alivesonline.com : “อาร์เอส” เดินหน้าเต็มตัว ซุ่มปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในรอบ 37 ปี พร้อมลงทุนด้านเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ ก้าวสู่ S-Curve ในธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ มุ่งรายได้ 3.2 พันล้านบาท พร้อมรายได้รวม 5.25 พันล้านบาทในปี 63 ก่อนทะยานสู่เป้า 1 หมื่นล้านบาทในปี 65 ด้วยสัดส่วนอี-คอมเมิร์ซ 80% สื่อและบันเทิง 20% จากปัจจุบันอยู่ที่ 60:40
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2563 ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดของบริษัทฯ สำหรับการดำเนินธุรกิจในรอบ 37 ปี เพื่อก้าวสู่อุตสาหกรรมใหม่ หรือ New S-Curve ในส่วนของธุรกิจพาณิชย์ซึ่งบริษัทฯ ได้เริ่มดำเนินธุรกิจมาเป็นเวลา 5 ปี โดยในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 ได้มีการปรับโครงสร้างทีมงานและผู้บริหาร พร้อมลงทุนในเครื่องมือ เทคโนโลยี และซอฟต์แวร์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างเต็มที่
ในปี 2563 บริษัทฯ จะเน้นกลยุทธ์ หลัก 4 ด้านคือ 1.Entertainmerce เป็นการขับเคลื่อนและต่อยอดโมเดลธุรกิจพาณิชย์ในการจำหน่ายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซ RS Mall สินค้าในกลุ่มแฟชั่น-เครื่องประดับ กลุ่มความสวย-ความงาม กลุ่มอาหาร-อาหารเสริม, กลุ่มของใช้ในบ้าน และกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ 2.Data Driven Company เป็นการนำข้อมูลต่าง ๆ ของผู้บริโภคและลูกค้า หรือ “บิ๊ก ดาต้า” ที่เก็บสะสมมาตลอดระยะเวลา 5 ปีมาใช้เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงผู้บริโภคให้มากที่สุด
3.Strategic Partnership เป็นการเพิ่มพันธมิตรเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้มากขึ้นจากปัจจุบันที่มีพันธมิตรแล้วหลายราย เช่น ไทยรัฐทีวี, เวิร์คพอยท์ทีวี, อมรินทร์ทีวี เป็นต้น 4.M&A (Mergers and Acquisitions) เป็นการควบรวมกิจการซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการสร้างธุรกิจแห่งอนาคต หรือ Ecosystem ในเวลาอันรวดเร็ว เพื่อให้องค์กรมีขนาดใหญ่ มีมูลค่าทางธุรกิจ มีศักยภาพในการแข่งขัน และมีความยั่งยืนมั่นคงระยะยาว
“จากกลยุทธ์ข้างต้นมีเป้าหมายสำคัญคือทำให้บริษัทฯ มีรายได้ 1 หมื่นล้านบาทในปี 2565 โดยคาดว่าในปี 2563 จะมีรายได้รวม 5.25 พันล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 30% แบ่งเป็นธุรกิจพาณิชย์ 3.2 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 60% ส่วนธุรกิจสื่อและบันเทิง คาดว่าจะได้รายได้ประมาณ 2.05 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 40% แบ่งเป็นโทรทัศน์ ช่อง 8 ดิจิทัล 1.25 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 25% ธุรกิจดนตรีและอื่น ๆ 500 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 10% และวิทยุ คูล ฟาเรนไฮต์ 300 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 5% โดยคาดว่าเมื่อบริษัทฯ มีรายได้รวม 1 หมื่นล้านบาท สัดส่วนรายได้ของธุรกิจพาณิชย์จะเพิ่มเป็น 80% ส่วนธุรกิจสื่อและบันเทิง จะมีประมาณ 20%” นายสุรชัย กล่าวในตอนท้าย
ด้าน นางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ กลุ่มธุรกิจสินค้าและแพลตฟอร์ม บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในส่วนของธุรกิจ Entertainmerce มาจากคำว่า Entertainment กับคำว่า Commerce ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ โดยนักจิตวิทยาได้มีการระบุว่าประสบการณ์ของการชอปปิงมาจาก 3 คำคือ Fun สนุก Exploration การค้นหา และ Entertainment ความบันเทิง ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซทั่วโลกมีการเติบโตสูงเฉลี่ย 1.7% ในขณะที่ประเทศจีนกลับมีการเติบโตสูงกว่าถึง 10 เท่า เพราะจีนมีเรื่องราวที่ทำให้ลูกค้าและผู้บริโภคมีประสบการณ์ด้าน Entertainment ในการชอปปิงได้มากกว่าภูมิภาคอื่น ๆ นั่นเอง
ในขณะที่บริษัทฯ ถือได้ว่ามีสินทรัพย์ (Assets) ด้าน Entertainment ที่พร้อมมากกว่าผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์ซรายอื่น โดยเฉพาะใน 4 ส่วนสำคัญคือ 1.TV Audiences ผู้ชมโทรทัศน์ทั้งในช่องหลักของบริษัทฯ คือช่อง 8 และช่องพันธมิตรคือ ไทยรัฐทีวี, เวิร์คพอยท์ทีวี, อมรินทร์ทีวี รวมแล้วประมาณ 2.63 ล้านคนต่อวัน 2.Listeners ผู้ฟังวิทยุ “คูล ฟาเรนไฮต์ 1.62 แสนคนต่อวัน ครั้งละ 3.4 ชั่วโมง 3.Digital Consumes ในส่วนของโซเชียลมีเดียต่าง ๆ พบว่าบริษัทฯ มียอดผู้ติดตามรวมมากกว่า 100 ล้านคน แบ่งเป็น Subscribe ผ่านยูทูป 57 ล้านคน ไอจี มีผู้ติดตาม 12 ล้านคน และเฟซซุ๊ก มีผู้ติดตาม 38 ล้านคน 4.On Ground Audiences การจัดอีเวนต์ต่างของบริษัทฯ มีผู้เข้าร่วมประมาณ 1.2 แสนคน ขณะที่การจัดคอนเสิร์ตมีผู้เข้าร่วม 1 แสนคน
“จากข้อได้เปรียบดังกล่าว บริษัทฯ จึงกำหนดเป็นกลยุทธ์หลักด้านอี-คอมเมิร์ซบนแพลตฟอร์ม RS Mall ในปี 2563 คือ Technology, Product, Content และ Marketing โดยมีเป้าหมายมีลูกค้า 1.6 ล้านคน เติบโตขึ้น 20% เพิ่มความถี่ในการซื้อซ้ำเป็น 2.5 ครั้ง จากเดิมคือ 1.7 ครั้ง หรือเติบโตขึ้น 38% โดยมียอดการซื้อต่อครั้งประมาณ 2.5 พันบาท เติบโตขึ้น 4%” นางพรพรรณ กล่าวในตอนท้าย
ดร.ชาคริต พิชญางกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลฟ์สตาร์ จำกัด บริษัทในเครืออาร์เอส กล่าวเสริมว่า กลยุทธ์ทางด้านเทคโนโลยี (Technology) จะมีการนำเครื่องมือในการเชื่อมโยงฐานข้อมูลลูกค้าให้อยู่บนศูนย์กลางเดียวกัน (Customer Data Platform) เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า พร้อมกันนี้ยังมีการนำ Customer Engagement Analytics มาใช้เพื่อนำเสนอทางเลือกให้ลูกค้าได้ตรงใจที่สุดไม่ว่าจะเป็นวิธีการให้บริการ ช่องทางการให้บริการ วิธีการชำระเงิน ประเภทของสินค้าและโปรโมชัน นอกจากนั้นยังจะรับฟังความคิดเห็นของลูกค้าผ่านทุกช่องทางที่เป็น Earned Media ผ่านเครื่องมือ Social Listening Tool เพื่อนำมาปรับปรุงการให้บริการ รวมถึงเป็นเครื่องมือในการวัดสุขภาพของแบรนด์ในช่วงปีแรกของการดำเนินการด้วย โดยจะมีการนำข้อมูลจากหลาย ๆ ส่วนมาประมวลผลด้วยคณิตศาสตร์หรือสถิติ (Data Analytics) เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อการตัดสินใจในเชิงธุรกิจบางอย่างเพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานการตลาด การปรับปรุงการให้บริการลูกค้า รวมถึงการนำเสนอสินค้าใหม่ หรือแม้แต่การวิเคราะห์ผลของแต่ละแคมเปญที่ทำออกไปว่าได้ผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้หรือไม่ หรือควรปรับปรุงแก้ไขอย่างไร
สำหรับ กลยุทธ์ทางด้านสินค้า (Product) จะประกอบไปด้วยการเพิ่มความหลากหลายของประเภทสินค้า(Category) ใน 4 หมวดคือ เครื่องประดับ (Personal Accessories) เสื้อผ้า-รองเท้า (Appare & Footwear) ท่องเที่ยวและบริการ (Travel & Services) และอิเล็กทรอนิกส์ (Consumer Electronics) โดยมีเป้าหมายเพิ่มสินค้าใหม่เดือนละ 30 รายการ นอกจากนั้นยังจะมีการนำเสนอสินค้าสำหรับเทศกาลต่าง ๆ (Seasonal Products, Festival Products) เข้ามาสร้างสีสันในโอกาสพิเศษ หลังทดลองทำตาดพบว่าทำยอดขายได้เพิ่มถึง 250% ขณะเดียวกันยังจะมีการทำสินค้าเฉพาะสำหรับ RS Mall หรือเปิดตัวเฉพาะ RS Mall เท่านั้น (First & Only RS Mall) รวมถึงการทำ Brand Collaboration
ในส่วนของ กลยุทธ์ทางด้านการนำเสนอ (Content) จะมีการสร้างรูปแบบการนำเสนอประเภทไลฟ์สด การสาธิตการใช้จริง รวมถึงการนำผู้มีประสบการณ์ในการใช้งานจริงมาร่วมให้ความคิดเห็นและแบ่งปันประสบการณ์ (Storytelling Commerce) ขณะที่ กลยุทธ์การตลาด (Marketing) จะมีการจัดแคมเปญต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี