alivesonline.com : “ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์” โชว์ฟอร์มผลงานโตสวนกระแส ไตรมาส 3/62 โกยรายได้รวม 647 ล้านบาท เติบโต 39% ส่งซิกไตรมาส 4/2562 พีคสุดของปี รับอานิสงส์ไฮซีซั่น–มาตรการลดค่าโอนและค่าจดจำนองรัฐ-ดอกเบี้ยนโยบายลด เสริมทัพสร้างมูลค่ายอดขายเพิ่ม เตรียมกลยุทธ์เจาะอสังหาฯ แนวราบครบทุกมิติแบบครบวงจร ตอกย้ำการเป็นผู้นำบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ
นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL ผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยทั้งแนวสูงและแนวราบ รวมไปถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่มแบบครบวงจร (Total Real Estate Solutions) เปิดเผยว่า จากความเข้าใจและความพร้อมในการปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับทุกสภาวการณ์และภาวะเศรษฐกิจมาโดยตลอด ด้วยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในแนวรถไฟฟ้า ประกอบกับการเจาะเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยจริง (Real Demand) ในระดับราคาขายที่เหมาะสม ทำให้ทุก ๆ โครงการมีกระแสตอบรับที่ดี ส่งผลภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา (มกราคม–กันยายน 2562) ประสบความสำเร็จอย่างมาก สะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงาน ทั้งรายได้ กำไรสุทธิ และยอดขาย (Presales) นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังประสบความสำเร็จด้านการพัฒนาโครงการให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันซึ่งเห็นได้จากยอดขายสะสมที่เกิดขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2562 (กรกฎาคม–กันยายน 2562) บริษัทฯ มีรายได้รวม 647 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 466 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 129 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 172% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิประมาณ 20% โดยมีปัจจัยหลักมากจากการส่งมอบโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการโอนอสังหาริมทรัพย์ 2,031 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้จากการโอนอสังหาริมทรัพย์งวดเดียวกันของปีก่อน 1,399 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นมาจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดที่มีกำหนดการแล้วเสร็จ และเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2562 ของ 3 โครงการ ได้แก่ โครงการ “ดิ เอ็กเซล คูคต” มูลค่าโครงการ 720 ล้านบาท โครงการ “ไรส์ พระราม 9” มูลค่าโครงการ 1.6 พันล้านบาท และโครงการ “เดอะ วิชั่น ลาดพร้าว–นวมินทร์” มูลค่าโครงการ 1.4 พันล้านบาท
ณ สิ้นไตรมาส 3/62 บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) รวมมูลค่ากว่า 1.14 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการทาวน์โฮม จำนวน 300 ล้านบาท โครงการประเภท High Rise จำนวน 3.4 พันล้านบาท และ โครงการประเภท Low Rise จำนวน 7.7 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า (2562-2565) ทำให้บริษัทฯ มั่นใจผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีจากนี้ (2563-2565) จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2562 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 เติบโตขึ้นอย่างโดดเด่น โดยบริษัทฯ มีรายได้รวม 2,339 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,602 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 342 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 213 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิประมาณ 15% สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2562 โดยสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการโอนอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 2,031 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการโอนอสังหาริมทรัพย์ 1,399 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นมาจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดที่มีกำหนดการแล้วเสร็จและเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2562 ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นในช่วง 9 เดือนแรกอยู่ที่ 36% และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 15%
“ยอดขายในช่วง 9 เดือนแรก ปี 2562 อยู่ที่ 6.5 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 90% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปี 2562 ที่ 7 พันล้านบาท โดยโครงการที่ส่งผลให้ภาพรวมยอดขายเป็นไปตามเป้าในช่วงที่ผ่านมา ประกอบด้วยโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและโครงการที่มีการเปิดขายในปี 2562 ได้แก่ โครงการ “ดิ เอ็กเซล ลาดพร้าว–สุทธิสาร” โครงการ “เดอะ วิชั่น ลาดพร้าว–นวมินทร์” และโครงการ “อิมเพรสชั่น เอกมัย”
นายธนากร กล่าวอีกว่า ในช่วงไตรมาส 4/62 จะเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปี เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประกอบกับรัฐบาลได้ออกมาตรการปรับลดค่าใช้จ่ายในการโอนจาก 2% เหลือ 0.01% ของราคาประเมิน และค่าจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท และล่าสุดที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 1.50 เป็นร้อยละ 1.25 ต่อปี โดยให้มีผลทันที ส่งผลให้ธุรกิจในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จะได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยดังกล่าว ในด้านอัตราการผ่อนชำระต่องวดของผู้กู้ที่อยู่อาศัยที่ลดลง และจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภคให้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยบวกที่หนุนให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 4/62 กลับมาคึกคัก
“จากแผนการดำเนินงานและกลยุทธ์ที่บริษัทฯ ตั้งเป้าไว้ เป็นเครื่องตอกย้ำให้บริษัทฯ มั่นใจถึงอัตราการเติบโตของผลการดำเนินงานในปี 2562 ว่า รายได้รวมในปีนี้ มีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากปีที่ผ่านมา ขณะที่ยอดขายคาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่าที่ระดับ 7 พันล้านบาทอย่างแน่นอน”
นายธนากร กล่าวว่า บริษัทฯ ยังมีแผนในการปรับกลยุทธ์ธุรกิจในเชิงลึกมากขึ้น เพื่อตอกย้ำสู่การเป็นบริษัทผู้นำพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ ตามเป้าวิสัยทัศน์ที่วางไว้ โดยการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้ครบทุกมิติ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค โดยเริ่มจากการแตกไลน์ เข้าไปลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงอาคารศูนย์การค้า “เดอะ นิว ฟอรั่ม พลาซ่า” (The New Forum Plaza ) จังหวัดชลบุรี ซึ่งโครงการดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จ และจะเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ ในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 จะส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้จากค่าเช่า (Recurring Income) เฉลี่ย 200 ล้านบาทต่อปี ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป ตลอดอายุสัญญาเช่า 29 ปี
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนบุกตลาดอสังหาริมทรัพย์แนวราบมากขึ้น อาทิ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ซึ่งปัจจุบันมีโครงการแนวราบ 1 โครงการคือ โครงการ “เดอะ วิชั่น ลาดพร้าว–นวมินทร์” ซึ่งเป็นโครงการทาวน์โฮม โดยบริษัทฯ มองว่าดีมานด์ความต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบมีปริมาณที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งจากความต้องการดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ มีแนวคิดที่จะปรับกลยุทธ์ โดยการเพิ่มรูปแบบประเภทที่อยู่อาศัย เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคให้หลากหลายและครบทุกมิติของที่อยู่อาศัย ในขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมทั้งประเภท Low Rise และ High Rise บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในแนวรถไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง