alivesonlibe.com : “ไอคอนสยาม” ฉลองความสำเร็จครบรอบ 1 ปีเปิดให้บริการ คว้ารางวัล “ออกแบบดีที่สุดในโลก” จากสภาการค้าปลีกโลก และรางวัลชนะเลิศสูงสุดด้าน “การออกแบบที่ดีที่สุด” จากสมาคมศูนย์การค้าโลก เผยไทย-เทศแห่ใช้บริการ 80,000-120,000 คนต่อวัน ด้านผู้ประกอบการปลื้มได้ลูกค้าใหม่สูงถึง 40% เตรียมใช้งบฯ 300 ล้านบาท ช่วง 2 เดือนสุดท้ายจัดกิจกรรมการตลาดและงานเคาน์ดาวน์ต้อนรับปีใหม่ หวังดึงคน 3-4 แสนคน
นางชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของโครงการ “ไอคอนสยาม” เปิดเผยว่า นับตั้งแต่โครงการ “ไอคอนสยาม” เปิบริการอย่างเป็นทางการเป็นเวลาประมาณ 1 ปี ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการประมาณ 80,000-120,000 คนต่อวัน แบ่งเป็นลูกค้าคนไทย 65% และต่างชาติ 35% โดยลูกค้าต่างชาติที่มาใช้บริการมากที่สุดคือจีน รองลงมาคือเกาหลีใต้ ไต้หวัน และกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี ทั้งยังพบว่าผู้ประกอบการหลายรายสามารถทำยอดขายได้สูงเป็นอันดับ 2 รองจากสาขาสยามพารากอน รวมถึงต้องการขยายพื้นที่เพิ่มอีกด้วย ขณะเดียวกันผู้ประกอบการบางแบรนด์ยังได้ลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยใช้บริการมาก่อนสูงถึง 40% จึงถือได้ว่า “ไอคอนสยาม” ได้สร้างความภาคภูมิใจให้แก่ประเทศไทยและคนไทย พร้อมทั้งก่อให้เกิดประโยชน์นานาประการแก่ชุมชนที่รายล้อมและบรรดาธุรกิจริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมดอีกด้วย
ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2562 “ไอคอนสยาม” จึงเตรียมใช้งบประมาณการตลาดกว่า 300 ล้านบาทในการจัดอีเวนต์และกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีการให้บริการในวันที่ 9 พ.ย.62 รวมถึงจัดงานอีเวนต์ต่าง ๆ และงานเคาน์ดาวน์ต้อนรับปีใหม่ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นความสนใจให้มีผู้มาใช้บริการถึง 3-4 แสนคน มากกว่าปีที่ก่อนซึ่งมีประมาณ 2-3 แสนคน
ตลอด 1 ปีทีผ่านมา “ไอคอนสยาม” ได้รับการยอมรับว่ามีส่วนสำคัญในการช่วยกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว ในฐานะเป็นแม่เหล็กของการท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ทรงพลัง ถือเป็น Global Destination ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกและจากทั่วประเทศไทยให้เดินทางมาเยี่ยมชม จากการที่ “ไอคอนสยาม” ลงทุนทำการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่และได้ทำการตลาดแพร่กระจายไปทั่วโลก ทำให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่พลาดไม่ได้ของนักท่องเที่ยว
นางชฎาทิพ กล่าวด้วยว่า “ไอคอนสยาม” ยังถูกยกให้เป็นต้นแบบโครงการค้าปลีกที่บุกเบิกแนวความคิดที่แปลกใหม่ของการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์อนาคตที่สามารถรวบรวมศิลปะ ประเพณีท้องถิ่น นวัตกรรม สถาปัตยกรรมระดับโลก และประสบการณ์เหนือระดับในการชอปปิงและเอ็นเตอร์เทนเมนต์มารวมกันลงตัวได้อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน จึงเป็นโครงการตัวอย่างที่ดึงดูดนักลงทุนและนักพัฒนาโครงการค้าปลีกจากทั่วโลกให้ต้องเดินทางมาเยี่ยมชมและศึกษาแนวคิดของการทำโครงการ
“เรารู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่สามารถทำโครงการไอคอนสยามซึ่งเป็นโครงการของบริษัทคนไทยที่มีมูลค่าการลงทุนสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 5.5 หมื่นล้านบาท และทำได้สำเร็จได้ในระยะเวลาเพียง 5 ปี ท่ามกลางยุคที่ประเทศไทยเผชิญปัญหาวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่ร้อนแรงและความผันผวนทางเศรษฐกิจสูงสุด ทั้งยังได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นโครงการที่ช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทยให้แข็งแกร่งขึ้น เกิดการจ้างงานกว่า 3 แสนอัตรา สามารถดึงเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้าสู่ประเทศไทยผ่านการลงทุนเปิดธุรกิจร้านต่าง ๆ ในโครงการ เป็นมูลค่ามากกว่า 5 พันล้านบาท ไม่ว่าจะเป็น Apple Store สาขาแรกในประเทศไทย รวมถึงลักซ์ชัวรี่แบรนด์ต่าง ๆ ที่แม้จะเปิดในประเทศไทยอยู่แล้ว แต่ก็ให้ความเชื่อมั่นและเปิดอีกสาขาระดับแฟล็กชิฟสโตร์ในไอคอนสยาม”
คว้ารางวัลระดับโลก-สร้างประโยชน์วงกว้าง
นางชฎาทิพ กล่าวอีกว่า ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ “ไอคอนสยาม” ล้วนเกิดจากการรวมพลังความคิดสร้างสรรค์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุคจากหัวใจคนไทยร้อยพันชีวิตผนึกกำลังกับผู้เชี่ยวชาญจาก 4 ทวีป รวม 15 ชาติ ผู้มีส่วนร่วมในโครงการ (The Makers, The Co-Creators, The Supporters) ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น สถาปนิก วิศวกร มัณฑนากร ศิลปิน นักออกแบบ นักธุรกิจ ตลอดจนผู้คนจากชุมชนทั่วไทย ดังนั้นความสำเร็จและความดีงามของโครงการไอคอนสยามในวันนี้ต้องยกให้กับทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการทั้งหมด
สำหรับวิสัยทัศน์ของ “ไอคอนสยาม” ที่ต้องการให้คนทั้งประเทศได้มีส่วนร่วมและได้ประโยชน์ร่วมกัน ประการแรกคือ ส่งเสริมให้เกิดความภาคภูมิใจในความเป็นไทย เป็นจุดหมายหมายปลายทางที่คนไทยอยากจะมาเยี่ยมชม รวมทั้งพาเพื่อนต่างชาติมาร่วมชื่นชมคุณค่าความดีงามตลอดจนศิลปะและวัฒนธรรมไทย ทำให้คนต่างชาติหลงรักประเทศไทยมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นคนไทยยังได้ร่วมภาคภูมิใจในความสำเร็จและการสร้างชื่อเสียงเกียรติยศให้กับประเทศไทยบนเวทีโลก จากการได้รับรางวัลชนะเลิศมากมายจากสถาบันและสมาคมอันทรงเกียรติระดับนานาชาติหลายแห่งที่ได้รับการยอมรับสูงสุดของโลกในแวดวงค้าปลีกและการพัฒนาโครงการ ซึ่งต่างยกย่อง “ไอคอนสยาม” ว่ามีแนวคิดที่บุกเบิกระดับโลกและมีโมเดลธุรกิจที่เปลี่ยนวิธีคิดและเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการพัฒนาโครงการที่เป็นจุดหมายปลายทางไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยรางวัลที่ได้รับในสาขาต่าง ๆ ทั้งการได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะรางวัล “ออกแบบดีที่สุดในโลก” จากสภาการค้าปลีกโลก (World Retail Congress) และคว้ารางวัลชนะเลิศสูงสุดด้าน “การออกแบบที่ดีที่สุด” จากสมาคมศูนย์การค้าโลก (International Council of Shopping Centers – ICSC)
นอกจากนั้น สมาคมศูนย์การค้าโลก ยังได้มอบรางวัลสูงสุดสำหรับการมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางผ่านโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ รางวัลการจัดงานเปิดที่สร้างสรรค์และยิ่งใหญ่จนเป็นมหาปรากฏการณ์ระดับโลก รวมถึงรางวัลด้านการทำการตลาดและการประชาสัมพันธ์อันยอดเยี่ยม ซึ่งนับได้ว่าเป็นครั้งแรกที่โครงการจากประเทศไทยได้รับรางวัลชนะเลิศเหนือโครงการอื่น ๆ ทั่วโลกมากมายเป็นประวัติการณ์ด้วยเวลาภายใน 1 ปี หลังจากเปิดโครงการ
ประการที่สองคือ การสร้างผลประโยชน์ให้เกิดในวงกว้างที่ประสบความสำเร็จทำได้อย่างชัดเจน คือการอุทิศพื้นที่กว่า 30% ของพื้นที่ในโครงการให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยส่วนแรกเป็นพื้นที่ขนาดกว่า 10 ไร่ ชั้นล่างสุดคือ “เมืองสุขสยาม” ซึ่งเพิ่งได้รับรางวัลระดับโลก เป็นพื้นที่ที่ส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็กจากจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย ธุรกิจครอบครัวจำนวนมากที่มีฝีมือและมีสินค้าที่โดดเด่น แต่ไม่มีโอกาสเข้าถึงตลาด หรือเวทีการค้าซึ่งเป็นที่รู้จักในระดับสากลที่จะช่วยต่อยอดให้กิจการเติบโต ด้วยการเปิดโอกาสและเปิดเวทีให้ชุมชนจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศมานำเสนอผลงานจากความสามารถและความคิดสร้างสรรค์บนเวทีที่ต่อยอดสนับสนุนและส่งเสริมทั้งในด้านการขายและสอนเทคนิคการทำการตลาด เพื่อช่วยให้สินค้าเหล่านั้นสามารถเจาะตลาดนานาชาติได้ และสามารถต่อยอดไปสู่การทำอี-คอมเมิร์ซได้ในอนาคต ซึ่งจะเป็นการช่วยรักษางานศิลปะและงานฝีมือดั้งเดิมของไทยให้คงอยู่แบบยั่งยืน นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ส่วนที่สองคือ “ไอคอนคราฟต์” ที่รวบรวมงานนวัตศิลป์และงานคราฟต์แบบร่วมสมัยหลากหลายประเภทไว้ในที่เดียว เปิดโอกาสให้ช่างฝีมือไทย ดีไซเนอร์ และผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้ามาค้าขายในไอคอนคราฟต์ถึง 500 ราย ให้มีรายได้เพื่อต่อยอดความสามารถและมีความภาคภูมิใจที่ได้มีสถานที่จำหน่ายสินค้าที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยี่ยมชม เพิ่มโอกาสในการส่งสินค้าไปขายในต่างประเทศอีกด้วย
นางชฎาทิพ กล่าวในตอนท้ายว่า แผนแม่บทแม่น้ำเจ้าพระยาวิสัยทัศน์แห่งไอคอนสยาม (ICONSIAM’s Chao Phraya River Master Vision) ซึ่งได้ประกาศไว้เมื่อ 5 ปีก่อน เป็นการบุกเบิกความร่วมมือระดับชาติครั้งประวัติศาสตร์ ของผู้ประกอบการและหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มีอยู่เมื่อ 6 ปีก่อน และกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา รวมทั้งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ตลอดจนภาคประชาสังคม โรงแรมกว่า 40 แห่งริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และชุมชนต่าง ๆ ริมสองฝั่งแม่น้ำ ผนึกกำลังร่วมกัน จนถึงวันนี้ได้เกิดความร่วมมือและการทำงานร่วมกันในรูปแบบต่าง ๆ มากมาย สร้างการยกระดับความเจริญรุ่งเรือง และส่งต่อผลโยชน์ออกไปให้สังคมทุกระดับ
ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ระดับนานาชาติ
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” กล่าวว่า การเปิด “ทรู ไอคอน ฮอลล์” ซึ่งเป็นศูนย์การประชุมแห่งแรกของประเทศไทยที่ครบครันไปด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่สุดใน “ไอคอนสยาม” จะทำให้กรุงเทพฯ ก้าวไปสู่การเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมการประชุมระดับนานาชาติ ในขณะที่ “ริเวอร์ มิวเซียม แบงค็อก” ซึ่งกำลังจะเปิดในเร็ว ๆ นี้ จะเป็นพื้นที่พิพิธภัณฑ์มาตรฐานสูงสุดระดับสากลแห่งแรกของไทยที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถเป็นเจ้าภาพรองรับการจัดแสดงงานของพิพิธภัณฑ์และนิทรรศการระดับสูงสุดของโลกได้ ซึ่งจะช่วยให้กรุงเทพฯ และประเทศไทยมีความพร้อมและความแข็งแกร่งสำหรับอุตสาหกรรมไมซ์มากยิ่งขึ้น
เผยช่วยผลักดันราคาที่ดินสูงขึ้น 2 เท่า
นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โครงการ “ไอคอนสยาม” เป็นโครงการนำร่องที่จุดประกายเรื่องการท่องเที่ยว การลงทุน และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในย่านฝั่งธนบุรี โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มเปิดตัวโครงการจนถึงโครงการสร้างแล้วเสร็จ มูลค่าของที่ดินบริเวณถนนเจริญนครบริเวณใกล้เคียงกับไอคอนสยาม สูงขึ้นกว่า 2 เท่า จากราคาตารางวาละ 1.5-2.5 แสนบาท เป็น 3-4.5 แสนบาท ส่วนตลาดที่อยู่อาศัยมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในฝั่งธนบุรีปี 2561 ถึง 12 โครงการ จำนวน 6,509 ยูนิต และในปี 2562 มี 8 โครงการจำนวน 5,538 ยูนิต ทั้งนี้ ถ้าพิจารณาโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในปี 2560-2562 เฉพาะที่ตั้งอยู่ใกล้กับไอคอนสยาม บนถนนเจริญนครและคลองสาน 3 โครงการ จำนวน 1,508 ยูนิต ล้วนประสบความสำเร็จอย่างมากในแง่ของยอดขาย โดยมียอดขายรวมเฉลี่ยสูงถึง 95% สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการสะสมของผู้ซื้อในย่านดังกล่าวและนักลงทุนจากย่านอื่น ๆ ที่มองเห็นศักยภาพในการเจริญเติบโตและความเป็นทำเลที่เหมาะกับการอยู่อาศัย ทั้งในแง่การเดินทางที่สะดวกสบายและมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เทียบเท่ากับฝั่งใจกลางย่านธุรกิจอื่น ๆ ของกรุงเทพฯ โดยโครงการ “ไอคอนสยาม” ได้เติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับไลฟ์สไตล์ของการอยู่อาศัยและการทำธุรกิจ ทั้งยังเสริมความโดดเด่นให้กับพื้นที่ในเรื่องการคมนาคมทั้งระบบรถ-ราง-เรือ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีทองซึ่งกำลังก่อสร้างมีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2563
กระตุ้นภาคการโรงแรม-การท่องเที่ยว
นางสาวศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า “ไอคอนสยาม” และกิจกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจริมแม่น้ำเจ้าพระยากำลังสร้างประสบการณ์ใหม่และสร้างประโยชน์ให้กับกรุงเทพฯ เหมือนกับที่ “ลอนดอนอาย” (London Eye) สร้างประโยชน์ให้กับเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ และเหมือนกับที่ “สวนพฤกษศาสตร์สิงคโปร์” (Botanic Gardens) และ “มาริน่า เบย์ แซนด์” (Marina Bay Sands) สร้างประโยชน์ให้ประเทศสิงคโปร์ ถือเป็นการเพิ่มแม่เหล็กทางด้านการท่องเที่ยวที่มีประสิทธิภาพดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทั้งประเทศไทยและทั่วโลกให้มาเยี่ยมชม กระตุ้นภาคการท่องเที่ยวและสร้างการเติบโตให้กับภาคธุรกิจโรงแรม โดยอัตราการเข้าพักของโรงแรมระดับ 5 ดาวในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นในอัตราสูงเกินกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้
เอื้อธุรกิจแม่น้ำเจ้าพระยาเติบโตกว่า 20%
นาวาโท ปริญญา รักวาทิน นายกสมาคมการค้าธุรกิจในแม่น้ำเจ้าพระยา กล่าวว่า ผลประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจได้แผ่กระจายไปยังธุรกิจอื่นทุกประเภทและทุกระดับนอกเหนือจากโครงการ “ไอคอนสยาม” โดยกิจการต่าง ๆ ตลอดลำน้ำเจ้าพระยา เขตคลองสาน และพื้นที่โดยรอบในย่านเจริญนครต่างได้รับประโยชน์ในทันที ทั้งร้านค้า ภัตตาคาร และโรงแรม มีจำนวนผู้มาใช้บริการและมียอดขายที่เพิ่มขึ้น ภาพรวมของธุรกิจในแม่น้ำเจ้าพระยามีการเติบโตขึ้นกว่า 20% มีการลงทุนต่อเนื่องทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ โรงแรมระดับ 5 ดาว โครงการมิกซ์ยูส รวมถึงแหล่งท่องเที่ยว ภัตตาคาร ร้านอาหาร เรือนำเที่ยว เรือดินเนอร์กลางคืน ฯลฯ ระบบการเดินทางโดยแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น 10-15% เรือด่วนและเรือท่องเที่ยวมีผู้สัญจรทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเพิ่มจากประมาณ 4 หมื่นคนต่อวันเป็น 5 หมื่นคนต่อวัน เพิ่มขึ้นถึงวันละ 1 หมื่นคน หรือปีละ 3.65 ล้านคน
หนุนธุรกิจชุมชนเติบโตอย่างยั่งยืน
นายอาภรณ์ กุลวัฒโท ประธานสภาวัฒนธรรมเขตคลองสาน กล่าวว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา “ไอคอนสยาม” ได้ช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่คนในพื้นที่ทำให้ไม่ต้องเดินทางออกไปงานทำในพื้นที่อื่น อีกทั้งยังช่วยดึงดูดคนเป็นจำนวนมากให้เข้ามาเยี่ยมเยือนและจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่ มีเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่มากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เปลี่ยนพื้นที่ที่เคยถูกมองข้าม หรือถูกลืมเลือนให้กลับมามีชีวิตชีวาและเป็นที่สนใจอีกครั้ง ทั้งยังเปิดเวทีให้ผู้ประกอบการร้านค้าที่ทำมาค้าขายอยู่ในพื้นที่ ได้มีส่วนร่วมและมีพื้นที่ทำมาค้าขายในโครงการไอคอนสยาม เช่น การเปิดพื้นที่ “โซนธนบุรีดีไลท์” ให้ชาวย่านได้เข้ามาขายอาหารและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เป็นการเปิดโอกาสให้ชาวย่านได้นำของดีคลองสานและธนบุรีทั้งอาหารและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ นำเสนอให้เป็นที่ประจักษ์ต่อทุกสายตาจากทั่วประเทศไทยและทั่วโลก