New Issues » ECF เสริมฐานธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ เร่งขยายไลน์ไอที-พลังงาน

ECF เสริมฐานธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ เร่งขยายไลน์ไอที-พลังงาน

12 พฤศจิกายน 2018
0

alivesonline.com : ผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ไม้ “อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค” มองโค้งสุดท้ายปี 61 เติบโตแกร่ง เผยไตรมาส 3 รายได้ 369.52 ล้านบาท กำไรสุทธิ 8.52 ล้านบาท งวด 9 เดือน รายได้ 1,071.65 ล้านบาท กำไร 21.52 ล้านบาท ระบุธุรกิจเฟอร์นิเจอร์เข้าไฮซีซั่น ออเดอร์ส่งออกทะลัก ดันยอดขายต่างประเทศพุ่ง คาดจบดีลร่วมทุนกับ S-TREK ธุรกิจยักษ์ใหญ่ด้าน IT ภายในเดือนพ.ย.ศกนี้ พร้อมดีเดย์ COD 50 MW แรก โรงไฟฟ้า “มินบู” เมียนมาร์ ใน Q1/62

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF ผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา โชว์รูมจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ภายใต้แบรนด์ “ELEGA” และโชว์รูมจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ภายใต้ลิขสิทธิ์ DISNEY “FINNA HOUSE” เปิดเผยว่า ในขณะที่บริษัทฯ อยู่ในช่วงการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ อาทิ โรงไฟฟ้าที่เมียนมาร์ ขนาด 220 เมกะวัตต์ที่บริษัทฯ ถือหุ้น 20% และโครงการโรงงานผลิตแผ่นไม้เอ็มดีเอฟ ซึ่งปัจจุบันทั้งสองโครงการยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่ช่วงสามไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทฯ ยังสามารถสร้างกำไรจากการดำเนินงานให้เกิดขึ้นได้ โดยมีรายได้จากส่วนธุรกิจเฟอร์นิเจอร์เติบโตตั้งแต่ไตรมาส 3 ที่ผ่านมาอันเนื่องมาจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่เริ่มดีขึ้น ส่วนไตรมาส 4 แนวโน้มรายได้ของบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะธุรกิจผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ที่เริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น

ในส่วนของความคืบหน้าการเข้าศึกษาความเป็นไปได้เพื่อลงทุนในธุรกิจใหม่ด้าน IT Solution หลังจากที่บริษัทฯ ได้ลงนามร่วมกับ บริษัท เอสเทรค (ประเทศไทย) จำกัด หรือ S-TREK ในบันทึกข้อตกลงเพื่อเข้าศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจร่วมกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินงานด้านเอกสารต่าง ๆ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย.61

สำหรับธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ บริษัทฯ ได้มีการปรับกลยุทธ์กระตุ้นยอดขายในประเทศด้วยแบรนด์ Costa อย่างต่อเนื่อง โดยจะกระจายสินค้าเข้าสู่ร้านค้าปลีก-ส่งเฟอร์นิเจอร์ทั่วประเทศแล้วกว่า 1.5 พันราย โดยในช่วงที่ผ่านมาได้จัดโปรโมชั่นให้ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศเพื่อเร่งยอดขาย อีกทั้งมีการขยายฐานตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ต่าง ๆ ตลอดจนการขยายช่องทางร้านโมเดิร์นเทรดชั้นนำทั่วประเทศ ขณะที่ตลาดต่างประเทศในช่วงไตรมาส 4 ถือเป็นช่วงไฮซีซั่นที่จะมียอดคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก

ส่วนธุรกิจพลังงานทดแทนภายหลังจากโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลขนาด 7.5 เมกะวัตต์ที่จังหวัดนราธิวาส จำหน่ายไฟฟ้ามาได้ประมาณ 1 ปีกว่าแล้ว ส่วนความคืบหน้าสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 220 MW ประเทศเมียนมาร์ ขณะนี้การก่อสร้างเฟสแรกมีความคืบหน้าไปมาก คาดว่าจะเริ่ม COD ภายในไตรมาส 1 ปี 2562 สำหรับเฟส 2-3-4 รวมทั้งสิ้น 220 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการปรับแผนงานเพื่อหาทางเร่งการก่อสร้างให้ครบโดยเร็วที่สุดจากแผนเดิมเสร็จปีละ 1 เฟส เพื่อส่งผลดีต่อการรับรู้รายได้ที่จะเร็วขึ้นจากเดิม

นายอารักษ์ กล่าวต่อไปถึงผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2561 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 369.52 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 353.50 ล้านบาท จำนวน 16.02 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.53% และมีกำไรจากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ 13.77 ล้านบาท สำหรับกำไรรวมธุรกิจอื่น ๆ และธุรกิจพลังงานมีกำไร 8.52 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนรายได้รวมทั้งสิ้น 1,071.65 ล้านบาท มียอดขายใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,080.19 ล้านบาท และมีกำไรจากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ 30.91 ล้านบาท สำหรับกำไรรวมธุรกิจอื่น ๆ และธุรกิจพลังงานมีกำไร 21.52 ล้านบาท กำไรรวมลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 47 % ทั้งนี้เป็นผลมาจากบริษัทฯ อยู่ระหว่างการขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งธุรกิจเกี่ยวข้องเฟอร์นิเจอร์ ธุรกิจพลังงาน จึงก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายในการเข้าศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนเป็นจำนวนมาก ประกอบกับโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างยังไม่สามารถรับรู้รายได้ในเชิงพาณิชย์ขณะนี้