Thailand Friendly Design Expo 2018 รวมสุดยอดเทคโนโลยี-นวัตกรรม “อารยสถาปัตย์”

alivesonline.com : ผ่านไปแล้วสำหรับ “Thailand Friendly Design Expo 2018” มหกรรมแสดงสินค้า เทคโนโลยี นวัตกรรม การออกแบบที่เป็นมิตรกับคนทั้งมวล (Friendly Design) เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสภาพร่างกาย ตามแนวคิด “Smart Living for All : คุณภาพชีวิตที่นำสมัยเพื่อคนทั้งมวล” ที่เพิ่งจัดขึ้นเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ณ ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

การจัดงานครั้งนี้มี 5 โซนคุณภาพยกระดับทุกคุณภาพชีวิต ทั้งโซนคุณภาพชีวิตที่นำสมัย (Smart Living for All), โซนการออกแบบเพื่อคนทั้งมวล (Design for All), โซนการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล (Tourism for All), โซนอาหารเพื่อคนทั้งมวล (Food for All) และโซนสินค้า (Friendly Design) รวมถึงการบรรยายให้ความรู้และคุณค่าสาระมากมายในงาน สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนโดย ‘ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง’ (Left No One Behind) คาดงานนี้ จะก่อให้เกิดเงินสะพัดกว่า 500 ล้านบาท

พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวถึงการจัดงานครั้งนี้ว่า ประเทศไทยกำลังปรับตัวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย โดยคาดว่าในปี 2564 ไทยจะมีจำนวนผู้สูงอายุถึง 20% เป็นการเข้าสู่สังคมคนสูงวัยอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งประเทศไทยยังมีจำนวนผู้พิการเกือบ 2 ล้านคนซึ่งถือเป็นประชากรเกือบ 3% ของประเทศ เพราะฉะนั้น เราจึงต้องเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยตั้งแต่นี้เป็นต้นไป โดยเฉพาะเรื่องของ “อารยสถาปัตย์” หรือ “Friendly Design” ที่จะเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติให้ดีขึ้น

“แนวคิดเรื่องอารยสถาปัตย์เพื่อสังคมและคนทั้งมวลจะเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้เข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 มากขึ้น สำหรับงาน Thailand Friendly Design Expo ครั้งนี้ กระทรวงฯ ได้จัดพื้นที่รวมรวบแนวความคิด Friendly Design จากทุกโซนในงานมาไว้ในพาวิลเลี่ยนของกระทรวงฯ เพื่อเป็นการจำลองสภาพแวดล้อมสังคมไทยในปัจจุบันและอนาคตที่มีนวัตกรรมอันหลากหลายซึ่งจะช่วยให้การดำเนินชีวิตของคนทุกวัย ทุกสภาพร่างกาย โดยเฉพาะผู้พิการ และผู้สูงอายุมีความสะดวกสบายและปลอดภัยมากขึ้น” พลเอกอนันตพร กล่าว

ด้าน นายวีระ โรจนพจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม ได้เข้าร่วมขับเคลื่อนงานมหกรรมอารยสถาปัตย์ฯต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพื่อตอกย้ำถึงความสำคัญในการออกแบบและสร้างทำสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่เป็นอารยสถาปัตย์สำหรับคนสูงอายุ คนพิการ และคนที่ใช้รถเข็น โดย กระทรวงวัฒนธรรม ได้นำเสนอวัฒนธรรมเพื่อคนทั้งมวล ทั้งในแง่สิ่งปลูกสร้าง กิจกรรมการแสดงที่ส่งเสริมสิทธิความเสมอภาค ตลอดจนการเข้าถึงได้ของคนทุกวัย ทุกสภาพร่างกาย

นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นเวทีสำคัญที่จะนำเสนอความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนเส้นทางการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลของประเทศไทย และการต่อยอดขยายผลไปยังเส้นทางอื่น ๆ ให้คลอบคลุมทั้งประเทศต่อไป การจัดงานมหกรรมอารยสถาปัตย์ฯปีที่ 3 จึงเป็นสร้างโอกาสสำคัญให้ประเทศไทยพัฒนาสู่ความเป็นศูนย์กลางของการจัดแสดงสินค้า บริการ และธุรกิจที่เกี่ยวกับ Friendly Design ในภูมิภาคอาเซียนได้ในอนาคต

นางธนาภรณ์ พรมสุวรรณ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า อารยสถาปัตย์เป็นแนวคิดเชิงก้าวหน้า การเสริมสร้างความเป็นอารยสถาปัตย์เข้าไปในชีวิตประจำวัน เช่น ตึกอาคาร บ้านเรือน ห้างร้าน โรงงาน ตลอดจนสถานที่สาธารณะ หรือระบบขนส่งมวลชนต่าง ๆ จะทำให้คนทุกวัย ทุกสภาพร่างกาย สามารถเข้าถึงการใช้งานได้ ใช้ประโยชน์ได้ สะดวก ปลอดภัย ก่อให้เกิดความเท่าเทียม และอิสระในการใช้ชีวิตโดยไม่ต้องพึ่งพิงผู้อื่น

นายกฤษนะ ละไล ประธานมูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล กล่าวถึงความสำคัญของการจัดงานในครั้งนี้ว่า จุดประสงค์ของงานในครั้งนี้คือการรวมพลังทุกภาคส่วนในสังคมให้มาร่วมกันขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศไทยมุ่งสู่ความเป็น “เมืองอารยสถาปัตย์” ที่คนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสภาพร่างกาย สามารถเข้าถึงได้ ใช้ประโยชน์ได้ สะดวก ทันสมัย ปลอดภัย  และเป็น ”เมืองท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล” ที่โดดเด่นชัดเจนในเวทีโลก

“หากเราบรรลุวัตถุประสงค์ของทั้ง 2 ข้อนี้ได้ย่อมส่งผลโดยตรงต่อคนพิการ รวมทั้ง ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยพักฟื้น มนุษย์ล้อ และครอบครัวที่มีเด็กเล็กที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ได้รับความสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทั้งในการดำเนินชีวิตและการเดินทางท่องเที่ยว ด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม การบริการ และการออกแบบที่เป็นอารยสถาปัตย์ ตามหลักการออกแบบที่เป็นมาตรฐานสากล และเป็นมิตรกับคนทั้งมวล หรือ Friendly Design ซึ่งเราได้รวบรวมมาจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อนำมาจัดแสดงให้ได้ชมกันภายในงานมหกรรมอารยสถาปัตย์ฯ ปีที่ 3 ในครั้งนี้ คาดว่าจะก่อให้เกิดเงินสะพัดจากธุรกิจเพื่อสังคมในงานนี้กว่า 500 ล้านบาท”

Thailand Friendly Design Expo 2018 : มหกรรมอารยสถาปัตย์และนวัตกรรมสุขภาพเพื่อคนทั้งมวล ครั้งที่ 3 เป็นงานที่เกิดจากความร่วมมือทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนจากทั่วโลก จัดขึ้นเพื่อแสดงถึงการสร้างสรรค์การออกแบบที่เป็นมิตรกับคนทั้งมวล (Friendly Design) อันเป็นปัจจัยในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสภาพร่างกาย โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วยพักฟื้น ผู้พิการ และคนที่ใช้รถเข็น ให้ได้รับความสะดวกสบาย ทันสมัย และปลอดภัยมากยิ่งขึ้นในการดำเนินชีวิต รวมถึงได้รับความสะดวกสบายต่อการเดินทางพักผ่อนท่องเที่ยวมากขึ้น ด้วยการนำเสนอสินค้า, นวัตกรรม, เทคโนโลยี, การแพทย์, การออกแบบ และการบริการดูแลสุขภาพสำหรับคนทั้งมวล จากองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และบริษัทชั้นนำต่าง ๆ มากมายจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ความเป็น “เมืองอารสถาปัตย์” ผ่านแนวความคิดหลักที่สอดคล้องกับสถานการณ์โลกยุคปัจจุบัน และเข้ากับยุคสมัยไทยแลนด์ 4.0 คือ “Smart Living for All : คุณภาพชีวิตที่นำสมัยเพื่อคนทั้งมวล”

ภายในงาน Thailand Friendly Design Expo 2018 ที่จัดขึ้นจึงมุ่งเน้นการดูแล รักษา ฟื้นฟู และพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสภาพร่างกาย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ป่วยพักฟื้น ผู้พิการ และคนที่ใช้รถเข็น ให้ได้รับความสะดวก สบาย ทันสมัย และปลอดภัยมากยิ่งขึ้นในการดำเนินชีวิต รวมถึงการเดินทางพักผ่อนท่องเที่ยว

งาน Thailand Friendly Design Expo ครั้งนี้ เปี่ยมไปด้วยความสุขและสาระคุณค่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นขบวนแห่รณรงค์สิทธิความเสมอภาค Friendly Design Carnival 2018 แห่งแรกและแห่งเดียวในโลก, การแสดงจากผู้สูงอายุ ผู้พิการ และมนุษย์ล้อจากหลายประเทศทั่วโลก, การบรรยายและเสวนาให้ความรู้โดยวิทยากรจากกลุ่ม Wellness Industry รวมไปถึงกิจกรรมส่งเสริมแนวคิดเพื่อคนทั้งมวล อย่าง Friendly Design Awards 2018 หรือการออกแบบที่เป็นมิตรกับคนทั้งมวลของเยาวชน นิสิต นักศึกษาที่จะเป็นบันไดช่วยส่งเสริมหัวใจหลักของความสุขและความเท่าเทียม และยังเป็นกระบอกเสียงสำคัญให้คนทั่วไปได้รับรู้ ว่าทุกคนในสังคมพึงจะต้องปฏิบัติตามกติกาสังคมและกติกาโลกยุคใหม่ว่าทุกชีวิตเท่าเทียมกัน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนโดย ‘ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง’ (Left No One Behind) อีกต่อไป.

ชู “นวัตเกษตร”สร้างอนาคตเกษตรกรรมไทย

alivesonline.com : สมาคมนวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย หรือ “ไททา” ประกาศความร่วมมือกับภาครัฐ เอกชน และสื่อมวลชนไทย ตั้งเป้าพัฒนาเกษตรกร เพิ่มผลผลิตร้อยละ 30 ด้วยนวัตเกษตร สร้างอนาคตใหม่เกษตรกรรมไทย

ดร.เซียง ฮี ตัน ผู้อำนวยการบริหาร ครอปไลฟ์ เอเชีย กล่าวในงานเปิดตัวสมาคมฯ นวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทยว่า ประเทศไทยส่งออกข้าวเป็นอันดับสองของโลกและมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในฐานะประเทศชั้นนำด้านเกษตรกรรม เกษตรกรไทยจึงมีบทบาทสำคัญต่อการผลิตอาหารให้สามารถเลี้ยงดูประชากรทั้งในและต่างประเทศ ส่งเป็นสินค้าออก สร้างรายได้กลับเข้าประเทศ มากกว่า 4 แสนล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในปี 2563 ซึ่งคาดว่าภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีประชากรสูงถึง 60 ล้านราย “ครอปไลฟ์” ในฐานะองค์กรไม่แสวงผลกำไร ตระหนักถึงปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นคือ การผลิตอาหารเพื่อเลี้ยงดูประชากรที่เพิ่มมากขึ้น จึงพิจารณาเลือกประเทศไทยให้เป็น “ประเทศต้นแบบของการพัฒนาเกษตรกรรมสมัยใหม่” พร้อมที่จะให้การสนับสนุนและส่งเสริม เพื่อนำไปสู่การผลิตอาหารได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน”

ด้าน ดร.วรณิกา นาควัชระ ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมนวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย หรือ “ไททา” เปิดเผยว่า “ไททา เป็นองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไรด้านนวัตกรรมการเกษตรระดับโลก หนึ่งในสำนักงานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ “ครอปไลฟ์ อินเตอร์เนชันแนล” มีเป้าหมายหลักในการช่วยเหลือเกษตรกรให้สามารถผลิตผลิตผลทางการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพื่อเป็นอาหารให้ประชากรโลก ด้วยนวัตเกษตรที่เหมาะสมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยดำเนินงานในประเทศไทยมาตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2561 โดยมีโครงการแรกที่ได้ดำเนินการคือ “โครงการรักษ์ผึ้งชันโรง” หรือ Protect Stingless Bee ภายใต้แนวคิด “เกษตรกรรม รักษ์โลก เพื่อคน สร้างชุมชน” อันเป็นหนึ่งในโครงการ “รักษ์แมลงผสมเกสร” ของ “ครอปไลฟ์ อินเตอร์เนชันแนล” ซึ่งได้เริ่มโครงการในประเทศอินเดีย ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย โดยจัดขึ้นในจังหวัดจันทบุรีซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีสวนผลไม้ในส่วนใหญ่ของพื้นที่ มีเกษตรกรเข้าร่วมมากกว่า 100 ราย สามารถเพิ่มผลผลิตได้ถึงร้อยละ 23 และกำลังดำเนินการโครงการนี้ในจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเป็นพื้นที่ ๆ มีสวนลิ้นจี่และลำไยมากที่สุดของประเทศ โดยจะรวบรวมเกษตรกรผู้เลี้ยงผึ้งจากจังหวัดแพร่และน่านเข้าร่วมโครงการอีกด้วย

“นวัตเกษตร” หรือ การพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์พืชสมัยใหม่เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร จะช่วย “รักษ์โลก” ให้เกษตรกรสามารถเพาะปลูกได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ลดการใช้ทรัพยากรดินและน้ำอย่างสิ้นเปลือง รักษาสมดุลธรรมชาติ ขณะเดียวกันยังก็สามารถผลิตอาหาร “เพื่อคน” ได้อย่างเพียงพอ มีคุณภาพและปลอดภัย เตรียมพร้อมรองรับการเพิ่มของประชากรทั่วโลกในอนาคต รวมทั้ง สร้างรายได้ “เพื่อชุมชน” ของเกษตรกรไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

ปัจจุบันพื้นที่เกษตรกรรมของไทยมีประมาณ 138 ล้านไร่ โดยเกษตรกรในหลายพื้นที่ยังคงประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ ดินไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก ตลอดจนต้องเผชิญกับโรคแมลงและศัตรูพืช แต่สิ่งเหล่านี้สามารถจัดการได้ด้วยนวัตเกษตร โดยแผนการดำเนินงานระยะสั้น 2 ปี (2562-2563) จะมุ่งเน้นพัฒนาความรู้เกษตรกร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตอย่างน้อย ร้อยละ 30 ใช้ทรัพยากรน้อยลงแต่ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น ใช้ต้นทุนน้อยลงแต่ได้ผลผลิตมีคุณภาพมากขึ้น ส่งเสริมเกษตรกรรุ่นใหม่สู่ภาคการเกษตร ในกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงผึ้งและพืชเศรษฐกิจ อาศัยความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ อาทิ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มูลนิธิโครงการหลวง และสมาคมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจกรรมทางด้านเกษตรกรรม โดยสมาคมฯ ได้รับความไว้วางใจจาก กรมวิชาการเกษตร และ กรมส่งเสริมการเกษตร ให้เป็นหนึ่งในองค์กรที่ร่วมสนับสนุนความรู้ทางวิชาการและบุคคลากรในกิจกรรมต่าง ๆ ด้านการฝึกอบรมและการเผยแพร่ความรู้สู่เกษตรกร

ดร. วรกา กล่าวในตอนท้ายว่า “ไททา” พร้อมที่จะเดินหน้าสู่อนาคตแห่งเกษตรกรรมไทยไปกับทุกภาคส่วน ควบคู่กับการนำองค์ความรู้และนวัตเกษตรระดับโลกมาสนับสนุน เพื่อบรรลุเป้าหมายระดับโลก “สร้างความมั่นคงและความปลอดภัยทางอาหาร” และส่งเสริมยุทธศาสตร์เกษตรและสหกรณ์ของไทยที่ว่า “เกษตรกรมั่นคง ภาคการเกษตรมั่งคั่ง ทรัพยากรการเกษตรยั่งยืน”

 

APCO มั่นใจยอดขายกลับคืนปรกติในช่วง Q1/61

alivesonline.com : “เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์” เผยผู้บริโภคจีนตอบรับเครื่องสำอางยกกระชับผิวหน้าดี พันธมิตรจีนเตรียมสั่งซื้อเครื่องสำอางชนิดอื่นเพิ่มหลายรายการ เล็งส่งออกพร้อมรับรู้รายได้ต้นปีหน้า กำหนด “ภูมิคุ้มกันบำบัด” เป็นภารกิจหลักของบริษัทเน้น ผลิตภัณฑ์ HIV และมะเร็ง สร้างยอดขายทั้งในและต่างประเทศ ดันรายได้ปี 61 ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา สำหรับงบ 9 เดือนในปีนี้มีรายได้ 273.21 ล้านบาท กำไร 68.93 ล้านบาท

ศ.ดร. พิเชษฐ์  วิริยะจิตรา  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APCO ผู้ประกอบธุรกิจนวัตกรรมธรรมชาติเพื่อสุขภาพและความงามด้วยการวิจัย พัฒนา ผลิตและจำหน่ายครบวงจร เปิดเผยว่า การส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางยกกระชับผิวหน้าให้พันธมิตรในประเทศจีนได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดีด้วยการประชาสัมพันธ์ประสิทธิภาพของสารสกัดจากมังคุด ซึ่งคณะนักวิจัย APCO ได้ใช้เวลาวิจัยมาอย่างต่อเนื่องกว่า 40 ปี  พันธมิตรจีนจึงเตรียมการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางชนิดอื่นเพิ่ม เช่น เครื่องสำอางเพิ่มความชุ่มชื้นสำหรับใบหน้า, ครีมกันแดดผสมรองพื้น, ครีมลดไขมันส่วนเกินบนใบหน้า และ ชุดผลิตภัณฑ์สำหรับผู้มีปัญหาสิว คาดว่าจะสามารถส่งออกพร้อมรับรู้รายได้ต้นปี 2562 รวมมูลค่าส่งออกทั้งปีจะทำให้รายได้ของบริษัทฯ เติบโตอย่างก้าวกระโดด

จากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ Operation BIM ที่มีคุณสมบัติเป็น “ภูมิคุ้มกันบำบัด” APCO จึงได้กำหนด “ภูมิคุ้มกันบำบัด” เป็นภารกิจหลักของบริษัทฯ โดยเริ่มเน้นที่การช่วยเหลือผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS ให้บรรลุถึง Function Cure (HIV อยู่ในภาวะสงบ) เป็นบริษัทแรกของโลก และช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งทุกชนิดให้กลับมามีคุณภาพชีวิตเป็นปกติ โดยมีเป้าหมายหลักในการส่งออกนวัตกรรม “ภูมิคุ้มกันบำบัด” นี้ไปยังตลาดโลก ซึ่งมีกิจกรรมที่จะผลักดันให้ประสบความสำเร็จคือ การได้รับเชิญเป็น Keynote Speaker ในการประชุมภูมิคุ้มกันวิทยาโลก (EURO Sci Con 2019) ในวันที่ 10-13 มีนาคม 2562 ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์

“บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ ผ่านช่องทาง Social Media, LINE TV และโทรทัศน์ ช่อง 5 เพื่อต่อยอดให้ช่องทางจัดจำหน่ายของบริษัททุกช่องทางคือ BIM Health Center ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำการใช้ผลิตภัณฑ์ รวมถึง BIM Dropship ที่ดำเนินการโดยนักธุรกิจ และ Direct Service ซึ่งดำเนินการโดยผู้ที่มีความถนัดในการแนะนำผลิตภัณฑ์สู่ผู้บริโภคโดยตรง”

สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2561 บริษัทมีรายได้รวม 273.21 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 68.93 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2561 บริษัทมีรายได้รวม 94.59 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 25.09 ล้านบาท โดยสาเหตุที่ผลประกอบการของบริษัทฯ มีการชะลอตัวลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาการตรวจสอบแหล่งผลิตและจำหน่ายสินค้ากลุ่มเครื่องสำอางมาอย่างต่อเนื่อง แต่คาดว่ายอดขายจะกลับมาเป็นปรกติในช่วงไตรมาส 4/2561

“อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค” เทคโอเวอร์ธุรกิจไอที “เอสเทรค”

alivesonline.com : ECF ปล่อยหมัดเด็ด ซื้อกิจการ S-TREK ยักษ์ใหญ่ไอทีไทย 51% รวม 510 ล้านบาท สวอปหุ้นล็อตแรกที่ 7 บาท แตกไลน์ธุรกิจใหม่ด้าน IT Solution แบบครบวงจร

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2561 มีมติให้นำเสนอที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2562 เพื่อพิจารณาและอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าดำเนินการซื้อกิจการบริษัท เอสเทรค (ประเทศไทย) จำกัด (S-TREK) โดยบริษัทจะเข้าซื้อหุ้นจำนวน 15,300,000 หุ้น คิดเป็น 51% ของหุ้นสามัญทั้งหมดของ STREK ด้วยวิธีการแลกหุ้นสามัญ (Share Swap) คิดเป็นมูลค่ารวมการลงทุน 510 ล้านบาท

การลงทุนจะแบ่งการจ่ายชำระออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรก ECF จะเข้าซื้อหุ้น S-TREK จำนวน 10,710,000 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 357 ล้านบาท หรือราคาหุ้นละประมาณ 33.33 บาท โดยจะมาจากวิธีการแลกหุ้นสามัญของ ECF กับหุ้นสามัญของ S-TREK ซึ่ง ECF จะจ่ายชำระจำนวนเงินดังกล่าว โดยการออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด แบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement : PP ) ให้แก่ นายจิรศักดิ์ เปรมพจน์วัฒนา ในฐานะผู้ขายและผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บริษัท เอสเทรค (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 51 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท ที่ราคา 7 บาท/หุ้น หลังการเพิ่มทุนดังกล่าวบริษัทจะเข้าเป็นผู้ถือหุ้นใน S-TREK ในสัดส่วนร้อยละ 35.7 ของจำนวนทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วทั้งหมดของ S-TREK ซึ่งการชำระในส่วนนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2562

สำหรับส่วนที่ 2 ที่จะต้องมีการจ่ายชำระราคาในมูลค่ารวม 153 ล้านบาท เพื่อให้ได้มาซึ่งหุ้นของ S-TREK อีกจำนวน 4,590,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนที่จะเพิ่มเติมอีกร้อยละ 15.3 เพื่อให้ได้สัดส่วนการเข้าถือหุ้นของ S-TREK รวมเป็นร้อยละ 51 ของจำนวนทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วทั้งหมดของ S-TREK นั้น จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขผลการดำเนินงานงวด 12 เดือน ของ S-TREK ที่จะเกิดขึ้นในรอบปี 2562 หรือ ปี 2563 หรือปี 2564 ปีใดปีหนึ่งที่สามารถเข้าเงื่อนไขการสร้างผลการดำเนินงานตามตัวเลขที่ระบุในงบการเงินประจำปีนั้น ๆ เป็นไปตามที่ตกลงกัน หากปีใดผลการดำเนินงานเข้าเงื่อนไขตามที่ตกลงกัน บริษัทจะพิจารณาออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัดแบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement : PP ) ให้แก่ นายจิรศักดิ์ เปรมพจน์วัฒนา โดยในการกำหนดราคาหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวจะมีส่วนเกินกว่าราคาตลาด (premium) ร้อยละ 10 โดยในการกำหนด “ราคาตลาด” จะเป็นไปตามกฎและระเบียบของ สำนักงาน ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมทั้งกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในการเข้าลงทุนครั้งนี้ จะต้องนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นสำหรับการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2562 ที่จะมีขึ้นในเดือน มี.ค. 2562 พร้อมกับรายงานความเห็นจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อประกอบการพิจารณาอนุมัติต่อไป ซึ่งการชำระในส่วนที่ 2 คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2565

สำหรับการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรทันทีในปี 2562 โดยในปี 2560 ที่ผ่านมา STREK มีรายได้รวมประมาณ 4,848 ล้านบาท ดังนั้นการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ จึงถือเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการสร้างการเติบโต โดยจะส่งผลต่อตัวเลขการดำเนินงานของ ECF อย่างมีนัยสำคัญ

“บริษัทมีแผนขยายธุรกิจใหม่ ๆ ที่มีความน่าสนใจในการเข้าลงทุน เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าจะช่วยสร้างผลประกอบการที่ดีขึ้น สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ดังนั้นหากมีธุรกิจที่มีความน่าสนใจ บริษัทจะเข้าไปศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนกิจการนั้น ๆเพราะธุรกิจด้านไอทีและดิจิทัลถือเป็นเทรนด์ที่สำคัญของโลกยุคปัจจุบันที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับระยะเวลาข้างหน้าจะได้รับปัจจัยหนุนจากนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลภาครัฐ กลุ่มธุรกิจสินค้าไอทีจึงเป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่มีความน่าสนใจ” นายอารักษ์ กล่าว

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ยังได้มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/ 2562 ในคราวเดียวกันเพื่อขออนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มช่องทางการระดมทุนของบริษัท ให้มีเครื่องมือในการระดมทุนซึ่งมีต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตในอนาคต เช่น หากมีดีลสำคัญที่ต้องตัดสินใจในการเข้าลงทุน จะทำให้บริษัทสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อนึ่ง บริษัท เอสเทรค (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ดำเนินธุรกิจด้าน IT Solution ในการเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าไอที ให้บริษัทชั้นนำระดับโลกมายาวนานกว่า 30 ปี รวมถึงมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย โดยมีผลิตภัณฑ์พร้อมจำหน่ายมากกว่า 5,000 รายการ และมีกลุ่มลูกค้าทั้งในกรุงเทพมหานครและทั่วประเทศไทย มากกว่า 4,000 ร้านค้า

 

บริษัทย่อย EPG จัดตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ในแอฟริกาใต้

 

alivesonline.com : “Aeroklas” บริษัทย่อยของ “อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป” ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก ร่วมทุนกับ Duys Engineering Group (Pty) Ltd. (DEG) ประเทศแอฟริกาใต้ ผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภท อุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ให้ลูกค้า OEM และลูกค้ารายย่อยทั่วไปในประเทศแอฟริกาใต้ คาดเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในเดือนมีนาคม 2562

ดร.ภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติในหลักการให้ บริษัท แอร์โรคลาส จำกัด (Aeroklas) บริษัทย่อยของ EPG เข้าร่วมลงทุนจัดตั้งบริษัทในประเทศแอฟริกาใต้ได้ โดยเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2561 Aeroklas ได้เข้าลงนามสัญญาร่วมทุนกับ Duys Engineering Group (Pty) Ltd. (DEG) ประเทศแอฟริกาใต้ และ Mr. Brian William Rogers ผู้บริหารของบริษัทย่อยของ EPG ร่วมกันจัดตั้งบริษัทใหม่คือ Aeroklas Duys (Pty) Ltd. ในประเทศแอฟริกาใต้ เพื่อประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภท อุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ให้กับลูกค้า OEM และลูกค้ารายย่อยทั่วไปในประเทศแอฟริกาใต้ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในเดือนมีนาคม 2562

Aeroklas Duys (Pty) Ltd. มีทุนจดทะเบียนประมาณ 90 ล้านแรน (South Africa Rand) หรือประมาณ 202 ล้านบาท มีสัดส่วนการถือหุ้นแบ่งเป็น DEG ร้อยละ 51% / Aeroklas ร้อยละ 45 และ Mr. Brian William Rogers ร้อยละ 4 การลงทุนครั้งนี้ใช้เงินทุนจากกระแสเงินสดและบางส่วนจากเงินกู้ยืม

ดร.ภวัฒน์ กล่าวต่อว่า ผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ของโลกหลายรายเข้าไปตั้งฐานการผลิตยานยนต์ในประเทศแอฟริกาใต้ เนื่องจากเป็นประเทศหลักที่สามารถจะขยายธุรกิจไปยังทวีปแอฟริกาและเป็นประตูสู่ทวีปยุโรปจากการสนับสนุนของรัฐบาลแอฟริกาใต้ทั้งสิทธิประโยชน์และนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ จึงทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์มีการเติบโตสูงขึ้น การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในครั้งนี้เป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในต่างประเทศให้กับ Aeroklas อีกทั้งผู้ร่วมทุนเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์โดยเฉพาะงานวัสดุประเภทเหล็กในประเทศแอฟริกาใต้ ส่วน Aeroklas มีความเชี่ยวชาญด้านโพลีเมอร์และพลาสติก ทำให้สามารถแบ่งปันความรู้เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับบริษัทที่จัดตั้งใหม่ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ EPG ได้ในอนาคต

“โฮมโปร” ปลุกกำลังซื้อปลายปี 2018 ขยาย สาขา HomePro S “เกตเวย์ แอท บางซื่อ”

alivesonline.com : “โฮมโปร” บุกตลาดปลายปี ขยายสาขาใหม่ “เกตเวย์ แอท บางซื่อ” คอมมูนิตี้มอลล์ใหม่ย่านฝั่งธนบุรี ตอบสนองความต้องการกลุ่มคนรักบ้าน ดันจุดเด่น 3S ‘Smart Select Service’ สร้างสรรค์บริการใหม่ เพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้า เพิ่มประสบการณ์การช้อป 4.0 ทั้ง Shop Online และ Click & Collect เลือกกำหนดช่วงเวลาการรับสินค้า พร้อมเติมช้อย Delivery ให้ชีวิตง่ายขึ้น จัดเต็มเมนูโปรโมชั่นลดราคาสุด ช็อคสูงสุดกว่า 60% พ่วง 6 โปรแรง มุ่งกวาดรายได้ต่อสาขากว่า 10 ล้านบาทต่อเดือน


นางสาวสิริวรรณ เสริมชีพ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจรูปแบบใหม่คือ “HomePro S” มินิสโตร์ที่ครบครันไปด้วยสินค้าตกแต่งบ้าน เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าได้มีตัวเลือกเพิ่มความสะดวกสบายในการชอปสินค้ามากขึ้น รวมถึงสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนรักบ้านทุกกลุ่มได้อย่างครบถ้วน โดยเน้นจุดเด่น 3S คือ “SMART” สะดวก ช้อปง่าย สบาย ใกล้บ้าน มีเส้นทางขนส่งสาธารณะเข้าถึงง่าย “SELECT” คัดสรรสินค้าตรงใจคุณ ตอบโจทย์ทุกความต้องการเรื่องบ้าน ทั้งซ่อมแซม ต่อเติม ตกแต่ง และ DใI.Y. “SERVICE” ครบครันทุกบริการเพื่อคนรักบ้าน เหมือนสโตร์ใหญ่ สร้างทุกทางเลือกให้เป็นไปได้


HomePro S ถือเป็นทางเลือกใหม่ที่คนรักบ้านให้เสียงตอบรับเป็นอย่างดี โดยในปี 2561 บริษัทฯ ได้ขยายสาขาไปแล้ว 4 สาขาคือ สาขา The Paseo Park กาญจนาภิเษก, สาขาบิ๊กซี บางนา สาขา Market Place นางลิ้นจี่ และ สาขา SENA fest เจริญนคร ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดยบริษัทฯ จะยังคงเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่องและครอบคลุม เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงทุกสินค้าตกแต่งบ้าน พร้อมเปิดรับความสะดวกสบาย และบริการรูปแบบใหม ที่จะมาสร้างสรรค์ให้ทุกการใช้ชีวิตง่ายยิ่งขึ้น
สำหรับ HomePro S สาขา “เกตเวย์ แอท บางซื่อ” ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ในคอมมูนิตี้มอลล์ที่เป็นศูนย์กลางด้านการบริการอย่างครบวงจร เพื่อรองรับกำลังซื้อและตอบโจทย์ทั้งไลฟ์สไตล์และชีวิตประจำวันของผู้ที่อยู่อาศัยย่านบางซื่อ อีกทั้งยังเปิดให้บริการ “The Power Life” ศูนย์รวมภาพ เสียง และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบอีกด้วย โดยสามารถเติมเต็มทุกความต้องการเรื่องตกแต่งบ้านให้ครบจบในที่เดียว ด้วยบริการที่ง่าย สะดวกสบาย เข้าถึงประสบการณ์การช้อปแบบ 4.0 เพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินค้ารูปแบบออนไลน์อย่าง Shop Online และ Click & Collect บริการออนไลน์ที่สามารถเลือกกำหนดช่วงเวลารับสินค้าและสาขาที่สะดวกใกล้บ้านได้ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือบริการจัดส่งถึงมือแบบ Delivery
“การขยาย HomePro S ในช่วงปลายปีนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายต่อสาขาได้กว่า 10 ล้านบาทต่อเดือน และจะเป็นอีกหนึ่งแลนมาร์คใหม่สำหรับคนรักบ้านและสมาชิกครอบครัวโฮมโปรที่ครบครันไปด้วยสินค้าและบริการ เพิ่มความสะดวกสบาย ใกล้บ้าน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต เพิ่มประสบการณ์ช้อปอัดแน่นโปรโมชั่นสุดฮอต โดนใจทั้งปี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Call Center หมายเลข 1284 และ www.homepro.co.th FB : homeprothailand” นางสาวสิริวรรณ กล่าวในตอนท้าย


ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอกย้ำความพิเศษสุดในช่วงฉลองเปิดสาขาใหม่ให้คนรักบ้านได้ช้อปเพลินไปตามๆ กัน โฮมโปรยกขบวนสินค้าเรื่องบ้านราคาซูเปอร์ช็อค ลดราคาสูงสุดถึง 60% พร้อมจัดโปรแรงสุด เสิร์ฟต่อคอมโบความสุขให้ช้อปต่อเนื่องไม่มีสะดุดต่อเนื่องถึง 6 โปรแรง ได้แก่
• โปรแรง 1 ลุ้นซื้อสินค้าราคาพิเศษ เล่นใหญ่กว่าใคร ไม่ว่าจะเป็น SAMSUNG LED TV 43 นิ้ว ราคาเพียง 8,900 บาท หรือไมโครเวฟ SAMSUNG 23L เหลือเพียง 1,290 บาท
• โปรแรง 2 ชอปครบ…รับฟรี กับบัตรของขวัญโฮมโปร มูลค่าสูงสุดถึง 4,000 บาท เมื่อชอปครบ 100,000 บาท รับฟรีบัตรของขวัญโฮมโปร มูลค่า 1,000 บาท เมื่อชอปครบ 40,000 บาท รับฟรีบัตรของขวัญโฮมโปร มูลค่า 400 บาท เมื่อช้อปครบ 20,000 บาท
• โปรแรง 3 สิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้าบัตรโฮมโปร วีซ่า แพลทินัม ช้อปง่ายๆ ได้รับส่วนลดทันที 3% พร้อมฟินกว่าเดิม ด้วยสิทธิ์รับเครดิตเงินคืนเพิ่มอีก 2%
• โปรแรง 4 รับเพิ่มคูปองส่วนลดท้ายใบเสร็จไปช้อปต่อเพลิน ๆ มูลค่า 100 บาท เมื่อชอปครบ 3,000 บาทขึ้นไปต่อใบเสร็จ
• โปรแรง 5 สำหรับคนรักบ้านตัวจริง เพียงสมัครสมาชิกบัตรโฮมการ์ดใหม่ รับฟรีทันที 100 คะแนน เติมเต็มความสุขยิ่งขึ้น เมื่อร่วมเป็นครอบครัวโฮมโปร เพียงลงทะเบียนกับ HomePro @Line Connect ก็รับคะแนนเพิ่มทันที 500 คะแนน
• โปรแรง 6 ช้อปสะดวก ผ่อนสบาย ทั้งร้าน 0% กับบัตรเครดิตชั้นนำ อาทิ บัตรเครดิตธนาคารกรุงศรี, ไทยพาณิชย์, ธนชาต, กสิกรไทย, กรุงเทพ, กรุงศรีเฟิร์สช้อย, KTC, UOB, TMB
นอกจากนี้ ยังมีสิทธิพิเศษอีกมากมายสำหรับลูกค้าบัตรสมาชิกโฮมการ์ด Shop Weekday Fin Verr ช้อปวันธรรมดา จันทร์-ศุกร์ รับเลยคะแนนโฮมการ์ด คูณ 3 เท่า Shop Surprise Weekend ช้อปสนุกทุกเสาร์-อาทิตย์ ลุ้นรับของรางวัลมากมายเพียงช้อปสินค้าทุก 2,000 บาท Happy Point แลกคะแนนสะสมโฮมการ์ดเท่ายอดซื้อลดเพิ่มสูงสุด 15%

 

 

บริษัท วันจันทร์ โปรดักชั่น จำกัด

เลขที่ 129/82 ม.ดรีมเพลส ซ.9 ถ.สวนหลวง

ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี 11130

Tax ID Number : 0125560029695

ติดต่อกองบรรณาธิการ : โทร. 09 3335 9595

อี-เมล์ : alivesonline@gmail.com

ติดต่อโฆษณา / งานอีเวนต์-ออร์แกไนซ์ ฯลฯ : โทร. 09 2291 4245

JD CENTRAL จัดแคมเปญใหญ่ท้ายปี ระดมสินค้าคุณภาพลดสูงสุด 90%

หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการและประสบความสำเร็จกับแคมเปญ 11.11 ที่ผ่านมา “เจดี เซ็นทรัล” (JD CENTRAL) แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ เตรียมจัดแคมเปญสุดท้ายส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กับ 12.12 Gift Pop Shop Fest เทศกาลแห่งความสุขที่มาพร้อมกับโปรโมชั่นลด แลก แจก แถม ส่งท้ายปี ชวนนักช้อปออนไลน์ช้อปสินค้าคุณภาพลดกระหน่ำสูงสุดถึง 90% ตลอดระยะเวลาแคมเปญตั้งแต่วันที่ 1 – 14 ธันวาคม 2561

ร่วมสร้างความสุขใจในช่วงเทศกาลปีใหม่ ด้วยการให้ของขวัญแทนใจแก่คนที่รักกับแคมเปญ 12.12 Gift Pop Shop Fest ด้วยสินค้าคุณภาพกับดีลพิเศษมากมายจาก “เจดี เซ็นทรัล” ไม่ว่าจะเป็น

  • 12 Daily Coupons คูปองส่วนลดในทุกหมวดหมู่ JD CENTRAL แจกทุกวัน! รวมถึง Brand Coupons คูปองส่วนลดจากแบรนด์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และแบรนด์ชั้นนำต่างๆ อาทิ Huawei Acer Lenovo JBL SanDisk ฯลฯ มากกว่า 100 ใบ

 

  • Surprise Hour ช้อปสินค้าราคาสุดพิเศษทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืนในเวลา 12.12 น. และ 12 น. ทุกวัน และพิเศษ! เมื่อช้อปสินค้าในเวลาดังกล่าว ลุ้นรับ JD POINTS เพิ่มมากกว่าช่วงเวลาปกติอีก 12 เท่า

  • JD CENTRAL Exclusive Deals พบกับสินค้าคุณภาพลดราคาสูงสุดกว่า 60% สินค้าสุดเอ็กซ์คลูซีฟ รวมทั้งของขวัญสุดพิเศษ คัดสรรมาให้เฉพาะคุณ อาทิ โทรศัพท์มือถือและแกดเจ็ต เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน พร้อมรับคูปองส่วนลดเพิ่มเติมที่เดียวเท่านั้น!
  • JD POINTS x15 รับ JD POINTS สูงสุดเพิ่มอีกถึง 15 เท่าเมื่อซื้อสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำที่ร่วมรายการ

  • 12 Hot Deals พบกับสินค้าจากแบรนด์ดังในทุกหมวดหมู่ อาทิ โทรศัพท์มือถือและแกดเจ็ต อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์และเครื่องใช้สำนักงาน ผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม สินค้าแม่และเด็ก อาหารและเครื่องดื่ม ในราคาสุดพิเศษ

  • Daily Deals ดีลเด็ดประจำวัน ช้อปสินค้าราคาพิเศษในหมวดหมู่ต่าง ๆ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 – 14 ธันวาคม 2561 เท่านั้น

นอกจากนี้ ยังมีดีลพิเศษจากพาร์ทเนอร์ชั้นนำที่จะมามอบความสุขส่งท้ายปีกับ JD CENTRAL มากมาย เช่น

  • GRAB เมื่อใช้บริการ Grab ไปหรือกลับห้างสรรพสินค้าในเครือเซ็นทรัล รับคูปองส่วนลด JD CENTRAL 120 บาท (เมื่อช้อปขั้นต่ำ 200 บาท) หรือ ใช้คะแนน GrabRewards 400 คะแนน แลกรับคูปองส่วนลด 200 บาท (เมื่อช้อปขั้นต่ำ 500 บาท) ระหว่างวันที่ 1 – 14 ธันวาคม 2561
  • Rabbit Today สแกน QR Code จาก JD CENTRAL ภายในวันที่ 1 – 7 ธันวาคม 2561 แล้วรับทันทีคูปองส่วนลด 150 บาท (เมื่อช้อปขั้นต่ำ 300 บาท) ใช่ได้ระหว่างวันที่ 1 – 14 ธันวาคม 2561
  • Wongnai สิทธิพิเศษ! สำหรับผู้ใช้วงในรับทันทีส่วนลด 200 บาท (เมื่อช้อปขั้นต่ำ 400 บาท) ระหว่างวันที่ 1 – 14 ธันวาคม 2561
  • LINE 10?10 รับเลยคูปองส่วนลด 100 บาท (เมื่อช้อปขั้นต่ำ 200 บาท) ในแอปพลิเคชัน LINE 10?10 ในวันที่ 12 ธันวาคม 2561 วันเดียวเท่านั้น และพบกันโปรโมชั่นอื่นๆจากพาร์ทเนอร์ชั้นนำอีกมากมาย

“เจดี เซ็นทรัล” มุ่งสร้างการช้อปปิ้งออนไลน์อย่างมั่นใจไร้กังวลให้ผู้ซื้อ โดยการันตีสินค้าของแท้ทุกชิ้น พร้อมระบบคูปองที่หาง่ายใช้ได้จริง รวมไปถึงการจัดส่งที่รวดเร็วและนโยบายคืนสินค้าที่สะดวก ปลอดภัย โดยแคมเปญ 12.12 Gift Pop Shop Fest จะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 – 14 ธันวาคม 2561 ทั้งในเว็บไซต์ JD.CO.TH และแอปพลิเคชัน JD CENTRAL สำหรับข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมของแคมเปญ ลูกค้าสามารถติดตามได้ผ่านทางเว็บไซต์ JD.CO.TH และ JD CENTRAL Facebook Page ช้อปของดี การันตีของแท้ ช้อปเลย! ที่ JD CENTRAL

เครือเฮอริเทจ ส่งมอบกระเช้าความสุขต้อนรับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

เครือเฮอริเทจ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ชวนคุณส่งมอบความสุขต้อนรับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ กับหลากหลายผลิตภัณฑ์คุณภาพเพื่อสุขภาพในรูปแบบกระเช้าของขวัญสุดพรีเมียมในเครือเฮอริเทจ ในราคาเริ่มต้นเพียง 829-3,390 บาท ประกอบไปด้วย ผลิตภัณฑ์แบรนด์ “เฮอริเทจ”, ผลิตภัณฑ์อัลมอนด์ และนมอัลมอนด์จากแคลิฟอร์เนียภายใต้แบรนด์ “บลูไดมอนด์”, ผลิตภัณฑ์ธัญพืช ผลไม้อบแห้งและน้ำผลไม้แบรนด์ “เนเจอร์ เซ็นเซชั่น”, ขนมขบเคี้ยวประเภทถั่วและเมล็ดพืช “นัทวอล์คเกอร์”, หลากหลายถั่วคุณภาพระดับพรีเมียม “ซันคิสท์”, ข้าวโพดอบกรอบเคลือบคาราเมลผสมถั่วพรีเมียม“วันเดอร์พัฟฟ์ ป๊อบคอร์น”, คุ้กกี้ “ฟรังซัวส์”, น้ำแร่ธรรมชาติจากอิตาลี “แมนเจียโตเรล่า”, ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพแบรนด์ “โฮลโกรน”, น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ออร์แกนิค “เซนโทนเซ่” และอื่นๆ อีกมากมาย

สามารถสั่งซื้อกระเช้าของขวัญสุดพรีเมียมในเครือเฮอริเทจ เพื่อส่งมอบความสุข ได้แล้ววันนี้ถึง 15 มกราคม 2562 ณ เซ็นทรัลฟู้ดฮอลล์, ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์, กูร์เมต์ มาร์เก็ต, โฮมเฟรชมาร์ท, วิลล่า มาร์เก็ต, แม็คโคร, ริมปิง ซูเปอร์มาร์เก็ต, แม็กซ์แวลู ซูเปอร์มาร์เก็ต, โกลเด้น เพลซ และเทสโก้ โลตัสทุกสาขา หรือสั่งซื้อได้ที่ โทร.0 8061 91212 และ 08 0619 0990 หรือติดตามกิจกรรมและข่าวสารของเครือเฮอริเทจได้ที่www.heritagethailand.com/corp และ www.facebook.com/Heritagesnacksandfood

“ธัญญาพาร์ค” จัดแคมเปญใหญ่ ร่วมลุ้นพาสปอร์ตครบ 1 ล้านเล่ม !

ศูนย์การค้า “ธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์” ฉลองการทำพาสปอร์ต (Passport) ที่สำนักงานหนังสือเดินทาง สาขาศรีนครินทร์ ครบ 1 ล้านเล่ม จัดแคมเปญใหญ่ “ลัคกี้ ทราเวลเลอร์ส” (Lucky Travelers) ร่วมกับกลุ่มผู้ประกอบการทั้งศูนย์การค้า มอบความสุขต้อนรับฤดูกาลท่องเที่ยวให้กับผู้เดินทางมาทำหนังสือเดินทาง ด้วยโชค 2 ต่อ ลุ้นรับรางวัลห้องพักสุดหรูและรางวัลพิเศษอีกมากมาย รวมมูลค่ากว่าล้านบาท เริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึงที่ 29 ธันวาคม 2561 ณ ศูนย์การค้า ธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์

โชคต่อที่ 1 สำหรับผู้ที่เดินทางมาทำพาสปอร์ตที่สำนักงานหนังสือเดินทาง สาขาศรีนครินทร์ รับคูปองร่วมชิงโชค เพื่อลุ้นรับรางวัลต่าง ๆ  อาทิ บัตรกำนัลห้องพักสุดหรูที่ “สปริงฟิลด์ วิลเลจ กอล์ฟ แอนด์ สปา” (Springfield Village Golf & Spa) จังหวัดเพชรบุรี และโรงแรม ไมดา เดอ ซี หัวหิน (Mida De Sea Hua Hin) พร้อมรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย

โชคต่อที่ 2 นำใบเสร็จที่ได้จากการชำระค่าทำหนังสือเดินทาง (Passport) มาแสดงแก่ร้านค้าที่เข้าร่วมรายการ เพื่อรับสิทธิพิเศษต่าง ๆ มากมาย อาทิ ร้านอาหารญี่ปุ่นโตไก มอบเมนูกุ้งย่างเกลือฟรี ร้านเชียงการีลา โกลด์ มอบส่วนลด 50% เมื่อสั่งเมนูเป็ดปักกิ่ง และส่วนลด 30% เมื่อสั่งเมนูติ่มซำ ร้านนีโอสุกี้ มอบส่วนลด 5% ร้านชาบูแลนด์ มอบส่วนลด 10% ร้านกาแฟ Mezzo มอบส่วนลด 50% สำหรับเครื่องดื่มแก้วที่ 2 ร้านจักรยานและอุปกรณ์จักรยาน UGO BIKE BOUTIQUE มอบส่วนลดเงินสด 100 บาท และสถาบันเสริมความงาม Doctor Younger มอบส่วนลด 40% สำหรับการทำทรีตเม้นต์และเลเซอร์ทุกชนิด เป็นต้น 1 ใบเสร็จสามารถใช้รับสิทธิ์ได้ทุกร้านค้า ร้านค้าละ 1 สิทธิ์ ต่อ 1 ใบเสร็จ

พิเศษร่วมลุ้นรางวัลเซอร์ไพรส์ เป็นผู้โชคดีจากการทำพาสปอร์ตเล่มที่ 1 ล้าน รับรางวัลพิเศษตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ประเทศไต้หวัน จำนวน 2 ที่นั่ง พร้อมที่พัก 4 วัน 3 คืน และบัตรโดยสารภายในประเทศ มูลค่ารวมกว่าแสนบาท จำนวน 1 รางวัล

ผู้สนใจสามารถร่วมสนุกได้ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่29 ธันวาคม 2561 หรือสอบถามรายละเอียดแคมเปญเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์การค้า “ธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์” โทร. 0 2108  6000 และติดตามข้อมูลต่างๆ ที่ www.thanyapark.com หรือ facebook : thanyapark