alivesonline.com : สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือฯ พอใจผลการจัดงาน “สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 48” ในแพลตฟอร์มออนไลน์ครั้งแรก โชว์สถิติผู้เข้าร่วมชอปผ่านเว็บไซต์ www.thaibookfair.com ตลอด 12 วัน มีจำนวนกว่า 6.6 แสนราย เผยวรรณกรรมครองแชมป์หนังสือขายดี ตามด้วยการ์ตูน ไลท์โนเวล จิตวิทยาพัฒนาตนเอง การศึกษา และประวัติศาสตร์ ด้านสำนักพิมพ์ซึ่งประเดิมอีคอมเมิร์ซผ่านงานครั้งนี้พร้อมจับมือเดินหน้าใช้ Digital Transformation ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมต่อไป
นางสาวโชนรังสี เฉลิมชัยกิจ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เปิดเผยถึงการจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 48 ภายใต้แนวคิด “หนังสือดิ้นได้ไปออนไลน์” ระหว่างวันที่ 25 มีนาคม – 5 เมษายน ที่ผ่านมา ผ่านทาง www.ThaiBookFair.com ว่า มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมงานถึง 6.6 แสนราย โดยเป็นผู้ใช้งานรายใหม่ (New Visitor) จำนวน 68% และผู้เข้าใช้งานซ้ำ (Returning Visitor) จำนวน 32% แบ่งเป็นผู้ใช้งานจากพื้นที่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 60% ต่างจังหวัด 40% โดยโทรศัพท์มือถือเป็นช่องทางการเข้าร่วมงานและชอปปิงมากที่สุดถึง 66% รองลงมาคือ คอมพิวเตอร์ 29% และแท็บเล็ต 5% ตามลำดับ ขณะที่ช่วงเวลา 13.00–19.00 น. เป็นช่วงที่มีผู้เข้าร่วมงานมากที่สุด
ยอดจำหน่ายที่เกิดขึ้นจากในเวบไซต์หลัก www.ThaiBookFair.com ทีมีอยู่ประมาณ 200 สำนักพิมพ์นั้น คือประมาณ 36 ล้านบาท ยังไม่รวมกับยอดจำหน่ายของสำนักพิมพ์ต่าง ๆ ที่ได้ร่วมจัดกิจกรรมจำหน่ายหนังสือไปพร้อมกันในช่องทางหลักของตัวเอง ซึ่งต่างก็มีโปรโมชันดึงดูดนักอ่านมากมาย โดยหากจะคำนวณยอดจำหน่ายทั้งหมดก็อาจจะต้องนับรวมของทุกสำนักพิมพ์ ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยทั้งด้านเศรษฐกิจและโรคระบาดที่ส่งผลให้ยอดจำหน่ายอาจจะไม่เป็นไปตามเป้าที่คาดเอาไว้ และไม่สามารถเทียบกับยอดจำหน่ายที่เกิดขึ้นในปี 2562 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ ซึ่งมีทั้งหมด 494 ล้านบาท แต่โดยรวมถือว่าน่าพอใจสำหรับการเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานให้เป็นออนไลน์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของการจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ
นางสาวโชนรังสี กล่าวอีกว่า จากความสำเร็จและการตอบรับเป็นอย่างดีของนักอ่าน สมาคมฯ ได้หารือกันแล้วลงความเห็นว่าจะยังคงเปิดให้บริการเว็บไซต์ www.ThaiBookFair.com ในรูปแบบ Online Book Market ศูนย์รวมหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย 24 ชั่วโมง เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสของการจัดจำหน่ายและยังเป็นการช่วยสนับสนุนสำนักพิมพ์ให้ได้มีช่องทางกระจายสินค้าได้ต่อไป โดยจากการจัดงานครั้งนี้ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากสำนักพิมพ์ที่เข้าร่วมงาน ดังจะเห็นได้จากหนังสือที่เตรียมไว้ได้รับการตอบรับและจำหน่ายหมด ขณะที่จากสถานการณ์ COVID-19 ที่ทำให้มีการประกาศปิดสถานที่ต่าง ๆ ส่งผลให้ร้านหนังสือต้องปิดบริการ แต่ก็มียอดจำหน่ายเกิดขึ้นจากเว็บไซต์นี้ ส่วนบางสำนักพิมพ์เพิ่งเคยจำหน่ายออนไลน์ครั้งแรกก็ถือเป็นการสร้างโอกาสใหม่ ๆ และทำให้คุ้นเคยกับการใช้ระบบดิจิทัลมากขึ้น
“ด้านเสียงสะท้อนจากนักอ่านส่วนหนึ่งพบว่า ยังคงรู้สึกเสียดายที่ต้องเปลี่ยนมาจัดในรูปแบบออนไลน์ เนื่องจากผู้อ่านหลายคนยังคงชื่นชอบบรรยากาศภายในงานออนกราวนด์มากกว่า แต่ก็ทำให้กลุ่มที่อยู่ต่างจังหวัดสามารถซื้อหนังสือได้สะดวกขึ้น ไม่ต้องเดินทางไกล และมีความคุ้นชินกับการสั่งซื้อแบบออนไลน์อยู่แล้ว”
นางสาวโชนรังสี กล่าวอีกว่า สำหรับประเภทหนังสือที่ได้รับความสนใจจากนักอ่านมากเป็นอันดับหนึ่ง ได้แก่ หนังสือวรรณกรรม ได้รับความสนใจจากผู้อ่านหลากหลายช่วงวัย ตั้งแต่วัยเรียนไปจนถึงวัยทำงาน สถานการณ์ช่วงนี้อาจส่งผลให้ผู้อ่านหันมาอ่านวรรณกรรมเพิ่มขึ้น เพื่อช่วยให้จิตใจผ่อนคลายจากความกังวล อันดับที่สองคือหนังสือการ์ตูนและไลท์โนเวล (นิยายที่เจาะกลุ่มคนที่ชอบอ่านการ์ตูน ใช้ภาษาอ่านง่าย ไม่เน้นคำยาก ๆ อ่านแล้วสามารถจินตนาการได้ทันที) โดยผู้อ่านส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงวัยเรียน ซึ่งรูปแบบการจัดงานที่เป็นออนไลน์สามารถเจาะกลุ่มนักอ่านรุ่นใหม่ได้มากกว่า เพราะมีความถนัดในการใช้เทคโนโลยี อันดับที่สามคือหนังสือจิตวิทยาพัฒนาตนเอง โดยผู้อ่านยังให้ความสำคัญในการพัฒนาตัวเอง หรือพัฒนาธุรกิจ เพื่อนำมาใช้ต่อยอดสู่ความสำเร็จในอนาคต อันดับที่สี่คือหนังสือการศึกษา มีผู้อ่านเป็นวัยเรียนตั้งแต่ระดับปฐมวัยไปจนถึงระดับอุดมศึกษา แต่ผู้ซื้อส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ปกครองที่ต้องการนำไปพัฒนาศักยภาพทางการศึกษาของบุตรหลาน และสุดท้ายอันดับที่ห้าคือหนังสือประวัติศาสตร์ โดยผู้อ่านกลุ่มนี้จะชื่นชอบความเป็นมาในอดีต วิวัฒนาการ ที่จะเป็นบทเรียนต่อไป
“หลังจบงานสัปดาห์หนังสือ สมาคมฯ มีแผนรวบรวมปัญหาและข้อเรียกร้องของสำนักพิมพ์ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสระบาด เรียกร้องไปยังภาครัฐเพื่อให้มีมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการในวงการหนังสือต่อไปเพราะมีหลายสำนักพิมพ์ที่ได้รับผลกระทบมากเช่นเดียวกับธุรกิจต่าง ๆ ของประเทศไทย”
นางสาวโชนรังสี กล่าวในตอนท้ายว่า ตามแผนเดิมการจัดงานครั้งต่อไปคืองาน “เชียงใหม่ บุ๊คแฟร์ ครั้งที่ 5” จะมีขึ้นในวันที่ 26 มิถุนายน – 7 กรกฎาคม 2563 ณ เชียงใหม่ฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต และงาน “มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 25” (Book Expo Thailand 2020) ในเดือนตุลาคม ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ยังไม่ดีขึ้น ก็น่าจะจัดออกมาในรูปแบบออนไลน์เช่นเดียวกัน โดยนำประสบการณ์ของอีเวนต์ในครั้งนี้มาพัฒนาและเสริมความน่าสนใจของกิจกรรมต่าง ๆ เข้าไปเพิ่มเติมต่อไป