New Issues » “BEAUTY BUFFET” ยกระดับสู่โกลบอลแบรนด์

“BEAUTY BUFFET” ยกระดับสู่โกลบอลแบรนด์

4 กุมภาพันธ์ 2020
0

alivesonline.com : “บิวตี้ คอมมูนิตี้” กางแผนธุรกิจปี 2563 ยกระดับสู่การเป็น International Beauty & Health Business ชู 3 กลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจ เพิ่มความสามารถการทำกำไร ขยายตลาด 15 ประเทศ พร้อมเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในจีน ด้านตลาดในประเทศมุ่งขยายช่องทางจัดจำหน่ายใหม่ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% รักษาอัตรากำไรสุทธิ 15 %

นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิวภายใต้แนวคิด “Live a Beautiful Life” เปิดเผยว่า ในปี 2563 บริษัทฯ มีวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจด้วยนโยบาย “International Beauty & Health Business” เพื่อยกระดับแบรนด์สินค้าภายใต้การจำหน่ายของบริษัทฯ เข้าสู่การเป็นแบรนด์ด้านความงามและสุขภาพที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ โดยกลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนธุรกิจและแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ จะมุ่งเน้นใน 3 ด้านหลัก ประกอบด้วย แนวทางแรกคือเพิ่มความสามารถการทำกำไร (Strengthening Profitability Both Domestic And Overseas Business) โดยมุ่งเน้นเพิ่มสัดส่วนกำไรจากช่องทางจัดจำหน่ายต่างประเทศและบริหารจัดการต้นทุนช่องทางการจัดจำหน่ายในประเทศให้มีประสิทธิภาพ

แนวทางที่สองคือ การขยายตลาดต่างประเทศเชิงรุก (Overseas : Cultivating And Expanding Overseas Business) จำนวน 16 ประเทศ โดยมี 13 ประเทศที่เป็นตัวแทนจำหน่ายในปี 2562 ซึ่งจะเน้นการทำการตลาดร่วมกันและเพิ่มจำนวนหน่วยสินค้า โดยมีอีก 5 ประเทศหลักที่เน้นการทำการตลาดเฉพาะในปี 2563 ทั้งยังมีแผนจะพัฒนาช่องทางการตลาดและการขายเข้มข้นในประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย พม่า อินเดีย ฟิลิปปินส์ ในรูปแบบของตัวแทนจำหน่าย Product Distributor, Shop Licence, Shop in Shop หรือ Counter Sales

นายแพทย์สุวิน กล่าวด้วยว่า บริษัทฯ ยังจะเน้นการรุกตลาดสาธารณรัฐประชาชนจีน (Mainland China) อย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนศึกษาการสร้างฐานธุรกิจในประเทศจีน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขยายตลาดและเพื่อความสะดวกในการพัฒนาสินค้าใหม่และการบริหารจัดการตลาดในประเทศจีน เพราะเล็งเห็นว่าเป็นตลาดขนาดใหญ่มีโอกาสทางธุรกิจสูง อีกทั้งยังมีแผนเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดจากช่องทางจำหน่ายร้านค้าทั่วไป (General Trade) เช่น ร้านสะดวกซื้อ โมเดิร์นเทรดต่าง ๆ และช่องทางออนไลน์ที่เป็นอี-คอมเมิร์ซ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการขาย นอกจากนั้น ยังได้ขยายจำนวนสินค้าใหม่ ๆ เข้าไปจำหน่ายในช่องทาง Cross Border e-Commerce อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2562 บริษัทฯ มีสินค้าวางจำหน่ายแล้วจำนวน 10 แพลตฟอร์มและมีแผนเจรจาเพิ่มจำนวนอย่างต่อเนื่องในปี 2563

สำหรับแนวทางที่สามคือ การขยายตลาดในประเทศโดยมุ่งเน้นขยายตลาดกลุ่มสินค้าอุปโภคและสร้างความเข้มแข็งช่องทางร้านค้าปลีก (Domestic : Expanding Distribution Channels For Consumer Products And Improving Retail Business) ด้วยการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ ๆ ที่มีโอกาสเติบโตสูงและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้นที่ไม่จำกัดเฉพาะร้านสาขา พร้อมขยายกลุ่มสินค้าอุปโภค (Consumer Product) และสินค้าสุขภาพเพิ่มขึ้น โดยมีแผนจะพัฒนาสินค้าด้านสุขภาพร่วมกับผู้ผลิตสินค้าชั้นนำด้านนี้เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมุ่งเน้นเพิ่มช่องทางการตลาดที่หลากหลายเพื่อเปิดช่องทางจัดจำหน่ายให้กับกลุ่มลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

นายแพทย์สุวิน กล่าวอีกว่า ในส่วนของช่องทางร้านค้าปลีก (Retail Business Models) จะมุ่งเน้นการเพิ่มอัตราการเติบโตสาขาที่มีศักยภาพ พัฒนาปรับปรุงและสร้างความเข้มแข็งให้ช่องทางร้านค้าปลีก พร้อมทั้งบริหารจัดการต้นทุนในการขายและบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการบริหารร้านค้าปลีกเน้นการทำการตลาดได้ด้วยตัวร้านค้าปลีกเอง (Local Store Marketing) พร้อมทั้งสร้างโมเดลการขายสินค้าที่เป็นสินค้า Multi-Brand เข้ามาจำหน่ายในร้าน “BEAUTY BUFFET” เพื่อจำหน่ายสินค้าที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ครอบคลุมสาขาในปัจจุบันที่มีทั้งสิ้น 311 สาขา

“ขณะที่ช่องทางอี-คอมเมิร์ซจะเน้นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงพัฒนาและบริหารจัดการโครงสร้างระบบอี-คอมเมิร์ซให้มีประสิทธิภาพ โดยวางเป้าหมายรุกตลาดออนไลน์ ด้วยกลยุทธ์ O2O และพันธมิตร รวมถึงพัฒนาระบบรองรับพฤติกรรมการจับจ่ายผ่านโทรศัพท์มือถือของบริษัทฯ ซึ่งคาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยผลักดันให้บริษัทมีรายได้เติบโตก้าวกระโดด โดยยังจะมุ่งเน้นพัฒนาสินค้าหลัก หรือ Product Driven โดยขับเคลื่อนยอดขายให้เติบโตโดยการสร้าง Product Heros ที่มีกระแสดึงดูดลูกค้าทั้งสินค้าเดิมที่มีอยู่แล้วและสินค้าใหม่ เน้นสินค้าที่เป็นนวัตกรรมตามเทรนด์แฟชั่นไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว”

นายแพทย์สุวิน กล่าวในตอนท้ายว่า จากการดำเนินงานในปี 2562 ถือเป็นการปรับธุรกิจตามยุทธศาสตร์ใหม่ซึ่งบริษัทฯ ได้พัฒนาตลาด พร้อมวางรากฐานช่องทางในตลาดต่างประเทศ สินค้ากลุ่มอุปโภค รวมถึงการวางแนวทางอี-คอมเมิร์ซชัดเจนเพื่อเป็นฐานการขยายตลาดในปี 2563 ส่วนภาพรวมธุรกิจเครื่องสำอางปี 2563 คาดว่ายังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกที่ให้ความใส่ใจเกี่ยวกับความงาม สุขภาพและผิวพรรณต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ด้านความงามและสุขภาพมีความหลากหลายเพิ่มขึ้นตาม โดยการขยายตัวดังกล่าวเป็นโอกาสในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่จะสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้เข้าถึงผู้บริโภคทั้งในประเทศและในระดับนานาชาติ โดยในปี 2563 บริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้เติบโต 20% พร้อมรักษาอัตรากำไรสุทธิ 15%