alivesonline.com : ททท.จับมือ “การบินไทย – ไทยสมายล์” รวมถึง สมาคมผู้ประกอบการการค้าย่านราชประสงค์, “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” และ “เซ็นทรัล กรุ๊ป” จัดแคมเปญ “Give Me Five” ดึงดูดนักท่องเที่ยวตลาดระยะใกล้ 7 ชาติ ให้เดินทางมาท่องเที่ยวและจับจ่ายสินค้า พร้อมสิทธิโหลดสัมภาระสำหรับเที่ยวบินขากลับจากไทย เพิ่มขึ้นคนละ 5 กิโลกรัม หวังเพิ่มนักท่องเที่ยว 2 แสนคน พร้อมรายได้เฉพาะการจับจ่ายสินค้า 8.5 พันล้านบาท เตรียมเดินแผนเฟสสองร่วมมือกับแบรนด์สินค้าไทยจัดทำสินค้า Limited Edition จำหน่ายเฉพาะกิจในปี 62
นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ร่วมมือกับสายการบิน “การบินไทย” และ “ไทยสมายล์” รวมถึง สมาคมผู้ประกอบการการค้าย่านราชประสงค์ ห้างสรรพสินค้า “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” และ “เซ็นทรัล กรุ๊ป” จัดแคมเปญ “Give Me Five” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวระยะใกล้คือ นักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศ CLMV อาเซียน และอินเดีย ให้เดินทางมาท่องเที่ยวและจับจ่ายสินค้าในประเทศไทย ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2562
ภายใต้แคมเปญ “Give Me Five” นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจาก 7 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย ลาว เวียดนาม เมียนมา กัมพูชา และมาเลเซีย ที่เดินทางด้วยบัตรโดยสาร Round Trip มายังประเทศไทยของสายการบินที่ร่วมโครงการฯ จะได้รับสิทธิพิเศษในการโหลดสัมภาระสำหรับเที่ยวบินขากลับจากประเทศไทย เพิ่มขึ้นคนละ 5 กิโลกรัม โดย สมาคมผู้ประกอบการการค้าย่านราชห้างสรรพสินค้า “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” และ “เซ็นทรัล กรุ๊ป” จะมอบส่วนลดสูงสุด 50% และสิทธิพิเศษอื่น ๆ เมื่อนักท่องเที่ยวแสดง Boarding Pass ของ “การบินไทย” และ “ไทยสมายล์” เพื่อรับสิทธิพิเศษตามข้อกำหนดของแต่ละศูนย์การค้าทั่วประเทศที่เข้าร่วมโครงการ ณ จุดประชาสัมพันธ์ หรือจุดให้บริการนักท่องเที่ยว
แคมเปญ “Give Me Five” เป็นหนึ่งในแผนการกระตุ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงโลว์ซีซัน เน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวเอง หรือ Foreign Individual Tourism (F.I.T) โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัว ผู้หญิง และกลุ่มประชุมเพื่อเป็นรางวัล (Incentive) โดย ททท. มีการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้โดยตรง หรือ In Market ผ่านช่องทางการออนไลน์ในแต่ละประเทศเป็นหลัก โดยคาดว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 2 แสนคน สร้างรายได้เฉพาะการจับจ่ายสินค้าประมาณ 8.5 พันล้านบาท จากปรกติที่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีการจับจ่ายเฉลี่ยทริปละประมาณ 1.3-1.5 หมื่นบาท”
นายฉัททันต์ กล่าวอีกว่า ตลาดนักท่องเที่ยวระยะใกล้เป็นตลาดที่ ททท. ให้ความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ใช้เวลาตัดสินใจก่อนการเดินทางไม่นาน สามารถเดินทางได้บ่อย และชอบจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าในประเทศไทย โดยจากฐานข้อมูลของ ททท. พบว่า นักท่องเที่ยวอินเดียนิยมสินค้าเสื้อผ้าและอาหารประเภทของขบเคี้ยว (Snack) ลาวนิยมสินค้าเครื่องสำอาง เวียดนามนิยมสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น
ทั้งนี้ ในช่วงเดือน มกราคม – มิถุนายน 2562 พบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% โดยในส่วนของนักท่องเที่ยวอินเดีย มีนักท่องเที่ยวประมาณ 3.93 หมื่นคน เติบโตขึ้น 27.54% มาเลเซีย ประมาณ 5.47 หมื่นคน เติบโตขึ้น 8.89% ลาว ประมาณ 2.4 หมื่นคน เติบโตขึ้น 7.99% อินโดนีเซีย ประมาณ 1 หมื่นคน เติบโตขึ้น 7.08% กัมพูชา ประมาณ 1.49 หมื่นคน เติบโตขึ้น 6.33% เวียดนาม ประมาณ 1.7 หมื่นคนคน เติบโตขึ้น 4.49% และเมียนมา ประมาณ 8.4 พันคน เติบโตขึ้น 4.82%
“สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมในปี 2561 นักท่องเที่ยวจีนยังคงมีมากเป็นอันดับหนึ่งด้วยจำนวน 10 ล้านคน ขณะที่อันดับสองเป็นมาเลเซียมีจำนวนมากถึง 4 ล้านคน ทั้งยังมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มมากขึ้นด้วยการเดินทางโดยเครื่องบินจากเดิมที่นิยมเดินทางผ่านทางชายแดนเท่านั้น ขณะที่อินเดียถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั้งจำนวนคนและรายได้ โดยล่าสุดสร้างรายได้ให้ประเทศไทยประมาณ 1.6 ล้านบาทและคาดว่าจะเพิ่มเป็น 2 ล้านบาทในปี 2563 ส่วนด้านรายได้รวมคาดว่า ในปี 2562 ตลาดเอเชียจะสร้างรายได้รวมประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นตลาดเอเชียตะวันออก 9 แสนล้านบาท ตลาดเอเชียใต้และอาเซียน 3.2 แสนล้านบาท โดยเป็นรายได้ที่มาจากการจับจ่ายสินค้าประมาณ 3 แสนล้านบาท”
นายฉัททันต์ กล่าวในตอนท้ายด้วยว่า ททท.มีแผนต่อยอดแคมเปญ “Give Me Five” ในเฟสสอง ด้วยการร่วมมือกับแบรนด์สินค้าในประเทศไทยจัดแคมเปญพิเศษในการออกแบบสินค้าให้มีดีไซน์ในลักษณะ Limited Edition ในราคาโปรโมชัน เพื่อจูงใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจับจ่ายและชอปปิงสินค้าแบรนด์นั้น ๆ ในช่วงเวลาต่าง ๆ เป็นการเฉพาะ หลังจากพบว่ามีสินค้าไทยหลาย ๆ แบรนด์เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว เช่น ชาตรามือ, กระเป๋านารายา เป็นต้น โดยมีแผนจะเริ่มดำเนินการภายในปี 2562 รายละเอียดเพิ่มเติม www.giveme5Thailand.com