New Issues » “ไบโอฟาร์ม” เร่งสร้างแบรนด์บุกตลาดโลก

“ไบโอฟาร์ม” เร่งสร้างแบรนด์บุกตลาดโลก

13 สิงหาคม 2019
0

alivesonline.com : “ไบโอฟาร์ม” ฉลองครบรอบ 45 ปี เปิดแนวทางการดำเนินธุรกิจ ชูกลยุทธ์มุ่งสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง สร้างความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกิดการยอมรับแบรนด์สินค้าไทย พร้อมลุยตลาด CLMV ต่อเนื่อง แย้มแผนจับมือพันธมิตรทำวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดในเร็ว ๆ นี้ 

นายวีระพัฒน์ ถกลศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไบโอฟาร์ม เคมิคัลส์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเวชภัณฑ์คุณภาพชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ เปิดเผยถึงการดำเนินธุรกิจในโอกาสครบรอบ 45 ปี ว่า บริษัทฯ มีแนวทางในการทำตลาดที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้กลยุทธ์มุ่งสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งซึ่งปัจจุบันนับว่าผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในสินค้าของ “ไบโอฟาร์ม” มากขึ้น สามารถทำตลาดได้ดีและเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ

“ไบโอฟาร์ม” เน้นการสร้างนวัตกรรมสินค้าที่มีคุณภาพจากงานวิจัยและพัฒนา รวมทั้งการสร้างแบรนด์เพื่อให้เกิดการยอมรับในด้านคุณภาพและประสิทธิผลเป็นสำคัญ หากมองในภาพรวมซึ่ง “ไบโอฟาร์ม” ไม่ได้ทำตลาดเพียงแค่ในประเทศไทยเพียงอย่างเดียว โดยจำเป็นต้องมองในเรื่องของการส่งออกเพื่อขยายตลาดในต่างประเทศด้วย อุตสาหกรรมของประเทศไทยมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้าง Thailand Brand หรือตราสัญลักษณ์สินค้าไทยให้เป็นที่ยอมรับ โดยจำเป็นต้องสร้างแบรนด์ที่มีจุดแข็งและจุดขายแบบ Thailand Brand เพื่อผู้บริโภคและคู่ค้าในระดับนานาชาติเกิดความเชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้าที่ผลิตโดยคนไทยมากขึ้น

ปัจจุบัน “ไบโอฟาร์ม” มีการทำตลาดผลิตภัณฑ์ แบ่งเป็น 7 กลุ่ม ได้แก่ 1.Carbapenem 2.Thermal sterile  3.ยาเม็ด 4.ยาน้ำ 5.Cephalosporin 6.ยาฮอร์โมน 7.ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยมีช่องทางการขายในส่วนของโรงพยาบาลเป็นตัวชูโรง ซึ่งส่วนที่เหลือเป็นช่องทางร้านของยา โมเดิร์นเทรด และอีคอมเมิร์ซโดยมีหลักการบริหารงานที่ต้องการผลักดันให้สัดส่วนตลาดในแต่ละช่องทางใกล้เคียงกันให้ได้มากที่สุด

“ในปี 2562 บริษัท ไบโอฟาร์ม เคมิคัลส์ จำกัด และบริษัท ไบโอแลป จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตจะมีการลงทุนด้านการพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของตลาด และให้ผู้บริโภคคนไทยได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพทัดเทียมกับต่างประเทศ โดยก่อนหน้านี้ได้มีการลงนามความร่วมมือ (MOU) กับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพโดยใช้ผลการวิจัยและพัฒนาที่ถูกต้องน่าเชื่อถือเป็นหลัก”

นายวีระพัฒน์ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันบริษัทฯ มีการทำตลาดสินค้าใน 15 ประเทศ โดยอาเซียนถือเป็นตลาดหลักที่มีศักยภาพ จากจุดแข็งด้านคุณภาพและมาตรฐานการผลิต โดยที่ผ่านมาประสบความสำเร็จในการเข้าไปทำตลาดผ่านตัวแทนการค้าประเทศต่าง ๆ อาทิ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เมียนมาร์ เวียดนาม และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยมีผลิตภัณฑ์ที่นำไปเป็นตัวชูโรงในการบุกตลาดคือ ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร Belcid Suspension และ ยาสามัญประจำบ้าน Belcid Forte ผลิตภัณฑ์กลุ่มแคลเซียม Calvin เวชภัณฑ์ในกลุ่มยาปฏิชีวนะ รวมทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีตลาดเอเชีย ได้แก่ ฮ่องกง ภูฏาน ศรีลังกา มองโกเลีย รวมทั้งตลาดแอฟริกา และตะวันออกกลางในบางประเทศ เช่น ไนจีเรีย เยเมน โดยบริษัท ฯ ยังคงเดินหน้าทำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเป้าหมายต่อไปของบริษัทฯ คือ การก้าวสู่ผู้นำในตลาดระดับภูมิภาค โดยมองว่าประเทศอินโดนีเซีย เป็นตลาดที่น่าสนใจและมีความท้าทายในการเข้าไปเปิดตลาดเป็นอย่างมาก

“สำหรับภาพรวมของตลาดผลิตภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารยังคงมีโอกาสท่ามกลางการแข่งขันค่อนข้างสูง อันเนื่องมาจากปัจจัยหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทยเต็มรูปแบบในอีก 2 ปีข้างหน้า การที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพกันมากขึ้น รวมไปถึงเทคโนโลยีและสื่อดิจิทัลที่มีผลต่อช่องทางการทำตลาดและการสร้างการรับรู้ในตัวสินค้ามากขึ้น โดยมูลค่าของตลาดในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องประมาณ 5–7%” นายวีระพัฒน์ กล่าวในตอนท้าย