วันนี้ (27 มี.ค.63) ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เดินทางไปที่โรงพยาบาลศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัย มหิดล เพื่อตรวจเยี่ยมความพร้อมของโรงพยาบาลในการรับมือสถานการณ์โรค COVID-19 ทั้งในด้านการรักษาพยาบาลและการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ยืนยันโรงพยาบาลของโรงเรียนแพทย์จะเป็นกำลังสำคัญร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขในการดูแลคนไทย โดยมี ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมคณะ ให้การต้อนรับ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ซึ่งดูแลมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วประเทศมีคณะแพทยศาสตร์และโรงพยาบาลของโรงเรียนแพทย์ในสังกัดกระทรวง ฯ จำนวนกว่า 23 แห่ง ซึ่งมีความพร้อมและความเข้มแข็งทั้งในด้านกำลังคน แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นอาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งมีโรงพยาบาลขนาดใหญ่ มีโครงสร้างพื้นฐาน เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยจำนวนมากเพื่อเป็นกลไกสำคัญในการรองรับกับสถานการณ์ดังกล่าว
ในโอกาสนี้ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และ รศ.นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ได้นำ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เยี่ยมชมการปฏิบัติงานของคลินิกโรคอุบัติใหม่ (EID Clinic) ที่เป็นด่านหน้าในการรองรับผู้ป่วยและติดตามการปฏิบัติงานตามแผนการเตรียมความพร้อมของโรงพยาบาลศิริราชต่อการรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโรค COVID-19 ทั้งด้านการบริหารจัดการเวชภัณฑ์ และการเตรียมโรงพยาบาล การจัดกำลังคน ตลอดจนการดูแลความปลอดภัยทั้งส่วนของผู้ปฏิบัติงาน แพทย์ พยาบาล นักเทคนิคการแพทย์ และบุคคลภายนอกด้วยมาตรการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ภายนอกโดยจัดเตรียมและใช้ห้องผู้ป่วยความดันลบ (Negative Pressure Room) และมีหอผู้ป่วยโรค COVID-19 แยกออกมาไว้สำหรับการปฏิบัติงานโดยเฉพาะ รวมทั้งเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการความปลอดภัยทางชีวภาพระดับ BSL-3 ของโรงพยาบาลซึ่งใช้สำหรับการตรวจวินิจฉัยโรค COVID-19 โดยวิธีทางพันธุกรรม ขณะนี้ได้รองรับการตรวจเป็นจำนวนมากแล้ว
ทั้งนี้ กระทรวง อว. โดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ได้สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาชุดตรวจวินิจฉัยเชื้อโรค COVID-19 เพื่อให้ห้องปฏิบัติการตรวจวินิจฉัยของประเทศไทยมีน้ำยาตรวจเพียงพอ สามารถผลิตน้ำยาตรวจมาตรฐานได้ในประเทศและมีราคาถูก และให้ทุนวิจัยและพัฒนาชุดการตรวจแบบใหม่ ๆ ทั้งการตรวจหาแอนติบอดีและแอนติเจน ในส่วนน้ำยาตรวจสารพันธุกรรมของเชื้อด้วยเทคนิค RT-PCR (Real Time Reverse Transcription Polymerase Chain Reaction) ที่เป็นวิธีมาตรฐานสากลนี้ โดย กระทรวง อว. ได้สนับสนุนให้ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ร่วมกับ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พัฒนาชุดตรวจมาตรฐานดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันพร้อมสำหรับการส่งมอบเป็นครั้งแรกจำนวน 2 หมื่นชุดภายในสัปดาห์หน้า โดยมีกำลังการผลิต 1 แสนชุดต่อเดือน และเตรียมที่จะขยายกำลังการผลิตให้เป็น 2 แสนชุดต่อเดือนในระยะต่อไปเพื่อให้เพียงพอกับการใช้งานของประเทศ