alivesonline.com : ภาคอุตสาหกรรม ผนึกภาครัฐ เปิดมหกรรมดิจิทัล คอนเทนต์ “Bangkok International Digital Content Festival 2020” หรือ BIDC 2020 ครั้งที่ 7 ภายใต้แนวคิด VR BIDC ด้วยรูปแบบออนไลน์ อวดโฉมศักยภาพอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทย ร่วมด้วยการจัดสัมมนาออนไลน์อัดแน่นด้วยวิทยากรระดับโลกและไทย พร้อมการจับคู่เจรจาการค้าระหว่างผู้ประกอบการไทย-เทศกว่า 96 บริษัท
นายกฤษณ์ ณ ลำเลียง นายกสมาคมดิจิทัลคอนเทนต์ไทย และผู้แทนภาคอุตสาหกรรม กล่าวว่า สำหรับการจัดงาน Bangkok International Digital Content Festival หรือ BIDC เป็นงานมหกรรมของอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและความร่วมมือของภาคเอกชน ประกอบด้วย กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ DEPA และภาคเอกชนทั้ง 5 สมาคมของอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทย ประกอบด้วย สมาคมดิจิทัลคอนเทนต์ไทย (DCAT) สมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชั่นและคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ไทย (TACGA) สมาคมอีเลิร์นนิงแห่งประเทศไทย (e-LAT) สมาคมธุรกิจบางกอกเอซีเอ็มซิกกราฟ (BASA) และสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เกมไทย (TGA)
งาน BIDC 2020 มีการจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 โดยในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-23 สิงหาคม 2563 เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายที่รัฐบาลต้องการผลักดันให้เกิดเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ เพื่อกระตุ้นและสร้างเศรษฐกิจประเทศให้แข็งแกร่ง ตลอดจนเพื่อส่งเสริมและสนับสนุน รวมถึงการสร้างเครือข่ายให้อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทยสู่เวทีระดับสากล นับเป็นการผนึกความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรมและภาครัฐที่ได้ร่วมกันผลักดัน ส่งเสริม และบูรณาการ จนโครงการนี้สำเร็จอย่างต่อเนื่อง
นายกฤษณ์ กล่าวอีกว่า อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์เป็นส่วนหนึ่งและมีความสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศอย่างมาก ดังที่ประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ได้ใช้ธุรกิจดิจิทัลคอนเทนต์ในการขับเคลื่อนและส่งออกเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างมูลค่าให้กับเศรษฐกิจประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ยกตัวอย่าง คาแรกเตอร์ “คุมามง” ที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับจังหวัดคุมาโมโต้ของประเทศญี่ปุ่นมากกว่า 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนเกม Pokemon ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1996 สามารถสร้างรายได้รวมมากกว่า 9.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เป็นต้น
“การรวมตัวของกลุ่มคาแรกเตอร์,เกม, แอนิเมชัน, เวอร์ชวล เอฟเฟกต์, อีเลิร์นนิง และเทคโนโลยีใหม่ หรือ Emerging Technology ของไทยนับเป็นการนำความสร้างสรรค์ด้านเอกลักษณ์ไทยและความเป็นสากล ผนวกกับความสามารถของคนไทยในอุตสาหกรรม เพื่อให้เกิดการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ และเสริมแกร่งด้านการแข่งขันกับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ ในฐานะภาคอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ มีความเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถพัฒนาและต่อยอดอุตสาหกรรมซึ่งปัจจุบันมีมูลค่ามากกว่า 2.5 หมื่นล้านบาทให้เติบโตยิ่งขึ้น ด้วยความแข็งแกร่งของภาคอุตสาหกรรมและการส่งเสริมจากภาครัฐ”
นายกฤษณ์ กล่าวอีกว่า แม้ว่าในปี 2563 จะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 เกิดขึ้น จนส่งผลให้รูปแบบการจัดการในปีนี้ต้องปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์จึงเป็นที่มาในแนวคิด “VR BIDC 2020” ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางและการเปลี่ยนแปลงในยุควิถีความปกติใหม่ หรือ New Normal โดยกิจกรรมสำคัญที่เคยจัดขึ้นในรูปแบบออฟไลน์เปลี่ยนมาจัดในรูปแบบออนไลน์ทั้งหมด ประกอบด้วย
– การจัดนิทรรศการแบบ Virtual Exhibition ผ่านแพลตฟอร์ม “Mozilla Hub” ที่ทุกท่านสามารถสแกน QR Code เรียบร้อยแล้วเข้าไปร่วมชมผลงานของบริษัท คนไทยทั้งหมดที่มาจัดแสดงได้เสมือนไปชมของจริง
– การจัด Business Matching ซึ่งเดิมเรา ต้องเชิญแขกจากประเทศต่าง ๆ มาร่วมจับคู่เจรจาที่จัดขึ้นในประเทศไทย แต่ในปีนี้รูปแบบการจับคู่เจรจาออนไลน์ (Match Online) ด้วยแพลตฟอร์ม Deal Room
– การจัดสัมมนาด้วยระบบ Webinar สนับสนุนโดย สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” โดยได้เชิญวิทยากรระดับโลกในสายงานดิจิทัลคอนเทนต์ มาร่วมแชร์ประสบการณ์ เทคนิค และ การปรับเปลี่ยนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยจัดขึ้นระหว่างในวันที่ 18-20 สิงหาคม 2563 รายละเอียดตารางสัมมนาเข้าไปที่ เฟซบุ๊ก Bangkok International Digital Content Festival
ด้าน นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวเสริมว่า การปรับรูปแบบการจัดกิจกรรมเจรจาการค้าในปีนี้เป็นรูปแบบออนไลน์ได้รับความสนใจจากทั้งผู้ประกอบการไทยและต่างประเทศเป็นอย่างมาก โดยได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการดิจิทัลคอนเทนต์ทั่วโลกเข้าร่วมเจรจาการค้าจำนวน 45 บริษัทจาก 15 ประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส โปแลนด์ อาร์เจนตินา ญี่ปุ่น ไต้หวัน อินเดีย และเวียดนาม และมีผู้ประกอบการไทยจำนวน 51 บริษัทร่วมเจรจาการค้าออนไลน์ครั้งนี้ ประกอบด้วย ผู้ประกอบการแอนิเมชัน 20 ราย คาแรกเตอร์ 12 ราย อีเลิร์นนิง 7 ราย และเกม 12 ราย ซึ่งเน้นย้ำให้เห็นว่ากิจกรรมดังกล่าวเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนและผลักดันการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทยให้เกิดความแข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับบนเวทีการค้าโลก โดยมั่นใจว่างาน BIDC 2020 จะเป็นส่วนสำคัญที่จะประกาศศักยภาพและความเชื่อมั่นในประเทศไทยให้ผู้ประกอบการด้านดิจิทัลคอนเทนต์ทั่วโลก
นางหริสุดา บุญยวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาการจัดงานเมกะอีเวนท์และเทศกาลนานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” กล่าวว่า “ทีเส็บ” ในฐานะองค์กรที่มีบทบาทในการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการระดับประเทศ รวมถึงการพัฒนาอีเวนต์นานาชาติขนาดใหญ่ของประเทศ เล็งเห็นว่าการผนึกความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมมีความเข้มแข็งและเติบโตได้มากขึ้น โดยนำเสนอเครื่องมือสำคัญ “Virtual Meeting Space” สนับสนุนผู้ประกอบการในการใช้เทคโนโลยีส่งเสริมการจัดงาน รวมถึงการเพิ่มทักษะความรู้ในการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ให้ผู้ประกอบการ โดยที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดวิกฤติ COVID-19 “ทีเส็บ” ได้พัฒนาและจัดรูปแบบการจัดงานสัมมนาออกเป็น 3 กิจกรรม ได้แก่ 1.Webinar หรือการประชุมสัมมนาเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ 2.O2O (Offline to Online) หรือการจัดงานแสดงสินค้าผ่านระบบออนไลน์ และ 3.E-Learning Platform หรือศูนย์การเรียนรู้คอร์สฝึกอบรมออนไลน์สำหรับผู้ประกอบการไมซ์ เพื่อเพิ่มทักษะและทบทวนความรู้ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานได้ในช่วงที่งานได้รับผลกระทบ โดย “ทีเส็บ” มีความเชื่อมั่นว่าจะช่วยสนับสนุนและเอื้ออำนวยคณะผู้จัดงานและผู้เข้าร่วมสัมมนาออนไลน์สามารถเข้าฟังและรับความรู้ในแขนงต่าง ๆ ของดิจิทัลคอนเทนต์ได้มากขึ้นด้วยระบบที่มีประสิทธิภาพของ “ทีเส็บ”
นายฉัตรชัย คุณปิติลักษณ์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือDEPA กล่าวว่า อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ ประกอบด้วย ธุรกิจด้านเกม แอนิเมชัน คาร์แรกเตอร์ไทย อีเลิร์นนิง VR&CG และ VFX กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วตามพัฒนาการของเทคโนโลยีโลกและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา และในสภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ปัจจุบัน รัฐบาลในหลายประเทศต้องการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ส่งผลให้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทและเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตอย่างที่ปฏิเสธไม่ได้ ประชาชนใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น ในส่วนของอุตสาหกรรมอีเลิร์นนิงได้รับอานิสงส์ที่ขับเคลื่อนให้กลุ่มนี้มีการขยายตัว เนื่องจากทุกภาคส่วนรวมไปถึงประชาชนมีการปรับตัวและใช้การเรียนการสอนรวมไปถึงการทำงานผ่านรูปแบบ Online Live Streaming มากยิ่งขึ้น จึงถือเป็นโอกาสสำคัญในการพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้แก่อุตสาหกรรม ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าในหลายปีที่ผ่านมาโครงการ Bangkok International Digital Content Festival มีผู้ประกอบการดิจิทัลคอนเทนต์จากต่างประเทศเข้าร่วมมากกว่า 200 บริษัท และผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 1 แสนคน โดยสร้างมูลค่าการเจรจาธุรกิจให้แก่อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทยมากกว่า 2 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ผู้สนใจรับชมกิจกรรมต่าง ๆ ของงาน BIDC 2020 สามารถติดตามรายละเอียดต่าง ๆ ได้ที่ เฟซบุ๊ก Bangkok International Digital Content Festival ลิงก์ https://www.facebook.com/bidc.fest/