New Issues » เอกชนกระตุ้น “อนุทิน” ยกระดับสาธารณสุขสู่ “Medical & Wellness Hub”

เอกชนกระตุ้น “อนุทิน” ยกระดับสาธารณสุขสู่ “Medical & Wellness Hub”

17 มกราคม 2020
0

alivesonline.com : หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ยกทีมพบเจ้ากระทรวงสาธารณสุข หารือแนวทางส่งเสริมและยกระดับกิจกรรมด้านสาธารณสุขของประเทศไทยครอบคลุมทุกมิติ ทั้งเสนอให้มีองค์กรศูนย์กลางดูแลอากาศสะอาดแบบเบ็ดเสร็จ พร้อมขับเคลื่อนงาน “Healthy Living Asia 2020” เร่งให้การรับรอง “การแพทย์ธรรมชาติบำบัด” ตลอดจนส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพสู่การเป็น “Wellness Hub”

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการนำคณะกรรมการเข้าพบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงฯ ว่า การเข้าพบครั้งนี้มีวัตุประสงค์เพื่อหารือ ตลอดจนผลักดันข้อเสนอภาคเอกชนในการขับเคลื่อนแนวทางส่งเสริมและยกระดับกิจกรรมด้านสาธารณสุขของประเทศไทย โดยมีประเด็นสำคัญ อาทิ

1.นำเสนอหลักการของร่างพระราชบัญญัติอากาศสะอาดที่ภาคเอกชนผลักดันอยู่ขณะนี้ โดยเสนอให้มีองค์กรที่เป็นศูนย์กลางดูแลอากาศสะอาดแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อบริหารจัดการปัญหามลพิษทางอากาศในระยะเร่งด่วน ระหว่างที่ยังไม่มีกฎหมายบังคับใช้

2.เชิญชวน กระทรวงสาธารณสุข ให้ความร่วมมือและร่วมเป็นเจ้าภาพในการขับเคลื่อนงานมหกรรม “Healthy Living Asia 2020” ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าและบริการด้านสุขภาพสู่การเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีการแพทย์และสาธารณสุขแบบครบวงจรของประเทศไทย ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3–6 ก.ย.63 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ

3.เสนอให้กระทรวงฯ พิจารณาให้การรับรอง “การแพทย์ธรรมชาติบำบัด” เป็นสาขาแพทย์ทางเลือกในประเทศไทย โดยมีกฎหมายรองรับ เพื่อส่งเสริมการใช้วิธีรักษาแนวธรรมชาติและเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบาย “Medical & Wellness Hub” ของรัฐบาล

4.เสนอให้มีการกำหนดมาตรการลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดา เพื่อส่งเสริมการดูแลสุขภาพของคนไทย โดย กระทรวงฯ เห็นชอบและมอบหมายให้ กรมอนามัย เป็นผู้ประสานงานร่วมกับภาคเอกชน รวมทั้ง ประสานงานร่วมกับ กระทรวงการคลัง ต่อไป

5.ผลักดันให้ออกกฎหมายเกี่ยวกับการให้บริการโทรเวชกรรม (Telemedicine) ในประเทศไทย โดยมีสาระสำคัญในการคุ้มครองสิทธิผู้ป่วย การรักษาความลับและการควบคุมมาตรฐานเพื่อสามารถประกอบกิจการได้อย่างถูกต้อง โดย กระทรวงฯ ได้แจ้งว่า ประเด็นดังกล่าวเป็นวาระสำคัญของรัฐบาลอยู่แล้ว ทั้งนี้ การจะให้โครงการที่เกิดผลในทางปฏิบัติจำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที เช่น ระบบการสื่อสารแบบ 5 G ที่มีเสถียรภาพรองรับด้วย

6.เสนอให้มีการออกกฎ/ระเบียบ เพื่อให้การดำเนินกิจการน้ำพุร้อนของประเทศไทยเป็นไปอย่างถูกต้องและมีมาตรฐาน เพื่อส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพสู่การเป็น Wellness Hub ของประเทศไทย โดยปัจจุบัน กระทรวงฯ อยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอน เพื่อออกเป็นกฎกระทรวงฯ รองรับต่อไป

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้รับข้อเสนอต่าง ๆ ของภาคเอกชน เพื่อพิจารณาผลักดันให้เกิดผลในทางปฏิบัติ นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังได้ขอความร่วมมือจากภาคเอกชนในการส่งเสริมแนวทางการสร้างมูลค่าของสินค้าและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นให้มีคุณภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค ตลอดจนสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ โดยภาครัฐจะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ภาคเอกชน ตามหลักเกณฑ์ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม เพื่อร่วมขับเคลื่อนบริบทประเทศไทยสู่ความเข้มแข็งและยั่งยืน