“THAIMART” ถือฤกษ์ 1ม.ค.62 เปิดประตูการค้าสู่ GCC

alivesonline.com : โครงการ “THAIMART” คอมมูนิตี้มอลล์จำหน่ายสินค้าและบริการจากประเทศไทยแห่งแรกในตะวันออกกลาง ณ กรุงมานามา เมืองหลวงของบาเรนห์ พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 1 ม.ค.62 มุ่งหนุนผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพในการผลิตและการส่งออกสินค้า ขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศ GCC ตามนโยบาย Local to Global ของรัฐบาลไทยที่สนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีไทยให้พัฒนาศักยภาพไปไกลสู่ระดับโลก

นายอัครวุฒิ ตั้งศิริกุศลวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวก้า อินเตอร์เทรด แอนด์ เอ็กซิบิชั่น จำกัด ผู้จัดงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติในภูมิภาคตะวันออกกลาง เปิดเผยว่า บริษัทฯ ร่วมมือกับ “ดิยาร์ อัลมูฮาร์รัค” (Diyar Al Muharraq) หนึ่งในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศบาห์เรน เพื่อจัดตั้งโครงการ “THAIMART” (ไทยมาร์ต) คอมมูนิตี้มอลล์จำหน่ายสินค้าและบริการจากประเทศไทยแห่งแรกในตะวันออกกลาง ณ กรุงมานามา ประเทศบาเรนห์

สำหรับความคืบหน้าของโครงการในปัจจุบันมีมากกว่า 90% เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐของประเทศไทยและบาเรนห์ โดยเฉพาะพันธมิตรหลักคือ “ดิยาร์ อัลมูฮาร์รัค” และผู้ประกอบการไทยที่ให้ความสนใจและไว้วางใจบริษัท เวก้าฯ ให้เป็นสะพานเชื่อมการค้าและความสัมพันธ์ระหว่างไทยและบาเรนห์ รวมไปถึงกลุ่มประเทศตะวันออกกลางอื่น ๆ โดยบริษัทฯ พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพในการผลิตและการส่งออกสินค้าให้ได้มีโอกาสขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศคณะมนตรีความร่วมมือแห่งอ่าวอาหรับ หรือ Gulf Cooperation Council (GCC) ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 6 ประเทศ ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย คูเวต โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ และบาห์เรน โดยใช้ THAIMART เป็นช่องทางการตลาด ตามนโยบาย Local to Global ของรัฐบาลไทยที่สนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีไทยให้พัฒนาศักยภาพไปไกลสู่ระดับโลก

นายอัครวุฒิ ตั้งศิริกุศลวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวก้า อินเตอร์เทรด แอนด์ เอ็กซิบิชั่น จำกัด และผู้บริหารบริษัท “ดิยาร์ อัลมูฮาร์รัค” นำ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมคณะ เข้าเยี่ยมชมความคืบหน้าโครงการ “THAIMART” ณ กรุงมานามา ประเทศบาเรนห์ เมื่อเร็ว ๆ นี้

นายอัครวุฒิ กล่าวอีกว่า ล่าสุด นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมคณะได้เดินทางมาเยือนราชอาณาจักรบาห์เรนของ เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา นับเป็นการตอกย้ำการสนับสนุนจากภาครัฐที่มุ่งมั่นให้ไทยและบาเรนห์กระตุ้นแนวทางเพิ่มปริมาณการค้าและการลงทุนเพื่อที่จะให้ทั้ง 2 ประเทศมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่มีศักยภาพต่อไป โดยเฉพาะในปี 2562 บาห์เรนและประเทศในตะวันออกกลางจะมีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่เกิดขึ้นอีกมาก จึงเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยจะเข้าไปลงทุน

ทั้งนี้ บาห์เรน จัดเป็นคู่ค้าอันดับ 9 ของประเทศไทยในตะวันออกกกลาง โดยในปี 2560 มีมูลค่าการค้า 290.12 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกให้บาห์เรน 155.91 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากบาห์เรนมูลค่า 134.21 ล้านเหรียญสหรัฐ

“ยูดี ทาวน์” จัดอีเว้นท์ใหญ่เอาใจคนอุดรฯ รับเทศกาลแห่งความสุข

ศูนย์การค้า “ยูดี ทาวน์” จังหวัดอุดรธานี จัดงาน “ยูดี ทาวน์ คริสต์มาส ทรี ไลท์ อัพ 2018” (UD TOWN Christmas Tree Light Up 2018) กิจกรรมเปิดไฟต้นคริสต์มาส เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าสู่เทศกาลคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึง พร้อมสัมผัสความสวยงามสว่างไสวจากแสงไฟแอลอีดีกว่าล้านดวงในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ หมวกซานต้า ถุงเท้ายักษ์ กล่องของขวัญ คริสต์มาสบอลยักษ์ และอื่น ๆ ที่นำมาตบแต่งกระจายตัวรอบศูนย์การค้าฯ

ภายในงานพบกับ ต้นคริสต์มาสยักษ์ความสูงกว่า 10 เมตร ที่ออกแบบเป็น บ้านต้นคริสต์มาส มีบานประตูหน้าต่างขนาดใหญ่ เสมือนเป็นบ้านต้นคริสต์มาสที่คอยเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวได้เข้ามาเข้าชมอย่างใกล้ชิด ภายในตบแต่งด้วยไฟกระพริบที่สามารถเข้าไปถ่ายรูปด้านในแบบ 3 มิติ นอกจากนี้ ยังได้เนรมิต อุโมงค์แห่งสีสัน ด้วยเส้นด้ายหลากสีสัน กว่า 50,000 เส้น ให้ผู้มาเยี่ยมเยือนได้มีส่วนร่วมในการถ่ายรูปสวย ๆ พร้อม “แชะแอนด์แชร์”

การเปิดไฟต้นคริสต์มาส “ยูดี ทาวน์ คริสต์มาส ทรี ไลท์ อัพ 2018” (UD TOWN Christmas Tree Light Up 2018) จะจัดขึ้นในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2561 ตั้งแต่เวลา 19.00 น. โดยจะมีคอนเสิร์ตจาก 2 ศิลปินสาวระดับดีว่าของเมืองไทย “นิว-นภัสสร ภูธรใจ” และ “จิ๋ว-ปิยนุช เสือจงพรู” มาร่วมเพิ่มสีสันและบรรยากาศแห่งความสุขและสนุกสนาน

ภายในงานยังจัดให้มีเทศกาลอาหารทะเล “ยูดี ฟู้ด สเตชั่น ซีฟู้ด เฟสติวัล 2018” (UD Food Station Seafood Festival 2018) โดยจะขนวัตถุดิบระดับพรีเมียมแบบสด ๆ มาเอาใจเหล่านักชิม เสมือน “ยกทะเลมาไว้ที่นี่” กับคาราวานอาหารทะเลกว่า 50 เมนู อาทิ ล็อบสเตอร์ ซาซิมิ, ปูนำเข้าจากอินโดนีเซีย, ปูไข่นึ่งนมสด, กุ้งล็อปเตอร์นำเข้าจากแคนาดาและสหรัฐอเมริกา, ปลาหมึกแก้วทอดกรอบ เป็นต้น ท่ามกลางการแสดงดนตรีสดที่หมุนเวียนมามอบความบันเทิง ตลอดการจัดงาน

ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมได้ ตั้งแต่วันที่ 16-25 พฤศจิกายน 2561 พร้อมร่วมถ่ายรูป “แชะแอนด์แชร์” กับไฟสวย ๆ รอบศูนย์การค้าฯ ยาวไปจนถึงวันที่ 1 มกราคม 2562 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.0 4293 2999 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.goudtown.com Facebook : UDTOWN Instagram : UDTOWN และ Line Official : @UDTOWN

อิ่มสำราญ “วันลอยกระทง” ที่ โรงแรมแคนทารี เบย์ ระยอง

วันที่ 22 พฤศจิกายน 2561 ห้องอาหาร “นัมเบอร์ 43” โรงแรมแคนทารี เบย์ ระยอง ขอเชิญทุกท่านร่วมเฉลิมฉลองสืบสานประเพณีไทย “วันลอยกระทง” ในบรรยากาศค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวง พร้อมอิ่มเอมกับบุฟเฟ่ต์อาหารค่ำที่ตระเตรียมหลากหลายเมนูอร่อยไว้ครบครัน ในราคาสุทธิเพียงท่านละ 750 บาท เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ลดครึ่งราคา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โรงแรมแคนทารี เบย์ ระยอง โทร.0 3880 4844 หรือ 0 3861 9025 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.kantarycollection.com

“บีทีเอส – แสนสิริ” ดีเดย์ 17-18 พ.ย.61 เปิดพรีเซลล์ “เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค”

alivesonline.com : “บีทีเอส – แสนสิริ” เดินหน้าต่อกลยุทธ์พัฒนาคอนโดฯ ตามแนวเส้นทางระบบขนส่งมวลชน ล่าสุดยึดทำเลทองย่านห้าแยกลาดพร้าว เตรียมเปิดพรีเซลล์คอนโดฯ หรู สไตล์ Green Concept “เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค อาคาร บี” 880 ยูนิต มูลค่า 4.9 พันล้านบาท มั่นใจแบรนด์ “แสนสิริ” ความโดดเด่นของโครงการ และพื้นที่ตั้ง ดันยอดขายคอนโดฯ ปี 61 เข้าเป้า 3.05 หมื่นล้านบาท ตามแผนก้าวสู่ปีที่ดีที่สุดของแสนสิริ #SansiriBestYearEver

นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)

นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บีทีเอส กรุ๊ปฯ และแสนสิริ โฮลดิ้ง กรุ๊ป ประสบความสำเร็จจากความร่วมมือพัฒนาคอนโดมิเนียมแนวเส้นทางระบบขนส่งมวลชนมาแล้วจำนวนรวมทั้งสิ้น 12 โครงการ มูลค่ารวม 4.3 หมื่นล้านบาท โดยหลายโครงการประสบความสำเร็จและการขายได้ทันทีในวันพรีเซลล์ ล่าสุด บีทีเอส และแสนสิริ โฮลดิ้ง กรุ๊ป เตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียม “เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค อาคาร บี” จำนวนทั้งสิ้น 880 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4.9 พันล้านบาท โดยจะเปิดขายพรีเซลล์อย่างเป็นทางการในวันที่ 17-18 พฤศจิกายน ศกนี้ ในราคาเริ่มต้นเพียง 3.59 ล้านบาท รวมเฟอร์นิเจอร์ครบพร้อมเข้าอยู่ ทั้งยังมีโปรโมชั่นพิเศษจองในงานรับฟรีเครื่องใช้ไฟฟ้าครบเซ็ต

“เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค” เน้นจุดขายตั้งอยู่ในที่สุดของทำเลศักยภาพคือ “ห้าแยกลาดพร้าว” ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางการคมนาคมหลายรูปแบบ ทั้งรถไฟฟ้า 2 สายที่เดินทางสะดวกเพียง 300 เมตรจากรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งจะเริ่มเปิดให้บริการได้ในปลายปี 2562 และ 700 เมตรจากรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีพหลโยธิน ใกล้ทางด่วนสายสำคัญ, สถานีขนส่งผู้โดยสารฯ และท่าอากาศยานนานาชาติ ดอนเมืองที่สามารถเชื่อมต่อไปยังทุกจุดหมายที่ต้องการ อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวมสถานศึกษาชั้นนำห้างสรรพสินค้าหลากหลายไลฟ์สไตล์ อาทิ เซ็นทรัลลาดพร้าว, ยูเนียนมอล์ ตลาดนัดจตุจักร และสวนสาธารณะที่เปรียบเสมือนปอดของคนกรุงเทพฯ ขนาดใหญ่ถึง 3 สวน ได้แก่ สวนสาธารณะจตุจักร, สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ และสวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) เป็นต้น

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา คอนโดมิเนียมบนทำเลย่านลาดพร้าว–พหลโยธินมีความต้องการเพิ่มขึ้นเฉลี่ยสูงถึง 17.7% ต่อปี ขณะที่ราคาที่ดินมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยประมาณ 12% โดยราคาที่ดินที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสในปัจจุบันเริ่มขยับเข้าใกล้ราคาที่ดินทำเลสุขุมวิท จากศักยภาพของทำเลซึ่งเป็นแหล่งรวมที่ตั้งของอาคารสำนักงานบริษัทใหญ่จำนวนมาก อาทิ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน), บริษัท การบินไทย จํากัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ เป็นต้น จึงเกิดความต้องการซื้อเพื่อการอยู่อาศัยจริงของกลุ่มพนักงานที่มองหาคอนโดมิเนียมที่ไม่ไกลจากสถานที่ทำงาน และยังมีความต้องการจากกลุ่มผู้อยู่อาศัยดั้งเดิมที่จะขยายครอบครัว แต่ยังคงต้องการอาศัยอยู่ในย่านที่อยู่อาศัยปัจจุบัน

“คอนโดมิเนียมเป็นอีกทางเลือกที่สะดวกสบายและยังใกล้กับทางด่วนและระบบขนส่งมวลชน อีกทั้งยังอยู่ในราคาที่จับต้องได้ โดยก่อนหน้านี้บริษัทฯ ประสบความสำเร็จจากการเปิดการขายโครงการ เดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต ซึ่งนับเป็นคอนโดมิเนียมโครงการแรกภายใต้ความร่วมมือระหว่างแสนสิริและบีทีเอส กรุ๊ปฯ ที่สามารถปิดการขายได้ทันทีในวันแรกที่เปิด พรีเซลล์ในปี 2558”

 

 

นายภูมิภักดิ์ กล่าวอีกว่า โครงการ “เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค” ยังนับเป็นโครงการแรกบนต้นแบบแนวคิดการพัฒนาคอนโดมิเนียมในรูปแบบ “Green Concept” เต็มรูปแบบแห่งแรกของแสนสิริ ภายใต้แนวคิด “Green is a new luxury” ในมุมมองสวนกว้างกว่า 8 ไร่ และพื้นที่ส่วนกลางที่มากถึง 3 พันตารางเมตร โดยมีแนวคิดหลักในการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมครอบคลุมถึง 4 ด้านที่สำคัญของโครงการ ได้แก่ 1.Green Innovation การนำนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ภายในพื้นที่ส่วนกลาง เช่น Solar Rooftop 2.Green Material การใช้วัสดุ-อุปกรณ์ในการก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น Earth Blox 3.Green Residential Unit การออกแบบพื้นที่พักอาศัยที่ช่วยประหยัดพลังงานและดีต่อคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย เช่น Well-Air 4.Green ECO-Planting การเพาะปลูกพรรณไม้ เพื่อดูดซับมลพิษและลดความร้อน

 

 

“เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค” ยังโดดเด่นด้วยสวนร่มรื่นขนาดใหญ่กว่า 8 ไร่ ภายในโครงการที่หาไม่ได้แล้วในปัจจุบัน ประกอบด้วยพื้นที่ส่วนกลางที่พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด Co-Living Space ตามแบบฉบับแนวคิดการพัฒนาคอนโดมิเนียมแบรนด์ “เดอะ ไลน์” เต็มรูปแบบในโครงการนี้เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้อย่างครอบคลุม พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยมีไฮไลท์ อาทิ Co-Cooking Studio เปิดประสบการณ์การปรุงอาหารที่ไม่เหมือนใคร ด้วยชุดเครื่องครัวที่คัดสรรแบรนด์คุณภาพสูงระดับโลกมาไว้ที่นี่ อาทิ Hacker และ Miele แบรนด์ชื่อดังจากเยอรมนี เพื่อให้ผู้พักอาศัยเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกเหมือนทำอาหารอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่มีการตกกระทบของแสงและเงาต้นไม้อย่างสมจริง, Co-Working Space พื้นที่สร้างสรรค์ทุกจินตนาการในการทำงานด้วยการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 โซน เริ่มจาก Photo Studio สตูดิโอถ่ายภาพนิ่งพร้อมอุปกรณ์ ตามด้วยพื้นที่นั่งทำงานส่วนกลาง เหมาะกับการทำงานแบบเดี่ยวและการทำงานแบบกลุ่ม ด้วยการจัดวางรูปแบบเฟอร์นิเจอร์ที่ปรับเปลี่ยนได้ โซนห้องประชุมและห้องเวิร์คชอป และ Co-Living Lounge มุมพักผ่อนที่เติมสีสันกับทุกกิจกรรมทั้งการจัดปาร์ตี้ ดูหนัง หรือเล่นเกม

 

โครงการยังจัดพื้นที่ให้ลูกบ้านได้พักผ่อนใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้นบนพื้นที่ส่วนกลางชั้น 32 ที่ออกแบบสวนลอยฟ้า ให้สามารถชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกได้ทุกวัน โดยในพื้นที่ชั้นเดียวกันยังประกอบด้วยสระว่ายน้ำ Twinkle Sky Pool ที่สามารถว่ายน้ำท่ามกลางวิวเมืองสูงที่กว้างสุดสายตา พร้อมจากุซซี่ และสระเด็ก รวมถึงฟิตเนส มุมมองกว้าง 180 องศาที่แบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 โซนกับการออกกำลังกายที่หลากหลาย พร้อมเครื่องเล่นใหม่ล่าสุด เช่น Reax Board, Reax Light และ Fluiball

 

“บริษัทเชื่อมั่นว่า เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค จะเป็นอีกหนึ่งโครงการภายใต้ความร่วมมือระหว่างแสนสิริและบีทีเอส กรุ๊ปที่ประสบความสำเร็จ อันเนื่องมาจากความเชื่อมั่นในการพัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์แสนสิริ รวมถึงความโดดเด่นของโครงการ ตลอดจนพื้นที่โครงการที่อยู่ในทำเลศักยภาพ โดยมั่นใจว่าจะส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายคอนโดมิเนียมในปี 2561 ได้ตามเป้าหมายกว่า 3.05 หมื่นล้านบาท ตามแผนก้าวสู่ปีที่ดีที่สุดของแสนสิริ #SansiriBestYearEver” นายภูมิภักดิ์ กล่าว

 

ECF เสริมฐานธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ เร่งขยายไลน์ไอที-พลังงาน

alivesonline.com : ผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ไม้ “อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค” มองโค้งสุดท้ายปี 61 เติบโตแกร่ง เผยไตรมาส 3 รายได้ 369.52 ล้านบาท กำไรสุทธิ 8.52 ล้านบาท งวด 9 เดือน รายได้ 1,071.65 ล้านบาท กำไร 21.52 ล้านบาท ระบุธุรกิจเฟอร์นิเจอร์เข้าไฮซีซั่น ออเดอร์ส่งออกทะลัก ดันยอดขายต่างประเทศพุ่ง คาดจบดีลร่วมทุนกับ S-TREK ธุรกิจยักษ์ใหญ่ด้าน IT ภายในเดือนพ.ย.ศกนี้ พร้อมดีเดย์ COD 50 MW แรก โรงไฟฟ้า “มินบู” เมียนมาร์ ใน Q1/62

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF ผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา โชว์รูมจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ภายใต้แบรนด์ “ELEGA” และโชว์รูมจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ภายใต้ลิขสิทธิ์ DISNEY “FINNA HOUSE” เปิดเผยว่า ในขณะที่บริษัทฯ อยู่ในช่วงการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ อาทิ โรงไฟฟ้าที่เมียนมาร์ ขนาด 220 เมกะวัตต์ที่บริษัทฯ ถือหุ้น 20% และโครงการโรงงานผลิตแผ่นไม้เอ็มดีเอฟ ซึ่งปัจจุบันทั้งสองโครงการยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่ช่วงสามไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทฯ ยังสามารถสร้างกำไรจากการดำเนินงานให้เกิดขึ้นได้ โดยมีรายได้จากส่วนธุรกิจเฟอร์นิเจอร์เติบโตตั้งแต่ไตรมาส 3 ที่ผ่านมาอันเนื่องมาจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่เริ่มดีขึ้น ส่วนไตรมาส 4 แนวโน้มรายได้ของบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะธุรกิจผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ที่เริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น

ในส่วนของความคืบหน้าการเข้าศึกษาความเป็นไปได้เพื่อลงทุนในธุรกิจใหม่ด้าน IT Solution หลังจากที่บริษัทฯ ได้ลงนามร่วมกับ บริษัท เอสเทรค (ประเทศไทย) จำกัด หรือ S-TREK ในบันทึกข้อตกลงเพื่อเข้าศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจร่วมกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินงานด้านเอกสารต่าง ๆ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย.61

สำหรับธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ บริษัทฯ ได้มีการปรับกลยุทธ์กระตุ้นยอดขายในประเทศด้วยแบรนด์ Costa อย่างต่อเนื่อง โดยจะกระจายสินค้าเข้าสู่ร้านค้าปลีก-ส่งเฟอร์นิเจอร์ทั่วประเทศแล้วกว่า 1.5 พันราย โดยในช่วงที่ผ่านมาได้จัดโปรโมชั่นให้ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศเพื่อเร่งยอดขาย อีกทั้งมีการขยายฐานตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ต่าง ๆ ตลอดจนการขยายช่องทางร้านโมเดิร์นเทรดชั้นนำทั่วประเทศ ขณะที่ตลาดต่างประเทศในช่วงไตรมาส 4 ถือเป็นช่วงไฮซีซั่นที่จะมียอดคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก

ส่วนธุรกิจพลังงานทดแทนภายหลังจากโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลขนาด 7.5 เมกะวัตต์ที่จังหวัดนราธิวาส จำหน่ายไฟฟ้ามาได้ประมาณ 1 ปีกว่าแล้ว ส่วนความคืบหน้าสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 220 MW ประเทศเมียนมาร์ ขณะนี้การก่อสร้างเฟสแรกมีความคืบหน้าไปมาก คาดว่าจะเริ่ม COD ภายในไตรมาส 1 ปี 2562 สำหรับเฟส 2-3-4 รวมทั้งสิ้น 220 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการปรับแผนงานเพื่อหาทางเร่งการก่อสร้างให้ครบโดยเร็วที่สุดจากแผนเดิมเสร็จปีละ 1 เฟส เพื่อส่งผลดีต่อการรับรู้รายได้ที่จะเร็วขึ้นจากเดิม

นายอารักษ์ กล่าวต่อไปถึงผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2561 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 369.52 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 353.50 ล้านบาท จำนวน 16.02 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.53% และมีกำไรจากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ 13.77 ล้านบาท สำหรับกำไรรวมธุรกิจอื่น ๆ และธุรกิจพลังงานมีกำไร 8.52 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนรายได้รวมทั้งสิ้น 1,071.65 ล้านบาท มียอดขายใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,080.19 ล้านบาท และมีกำไรจากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ 30.91 ล้านบาท สำหรับกำไรรวมธุรกิจอื่น ๆ และธุรกิจพลังงานมีกำไร 21.52 ล้านบาท กำไรรวมลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 47 % ทั้งนี้เป็นผลมาจากบริษัทฯ อยู่ระหว่างการขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งธุรกิจเกี่ยวข้องเฟอร์นิเจอร์ ธุรกิจพลังงาน จึงก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายในการเข้าศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนเป็นจำนวนมาก ประกอบกับโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างยังไม่สามารถรับรู้รายได้ในเชิงพาณิชย์ขณะนี้

บัตรเครดิต “เซ็นทรัล เดอะวัน” เร่งเครื่องลุยตลาดบัตรฯ ช่วงปลายปีจอ

alivesonline.com : บัตรเครดิต “เซ็นทรัล เดอะวัน” เร่งเครื่องลุยตลาดบัตรเครดิตรับโค้งสุดท้ายปลายปี ชูสิทธิประโยชน์บัตรที่ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมงัดกลยุทธ์กระตุ้นยอดใช้จ่ายทั้งในและนอกห้าง ปล่อยทัพโปรโมชั่นจัดหนัก ทั้งส่วนลด เครดิตเงินคืน ซื้อหนึ่งบัตรจ่ายให้อีกหนึ่ง และชอปหรือกินฟรีที่ร้านค้าในเครือเซ็นทรัลกว่า 5 พันร้าน ตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรไตรมาสสุดท้ายเติบโต 15% ทะลุ 1.7 หมื่นล้านบาท

นายอธิศ รุจิรวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2561 บัตรเครดิต “เซ็นทรัล เดอะวัน” ได้รับรางวัลจากเวทีระดับภูมิภาคมากเป็นประวัติการณ์ถึง 4 รางวัล เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจบัตรเครดิตร่วม (Co-Branded Card) และเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 บริษัทฯ ได้เตรียมแผนเดินหน้ารุกตลาดอย่างเต็มที่ผ่านกลยุทธ์หลัก 3 ข้อคือ 1.มุ่งขยายฐานลูกค้าและเพิ่มจำนวนบัตรใหม่ 2.ส่งเสริมให้สมาชิกใช้บัตรเครดิต “เซ็นทรัล เดอะวัน” เป็นบัตรหลักในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยไม่จำกัดแต่ในเครือเซ็นทรัล 3.สร้างสีสันผ่านกิจกรรมทางการตลาดเพื่อต้อนรับช่วงเทศกาลแห่งความสุขช่วงส่งท้ายปีและคืนกำไรให้กับสมาชิกบัตร”

จากกลยุทธ์ดังกล่าว บัตรเครดิต “เซ็นทรัล เดอะวัน” จึงได้จัด 3 โปรโมชั่นส่งเสริมการตลาดเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ถือบัตรที่ต้องออกไปจับจ่ายใช้สอยในช่วงปลายปี ได้แก่ 1.“เปย์ทุกที่ ฟินในห้าง” เพียงสะสมยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต “เซ็นทรัล เดอะวัน” ที่ไหนก็ได้ตามเงื่อนไข เลือกรับ “อี แคชคูปอง” หรือเครดิตเงินคืน สูงสุด มูลค่า 7.5 พันบาทสำหรับการใช้ต่อที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล หรือโรบินสัน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 – 31 มกราคม 2562 2.“ซื้อ 1 บัตรเปย์อีก 1” ในงาน “เซ็นทรัล ซิงเกิล เดย์” กับแบรนด์พรีเมี่ยมชั้นนำ อาทิ BOYY, LA MER, BIOTHERM, LONGCHAMP ฯลฯ โดยผู้ถือบัตรสามารถได้รับสิทธิ์เพียงทำตามเงื่อนไขที่กำหนด (สินค้ามีจำนวนจำกัด) เฉพาะวันที่ 11 เดือน 11 วันเดียว เฉพาะที่เซ็นทรัล ชิดลม นอกจากนี้ทุกการใช้จ่ายผ่านบัตรฯ 3 พันบาทขึ้นไปต่อใบเสร็จต่อวันจะได้รับคะแนน “เดอะวัน” รวมสูงสุด 14 เท่า 3.“ซันเดย์ ฟรีเดย์ (SUNDAY FREEDAY)” ให้ช้อปฟรี กินฟรีสูงสุด 1 พันบาท ทุกวันอาทิตย์ที่ร้านค้าในเครือเซ็นทรัล อาทิ ห้างเซ็นทรัล, โรบินสัน, ท็อปส์, เพาเวอร์บาย, ซูเปอร์สปอร์ต, บีทูเอส ร้านอาหารในเครือ CRG และร้านค้าในเครือ CMG ตามวันและสาขาที่กำหนด ตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน 2561 – 30 ธันวาคม 2561 (จำกัด 200 ท่านแรกต่อสาขา)

“ทั้ง 3 โปรโมชั่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้สมาชิกบัตรเล็งเห็นถึงสิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน ที่เพียบพร้อมทั้งส่วนลด คะแนนสูงสุด 4 เท่า และสิทธิพิเศษกว่า 5 พันร้านค้าในเครือเซ็นทรัล สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้ ได้มากกว่า อีกทั้งยังเป็นการคืนกำไรเพื่อขอบคุณสมาชิกบัตรฯ ที่ไว้วางใจผลิตภัณฑ์มาโดยตลอด โดยคาดว่าทั้ง 3 โปรโมชั่นจะได้รับเสียงตอบรับจากสมาชิกเป็นอย่างดี โดยบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าการกระตุ้นยอดใช้จ่ายในช่วงโปรโมชั่นไว้สูงถึง 1.7 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 15% เมื่อเทียบปีต่อปี” นายอธิศ กล่าวในที่สุด

 

 

 

“เจ้าพระยามหานคร” เคาะราคา IPO 3 บาท ขยายธุรกิจคอนโดฯ

alivesonline.com : บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ CMC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำตามแนวเส้นรถไฟฟ้า เตรียมระดมทุน 250 ล้านหุ้น เคาะราคาขายหุ้น IPO ที่ 3 บาท เข้าตลาดหลักทรัพย์ MAI โบรคเกอร์คาดแนวโน้มเติบโตสูง เพราะมีปัจจัยบวกหลายด้าน ทั้งจำนวนโครงการที่พัฒนาแล้วกว่า 45 โครงการ อยู่ระหว่างการขาย 25 โครงการ อยู่ระหว่างการพัฒนา 2 โครงการ รวมถึงแผนพัฒนาในอนาคตอีก 10 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท ขณะที่ครึ่งปีแรก 2561 มีรายได้ 976 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% และมีกำไรขั้นต้น 405 ล้านบาท

นายแพทย์วิเชียร แพทยานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ CMC กล่าวว่า บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 1 พันล้านบาทและพาร์ 1 บาท โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 250 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด 1 พันล้านหุ้นของบริษัทฯ ในราคาหุ้นละ 3 บาท ให้แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย โดยมีแผนจะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนไปลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมีเนียม ซื้อที่ดิน ตลอดจนชำระหนี้เงินกู้ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งทางการเงิน และคาดว่าภายหลัง IPO อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (D/E) จากปัจจุบันที่มีประมาณ 1.8 เท่า จะลดลงเหลือต่ำกว่า 1.3 เท่า และเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานเพื่อต่อยอดธุรกิจและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น โดยหลังจากการเพิ่มทุนกลุ่มแพทยานันท์ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมจะถือหุ้น 75% และนักลงทุนทั่วไปจะถือหุ้นประมาณ 25%

CMC ประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยมากว่า 24 ปี โดยมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการอาคารชุดตามแนวเส้นทางโครงการรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ โดยจุดเด่นของบริษัทฯ คือมีอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่งมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากทำธุรกิจแบบครบวงจร โดยมีบริษัทย่อยเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและอยู่ระหว่างขายทั้งหมด 25 โครงการ มูลค่ารอการรับรู้รายได้กว่า 4.1 พันล้านบาท และมีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 2 โครงการ มูลค่ากว่า 1.9 พันล้านบาท คาดว่าโครงการเหล่านี้จะสร้างการเติบโตให้แก่บริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง

นายแพทย์วิเชียร กล่าวด้วยว่า กลุ่มบริษัทฯ ยังมีแผนจะเปิดขายและพัฒนาโครงการใหม่อีกทั้งหมด 10 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรก 2561 มีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 976 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จาก 795 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 และมีกำไรขั้นต้น 405 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึงเท่ากับ 41.6% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่ 336 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 123 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 130% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่ 53 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าผลประกอบการในปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมาย

ด้าน นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ CMC กล่าวว่า หุ้น CMC จะเป็นหุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน โดย CMC มีประสบการณ์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กว่า 24 ปี ผ่านวิกฤติต่าง ๆ มาได้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยจำนวนโครงการที่พัฒนาแล้วกว่า 45 โครงการ ทั้งยังมีพื้นฐานทางการเงินที่แข็งแกร่ง พิจารณาได้จาก Gross Profit Margin ของบริษัทฯ ที่อยู่ในระดับ 40% ต่อเนื่องมากว่า 10 ปี ประกอบกับ CMC มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการขายจำนวน 25 โครงการ รวมทั้งโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา จำนวน 2 โครงการ ขณะที่มีแผนพัฒนาโครงการในอนาคตเพิ่มเติมอีก 10 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ภายในช่วง 3-4 ปีนี้ซึ่งนักลงทุนสามารถคาดหวังการเติมโตของรายได้ได้ค่อนข้างชัดเจน

นอกจากนี้ การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถลดต้นทุนทางการเงินได้ โดยซึ่งปัจจุบันต้นทุนทางการเงินเป็นสัดส่วนค่าใช้จ่ายที่สูงสำหรับบริษัทฯ ซึ่งคาดว่าจะช่วยยกระดับผลประกอบการของบริษัทฯ ให้ดียิ่งขึ้น

ทั้งนี้ คาดว่าหุ้น CMC จะเริ่มซื้อขายวันแรกในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2561

 

 

Thailand Friendly Design Expo 2018 จัดแสดงนวัตกรรมรับตลาดอารยสถาปัตย์เติบโตกว่า 1 หมื่นล้านบาท

alivesonline.com : “มูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล” ร่วมกับ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและเอกชน จัดงาน “มหกรรมอารยสถาปัตย์และนวัตกรรมสุขภาพเพื่อคนทั้งมวล ครั้งที่ 3” (Thailand Friendly Design Expo 2018) แสดงสินค้า เทคโนโลยี นวัตกรรม การออกแบบที่เป็นมิตรกับคนทั้งมวล (Friendly Design) เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสภาพร่างกาย ตามแนวคิด “Smart Living for All : คุณภาพชีวิตที่นำสมัยเพื่อคนทั้งมวล” ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2561 ณ ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี หวังยกระดับความพร้อมด้านการลงทุนอารยสถาปัตย์ไทย เพื่อรองรับการเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ในอีก 3 ปีข้างหน้า ด้วยจำนวนผู้สูงวัยมากกว่า 13 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 20 หรือประมาณ 1 ใน 5 ของประชากรทั้งประเทศ

“กฤษนะ ละไล” ประธานมูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล

“กฤษนะ ละไล” ประธานมูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล กล่าวถึงความสำคัญของการจัดงานครั้งนี้ว่า งานนี้จัดขึ้นเพื่อการรวมพลังทุกภาคส่วนในสังคมให้มาร่วมกันขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศไทยมุ่งสู่ความเป็น “เมืองอารยสถาปัตย์” ที่คนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสภาพร่างกาย สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ สะดวก ทันสมัย ปลอดภัย และเป็น “เมืองท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล” ที่โดดเด่นชัดเจนในเวทีโลก

“ถ้าเราทำ 2 อย่างนี้ได้สำเร็จ ย่อมส่งผลโดยตรงต่อทั้งคนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยพักฟื้น มนุษย์ล้อ และครอบครัวที่มีเด็กเล็กที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะจะได้รับความสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทั้งในการดำเนินชีวิตและการเดินทางท่องเที่ยว ด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม การบริการ และการออกแบบที่เป็นอารยสถาปัตย์ ตามหลักการออกแบบที่เป็นมาตรฐานสากลและเป็นมิตรกับคนทั้งมวล หรือ  Friendly Design ซึ่งเราได้รวบรวมมาจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อนำมาจัดแสดงให้ได้ชมกันภายในงานมหกรรมอารยสถาปัตย์ฯ ปีที่ 3”

ธนาภรณ์ พรมสุวรรณ” อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

ธนาภรณ์ พรมสุวรรณ” อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พ.ม.) ในฐานะผู้สนับสนุนหลักการจัดงาน กล่าวว่า อารยสถาปัตย์เป็นแนวคิดเชิงก้าวหน้า การเสริมความเป็นอารยสถาปัตย์เข้าไปในนวัตกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น ในตึกอาคาร บ้านเรือน ตลอดจนสถานที่สาธารณะ หรือระบบขนส่งมวลชนต่าง ๆ จะทำให้คนทุกวัย ทุกสภาพร่างกาย สามารถเข้าถึงการใช้งานได้ ก่อให้เกิดความเท่าเทียม และอิสระในการใช้ชีวิตโดยไม่ต้องพึ่งพิงผู้อื่น

“แนวคิดนี้จะเป็นก้าวสำคัญคอยขับเคลื่อนประเทศไทยให้เข้าใกล้สู่ยุคไทยแลนด์  4.0 มากขึ้น สำหรับงาน Thailand Friendly Design Expo 2018 กระทรวงฯ ได้จัดพื้นที่รวมรวบแนวความคิดจากทุกโซนในงานมาไว้ในพาวิลเลี่ยนของ กระทรวง พ.ม. เพื่อเป็นการจำลองสภาพแวดล้อมสังคมไทยในปัจจุบันที่มีนวัตกรรมอันหลากหลายซึ่งช่วยให้การดำเนินชีวิตของผู้พิการและผู้สูงอายุมีความสะดวกมากขึ้น”

“อิทธิพล คุณปลื้ม” ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

“อิทธิพล คุณปลื้ม” ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้ร่วมกับ มูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล ดำเนินการขับเคลื่อนและรณรงค์การท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล โดยมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาและใช้เส้นทางนำร่อง 9 เส้นทางใน 9 จังหวัดที่จัดทำโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นต้นแบบแหล่งท่องเที่ยวที่ทุกคนเข้าถึงได้ไปเที่ยวได้สะดวกและปลอดภัย โดยได้นำมาจัดแสดงในงานมหกรรมอารยสถาปัตย์ฯ ในครั้งนี้ด้วย 

“ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมสินค้าการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในฐานะผู้สนับสนุนการจัดงาน กล่าวว่า “การท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล” (Tourism for All) เป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับประเทศไทยอย่างยิ่งจากปัจจัยด้านสถานที่ท่องเที่ยวมากมายในประเทศ เมื่อรวมกับแนวคิดนี้จะสามารถยกระดับการจัดการการท่องเที่ยวให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สามารถอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวทุกสภาพร่างกาย ที่สำคัญ ททท. ยังร่วมมือกับ สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยว รวมถึงโรงแรมจากภาคเอกชนที่จะมารวมตัวกันสร้าง 9 เส้นทางการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลต่อยอดสู่การท่องเที่ยวยุคใหม่ที่รองรับทั้งผู้สูงวัยและส่งเสริมให้ผู้พิการมีสิทธิในด้านการท่องเที่ยวอย่างเท่าเทียม

“สราญโรจน์ สุทัศน์ชูโต” ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมตลาดในประเทศ สำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB กล่าวว่า TCEB ได้ร่วมสนับสนุนการจัดงานมหกรรมอารยสถาปัตย์ฯ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพราะเล็งเห็นถึงความสำคัญและโอกาสของประเทศไทยในการส่งเสริมสินค้า เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ช่วยส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการและผู้สูงอายุให้ได้รับความสะดวก ปลอดภัย ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสร้างโอกาสให้ประเทศไทยพัฒนาสู่ความเป็นศูนย์กลางของการจัดแสดงสินค้า บริการ และธุรกิจที่เกี่ยวกับ Friendly Design และการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลในภูมิภาคอาเซียนได้ในอนาคต

“อัญชลี หวังวีระมิตร” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารชื่อเสียงองค์กรและกิจการเพื่อสังคมบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้สนับสนุนการจัดงาน กล่าวว่า ปตท.ได้ร่วมสนับสนุนงานมหกรรมอารยสถาปัตย์ฯ เพราะเป็นประโยชน์สุขต่อสังคม คนสูงอายุ และคนพิการ ซึ่งกลุ่ม ปตท.มีนโยบายเรื่องอารยสถาปัตย์ หรือ Friendly Design ในการออกแบบและสร้างทำสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในสถานีบริการน้ำมันของ ปตท.ทั่วประเทศ เพื่อรองรับการใช้งานของพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มวัยในครอบครัว โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้พิการที่สามารถมาใช้บริการต่าง ๆ ภายในปั้ม ปตท.ได้ โดยสะดวกสบาย เช่น ห้องสุขา ร้านกาแฟอเมซอน ร้านสะดวกซื้อ ที่จอดรถ ฯลฯ ทุกที่มี Friendly Design ที่ทุกคนเข้าถึงได้ สะดวก ปลอดภัย และยังครอบคลุมด้านความปลอดภัยทั้งกล้อง CCTV และปุ่มกดแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉิน นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทย รวมถึงการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล (Tourism for All)

“จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี” หอการค้าไทย-จีน กล่าวว่า หอการค้าไทย-จีน ร่วมมือกับ คณะกรรมการระดับสูงของหอการค้าไทย-จีน บริจาคเงิน เพื่อมอบขาเทียมในงานอารยสถาปัตย์ และประสานกับ มูลนิธิขาเทียมในสมเด็จย่า เพื่อมาทำขาเทียมมอบให้กับผู้พิการที่ขาดแคลน โดยไม่มีค่าใช่จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น โดยในปีที่ผ่านมาถือว่าได้ช่วยเหลือกลุ่มผู้พิการที่ขาดแคลนให้มีความสุขยิ่งขึ้น เพราะผู้ที่เข้าร่วมโครงการมารับขาเทียม ในช่วงเช้านั่งวีลแชร์ แต่ตอนเย็นเดินกลับบ้าน ถือได้ว่าช่วยสร้างรอยยิ้มและความสุข ให้ได้มีกำลังใจในการใช้ชีวิตที่ดีขึ้น หอการค้าไทย-จีนจะดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่องต่อไป สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ หอการค้าไทย-จีน  (สำหรับโครงการขอรับขาเทียมโดยหอการค้าไทย-จีน ได้เฉพาะงานอารยสถาปัตย์และนวัตกรรมสุขภาพเพื่อคนทั้งมวล ครั้งที่ 3)

“ภูษิต ศศิธรานนท์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กซ์โปลิงค์ โกลบอล เน็ทเวอร์ค จำกัด

“ภูษิต ศศิธรานนท์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กซ์โปลิงค์ โกลบอล เน็ทเวอร์ค จำกัด ในฐานะผู้ร่วมจัดงานได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดงานครั้งนี้ว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติ มีการสำรวจประชากรผู้สูงอายุในประเทศไทย ปี 2560 พบว่ามีจำนวนผู้สูงอายุทั้งสิ้น 11.3 ล้านคน คิดเป็น 16.7% จากจำนวนประชากรทั้งสิ้น 67.6 ล้านคน ทั้งยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยคาดว่าในปี 2564 ประเทศไทยจะมีจำนวนผู้สูงอายุถึง 20% ทำให้เข้าสู่สังคมคนสูงวัยอย่างสมบูรณ์ และในปี 2574 จะมีจำนวนประชากรถึง 28% ทำให้เข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด

เขากล่าวด้วยว่า สถิติของผู้พิการก็ถือเป็นตัวเลขที่น่าสนใจเช่นกัน เพราะ ณ ปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้พิการเกือบ 2 ล้านคนซึ่งถือเป็นประชากรเกือบ 3% ของประเทศไทย เพราะฉะนั้นเราจึงต้องเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยตั้งแต่นี้เป็นต้นไป “เอ็กซ์โปลิงค์” จึงได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนางาน “Thailand Friendly Design Expo 2018” ให้สอดคล้องกับความเป็นสากลมากขึ้น เพราะมีหลายประเทศที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเช่นเดียวกับประเทศไทย โดยในบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ได้ถูกจัดเป็นระดับสังคมสูงวัยระดับสุดยอด การยกระดับงานสู่สากลจึงจะเป็นการได้เปิดรับนวัตกรรมจากต่างประเทศ รวมถึงแสดงอารยสถาปัตย์ไทยสู่อีกหนึ่งทางเลือกของต่างชาติ ซึ่งงานนี้จะเป็นตัวชี้วัดบ่งบอกเม็ดเงินการตลาดโดยรวมของอารยสถาปัตย์ที่มีมูลค่าการตลาดประมาณ 1 หมื่นล้านบาท

งาน “Thailand Friendly Design Expo 2018” ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน-3 ธันวาคม ณ ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี จะมุ่งเน้นการดูแล รักษา ฟื้นฟู และพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสภาพร่างกาย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ป่วยพักฟื้น ผู้พิการ และคนที่ใช้รถเข็น ให้ได้รับความสะดวก สบาย ทันสมัย และปลอดภัยมากยิ่งขึ้นในการดำเนินชีวิต รวมถึงการเดินทางพักผ่อนท่องเที่ยว

ภายในงานจะแบ่งออกเป็น 5 โซนหลัก ได้แก่ โซนคุณภาพชีวิตที่นำสมัย (Smart Living for All), โซนการออกแบบเพื่อคนทั้งมวล (Design for All), โซนการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล (Tourism for All), โซนอาหารเพื่อคนทั้งมวล (Food for All) และโซนสินค้า (Friendly Design)

งาน Thailand Friendly Design Expo 2018 จะเปี่ยมไปด้วยความสุขและสาระคุณค่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นขบวนแห่รณรงค์สิทธิความเสมอภาค Friendly Design Carnival 2018 แห่งแรกและแห่งเดียวในโลก, การแสดงจากผู้สูงอายุ ผู้พิการ และมนุษย์ล้อจากหลายประเทศทั่วโลก, การบรรยายโดยวิทยากรชั้นนำระดับประเทศ รวมไปถึงกิจกรรมส่งเสริมแนวคิดเพื่อคนทั้งมวล เช่น Friendly Design Awards 2018 หรือการออกแบบที่เป็นมิตรกับคนทั้งมวลของเยาวชน นิสิต นักศึกษาที่จะเป็นบันไดช่วยส่งเสริมหัวใจหลักของความสุขและความเท่าเทียม และยังเป็นกระบอกเสียงสำคัญให้คนทั่วไปได้รับรู้ร่วมกันว่า…

ทุกคนในสังคมพึงจะต้องปฏิบัติตามกติกาสังคมและกติกาโลกยุคใหม่ว่าทุกชีวิตเท่าเทียมกัน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดย ‘ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง’ (Left No One Behind) อีกต่อไป

“สก๊อต” เปิดไลน์สินค้าใหม่ลุยตลาดคอลลาเจนผง

“วรวรรธน์ อารี” (กลาง) ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท สก๊อต อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดไลน์สินค้าใหม่ ลุยตลาดคอลลาเจนผง เอาใจสาว ๆ เปิดตัว “สก๊อต คอลลาเจน พลัส” คอลลาเจนผงนวัตกรรมใหม่ที่ผสานคุณค่าจาก 3 สารสกัดจากธรรมชาติ ชูจุดเด่น ดื่มและรับประทานง่าย ผสมได้ทั้งเครื่องดื่มร้อน-เย็น และอาหาร โดยไม่ทำให้รสชาติเปลี่ยนแปลง พร้อมดึง 2 สาวผิวสวย “ศรีริต้า เจนเซ่น” และ “มาเรีย เฮิร์ชเลอร์” นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์ ณ ร้าน Lady L Garden Bistro (บ้านปาร์ค นายเลิศ) ซอยสมคิด เมื่อเร็ว ๆ นี้

โรงแรมแคนทารี อยุธยา ต้อนรับ “มิสไทยแลนด์เวิลด์ ปี 2009”

“ศิราภา อเนกสิทธิสิน” (ที่ 3 จากขวา) ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมแคนทารี อยุธยา และพนักงานโรงแรมฯ ให้การต้อนรับ อดีตนักกีฬาเทควันโดหญิงทีมชาติไทย และมิสไทยแลนด์เวิลด์ ปี 2009 “น้องวิว-พงศ์ชนก กันกลับ” (ที่ 3 จากซ้าย) ในโอกาสที่เดินทางมาพักที่โรงแรมฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้