New Issues » “แสนสิริ” ตุนแบ็กล็อก 5.9 หมื่นล้าน

“แสนสิริ” ตุนแบ็กล็อก 5.9 หมื่นล้าน

16 พฤศจิกายน 2019
0

alivesonline.com : “แสนสิริ” เผยผลประกอบการรอบ 9 เดือน ประสบความสำเร็จจากการรุกตลาดแนวราบ โกยรายได้ 1.69 หมื่นล้านบาท โอ่ไตรมาส 3 เติบโตโดดเด่น มีรายได้ 6 พันล้านบาท ล่าสุดขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทแม่โรงแรม The Standard แบรนด์โรงแรมอเมริกันที่โด่งดัง เตรียมเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในเอเชียรวมถึงไทย ฟุ้งแผนความเชื่อมั่นในธุรกิจ ตุนพรีเซลแบ็กล็อกในมือแน่นกว่า 5.9 หมื่นล้านบาท รองรับการเติบโตระยะยาวในอีก 3 ปี

นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ผลประกอบการในรอบ 9 เดือนของปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวมกว่า 1.69 หมื่นล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,113 ล้านบาท นับว่ามีผลประกอบการที่น่าพอใจ โดยเฉพาะผลการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาสที่ 3 ซึ่งมีรายได้รวมกว่า 6 พันล้านบาท เติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อน 40% โดยรายได้จากการขายเติบโตขึ้นถึง 61% จากการทยอยโอนส่งมอบคอนโดมิเนียม อาทิ โครงการ 98 Wireless, ทากะ เฮาส์ และดีคอนโด หาดใหญ่ รวมถึงการโอนที่อยู่อาศัยคุณภาพให้แก่ลูกค้าตามแผนงานอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีกำไรสุทธิเฉพาะไตรมาส 3 อยู่ที่ 424 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาสก่อนถึงเกือบ 50%

ความสำเร็จในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาเป็นเพราะกลยุทธ์ที่สำคัญในการขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจโดยการรุกตลาดแนวราบซึ่งเป็นตลาดที่มาจากเรียล ดีมานด์ ของลูกค้ามีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง “แสนสิริ” จึงสร้างความแตกต่างด้วยกลยุทธ์การพัฒนาโครงการที่ครอบคลุมแบรนด์แนวราบ ตอบโจทย์ลูกค้าทุกเซ็กเมนต์ พร้อมสร้างความแข็งแกร่งและจุดเด่นในแต่ละแบรนด์ที่ชัดเจนและแตกต่างเหนือคู่แข่ง ส่งผลให้ผลประกอบการในช่วง 9 เดือนประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ ยังมีผลงานการโอนที่โดดเด่นทั้งในแนวราบและแนวสูง โดยมียอดโอนโครงการแนวราบเติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อน 37%

ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมยอดโอนเติบโตกว่า 104% โดยยังได้เตรียมโอนคอนโดมิเนียมอีก 6 โครงการในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ได้แก่ “ลา กาซิตา” คอนโดฯ ตากอากาศพร้อมอยู่สไตล์สแปนิช กลางหัวหิน, คอนโดมิเนียมภายใต้ความร่วมมือกับ บริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ในโครงการ “เดอะ เบส สุขุมวิท 50” รวมถึงคอนโดฯ ภายใต้ความร่วมมือ บีทีเอส-แสนสิริ โฮลดิ้ง กรุ๊ป ใน 4 โครงการบนทำเลศักยภาพติดแนวรถไฟฟ้ารอบกรุงเทพฯ 4 โครงการ ได้แก่ “เดอะ เบส เพชรเกษม” คอนโดฯ ใจกลางย่านชุมชนของเพชรเกษม-บางแคที่ตอบโจทย์เรียลดีมานด์ที่ซื้ออยู่เอง, “เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101” คอนโดฯ ไฮไรส์บนทำเลศักยภาพใกล้รถไฟฟ้าBTS ปุณณวิถีเพียง 250 เมตร, “เดอะ ไลน์ พหลฯ-ประดิพัทธ์” ในทำเลเจาะกลุ่มผู้ต้องการอยู่อาศัยใกล้สถานีรถไฟฟ้าสะพานควาย และโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอนบนที่สุดของทำเลใจกลางทองหล่อ ได้แก่ “คุณ บาย ยู อินสไปร์ บาย สตาร์ค”

นายวันจักร์ กล่าวอีกว่า ผลงานที่สำคัญในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ยังได้เข้าซื้อเงินลงทุนจากผู้ถือหุ้นเดิมรายหนึ่งใน Standard International Holdings, LLC. หรือ SIH บริษัทแม่ของโรงแรม The Standard แบรนด์โรงแรมอเมริกันที่โด่งดังไปด้วยกลุ่มลูกค้าเปี่ยมไปด้วยรสนิยม การออกแบบล้ำสมัย และการมอบการบริการที่เหนือมาตรฐาน โดย “แสนสิริ” ได้ถือหุ้นเพิ่มจากเดิม 37.26% เป็น 60.37% ส่งผลให้ SIH เป็นบริษัทย่อยทางตรงของ Sansiri (US), Inc. และเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของบริษัทฯ โดยปริยาย

“ในระยะเวลาไม่ถึง 2 ปีเต็มหลังจากที่แสนสิริได้เข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ Standard International ได้ประกาศแผนการขยายธุรกิจสู่ระดับนานาชาติโดยการเปิดโรงแรมแห่งใหม่ทั่วโลก พร้อมขยายสู่ 25 โรงแรมภายใน 5 ปีข้างหน้า โดยได้เปิดแห่งแรกนอกสหรัฐอเมริกา คือ ย่านคิงส์ครอส ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2019 The Standard ได้เปิดตัว The Standard, Huruvalhi Maldives ซึ่งเป็นโรงแรม The Standard แห่งแรกในเอเชีย และเปลี่ยนภาพเดิม ๆ ของมัลดีฟส์ เพื่อพร้อมต้อนรับกลุ่มเพื่อน ครอบครัว คู่รักที่มองหาความแตกต่าง รวมถึงคนโสดที่อยากจะมาเติมพลังให้กับชีวิตที่มัลดีฟท์ นอกจากนี้ยังพร้อมเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในเอเชีย รวมถึงประเทศไทยในเร็ว ๆ นี้อีกด้วย”

นายวันจักร์ กล่าวอีกว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2562 ยังนับเป็นไตรมาสที่สำคัญของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากการที่ลูกค้าจะมองหาและตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ นอกจากนี้ จากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐที่ประกาศลดค่าโอน ค่าจดจำนอง จนถึงสิ้นปี 2563 คาดว่าจะช่วยกระตุ้นความต้องการที่อยู่อาศัยให้มีความคึกคักและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้าที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในช่วงปลายปีนี้ได้เป็นอย่างดี โดยบริษัทฯ ยังมีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดในช่วงไตรมาส 4 รวมอีก 10 โครงการ รวมมูลค่า 1.48 หมื่นล้านบาท เพื่อตอบรับเรียล ดีมานด์ รวมถึงยังมีพรีเซล แบ็กล็อก อีกกว่า 5.9 หมื่นล้านบาทที่จะรองรับการเติบโตระยะยาวเป็นระยะเวลาอีก 3 ปี