New Issues » สทนช.ลงพื้นที่ “อยุธยา-ปทุมฯ” ติดตามสถานการณ์แม่น้ำเจ้าพระยา

สทนช.ลงพื้นที่ “อยุธยา-ปทุมฯ” ติดตามสถานการณ์แม่น้ำเจ้าพระยา

31 มกราคม 2020
0

alivesonline.com : สทนช. เร่งโครงการคลองระบายน้ำหลาก “บางบาล-บางไทร” จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมจัดมาตรการควบคุมน้ำเค็มและประเมินสถานการณ์น้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปาในช่วงฤดูแล้ง ขีดเส้นผลศึกษาจัดลำดับความเร่งด่วนพัฒนา 9 แผนหลักจัดการน้ำลุ่มเจ้าพระยาแล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ. ศกนี้ มั่นใจช่วยบริหารจัดการลุ่มน้ำเจ้าพระยาให้เกิดประสิทธิภาพในระยะยาว

เมื่อวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา  ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้นำคณะสื่อมวลชนลงเรือเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและปทุมธานี พร้อมติดตามความก้าวหน้าโครงการคลองระบายน้ำหลาก “บางบาล-บางไทร” จ.พระนครศรีอยุธยา นอกจากนี้ ยังได้ตรวจคุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณจุดบรรจบ “แม่น้ำน้อย–แม่น้ำเจ้าพระยา” จ.พระนครศรีอยุธยา รวมถึงเดินทางไปยังสถานีสูบน้ำสำแล (กปน.) ตำบลบ้านกระแชง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี เพื่อประชุมหารือกับ การประปานครหลวง (กปน.) เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปา มาตรการควบคุมน้ำเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงฤดูแล้งและแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาภายใต้โครงการศึกษาจัดลำดับความสำคัญแผนงานเพื่อบรรเทาอุทกภัยในลุ่มน้ำเจ้าพระยา

ดร.สมเกียรติ กล่าวว่า รัฐบาลมีความห่วงใยต่อภาวะน้ำแล้งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันอย่างมาก โดยได้กำชับให้ สทนช. เร่งหาแนวทางยับยั้ง บรรเทา และแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่เสี่ยง รวมถึงมาตรการเชิงป้องกันพื้นที่อื่น ๆ ไม่ให้ได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประชาชนต้องไม่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคที่รัฐบาลให้ความสำคัญ

สำหรับสถานการณ์ปัญหาสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาในปัจจุบัน สทนช. กำลังเร่งรัดติดตามความก้าวหน้า โครงการคลองระบายน้ำหลาก “บางบาล-บางไทร” จ.พระนครศรีอยุธยา ภายใต้โครงการศึกษาจัดลำดับความสำคัญ 9 แผนงานบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง โดยความก้าวหน้าล่าสุดได้มีการดำเนินการตามแผน (Road Map) ในปี 2562 ได้ดำเนินการออกแบบรายละเอียดคลองระบายน้ำหลาก พร้อมศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม EIA การเวนคืนที่ดินและจัดเตรียมพื้นที่เพื่อการก่อสร้าง

โครงการคลองระบายน้ำหลาก “บางบาล-บางไทร” จ.พระนครศรีอยุธยา มีระยะเวลาการดำเนินการก่อสร้าง ตั้งแต่ปี 2562-2566 ภายใต้กรอบวงเงินรวมประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย 1.ขุดคลองระบายน้ำสายใหม่จากบริเวณ อ.บางบาล – อ.บางไทร และอาคารประกอบตามแนวคลอง ระยะทาง 22.4 กิโลเมตร ระบายน้ำได้สูงสุด 1.2 พันลูกบาศก์เมตรต่อวินาที 2.ก่อสร้างถนนบนคันคลองทั้ง 2 ฝั่ง รวมความกว้างเขตคลอง 245 เมตร 3.ประตูระบายน้ำในลำน้ำสาขา 2 แห่ง และปลายคลองขุดใหม่ 1 แห่ง และ 4.ก่อสร้างเขื่อนพระนครศรีอยุธยาในแม่น้ำเจ้าพระยา

“เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะส่งให้แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สามารถรองรับอัตราการระบายเพิ่มขึ้นได้รวม 2 พันลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อช่วยลดพื้นที่น้ำท่วมในเขตเศรษฐกิจ โบราณสถานสำคัญ และพื้นที่ชุมชนเมืองพระนครศรีอยุธยา เนื่องจากแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นบริเวณที่ลำน้ำแคบที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาการระบายน้ำมากกว่า 800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที มักจะเกิดผลกระทบต่อชุมชนริมตลิ่ง อีกทั้งบริเวณเกาะเมืองอยุธยายังเป็นจุดบรรจบของแม่น้ำป่าสัก ทำให้เกิดการชะลอน้ำบริเวณจุดบรรจบทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งอยู่เป็นประจำ โครงการดังกล่าวจึงเป็นการลดอัตราการไหลแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณจังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ โดยบายพาสน้ำส่วนเกินผ่านช่องลัด”

ดร.สมเกียรติ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ สทนช. ได้ดำเนินโครงการศึกษาจัดลำดับความสำคัญ 9 แผนงานบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ ได้แก่ 1.โครงการปรับปรุงระบบชลประทานเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง 2.โครงการคลองระบายน้ำหลากชัยนาท-ป่าสัก-อ่าวไทย 3.โครงการคลองระบายน้ำควบคู่ถนนวงแหวนรอบที่สาม 4.โครงการปรับปรุงโครงข่ายระบบชลประทานฝั่งตะวันตก 5.โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา 6.โครงการบริหารจัดการพื้นที่นอกคันกั้นน้ำ 7.โครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร  8.โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำแม่น้ำท่าจีน และ 9.โครงการพื้นที่รับน้ำนอง

“คาดว่าผลการศึกษาจะแล้วเสร็จตามแผนภายในเดือนกุมภาพันธ์ ศกนี้ จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการนำผลการศึกษาไปใช้เป็นแผนแม่บทให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นแนวทางและแผนปฏิบัติการสำหรับการพัฒนาและบริหารจัดการน้ำ เพื่อให้การตัดสินใจดำเนินโครงการเป็นไปอย่างรอบคอบถูกต้องตามหลักวิชาการ นำไปสู่การแก้ปัญหาและการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งในมิติของวิศวกรรม เศรษฐศาสตร์ เศรษฐกิจและสังคม สิ่งแวดล้อม และการบริหารจัดการน้ำต่อไปในอนาคต”

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทั้ง 9 แผนงานเป็นโครงการขนาดใหญ่และใช้งบประมาณดำเนินการค่อนข้างสูง จึงจำเป็นต้องศึกษาการจัดลำดับความสำคัญในหลากหลายมิติ เพื่อให้แผนงานโครงการที่จะดำเนินการในแต่ละปีเกิดความคุ้มค่าและเกิดประสิทธิผลสูงสุดโดยผ่านกระบวนการทบทวนและวิเคราะห์สภาพปัญหาอุทกภัยในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต รวมทั้งมีการเปิดเวทีรับฟังความเห็นจากภาคส่วนต่าง ๆ ที่มีผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อโครงการ การรวบรวมแผนงานโครงการของหน่วยงานต่าง ๆ ที่สัมพันธ์กันกับการระบายน้ำของ 9 แผนงานเพื่อให้ทราบถึงภาพรวมการดำเนินโครงการทั้งหมด

นอกจากนั้น ยังมีการเพิ่มเติมรายละเอียดคันกั้นน้ำ หรือการสร้างถนน หรือยกระดับถนนขึ้นมาใหม่ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับสภาพการไหลเมื่อมีการไหลผ่านพื้นที่ลุ่มต่ำต่าง ๆ รวมถึงการจำลองเหตุการณ์น้ำท่วมปีต่าง ๆ ร่วมกับการจำลองโครงการของแผนบรรเทาอุทกภัยในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง โดยกำหนดกรณีฐานและเพิ่มเติมกรณีศึกษาให้ครอบคลุมทุกความเป็นไปได้ที่เหมาะสม เพื่อให้ทราบถึงประสิทธิผลและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยในแต่ละกรณีต้องวิเคราะห์ทุกมิติบนหลักเกณฑ์เดียวกัน