให้ “เจ็ทส์ ฟิตเนส” สามารถขยายสาขาได้ถึง 19 สาขาภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ พัทยาและโคราช โดยในปี 2561 สามารถขยายได้ถึง 10 สาขา บนทำเลศักยภาพ อาทิ สาขาเอฟ วาย ไอ เซ็นเตอร์ บริเวณหัวมุมถนนพระราม 4 ตัดถนนรัชดาภิเษก, อาคาร เอสพี ทาวเวอร์ ย่านอารีย์ หรือที่รู้จักกันในนามอาคารไอบีเอ็ม โดยในปี 2562 ได้ขยายเพิ่มอีก 7 สาขา ทั้งยังเป็นปีแรกที่ได้ขยายไปยังต่างจังหวัด โดยมีแผนที่จะขยายเพิ่มเติม ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ ๆ อีกกว่า 15 สาขาซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้าง และดำเนินการ
นายธีระวิทย์ เสริมว่า “เน็กซัสฯ ได้รับความไว้วางใจในการเป็นตัวแทนหาพื้นที่เช่าให้กับ “เจ็ทส์ ฟิตเนส” มาตั้งแต่ปี 2561 โดยทำเลที่สนใจคือ พื้นที่รีเทลชั้น 1 หรือชั้น 2 ที่โดดเด่นสะดุดตา ง่ายต่อการเข้าถึง รวมถึงทำเลที่ใกล้แนวรถไฟฟ้า และสามารถเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงได้ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ โดย “เจ็ทส์ ฟิตเนส” มีเป้าหมายในการขยายสาขาในประเทศไทยมากถึง 100 สาขาภายในปี 2567