alivesonline.com : “เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์” เตรียมแผนธุรกิจที่อยู่อาศัยแนวราบ รับ “ปัจจัยลบ” ธุรกิจอสังหาฯ ปี 63 ผุดโครงการ “เซนส์ บางนา–สุวรรณภูมิ”รับเทรนด์ “Active Wellness” พร้อมนำ Robotic Construction มาใช้ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นรายแรกของไทย
นายบดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด หรือ REAL ASSET เปิดเผยถึงแนวทางในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ว่า บริษัทฯ ยังคงเน้นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งประเภทแนวสูง (คอนโดมิเนียม)และแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ และโฮมออฟฟิศ อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงหลังจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการ LTV (Loan to Value) ที่เริ่มใช้ไปแล้วเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ทำให้ภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ได้รับผลกระทบไปตาม ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยภายในของตัวลูกค้า เช่น ปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง ส่งผลต่อความเข้มงวดต่อการยื่นขอสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ และยังมีปัจจัยภายนอกประเทศ เช่น ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา–จีน ปัญหาการประท้วงในฮ่องกง และแนวโน้มกำลังการซื้อจากต่างชาติลดลง โดยเฉพาะจากประเทศจีน เป็นต้น
“ปีนี้จึงถือเป็นบททดสอบที่สำคัญให้บริษัทฯ ต้องปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจในครึ่งหลังปี 2562 และในปี 2563 อย่างรอบคอบ ด้วยการเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในเรื่องของคุณภาพการก่อสร้างและการใส่ใจในการบริการที่มีต่อลูกค้า โดยมีการปลูกฝังค่านิยมเหล่านี้ภายในองค์กร ผ่านวิสัยทัศน์ “We Build Real Matters For Living” เพื่อให้ลูกค้าสัมผัสถึงความคุ้มค่าที่ได้รับจากโครงการผ่านทางคุณภาพบ้าน สภาพแวดล้อม และพื้นที่ส่วนกลางที่สามารถตอบสนองทุกรูปแบบการใช้ชีวิตของลูกค้าให้เป็นจริงได้
ใช้หุ่นยนต์ช่วยงานก่อสร้างรายแรกของไทย
นายบดินทร์ธร ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า บริษัทฯ ได้เริ่มศึกษาการนำ Robotic Construction มาใช้งาน เพราะเชื่อว่าภายใน 5-10 ปีข้างหน้า AI และ Parametric Design จะเปลี่ยนวงการอสังหาริมทรัพย์ การออกแบบ และก่อสร้างใหม่ทั้งหมด โดยการก่อสร้างแบบดั้งเดิมที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้ก็จะค่อย ๆ หายไปและถูกแทนที่โดยหุ่นยนต์มากขึ้น
“ผมเชื่อว่า Robotic Construction จะสามารถยกระดับคุณภาพงานก่อสร้าง เพิ่มประสิทธิภาพด้านความรวดเร็วและแม่นยำ ลดขั้นตอนการทำงาน รวมทั้งลดจำนวนแรงงาน และยังสามารถเพิ่มการทำ Customization เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้นอีกด้วย บริษัทฯ จึงนับเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรกของประเทศไทยที่ได้นำ Robotic Construction มาใช้กับการออกแบบและก่อสร้าง โดยขั้นต้นเตรียมศึกษาเพื่อนำมาใช้ในพื้นที่ส่วนกลางของ Real Square ในรุปแบบ Sculpture หรือ Pavilion”
พัฒนาโครงการ “เซนส์ บางนา–สุวรรณภูมิ” รับเทรนด์ Active Wellness
นายบดินทร์ธร กล่าวอีกว่า บริษัท ฯ เล็งเห็นว่า ลูกค้าในปัจจุบันหันมาใส่ใจในการดูแลสุขภาพของตัวเองและคนในครอบครัวมากยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องการออกกำลังกาย การกินอาหารที่มีสุขภาพ และหันมาตั้งเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง สะท้อนชัดเจนว่า เทรนด์ “Active Wellness” ยังมาแรงมาก บริษัทฯ จึงมีแผนพัฒนาโครงการให้สอดรับกับเทรนด์ “Active Wellness” โดยโครงการแรกที่จะเห็นภาพชัดเจนในปีนี้คือ โครงการ “เซนส์ บางนา–สุวรรณภูมิ” ซึ่งออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียวรวมมากถึง 2.96 หมื่นตารางเมตร รวมถึง Bike Lane พื้นที่รวม 2.6 พันเมตร และ Jogging Track ความยาว 7.4 พันเมตร เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนอยากที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น
ในส่วนของแนวคิดการออกแบบโครงการ “เซนส์ บางนา-สุวรรณภูมิ” นั้นมาจากแนวคิด “WHERE THE BEAUTIFUL LIFE BEGINS” ที่เน้นความสวยงาม ทนทาน เรียบง่าย และประโยชน์ใช้สอยที่เพิ่มมากขึ้น คือหัวใจของการออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวียน โดยบริษัทฯ เลือก “ผีเสื้อ” อยู่ในโลโก้ เพื่อสื่อถึงสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่ ความสวยงาม ความสดใส และแสดงถึงความเป็นอิสระ สะท้อนให้เห็นภาพจากทุกรายละเอียด เพื่อสร้างพื้นที่ภายในบ้านที่คิดมาเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยใช้ชีวิตแบบพอดี ทั้งการออกแบบภายนอกที่แปลกตา ขณะที่ดีไซน์ภายในแบ่งเป็นพื้นที่เพื่อให้ใช้ชีวิตได้ตรงกับความต้องการในแต่ละวัน
ด้าน นายวีระชัย หาญจริยากูล ผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์ ธุรกิจบ้านจัดสรรและอาคารพาณิชย์ บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวเสริมว่า โครงการ “เซนส์ บางนา–สุวรรณภูมิ” ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 23 ไร่จำนวน 160 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 810 ล้านบาท พัฒนาเป็นทาวน์โฮมและบ้านแฝด มีแบบบ้านให้เลือก 2 แบบ คือ แบบบ้าน IDAS (ไอดาส) เป็นบ้านทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 8 เมตรบนที่ดิน 28–35ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 136 ตารางเมตร ขนาด 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2 คัน ราคาเริ่มต้น 3.99 ล้านบาท และแบบบ้าน AMANDA (อแมนด้า) เป็นบ้านแฝด ฟังก์ชันครบ ออกแบบให้ผนังบ้านไม่ติดกัน เป็นอิสระและให้ความเป็นส่วนตัวเหมือนอยู่บ้านเดี่ยว ปลูกสร้างบนที่ดินเริ่มต้น 39 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 151 ตารางเมตร ขนาด 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2 คัน ราคาเริ่มต้น 4.99 ล้านบาท
ภายในโครงการมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ คลับเฮ้าส์ พร้อมสระว่ายน้ำ ฟิตเนส บริเวณพักผ่อน ลู่วิ่งกลางแจ้ง สวนสาธารณะ Playground ปลอดภัยด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24ชั่วโมง พร้อมเข้า-ออกโครงการด้วยนวัตกรรม Access Control และ CCTV บริเวณทางเข้า-ออกโครงการ เป็นต้น
ด้านศักยภาพทำเลของโครงการฯ มีทางเข้า-ออก ติดถนนหลักถนนกิ่งแก้ว เดินทางสะดวกหลากหลายเส้นทางไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์เวย์ ทางด่วน วงแหวน แอร์พอร์ต เรลลิงค์ และรถไฟรางเบา (LRT) ใช้เวลาเพียง 15 นาทีถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งยังมีถนนสายสำคัญคือ ถนนบางนา–ตราด สามารถเชื่อมต่อไปยัง ถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์ รวมถึงใกล้ทางด่วนถึง 2 เส้นคือ ทางพิเศษเฉลิมมหานค และวงแหวนรอบนอก ทำให้เดินทางเข้าออกเมืองสะดวก นอกจากนี้ ในอนาคตยังจะมีโครงการเมกะโปรเจกต์จากภาครัฐและเอกชนเข้ามาลงทุนในพื้นที่รวมมูลค่าโครงการกว่า 6.5 แสนล้านบาท ประกอบด้วยระบบคมนาคมและโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่หลายโครงการ ซึ่งจะทำให้พื้นที่นี้เป็นศูนย์รวมทั้งแหล่งงาน แหล่งชอปปิง และพื้นที่กิจกรรมขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร