alivesonline.com : ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการระดมทุนระหว่างประเทศ แนะแนวทางระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ นานาชาติชั้นนำอันดับต้นของโลก เปิดโอกาสสร้างการเติบโตของธุรกิจไทยระดับนานาชาติในอนาคต โดยเฉพาะภาคธุรกิจขนาดกลางและใหญ่ เผยใช้เวลาเพียง 4-6 เดือนในการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ยุโรป ส่วนสิงคโปร์อาจใช้เวลา 8-9 เดือน
ดร.วรวุฒิ คงศิลป์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ผู้บริหารร่วมอาวุโส บริษัท Winton Associates จำกัด (ลอนดอน, ประเทศอังกฤษ) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการระดมทุนระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ทิศทางด้านธุรกิจในยุคปัจจุบันและการสร้างการเติบโตของธุรกิจต่าง ๆ ในปัจจุบันมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการหาพันธมิตรทางธุรกิจ การลงทุนในธุรกิจทั้งในและต่างประเทศที่หลากหลายรูปแบบ รวมถึงการเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามามีบทบาทในการบริหารงานมากขึ้น ที่สำคัญคือการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสาธารณะที่สามารถส่งผลให้บริษัทที่ต้องการขยายธุรกิจมีการเติบโตและสามารถขยายพันธมิตรทางธุรกิจและเงินทุนที่มาจากสถาบันขนาดใหญ่ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในระดับนานาชาติ ทันต่อกระแสด้านธุรกิจในสังคมโลกที่มีการปรับเปลี่ยนเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น กลุ่มธุรกิจทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่ในปัจจุบันจึงให้ความสนใจในการระดมทุนในรูปแบบการระดมทุนระหว่างประเทศมากขึ้น
สำหรับการระดมทุนในประเทศไทยมีกฎเกณฑ์ที่ค่อนข้างรัดกุมและเข้มงวดตามแนวทางการกำกับดูแลโดยใช้วิธีการพิจารณาอนุญาตตามความเหมาะสม (Merit-Based) และยังไม่เป็นวิธีการเปิดเผยข้อมูลที่ให้ผู้ลงทุนตัดสินใจด้วยตนเอง (Disclosure-Based) เหมือนการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์นานาชาติชั้นนำของประเทศพัฒนาแล้วของโลกซึ่ง ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ สิงคโปร์ ฮ่องกง และออสเตรเลีย ทำให้บางธุรกิจยังไม่สามารถเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้ แต่หากในปัจจุบันมีช่องทางการระดมทุนระหว่างประเทศในตลาดหลักทรัพย์นานาชาติชั้นนำของประเทศที่พัฒนาแล้วข้างต้นที่เปิดโอกาสให้บริษัทที่ต้องการขยายธุรกิ และต้องการที่จะให้ธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันมีการดำเนินธุรกิจที่เติบโต มั่นคง และเข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดทุนได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
“ในฐานะที่มีประสบการณ์ในการดำเนินงานใน บริษัท Winton Associates จำกัด ที่เป็น Co Advisor มีความเชี่ยวชาญในการบริหารและจัดการระดมทุนระหว่างประเทศ ทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์ผ่านสถาบันการเงินและกองทุนชั้นนำระดับนานาชาติ รวมถึงตลาดหลักทรัพย์นานาชาติชั้นนำของโลกข้างต้น จึงมองว่าปัจจุบันการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์นานาชาติในต่างประเทศ ถือได้ว่าเป็นโอกาสสร้างการเติบโตของธุรกิจที่ดี โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและใหญ่ในประเทศไทย ซึ่งเรามองว่า การระดมทุนสามารถเดินหน้าได้ทั้ง 2 ช่องทาง คือ ทั้งในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศและตลาดหลักทรัพย์ในต่างประเทศควบคู่กันไป”
ดร.วรวุฒิ กล่าวอีกว่า การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในระดับนานาชาติชั้นนำในต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มตลาดที่มีการเติบโตสูง (Growth Market) ใช้เวลาในการดำเนินการในระยะราวที่ค่อนข้างสั้น ประมาณ 8-9 เดือน (Catalist) ในตลาดนานาชาติของสิงคโปร์ ศูนย์กลางทางการเงินของเอเชียแปซิฟิก และบางประเทศที่ตลาดนานาชาติในอังกฤษ (AIM) ศุนย์กลางทางการเงินของยุโรป ใช้เวลาประมาณ 4-6 เดือน โดยไม่ต้องดำเนินการการยื่นขออนุญาตจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยตรงอย่างในประเทศไทย ซึ่งผ่านเพียงตัวแทนหรือ FA (Financial Advisor and Regulator) ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก กลต. หรือ ตลาดหลักทรัพย์ (Sponsor or Nominated Advisor) แทนเพียงที่เดียวเพื่อตรวจสอบและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งหากผ่านการตรวจสอบเรียบร้อยทุกขั้นตอน ภาคธุรกิจสามารถเข้าระดมทุนในตลาดได้ทันที
การระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ในระดับนานาชาติในต่างประเทศมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการเติบโตจากธุรกิจ เป็นการเติบโตจากทุนจากการเข้าหาแหล่งเงินทุนในส่วนทุนที่เริ่มต้นจากการ (IPO) หรือ Initial Public Offerring โดยไม่เป็นส่วนหนี้ ซึ่งกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาฯ หรือกลุ่มการลงทุนในต่างประเทศมองหาธุรกิจที่มีความต้องการในตลาดหลักทรัพย์นานาชาติจากประเทศไทย โดยไม่จำเป็นต้องมีธุรกิจประกอบการ (Operation) ในต่างประเทศ และในปัจจุบันมีกลุ่มธุรกิจในประเทศไทยที่น่าสนใจคือ กลุ่มธุรกิจด้านการแพทย์ เฮลท์แคร์ อาหารเสริม เอ็นเตอร์เทนเมนท์ อสังหาริมทรัพย์ อาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น
“สำหรับการนำภาคธุรกิจในประเทศไทยจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในระดับนานาชาติในต่างประเทศนั้น ปัจจุบันมีบริษัทที่อยู่ระหว่างการเตรียมยื่นจดทะเบียนที่เราให้คำปรึกษาอยู่ประมาณ 2-3 แห่ง ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ และพลังงาน โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2562 จะสามารถผลักดันภาคธุรกิจในประเทศไทยเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์นานาชาติในต่างประเทศเพิ่มขึ้นประมาณ 6-7 แห่ง”
ดร.วรวุฒิ กล่าวอีกว่า การระดมทุนทุกช่องทาง ทังในประเทศและต่างประเทศต่างก็มีความเสี่ยง โดยเฉพาะในเรื่องของสงครามทางการค้าเป็นผลกระทบที่มีผลต่อธุรกิจทั่วโลก ทั้งในแถบยุโรป เอเชีย หรือแม้กระทั่งประเทศไทย โดยปัจจัยที่มีผลกระทบในวงกว้างมากที่สุดกับตลาดทุน หรือตลาดหลักทรัพย์คือ ปัจจัยทางทางเศรษฐกิจในระดับมหภาค หากแต่การผลักดันให้ภาคธุรกิจมีการเติบโตยังคงเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางจุลภาค และเชื่อว่าการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์นานาชาติจะสามารถเป็นส่วนเสริมผลักดันให้ภาคธุรกิจเติบโตได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานของภาคธุรกิจในส่วนทุนต้องมั่นคงแข็งแรง มีสภาพคล่องที่ดีอันจะเป็นส่วนสำคัญของการเติบโตของภาคธุรกิจ ซึ่งหากภาคธุรกิจมีความคล่องตัว มีการเติบโตที่ดีจะส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศในที่สุด ดังนั้น การจดทะเบียนในตลาดหุ้นในระดับนานาชาติในต่างประเทศอาจเป็นอีกหนึ่งโอกาสของการผลักดันให้บริษัท หรือภาคธุรกิจมีการเติบโตที่ดีและมั่นคงในเชิงการพัฒนาธุรกิจในยุคปัจจุบัน หากมีการเข้าถึงแหล่งทุนที่ดีและรวดเร็วพร้อมในการผลักดันธุรกิจให้เกิดงานที่มีคุณภาพงานและมีประสิทธิภาพในอนาคต