alivesonline.com : “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” ดัน 16 กิจกรรมท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมช่วงปลายปี 62 ครอบคลุม 3 มาตรการหลัก ทั้งด้านการเงิน การคลังและกฎหมาย อำนวยความสะดวกและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนกระตุ้นตลาดและเพิ่มค่าใช้จ่าย เร่งดำเนินการภายใน 3 เดือน – 1 ปี
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 4/2562 ณ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกซึ่งส่งผลกระทบถึงเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ช่วงเวลาที่ผ่านมา แม้ว่าการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ “ชิมช้อปใช้” ที่เปิดตัวกันมาระยะหนึ่งจะได้รับกระแสตอบรับจากประชาชนคนไทยเป็นอย่างดี แต่ก็ยังมีจุดที่ต้องปรับปรุงแก้ไขตามที่หลาย ๆ ฝ่ายมองว่ายังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย กระทรวงฯ จึงได้มีการเสนอ 16 กิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว เพื่อเป็นแนวทางกระตุ้นและจูงใจให้เกิดการท่องเที่ยวและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยจัดเป็นมาตรการระยะสั้นจำนวน 11 กิจกรรม และมาตรการระยะกลางและระยะยาว จำนวน 5 กิจกรรม โดย มาตรการหลัก แบ่งออกเป็น 3 ด้าน ได้แก่ 1 มาตรการด้านการเงิน การคลังและกฎหมาย 2.มาตรการอำนวยความสะดวกและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และ 3.มาตรการกระตุ้นตลาดและเพิ่มค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ มาตรการระยะสั้น มีทั้งหมด 11 กิจกรรม ซึ่งจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3–6 เดือน ได้แก่ 1.การคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Refund) ให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.การทบทวนกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศของกลุ่มคนต่างชาติแรงงานฝีมือ (Expatriate) 3.การหักรายจ่าย 2 เท่าของบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับการอบรมสัมมนาภายในประเทศ 4.การอำนวยความสะดวกด้านการตรวจลงตรา (วีซ่า) แก่นักท่องเที่ยว 5.การขยายเวลาเปิดด่านชายแดน เป็น 24 ชั่วโมง ช่วงสุดสัปดาห์ หรือวันหยุดเทศกาล 6.เร่งรัดการใช้ระบบ e-Visa ให้ครอบคลุมกับนักท่องเที่ยวจีนทั่วประเทศ 7.ขอความร่วมมือเร่งประชาสัมพันธ์การใช้ระบบ e-VoA ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้รับทราบและเข้าถึงข้อมูล 8.ทบทวนข้อกฎหมายให้สอดคล้องกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวต่างชาติที่นิยมถือบัตรเครดิต/ใช้กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Wallet) แทนเงินสด 9.โครงการ Amazing Thailand Grand Sale “Passport Privileges” 10.โครงการประชุมเมืองไทยภูมิใจช่วยชาติ กระตุ้นบริษัท (Corporate) โดยให้ Voucher 20,000 บาทต่องาน/กลุ่ม และ 11.ส่งเสริมการจัดประชุมภาครัฐ (Government Meeting)
ส่วนมาตรการระยะกลางและระยะยาว มี 5 กิจกรรม ซึ่งจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน – 1 ปี ได้แก่ 1.การขึ้นทะเบียนสถานพักแรมและให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ เพื่อนำไปปรับปรุงสถานประกอบการและการบริการให้ได้มาตรฐาน 2.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในด้านความปลอดภัยและลดความสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บของนักท่องเที่ยว 3.เพิ่มจำนวนแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม 4.การจัดมหกรรมระดับโลก หรือกิจกรรมขนาดใหญ่ เช่น World Event, Ultra Trail Thailand, การจัดคอนเสิร์ต Tomorrow Land, มหกรรมด้านความงามและสุขภาพ อาทิ World Cannabis Expo 5.การประชุมองค์กรจากต่างประเทศมาจัดในประเทศไทย
“ทุกมาตรการที่เสนอข้างต้นจะมีขอบข่ายพันธกิจที่เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับกระทรวงและหน่วยงานอื่น ๆ ตลอดถึงผู้ประกอบการภาคธุรกิจเอกชนอีกมากมาย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงจำเป็นต้องประสานงานขอความร่วมมือทำงานกันแบบบูรณาการกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะได้สื่อสารทำความเข้าใจในรายละเอียดและแลกเปลี่ยนแนวคิดระหว่างกันต่อไป เพราะถึงเวลาแล้วที่เราต้องมาสร้างความรับผิดชอบร่วมกันทั้งภาครัฐภาคเอกชน ผมเชื่อมั่นว่าหากทุกมาตรการสามารถบริหารจัดการให้เป็นไปตามที่เราได้วางแผนไว้จะสามารถกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย กระจายรายได้ไปยังชุมชนท้องถิ่น เป็นการสร้างโอกาสสร้างรายได้ เกิดประโยชน์แก่พี่น้องประชาชนได้อย่างมหาศาล โดย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะไม่ใช่องค์กรที่สร้างรายได้เพียงอย่างเดียว แต่เราจะร่วมพัฒนาคนและพัฒนาประเทศไทยไปพร้อม ๆ กันด้วย” นายพิพัฒน์ กล่าวในตอนท้าย