New Issues » ECF เดินแผนธุรกิจปี 2563 เน้น “เฟอร์นิเจอร์-พลังงาน”

ECF เดินแผนธุรกิจปี 2563 เน้น “เฟอร์นิเจอร์-พลังงาน”

18 มกราคม 2020
0

 

alivesonline.com : “อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค” โฟกัสหนักธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ตั้งเป้าปี 63 รายได้โต 10-15% ชูกลยุทธ์เพิ่มมาร์จิ้น บริหารจัดการต้นทุนการขายและการบริหาร ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ปรับโครงสร้างการจัดจำหน่าย เน้นช่องทางที่มีประสิทธิภาพ ขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมพัฒนาสินค้าใหม่ ปั๊มยอดขาย ธุรกิจพลังงาน เดินหน้าศึกษาและเข้าลงทุนโครงการที่ให้ผลตอบแทนสูง สร้างการเติบโตต่อเนื่อง

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF ผู้ผลิตและจำหน่าย เฟอร์นิเจอร์ไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา จำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจในปี 2563 ว่า บริษัทฯ มุ่งเน้นที่จะสร้างการเติบโตจากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และธุรกิจพลังงาน โดยตั้งเป้ารายได้รวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15 % พร้อมปรับแผนงานตั้งเป้าเพิ่มอัตรากำไรสุทธิไม่น้อยกว่า 4-5 % โดยปัจจัยสนับสนุนการเติบโตมาจากการขยายตลาดของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจพลังงานทดแทน ซึ่งในปี 2563 จะเห็นการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรอย่างชัดเจนมากขึ้น อีกทั้งบริษัทฯ มีการวางแผนงานเพื่อบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย ประกอบกับควบคุมค่าใช้จ่ายในการเข้าศึกษาความเป็นไปได้ในธุรกิจอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เฟอร์นิเจอร์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นสัดส่วนกำไรสุทธิทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากธุรกิจต่าง ๆ ในปีนี้

สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2563 ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์มีสัญญาณการเติบโตที่ดีอย่างมีนัยสำคัญจากการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ส่งออกไปต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นขยายตลาดกลุ่มลูกค้ารายใหม่ในญี่ปุ่น อินเดีย ตะวันออกกลาง และจีน ซึ่งถือเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่มีศักยภาพ สามารถสร้างโอกาสการเติบโตของคำสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์ในอนาคตได้อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทฯ มียอดคำสั่งซื้อสินค้าที่คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2563 อีกทั้งยังมีกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่มีศักยภาพอยู่ระหว่างการเจรจาอีกหลายราย

ขณะที่แผนการดำเนินงานตลาดในประเทศมีแผนปรับโครงสร้างการจัดจำหน่าย มุ่งเน้นกระตุ้นยอดขายในช่องทางจำหน่ายใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพ อาทิ ผ่านร้านโมเดิร์นเทรดชั้นนำที่มีสาขาทั่วประเทศ ล่าสุดสามารถเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านร้านโมเดิร์นเทรดได้อีก 2 รายซึ่งแต่ละรายมีโอกาสการเติบโตผ่านการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ยังได้เริ่มออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อจำหน่ายในรูปแบบอุปกรณ์ก่อสร้างที่ใช้วัตถุดิบจากไม้ยางพาราเพื่อจำหน่ายให้กลุ่มลูกค้าผู้รับเหมาที่รับงานติดตั้งให้กับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่หลายรายของประเทศ โดยบริษัทฯ พยายามรักษาสัดส่วนรายได้จากยอดขายต่างประเทศ 55 % และในประเทศ 45 %

สำหรับธุรกิจพลังงานทดแทน ในปี 2563 จะเห็นการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรอย่างชัดเจนมากขึ้น โดยที่ผ่านมารับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลภาคใต้ขนาด 7.5 เมกะวัตต์ ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 220 MW มินบู ประเทศเมียนมาร์ ที่เฟสแรก (50 MW) สามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ COD และเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรงวดแรกเข้ามาเต็มในไตรมาส 4/62 ส่วนเฟสที่ 2, 3 และ 4 อยู่ระหว่างวางแผนเพื่อก่อสร้างให้ครบโดยเร็วที่สุด ซึ่งหากครบทั้ง 4 เฟส บริษัทคาดการณ์รับรู้ส่วนแบ่งกำไรอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 80 -100 ล้านบาทต่อปี

บริษัทฯ ยังยังมีโครงการโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศที่อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุน โดยจะมุ่งเน้นเข้าศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนในโครงการที่มีผลตอบแทนสูงและจะเน้นการเข้าลงทุนเองเป็นหลัก