ถ้าดอกเบี้ยหยุดขึ้น ควรลงทุนอะไร?


ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ทุกคนจำได้ไหมครับ ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ หรือที่เรามักได้ยินคนพูดว่า เฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เร็ว และ แรงมาก เรียกได้ว่าอเมริกาต้องเผชิญกับภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นที่เร็วที่สุดในรอบกว่า 40 ปี เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นไม่แพ้กัน ทำให้ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เช่น หุ้น พันธบัตรรัฐบาล กอง REITs ฯลฯ ทำให้ผลตอบแทนลดลงอย่างรุนแรง
.
แต่มาช่วงนี้ เราก็อาจจะได้ยินคำว่า สิ้นสุดวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นบ่อยขึ้น และมองไปถึงว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มที่จะปรับลดลง เนื่องจากว่า ส่วนใหญ่คาดการณ์กันว่า เงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และเศรษฐกิจสหรัฐก็เริ่มที่จะชะลอตัว ดังนั้นวันนี้ TIPlife จะพาทุกคนมาเตรียมควรพร้อมเพื่อรับมือกับภาวะคงและปรับลดดอกเบี้ยนโยบายกัน ซึ่งถือเป็นโอกาสที่สำคัญในการลงทุนนะครับ
.
1. Hope for the last rate hike, prepare to the first rate cut คือ สินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากการหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และภาวะอัตราดอกเบี้ยเป็นขาลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ได้แก่
💸 พันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ Investment Grade ซึ่งให้อัตราผลตอบแทน (Yield) อยู่ในระดับที่น่าสนใจและราคามีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้ดี หากอัตราดอกเบี้ยกลับมาเป็นขาลงในอนาคต
💸 หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ที่ราคาหุ้นได้รับผลกระทบจากภาวะอัตราดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่มีโอกาสกลับมาฟื้นตัวแรงเมื่อเข้าสู่วัฏจักรอัตราดอกเบี้ยขาลง โดยหุ้นกลุ่มนี้ที่น่าสนใจ คือ กลุ่มที่รายได้ยังมีแนวโน้มเติบโตสูงอย่างสม่ำเสมอตามเทรนด์ Digital Transformation เช่น กลุ่ม Cloud Computing และ Cybersecurity
.
2. Recession Fighter คือ หุ้นกลุ่มเติบโตที่มีคุณภาพ มีความแข็งแกร่งของกำไร กระแสเงินสดดี หนี้สินต่ำ ผลประกอบการยังสามารถเติบโตได้ แม้จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย เช่น หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ (Healthcare) ที่มีอัตราการเติบโตสม่ำเสมอตามเมกะเทรนด์สังคมผู้สูงอายุและเป็นกลุ่มผู้ผลิตนวัตกรรมการแพทย์ เช่น Biotechnology และ Digital Health
.
3. High potential growth countries เป็นตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศเอเชียที่มีเศรษฐกิจเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของเศรษฐกิจโลกและมีการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่
💸 ตลาดหุ้นจีน โดยเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวจากการเปิดประเทศ และมีการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงินและการคลังอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตมากกว่า 5% ในปีนี้ หากสนใจควรเลือกลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่อยู่ในเมกะเทรนด์ และได้รับการสนับสนุนจากแผนยุทธศาสตร์ชาติของรัฐบาลจีน เช่น กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค พลังงานสะอาด
💸 ตลาดหุ้นเวียดนาม โดยเศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตสูงกว่า 6% ในปีนี้จากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ภาคการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวและมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
(ที่มา : https://shorturl.at/xDHO8)
.
นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของคำแนะนำที่ TIPlife นำมาฝากนะครับ แต่ว่าในโลกแห่งการลงทุน สิ่งสำคัญคือการหาข้อมูลให้รอบด้าน และนำมาปรับใช้กับสถานการณ์และความเสี่ยงที่แต่ละท่านรับได้ ดังนั้นอย่าลืมวางแผนกันให้เหมาะสมกับตัวเองนะครับ
.
นอกจากวางแผนสินทรัพย์การลงทุนแล้วมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญเช่นกัน นั้นก็คือ การวางแผนภาษีนะครับ อย่าลืมวางแผนชีวิตให้สมาร์ทสุดๆ ไม่หยุดวางแผนเรื่องภาษี! กับ TIPlife Smart Saving 10/3 ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท* พร้อมรับเงินคืนสูงสุดถึง 3.9%* * สร้างความสุขให้ชีวิตสมาร์ทได้แบบสุดๆ สมัครเลย! 👉 bit.ly/TIPlifeSmartSaving10-3
.
*หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากรกำหนด
**เป็น % ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
​.
⚠️รับประกันภัยโดย บมจ.ทิพยประกันชีวิต
⚠️ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครอง และเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
.
#TIPlife #ThePowerBesideYou
#พลังที่เคียงข้างคุณตลอดไป #ทิพยประกันชีวิต
#ContentProduct #SmartSaving

เงินไทย เงินเทศ เงินไหนที่ต้องเสียภาษี?

👉 หากใครกำลังทำงานให้ทั้งในประเทศ และบริษัทต่างประเทศ ควรทำความเข้าใจกับข้อมูลนี้กันนะครับ เพื่อทำให้ทุกท่านสามารถพิจารณาการนำเงินได้มาคำนวณภาษีในปีนั้นๆ กัน ซึ่งการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามีหลักการจัดเก็บ 2 หลักการด้วยกัน ดังนี้ครับ

💸 หลักที่ 1 : แหล่งที่มาของเงินได้ (Source Rule)
แบ่งเป็นเงินได้จากแหล่งในประเทศและนอกประเทศ เงินได้จากแหล่งต่างๆ ที่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถพิจารณาได้ ดังนี้ครับ

เงินได้เกิดจากแหล่งในประเทศ หมายถึง เงินได้ที่เกิดขึ้น หรือเป็นผลสืบเนื่องจากมี ดังนี้
– หน้าที่งานที่ทำในประเทศไทย หรือ
– กิจการที่ทำในประเทศไทย หรือ
– กิจการของนายจ้างในประเทศไทย หรือทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทย เช่น ดอกเบี้ย เงินปันผล ค่าเช่า

ผู้มีเงินได้จากแหล่งในประเทศ มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้ตามที่ประมวลรัษฏากรกำหนดไว้เสมอ เว้นแต่จะมีข้อยกเว้นตามกฎหมาย ไม่ว่าเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ผ่านมาแล้วนั้นจะจ่ายในหรือนอกประเทศ และไม่ว่าผู้มีเงินได้จะเป็นอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ก็ตาม

💸 หลักที่ 2 : ถิ่นที่อยู่ (Resident Rule)
ผู้มีเงินได้เกิดจากแหล่งนอกประเทศในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วจะต้องเสียภาษีเงินได้ ในประเทศไทยก็ต่อเมื่อเข้าองค์ประกอบทั้ง 2 ประการ ดังต่อไปนี้

ผู้มีเงินได้อยู่ในประเทศไทยในปีภาษีนั้นชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะเวลา รวมทั้งหมดถึง 180 วัน และผู้มีเงินได้นำเงินได้จากแหล่งเงินได้ในต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยในปีภาษีนั้นด้วย

ซึ่งเงินได้นี้ หมายถึง เงินได้ที่เกิดขึ้นหรือเป็นผลสืบเนื่องจากมี หน้าที่การทำงานในต่างประเทศ หรือกิจการในต่างประเทศ หรือทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศด้วยนะครับ

และในการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาบางกรณี หากเกี่ยวข้องกับบางประเทศที่มี อนุสัญญาภาษีซ้อน หรือความตกลงเพื่อป้องกันการเก็บภาษีซ้ำซ้อนกับประเทศไทยจำเป็นต้องพิจารณาถึงความ ตกลงหรืออนุสัญญาว่าด้วยการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างประเทศไทยได้ทำความตกลงไว้ด้วยครับ

เห็นไหมครับว่าการที่จะพิจารณาจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา มีหลักการเพียง 2 ข้อเท่านั้น และถ้าหากใครอยากพูดคุยเรื่องภาษีในประเด็นไหนเพิ่มเติม สามารถติดต่อ TIPlife ได้เสมอนะครับ และสำหรับท่านไหนที่ต้องการวางแผนเรื่องของภาษี TIPlife ขอแนะนำ

ชีวิตสมาร์ทสุดๆ แต่ต้องไม่หยุดวางแผนเรื่องภาษี! TIPlife Smart Saving 10/3 ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท* พร้อมรับเงินคืนสูงสุดถึง 3.9%* * สร้างความสุขให้ชีวิตสมาร์ทได้แบบสุดๆ สมัครเลย! 👉 bit.ly/TIPlifeSmartSaving10-3

*หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากรกำหนด
**เป็น % ของจำนวนเงินเอาประกันภัย

⚠️รับประกันภัยโดย บมจ.ทิพยประกันชีวิต
⚠️ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครอง และเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

#TIPlife #ThePowerBesideYou
#พลังที่เคียงข้างคุณตลอดไป #ทิพยประกันชีวิต
#ContentProduct #SmartSaving

ชีวิตหลังเกษียณของคุณเป็นแบบไหน ?

วันอาทิตย์สัปดาห์สุดท้ายของเดือน เรามาลองปล่อยใจสบายๆ แล้วจินตนาการว่า ชีวิตหลังเกษียณเราจะเป็นอย่างไรกันดูนะครับ

ทุกท่านพอนึกออกไหมครับว่า ชีวิตเกษียณของแต่ละคนเป็นอย่างไร? ถ้ายังนึกไม่ออก TIPlife จะขอนำเสนอข้อมูล วัยเกษียณ 5 สไตล์ที่เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย ดังนี้ครับ

แบบที่ 1 อยู่สบาย มีเงินใช้ของตัวเอง มีแต่คนรัก เป็นท่ีพึ่งให้ลูกหลานได้ – ผู้ใหญ่แบบที่ใครๆก็รัก เพราะว่าสามารถดูแลตัวเอง และยังมีเงินที่สามารถให้ความช่วยเหลือลูกหลานได้ในยามเดือดร้อนอีกด้วย แต่จะเป็นคนกลุ่มนี้ได้ต้องมีการเตรียมความพร้อมในทุกๆด้าน วางแผนการเกษียณไว้อย่างรัดกุม และที่สำคัญคือมีวินัยที่ชัดเจนในการทำตามแผน

แบบที่ 2 เกษียณได้แน่นอน เพราะสะสมเงินก้อนจากการลงทุน – จะเป็นคนกลุ่มนี้ได้ ก็คือจะต้องเลือกการลงทุนที่เน้นการสะสมของเงินลงทุน และเพื่อให้เงินลงทุนเติบโตจนได้เงินก้อนใหญ่ไว้ใช้ในยามเกษียณ โดยอาจจะเลือกการลงทุนที่มีความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งอัตราผลตอบแทนของเงินลงทุนต้องได้เยอะกว่าอัตราเงินเฟ้อภายในประเทศมากๆ จึงจะสามารถใช้เงินก้อนนั้นต่อไปได้ในยามเกษียณนั้นเองครับ

ข้อที่ 3 สร้างสินทรัพย์ผลิตเงินสดไว้ เกษียณแบบอุ่นใจจริง – สิ่งที่คนกลุ่มนี้ทำ คือ ลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างรายได้แบบ Passive-income” ซึ่งรายได้จะมาในรูปแบบของ ค่าเช่า ดอกเบี้ย หรือเงินปันผล การซื้อที่ดิน บ้าน และคอนโดให้เช่า เป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการกระแสเงินสดไหลเข้าทุกเดือน แต่ก็ยังถือว่ามีความเสี่ยงที่จะทำให้ได้เงินไม่สม่ำเสมอ จริงอาจจะต้องเพิ่มส่วนของรายได้ที่มีลักษณะการจ่ายผลตอบแทนให้กับนักลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เป็นรายเดือน หรือรายปี ขึ้นอยู่กับประเภทของสินทรัพย์ที่เรานำเงินไปลงทุนด้วยนะครับ และที่สำคัญ ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ควรเลือกการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเองนะครับ

ข้อที่ 4 ถึงเกษียณจากงานเดิม แต่ก็ยังต้องหางานเพิ่มต่อไป – กรณีนี้หมายถึง คนที่วางแผนเกษียณไว้แล้ว แต่ทำไม่สำเร็จ ดังนั้นสิ่งที่คนส่วนใหญ่มักจะเลือกก็คือ ทำงานต่อไป เพื่อยืดระยะเวลาการเกษียณ และไม่เป็นภาระต่อลูกหลานและคนที่รักนะครับ โดยส่วนมากงานที่สามารถทำได้จะสอดคล้องกับทักษะ และความถนัดส่วนบุคคล เช่น ทำอาหาร ช่างซ่อม ทำสตูดิโอถ่ายรูป เป็นต้น หรือไม่ก็รับจ้างทำงานเป็น Part time โดยใช้ทักษะที่เคยทำงานมา เช่น รับจ้างทำบัญชี รับจ้างออกแบบ หรือคีย์ข้อมูล เป็นต้น

ข้อที่ 5 เกษียณแต่เงินไม่พอ ต้องรอให้ลูกหลานดูแล – หากตอนนี้เรายังไม่ได้วางแผนเกษียณ ก็มีโอกาสสูงมากที่เราจะมาอยู่กลุ่มนี้นะครับ และถ้าลูกหลานเราไม่พร้อมดูแลเรา คำถามคือ แล้วจะทำอย่างไรต่อ? ดังนั้นเตรียมตัววางแผนเกษียณกันเถอะครับ

และถ้าหากท่านไหนสนใจวางแผนเกษียณ ขอแนะนำ

TIPlife Smart Pension 90/2 ประกันชีวิตบำนาญ เหมาะสำหรับคนที่วางแผนชีวิตในระยะยาว ชำระเบี้ยระยะสั้น มีเงินใช้หลังเกษียณ รับเงินบำนาญสูงถึงปีละ 15%* แถมยังใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท** สมัครง่าย ไม่ต้องตรวจและไม่ต้องตอบปัญหาสุขภาพ

คลิก!! 👉 bit.ly/TIPLIFESmartPension90-2

ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครอง และเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด

#TIPlife #ThePowerBesideYou
#พลังที่เคียงข้างคุณตลอดไป #ทิพยประกันชีวิต
#ContentProduct #SmartPension

สภาส่งเสริมวัฒนธรรมอาเซียน แถลงข่าวจัดงาน “เทิดทูนพระคุณแม่” มอบรางวัล “พระแม่ลักษมี” เชิดชูเกียรติลูกผู้ทำความดีให้แผ่นดิน

สภาส่งเสริมวัฒนธรรมอาเซียน เตรียมจัดงาน “เทิดทูนพระคุณแม่” มอบรางวัล “พระแม่ลักษมี” เชิดชูเกียรติลูกผู้ทำความดีให้แผ่นดิน ผู้ทำความดีเพื่อสาธารณประโยชน์ ผู้ทำนุบำรุงศาสนา และ แม่ผู้มีลูกประสบความสำเร็จ

ณ หอประชุมพระเจ้าอโศกมหาราช วัดสุทธิวราราม แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร ดร.ประกาย ณ สงขลา ประธานสภาส่งเสริมวัฒนธรรมอาเซียน พร้อมด้วย อาจารย์จุฑามาศ ณ สงขลา ที่ปรึกษาฯ ,ดร.ปฐพร ตะวิษาประกิต ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย สภาส่งเสริมวัฒนธรรมอาเซียน และ คุณหนูนา บงกช ศรีมังคละ พิธีกรผู้ดำเนินรายการ ร่วมกันแถลงข่าวจัดงาน

“เทิดทูนพระคุณแม่” พิธีมอบรางวัล “พระแม่ลักษมี” เพื่อเชิดชูเกียรติลูกผู้ทำความดีให้แผ่นดิน ผู้ทำความดีเพื่อสาธารณประโยชน์ ผู้ทำนุบำรุงศาสนา และแม่ผู้มีลูกที่ประสบความสำเร็จ โดยงานจะจัดขึ้นในวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2566 ณ หอประชุมคุรุสภา

ในการจัดงานครั้งนี้มีแขกผู้มีเกียรติ ให้เกียรติร่วมงานมากมาย อาทิ ศิลปินค่ายหน้าลาวเรคคอร์ด ,น้อง”ฬักษณ์” นางสาวอัญพัชญ์ ภักดีณรงค์รัตน์ MISS UNIVERSE THAILAND CHONBURI 2023 , น้องเพลง สุชัญญา เทียมทัด ทูตวัฒนธรรมอาเซียน,คุณกัญธิภา ไอวารี เจ้าของโครงการภัทรวิลเลจ วังม่วง สระบุรี และ สื่อมวลชนจากหลากหลายแขนง

โอกาสนี้ขอเรียนเชิญทุกท่านร่วมส่งรายชื่อ ประวัติ และ โปรไฟล์ ส่วนตัวด้านการทำความดีเพื่อสังคม เพื่อให้สภาส่งเสริมวัฒนธรรมอาเซียน พิจารณามอบรางวัล โดยในพิธีมอบรางวัล วันที่ 13 สิงหาคม 2566 ได้รับพระเมตตาจาก หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ เสด็จประธานรางวัล “พระแม่ลักษมี” ให้แก่ผู้ได้รับรางวัลทุกท่านด้วย

หยุดเผาไหม้เวลาอันมีค่าของตัวเราเอง ไปกับการสูบบุหรี่

ข่าวประกัน – หยุดเผาไหม้เวลาอันมีค่าของตัวเราเอง ไปกับการสูบบุหรี่

ยิ่งเรา ลด ละ เลิกบุหรี่ ได้เร็วเท่าไหร่ เรายิ่งมีเวลาเหลืออยู่กับคนที่เรารักได้มากขึ้นเท่านั้น

จากสถิติในประเทศไทย มะเร็งปอดเป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับ 2 ในผู้ชาย อันดับ 4 ในผู้หญิง และเป็นมะเร็งที่มีอัตราการเสียชีวิตเป็นอันดับ 1 เนื่องจากมักพบเมื่อเป็นระยะกระจายไปตามอวัยวะต่างๆ แล้ว โดยสาเหตุสำคัญของการเกิดมะเร็งปอด คือการสูบบุหรี่

สารพิษในควันบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเกือบทุกชนิด เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งลำไส้ใหญ่ (ที่มา: www.samitivejhospitals.com)

เนื่องในวัน วันงดสูบบุหรี่โลก 31 พ.ค. ปีนี้ TIPlife ขอส่งกำลังใจให้ทุกท่านที่วางแผนเลิกบุหรี่ ทั้งบุหรี่ธรรมดา และบุหรี่ไฟฟ้านะครับ

สำหรับใครสนใจวางแผนประกันมะเร็ง สอบถามเข้ามาปรึกษากับทาง TIPlifeได้เลยครับ

TIPlife Smart Cancer ตรวจพบโรคมะเร็งครั้งแรก รับเงินสูงสุด 1 ล้านบาท* ค่าเบี้ยเฉลี่ยเริ่มต้นเพียงวันละไม่ถึง 3 บาท** และยังคุ้มครองการเสียชีวิตทุกกรณี 50,000 บาท อีกด้วย

คลิก!! bit.ly/TIPLIFESmartCancer

ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครอง และเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันทุกครั้ง

* มีความคุ้มครองให้เลือก 3 แผน (250,000 / 500,000 / 1,000,000)
** คำนวณจากอัตราเบี้ย เพศหญิง อายุ 20-25 ปี แผนความคุ้มครอง 250,000 บาท

#TIPlife #ThePowerBesideYou
#พลังที่เคียงข้างคุณตลอดไป #ทิพยประกันชีวิต
#ContentProduct #SmartCancer
#วันงดสูบบุหรี่โลก

กลุ่มบริษัท เวลเนส เวิลด์ (Wellness World) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กลุ่มบริษัทชีวา (Chiva) และแถลงข่าวการก่อกำเนิดเมืองสุขภาวะดี โครงการ Wellness World Sanctuary Khao Yai

พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) และแถลงข่าวร่วมทุนระหว่างกลุ่มบริษัท เวลเนส เวิลด์ (Wellness World) และ กลุ่มบริษัท ชีวา (Chiva) จัดตั้ง Wellness World Chiva Corporate (WCC) เพื่อร่วมสร้างเมืองสุขภาวะดี ณ เขาใหญ่ “Wellness World Sanctuary Khao Yai” โดยจะเปิดให้บริการที่พักอาศัยแก่ผู้รักสุขภาพ เป็นเมืองสุขภาวะดีที่เพียบพร้อมไปด้วยการบริการทางสุขภาพแบบครบวงจร และยังมีโปรแกรมสุขภาพทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาวที่หลากหลายรวมถึงกิจกรรมบำบัดเพื่อฟื้นฟูสุขภาพ (ดูแลสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจแบบองค์รวม) โครงการฯ ตั้งอยู่ท่ามกลางแหล่งผลิตโอโซนอันดับที่ 7 ของโลก อย่างเขาใหญ่ โดยบริษัท Wellness World Chiva Corporate ที่เกิดจากความร่วมทุนระหว่างกลุ่มบริษัท Wellness World มืออาชีพทางด้านการรักษาโรค NCDs ลำดับต้นๆ ของประเทศไทย กับกลุ่มบริษัท Chiva ในฐานะนักออกแบบและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้าในเขตเขาใหญ่

 คุณสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา

นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท เวลเนส เวิลด์

นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท เวลเนส เวิลด์ พร้อมด้วย ดร. ภัทรพล เวทยสุภรณ์ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท ชีวา จัดพิธีลงนามความร่วมมือ และ แถลงข่าวการก่อกำเนิดเมืองสุขภาวะดี โครงการ Wellness World Sanctuary Khao Yai ในวันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 10.30 น. ณ ห้องเทวกรรมรังรักษ์ สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต

โดยได้รับเกียรติจาก คุณเอกฉัตร ศีตวรรัตน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ คุณสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา คุณวรรณภา เกียรติพงษา ผู้อำนวยการ กองสร้างสรรค์สินค้าการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คุณชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธานสถาบันการสร้างชาติ

นพ.สมพร คำผง Advisory Board of GHA, GHA Standard Committee Executive Director Asia-Pacific พญ.ประภา วงศ์แพทย์ นายกสมาคมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพไทย, พล.อ.ต.นพ. สันติ ศรีเสริมโภค ผู้ช่วยเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และ พล.ท.ดร.พิเชษฐ คงศรี กรรมการบริหารการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และแขกผู้มีเกียรติ พร้อมคณะสื่อมวลชน เข้าร่วมเป็นสักขีพยานพิธีลงนามความร่วมมือ และแถลงข่าวการก่อกำเนิดเมืองสุขภาวะดีโครงการ Wellness World Sanctuary Khao Yai ในครั้งนี้

โครงการ Wellness World Sanctuary Khao Yai คือเมืองสุขภาวะดีที่เพียบพร้อมไปด้วยการบริการทางสุขภาพครบวงจร ท่ามกลางแหล่งผลิตโอโซนอันดับที่ 7 ของโลกอย่างเขาใหญ่ โดยบริษัท Wellness World Chiva Corporate นอกจากนั้น ทางโครงการจะจัดงาน Grand Opening เพื่อเปิดขายห้องอาคารชุด และเปิดรับสมาชิกโครงการ ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566

ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต ในระหว่างเวลา 9.30 – 15.00 น. โดยมีคุณดู๋ สัญญา คุณากร เป็นพิธีกรรับเชิญ ในการสัมภาษณ์ นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท เวลเนส เวิลด์ และ ดร. ภัทรพล เวทยสุภรณ์ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท ชีวา ในหัวข้อ “Wellness World Sanctuary Khao Yai : Wellness Destination of the World” จึงขอเรียนเชิญผู้สนใจโครงการฯ ลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อเข้าร่วมงานได้ที่ (ลิงก์ลงทะเบียน) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 094-948-3848, 065-124-4999 หรือ Line ID : 0651244999

การส่งเสริมสุขภาพของประชาชนชาวไทยให้มีสุขภาพที่ดี ถือเป็นหนึ่งหัวข้อหลักในแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี ชาติไทย ที่มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง จากทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งในขณะที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ กลุ่มโรค NCDs (Non-Communicable Diseases) ถือเป็นอุปสรรคที่สำคัญยิ่งในการที่จะทำให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพที่ดี
ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัท เวลเนส เวิลด์ ได้มุ่งมั่นในการต่อสู้กับโรค NCDs ด้วย องค์ความรู้ “กินอาหารให้เป็นยา”

ของ นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ ประธานกลุ่มบริษัทฯ โดยได้ปักหลักที่เวลเนส เวิลด์ อยุธยา (Wellness World Ayutthaya) อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา จนมั่นคง และเล็งเห็นว่าจะต้องขยายเมืองสุขภาวะดี (Wellness World) ที่พร้อมไปด้วยบริการดูแลสุขภาพในทุกมิติ ออกไปให้ทั่วประเทศไทย เพื่อที่จะสามารถทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในโลกที่โรค NCDs ลดลง

ในขณะที่ กลุ่มบริษัท ชีวา คอร์ปอเรท ในฐานะผู้เชี่ยวชาญทางด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากว่า 30 ปี โดย ดร. ภัทรพล เวทยสุภรณ์ ประธานกลุ่มบริษัทฯ ได้นำเอาระบบการก่อสร้างที่ล้ำสมัยมาใช้ จนประสบผลสำเร็จในการลดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง และสามารถพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในราคาจับต้องได้สำหรับชาวไทย นอกจากนั้นยังมีความประสงค์ที่จะใช้ความสามารถของตนเพื่อประโยชน์ทางด้านการส่งเสริมสุขภาพให้กับสังคมไทย

เมื่อจุดมุ่งหมายของทั้งสองกลุ่มบริษัทมีทิศทางเดียวกัน ในการที่จะรับใช้สังคมไทยทางด้านการส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี ทั้งสองท่านจึงตัดสินใจที่จะร่วมทุน และร่วมมือในการขับเคลื่อนสังคมไทยให้ประสบความสำเร็จเป็นสังคมสุขภาพดี โดยจะเริ่มให้การบริการเพื่อการดูแลสุขภาพแบบครบวงจรในเขต เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ภายใต้ชื่อโครงการ Wellness World Sanctuary Khao Yai (by Wellness World Chiva Corporate) เพื่อให้เกิดเป็นเมืองสุขภาวะดี (Wellness World) ที่สามารถเปิดให้บริการได้ตั้งแต่เดือนเมษายน 2566 เป็นต้นไป

…………………………………………………………………………………………………….

บริการรับฝากข่าวประชาสัมพันธ์ ผ่านเว็บไซด์และสื่อในเครือ มากว่า20สื่อ
อีเมล์ AMPCHNEWSTV@gmail.com ,  LINE ID : AMPCH

 ‘อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์’ ขยายโชว์ระดับเอเชีย ส่ง Vitafoods Asia  รับเทรนด์สินค้าสุขภาพ  หนุนผู้ประกอบการชิงส่วนแบ่งตลาดเสริมอาหาร  70,000 ล้านบาท

‘อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย’ เปิดตัวเทรดโชว์ใหม่ล่าสุดในเมืองไทย Vitafoods Asia งานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมระดับเอเชีย ที่ครอบคลุมทุกมิติของการผลิตสินค้าเสริมอาหาร ซึ่งปัจจุบันมูลค่าตลาดในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 70,000 ล้านบาท เติมเต็มพอร์ตโฟลิโอการจัดงานด้านสุขภาพอย่างครบถ้วน ด้วยความเชื่อมั่นต่อศักยภาพประเทศไทยที่จะก้าวสู่ศูนย์กลางด้านสินค้าสุขภาพอย่างครบวงจร ตอบรับสถานการณ์ธุรกิจไมซ์ที่กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังมาตรการผ่อนปรนและเปิดประเทศมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ

จากรายงานของ EuroMonitor ที่คาดการณ์ไว้ว่าตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามินของประเทศไทย จะมีมูลค่าสูงถึง 74,247 ล้านบาท ในปี พ.ศ. 2564 ผ่านมา และมีเทรนด์การเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับนโนบายด้านเศรษกิจของประเทศไทย ที่มุ่งสู่การเป็นเศรษฐกิจนวัตกรรมและมุ่งเน้นการผลิตสินค้าคุณภาพสูง (High Value Added Products: HVA) ที่จะก่อให้เกิดความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม มากกว่าการผลิตในรูปแบบเดิมที่เน้นปริมาณ ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เล็งเห็นถึงโอกาสในการขยายการจัดงานแสดงสินค้าเพื่อเติมเต็มช่องว่างของโอกาส ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตและสุขภาพของผู้คนในโลกยุคปัจจุบัน

นางสาวรุ้งเพชร ชิตานุวัตร์ ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการภูมิภาคอาเซียน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า “พอร์ตโฟลิโอการจัดงานด้านสุขภาพของอินฟอร์มาในเมืองไทยขณะนี้ ประกอบด้วยงานด้านสินค้าความงาม ASEAN Beauty งานด้านผลิตภัณฑ์อาหาร Food Ingredients Asia งานด้านผลิตภัณฑ์ยา CPHI Asia ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นงานระดับภูมิภาคทั้งสิ้น ซึ่งจากการจัดงานมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ในปี 2022 นี้เราจึงริเริ่มการจัดงาน Vitafoods Asia ขึ้น ซึ่งจะเข้ามาช่วยเติมเต็มให้การจัดงานด้านอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งประเทศไทยถือเป็นตลาดใหญ่ที่มีการแข่งขันภายในประเทศค่อนข้างสูง และเราประเมินว่าในอนาคตอันใกล้นี้ การผลิตเพื่อมุ่งเน้นการส่งออกจะกลายเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการไทยให้ความสำคัญ การได้เห็นถึงเทรนด์และนวัตกรรมใหม่ ๆ ในด้านการผลิตที่กว้างขวางมากกว่าสิ่งที่อยู่ในประเทศจะเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการออกแสวงหา เพื่อเป็นแต้มต่อในการแข่งขันในระดับภูมิภาคหรือในระดับโลกต่อไป”

Vitafoods ถือเป็นแบรนด์ที่มุ่งเน้นขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่ประสบความสำเร็จทั้งในด้านการจัดงานและการสร้างแพลตฟอร์ม ที่ช่วยเชื่อมโยงผู้ประกอบการและหน่วยงานสนับสนุนต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ตลอดจนการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจในแง่มุมต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดการค้าและการแลกเปลี่ยน จนทำให้อุตสาหกรรมเกิดการขยายตัวมาแล้วในหลายประเทศและภูมิภาค โดยที่ผ่านมามี Vitafoods ได้รับการตอบรับที่ดีมาอย่างต่อเนื่องทั้ง Vitafoods Europe, Vitafoods Insight, Vitafoods Insights, Vitafoods Insights Europe Virtual Expo และ Vitafoods Insights Asia Virtual Expo มาจนถึง Vitafoods Asia ที่กำลังจะเกิดขึ้นครั้งในรูปแบบการจัดงานออนกราวนด์ที่ประเทศไทย

“กลยุทธ์สำหรับงาน Vitafoods Asia ครั้งแรก จะเป็นการจัดร่วมกับงาน Fi Asia หรือ Food Ingredients Asia เพราะถือเป็นงานที่มีจุดเชื่อมโยงกันในหลายเรื่อง โดยเฉพาะในแง่วัตถุดิบการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม ที่ในระยะหลังมีการนำส่วนผสมที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมาต่อยอดเป็น Functional Drinks หรือ Functional Foods มากขึ้น ซึ่งส่วนผสมเหล่านี้ต่างก็เป็นส่วนผสมที่ใช้ในการผลิตสินค้าเสริมอาหารได้ หรือในแง่ของการนำเสนอนวัตกรรมส่วนผสมใหม่ ๆ นั้น มีนวัตกรรมส่วนผสมมากมายที่สามารถนำไปผลิตในรูปแบบของผลิตภัณฑ์อาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้ ขึ้นอยู่กับรูปแบบของการนำเสนอสินค้าต่อผู้บริโภค และความมุ่งหวังในการบริโภคของตัวผู้บริโภคเอง”

งาน Vitafoods Asia 2022 เป็นเวทีกิจกรรมชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมโภชนเภสัช (nutraceutical) อาหาร และเครื่องดื่มฟังก์ชัน (functional food and beverages) และผลิตภัณฑ์อาหารเสริม (dietary supplement) ในเอเชีย ประกอบด้วยผู้ผลิต จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และเสริมอาหารอย่างครอบคลุมรวมถึงเทคโนโลยี และนวัตกรรมการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ

โดยงานจะจัดขึ้นทั้งในรูปแบบอีเว้นท์ออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน – 10 ตุลาคม 2565 และอีเว้นท์ออฟไลน์ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่วันที่ 5 – 7 ตุลาคม 2565 ซึ่งเป็นโอกาสในการต่อยอดที่มากกว่า ทำให้ผู้เข้าร่วมงานและผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์สามารถทำความรู้จักพูดคุยกันผ่านทางช่องทางออนไลน์ก่อนวันงานอีเว้นท์ออฟไลน์ได้ เช่น การจัดประชุมผ่านระบบออนไลน์ หรือวางแผนที่นัดพบปะกันในกรุงเทพฯ ซึ่งจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีล่วงหน้าและสามารถต่อยอดประสบการณ์การเข้าร่วมงานเมื่อพบกันจริงได้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถใช้เวลาของตนในงานได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุดนับเป็นครั้งแรกที่งาน Vitafoods Asia จะจัดงานในสถานที่เดียวกับงาน Fi Asia 2022 ในกรุงเทพ ซึ่งคาดว่าจะรองรับผู้เข้าร่วมงานได้มากกว่า 21,000 คน รวมถึงเหล่าผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมโภชนา

เภสัชและ อาหารและเครื่องดื่มจากทั่วโลกกว่า 600 ราย โดยมีเนื้อหาสาระ ผู้ประกอบการ และหน่วยงานสนับสนุน ที่ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่อุปทาน ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่  Ingredients & Raw รวบรวมเทรนด์และนวัตกรรมวัตถุดิบด้านสุขภาพและโภชนาการ Finished Products พบปะกับผู้ซื้อ ผู้จัดจำหน่าย ผู้ค้าปลีก และซัพพลายเออร์ เพื่อต่อยอดโอกาสให้กับผลิตภัณฑ์หรือสินค้า Contract Manufacturing & Private Label เริ่มต้นธุรกิจกับผู้รับจ้างผลิตที่มีมากมาย พร้อมหลากหลายด้วยความเชี่ยวชาญ และ Services & Equipment โซลูชั่นด้านการบริการ เครื่องจักร เครื่องมือ และอุปกรณ์เฉพาะทางในขั้นตอนการผลิต

พบกับ Vitafoods Asia 2022 งานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย เปิดโอกาสสู่โลกการค้าแห่งอนาคตที่ไร้พรมแดนและขีดจำกัด ในระหว่างวันที่ 5-7 ตุลาคม 2565 นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และในรูปแบบออนไลน์ระหว่าง 26 กันยายน – 10 ตุลาคม 2565 ติดตามรายละเอียดและลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ https://www.vitafoodsasia.com

6 หน่วยงาน ร่วมจัดเสวนา แจงอิทธิพลอเมริกาในประเทศไทยในทุกมิติ

เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2565 สมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ สถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา, สถาบันการสร้างชาติ, ที่ประชุมประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการแห่งประเทศไทย (ทปสท.), มหาวิทยาลัยรามคำแหง และ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้จัดเสวนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของประเทศไทย (Thailand International Relation Forum) ในหัวข้อ “อิทธิพลอเมริกาในประเทศไทย: วิเคราะห์อดีต ปัจจุบัน อนาคต” ณ ห้อง SB501 อาคารศรีศรัทธา คณะรัฐศาสตร์

มหาวิทยาลัยรามคำแหงซึ่งในการเสวนาได้มีการอภิปรายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินนโยบายของอเมริกาที่ส่งผลกระทบและอิทธิพลต่อประเทศไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน และแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต วัตถุประสงค์ในการจัดเสวนาดังกล่าวเพื่อช่วยให้คนไทยได้มีความเข้าใจและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับอนาคตที่จะเกิดขึ้น ทั้งยังช่วยให้เครือข่ายของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดนโยบายสามารถกำหนดนโยบายที่จะใช้ประโยชน์จากอิทธิพลดังกล่าวต่อการผลักดันประเทศไทยให้เป็นประเทศที่เจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต


ในการเสวนาดังกล่าวได้รับเกียรติจาก ผศ.สาธิน สุนทรพันธุ์ คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวเปิดงาน และศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธานสถาบันการสร้างชาติ ปาฐกถาเปิดงานในหัวข้อ “แนวโน้มของอิทธิพลอเมริกาในประเทศไทย” หลังจากนั้นได้มีการเริ่มเสวนา โดยมีการแบ่งประเด็นเสวนาออกเป็น 3 มิติ คือ มิติสังคมวัฒนธรรม, มิติการเมือง, มิติเศรษฐกิจ ซึ่งในแต่ละมิติได้มีนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญมาร่วมแสดงความคิดเห็นหลายท่าน อาทิ ดร.ชัยยงค์ สัจจิพานนท์,

อ.กิตติพล วงศ์มีชัย, อ. เอกสฤษดิ์ ลักษิตานนท์, ผศ.สาธิน สุนทรพันธุ์, พล.อ.สุรสิทธิ์ ถนัดทาง, ผศ.ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์, ท่านกฤษฎา เปี่ยมพงศ์สานต์, รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม, ผศ.ดร.ประการัง ชื่นจิตร, ดร.ดอน นาครทรรพโดยมีผศ.ดร.เชษฐา ทรัพย์เย็น ประธานที่ปรึกษา ที่ประชุมประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการแห่งประเทศไทย เป็นผู้ดำเนินรายการ


ด้าน ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ได้ให้สัมภาษณ์ ภายหลังปาฐกถาว่า สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนาประเทศไทยในอดีตถึงปัจจุบัน แต่การเปลี่ยนแปลงของภูมิรัฐศาสตร์โลก จะทำให้อิทธิพลของอเมริกาในประเทศไทยถดถอยลง ทั้งขนาด ความกว้าง และความลึกของอิทธิพล ขณะที่มหาอำนาจอื่นมีอิทธิพลมากขึ้น ซึ่งในโลกหลายขั้วอำนาจนี้ และระเบียบโลกที่มีหลายหลักหรือไม่มีหลักที่แน่นอนไทยจะได้รับอิทธิพลจากหลายมหาอำนาจ เกิดความซับซ้อนของหลักปรัชญาความคิดจนถึงหลักปฏิบัติ ส่งผลทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการขับเคลื่อนประเทศที่ขาดทิศทาง ขาดเอกภาพ และขาดเสถียรภาพ

“ประเทศไทยจำเป็นต้องกลับมาทบทวนทิศทางการพัฒนา โดยการกำหนดหลักหมุดในการสร้างชาติบนหลักปรัชญาที่ดีงามสร้างอุดมการณ์ชาติที่ชัดเจนซึ่งจะนำไปสู่ผลประโยชน์ของชาติ และพัฒนาเศรษฐกิจบนจุดแกร่งของประเทศ สร้างสังคมที่หลากหลายแต่มีเอกภาพ และสร้างการเมืองประชาธิปไตยบนฐานธรรมาธิปไตย นอกจากนี้ ประเทศไทยควรเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนอาเซียน ให้เป็นแกนกลางในการเชื่อมขั้วอำนาจต่าง ๆ เพื่อสร้างอำนาจต่อรองและรักษาดุลอำนาจในภูมิภาค”ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ กล่าว

 

ชื่อ-ตำแหน่งวิทยากร
● ดร.สุธนี บิณฑสันต์, อุปนายกสมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย
● ผศ.สาธิน สุนทรพันธุ์, คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
● ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์, ประธานสถาบันการสร้างชาติ
● ดร.ชัยยงค์ สัจจิพานนท์, อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา, อดีต นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย
● อ.กิตติพลวงศ์มีชัย, นักวิจัยสมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย
● อ.เอกสฤษดิ์ ลักษิตานนท์, อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
● ผศ.สาธิน สุนทรพันธุ์, คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
● พล.อ.สุรสิทธิ์ ถนัดทาง, อดีตผู้อำนวยการวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
● ผศ.ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์, นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล
● ท่านกฤษฎา เปี่ยมพงศ์สานต์, รองประธานกรรมการการแข่งขันทางการค้า, อดีตอัครราชทูต ฝ่ายการพาณิชย์ ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี และกรุงบรัสเซลส์ สหภาพยุโรป
● รศ.ดร.ปิติศรีแสงนาม, คณะเศรษฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
● ผศ.ดร.ปะการัง ชื่นจิตร, คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
● ดร.ดอน นาครทรรพ, ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเสถียรภาพระบบการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย
● ผศ.ดร.เชษฐาทรัพย์เย็น ประธานที่ปรึกษาที่ประชุมประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการแห่ง
ประเทศไทย

Fi Asia 2022 ลุยจัดงาน อินโดฯ-ไทยเสริฟนวัตกรรมรับเทรนด์อาหารแห่งอนาคต ย้ำสถานะ “Food Trend Setter ” แห่งเอเชีย

อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เตรียมจัดงานแสดงนวัตกรรมส่วนผสมอาหารแห่งเอเชีย ครั้งที่ 25 หรือ Fi Asia 2022 เตรียมยกทัพกว่า 500 บริษัทชั้นนำจากทั่วโลก ร่วมแสดงนวัตกรรมส่วนผสมอาหารและเครื่องดื่ม รับดีมานด์รักสุขภาพ ความยั่งยืน และเทรนด์อาหารแห่งอนาคต พร้อมเปิดตัวงาน Vitafoods Asia 2022 งานแสดงสินค้านวัตกรรมด้านโภชนเภสัช หรือ นิวทราซูติคอล (Nutraceutical) ครั้งแรกในไทย โดยจะจัดขึ้นในวันที่ วันที่ 5-7 ตุลาคม 2565 นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

นางสาวรุ้งเพชร ชิตานุวัตร์ ผู้อํานวยการกลุ่มงานภูมิภาคอาเซียน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ เปิดเผยว่า “การจัดงาน Fi Asia 2022 ในครั้งนี้เป็นการกลับมาจัดอีเว้นท์แบบเต็มรูปแบบอีกครั้ง ในรอบ 3 ปี เราได้ความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเสนอนวัตกรรมการใช้ส่วนผสมอาหารและเครื่องดื่มสร้างมูลค่าเพิ่มและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยความพิเศษของปีนี้คือ การจัดงาน Vitafoods Asia 2022 ขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าด้านโภชนเภสัช นวัตกรรมการผลิตอาหารเสริม การรับจ้างผลิต บรรจุภัณฑ์และบริการด้านโภชนาการต่าง ๆ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและปัจจุบันมีบริษัทชั้นนำจากต่างประเทศร่วมแสดงสินค้านวัตกรรมแล้วกว่า 300 บริษัท นอกจากการผนึกกำลังที่โดดเด่นของอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ทั้งสองงานแล้ว การจัดงานครั้งนี้ยังเป็นสมาร์ทอีเว้นท์ครั้งแรกของภาคพื้นทวีปเอเชีย โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาสร้างประสบการณ์ และอำนวยความสะดวกให้กับผู้ร่วมงานแบบครบวงจร ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้อัพเดทเทรนด์อาหารที่ ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ โดยคาดว่าในปีนี้จะมีผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้าร่วมงานกว่า 21,000 คน”

ศ.(วิจัย) ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เปิดเผยว่า “ ในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่ดูแลเกี่ยวกับงานวิจัย การพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยี เพื่อสร้างคุณค่ามูลค่าเพิ่ม ปีนี้ทางสถาบันได้นำนวัตกรรมการวิจัยและแปรรูปอาหาร มาโชว์ในงาน Fi Asia 2022 และ Vitafoods Asia 2022 ผ่านหลากหลายกิจกรรม ที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ประกอบ

การธุรกิจขนาดเล็กและขนาดใหญ่ รวมถึงการให้คําปรึกษาสําหรับผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการเพิ่มมูลค่าสินค้าและวัตถุดิบ เพื่อพัฒนาให้เป็นผลิตภัณฑ์ ที่สามารถนำไปต่อยอดและสร้างโอกาสในการเพิ่มเม็ดเงินให้แก่ธุรกิจในอนาคต เป็นต้น ”

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทยและประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์อาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต เปิดเผยว่า “แนวโน้มของอุตสาหกรรมอาหารในตอนนี้ที่น่าจับตามอง คงจะเป็นในเรื่องของผลิตภัณฑ์อาหารแห่งอนาคตที่กำลังได้รับความสนใจ หรือ Plant-based food ทำให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารหันมาผลิตอาหารประเภทนี้เพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค ทำให้มูลค่าตลาดของ Plant-based ​Protein มีการเติบโตกว่า 4,100 ล้านบาท ซึ่งงาน Fi Asia 2022 จะเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ที่จะได้ศึกษาเทรนด์อาหารแห่งอนาคต โปรตีนจากพืช และนวัตกรรม เทคโนโลยีที่จะสามารถนำไปต่อยอดกับอุตสาหกรรมอาหารในอนาคตต่อไป ”

นายนาคาญ์ ทวิชาวัฒน์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เปิดเผยว่า “ในส่วนของอุตสาหกรรมอาหารเสริมของไทย มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเทรนด์การรักสุขภาพที่ทำให้คนหันมาใส่ใจการทานอาหารเพื่อสุขภาพกันมากขึ้น และคำนึงถึงผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและปราศจากสารปรุงแต่งเป็นหลัก โดยปกติแล้วอุตสาหกรรมอาหารเสริมนั้นเราต้องนำเข้าสารสกัด หรือวัตถุดิบจากต่างประเทศ แต่ตอนนี้เรามีการพลักดันให้อุตสาหกรรมภายในประเทศผลิตสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา จากการใช้วัตถุดิบ

ภายในประเทศ อาทิ การผลิตคอลลาเจน เพื่อลดต้นทุนการผลิต รวมไปถึงเราสามารถยกระดับสมุนไพรไทย ที่มีคุณประโยชน์มากมาย ร่วมกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องดื่ม หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งงาน Vitafood Asia 2022 จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเสริมอาหารได้มาศึกษาองค์ประกอบ สารสกัดต่าง ๆ นวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะสามารถนำมาพัฒนาร่วมกับผลิตภัณฑ์ เพื่อต่อยอดกับธุรกิจต่อไปได้”

พบกับนวัตกรรมส่วนผสมอาหาร เครื่องดื่ม และโภชนเภสัช พร้อมกับพบหน่วยงานภาครัฐเอกชน และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม พร้อมรับคําปรึกษา แรงบันดาลใจ เพื่อต่อยอดธุรกิจ ได้ที่ Fi Asia 2022 และ Vitafoods Asia 2022 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ประเทศไทย วันที่ 5-7 ตุลาคม 2565 นี้ สำหรับผู้เข้าชมงาน สามารถลงทะเบียนเพื่อเข้าชมงาน
– Food Ingredients Asia 2022 (Fi Asia 2022) ได้ที่ www.fiasia.com – Vitafoods Asia 2022 ได้ที่ www.vitafoodsasia.com
และสามารถเข้าชมและใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์ในรูปแบบ Smart Event ทั้งก่อนและย้อนหลังได้ที่  online.fiasia.com

การประชุมเยาวชนผู้นำโลก Global Youth Leadership Summit 2022

การประชุมเยาวชนผู้นำโลก Global Youth Leadership Summit 2022 เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ 2565 ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรกองทัพบก ถ.วิภาวดีรังสิต Global Youth Parliament ร่วมกับ UNPKFC ร่วมจัด ประชุมสุดยอดเยาวชนระดับนานาชาติ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพเยาวชนในการมีส่วนร่วมด้านการพัฒนาและการสร้างจิตสำนึกในเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม รวมถึงการปลูกฝังทักษะการเป็นผู้นำ โดยมีเยาวชน และผู้นำเยาวชนประเทศต่างๆจาก 83 ประเทศทั่วโลก และหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน  และองค์การระหว่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมกว่า 250 คน พิธีเปิดการประชุม นายดิวากา อัลยัล ประธานรัฐสภาเยาวชนโลก(Global Youth Parliament) กล่าวเปิดงาน และวัตถุประสงค์ในการจัดงาน

ได้กล่าวว่า บทบาทหน้าที่ของ GYP เน้นเรื่องความเป็นผู้นำทางการเมืองเป็นหลัก การเป็นผู้ประกอบการ สันติภาพ ธรรมาภิบาล ประชาธิปไตยและสร้างสรรค์ การพัฒนา GYP ตั้งเป้าระดับชาติ ระดับภูมิภาค และระดับโลก เวทีเสวนาและสนับสนุนในหัวข้อที่ต้องการทันที ตลอดจนความสนใจระดับโลกในระยะยาว เช่นความเป็นผู้นำ ผู้ประกอบการ และประชาธิปไตย โดยใช้หลักธรรมาภิบาล แนวทางปฏิบัติทางการค้าที่รับผิดชอบต่อสังคมด้วยความกระตือรือร้น ความเป็นพลเมือง การแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรม และการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อสันติภาพ ทั้งนี้ได้เลือกประเทศไทย เพราะได้รับการสนับสนุนที่เข้มแข็งจาก UNPKFC และเป็นพันธมิตรที่สนับสนุนกิจกรรมเยาชนมาอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่างาน Global Youth Leadership Summit 2022 จะประสบความสำเร็จด้วยการสนับสนุนที่เข้มแข็งของพันธมิตรของเรา ขอขอบคุณผู้แทนเยาวชนโลกทั้ง 83 ประเทศ ที่ให้ความร่วมมือ และขอขอบคุณรัฐบาลไทย และภาคเอกชน ที่ให้การตอบรับอย่างดียิ่งในครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งจะได้รับการสนับสนุนที่ดีจากทุกภาคส่วนในโอกาศต่อๆไป

ดร.อภินิตา ไชยชนะ ประธานUNPKFC (Co-Partner) กล่าวขอบคุณ GYP ที่ให้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงาน Global Youth Leadership Summit 2022 พร้อมทั้งกล่าวถึงการให้การสนับสนุนและความร่วมมือเยาวชนระดับนานาชาติ เพื่อผลักดันเป้าการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านกลยุทธและบทบาทสำคัญของเยาวชนซึ่งเป็นกำลังสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงโลกในทางที่ดี ในเวทีต่างๆ
พร้อมทั้งขอบคุณพาร์ทเนอร์จิตอาสาที่มีบทบาทและมีส่วนร่วมสำคัญ ในการให้การนับสนุนในการจัดงานครั้งนี้ เช่น International Christian Nonthaburi School, ICSN,IDOL EXCHANGE, , Nonthaburi Christian Academy, Katyusha Russian Dance Academy, Baan Thungna Nadthasin Thai School และผู้มีส่วนร่วมทุกท่าน

โดยครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนปัจจุบัน เป็นประธานเปิดงานในพิธี ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนปัจจุบัน ได้กล่าวว่า รัฐบาลไทยได้ยกย่องเยาวชนว่าเป็นคลังเก็บความสามารถ มีพลัง และมีวิสัยทัศน์ และได้ทราบว่าทาง GYP กำลังทำงานในหลายประเทศทั่วโลก โดยมุ่งเน้นที่หัวข้อของความเป็นผุ้นำทางการเมือง การเป็นผู้ประกอบการ สันติภาพ ธรรมาภิบาล ประชาธิปไตย และ การเจรจาอย่างสร้างสรรค์ การกำหนดนโยบายที่ครอบคลุมสันติภาพที่ยั่งยืน และการพัฒนาที่เท่าเทียม เชื่ออย่างแท้จริงว่าเยาวชนของโลกต้องร่วมมือกันเพื่อบรรลุแนวทางแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าโอกาสนี้จะรวมคนในประเทศและต่างประเทศเข้าด้วยกันเพื่ออนาคตที่ดีกว่า ขอให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้เก็บเกี่ยวประโยชน์ และความทรงจำอันงดงามในประเทศไทยจากการประชุมผู้นำเยาวชนโลกในครั้งนี้

นอกจากกิจกรรมวิชาการช่วงเช้า-เย็น เยาวชนนานาชาติยังได้รับฟังและแสดงความคิดเห็นในหัวข้อต่างๆ จากบุคคลสำคัญที่มาร่วมงานในครั้งนี้
– หม่อมหลวงวันชัย เนาวรัตน์ ที่ปรึกษากิติมศักดิ์บอร์ดบริหาร UNPKFC และคณะบอร์ดบริหาร UNPKFC
– H.E. Mohamed Amine Ouahid Ambassador of Morocco in Thailand
(สถานฑูตโมร็อกโคประจำประเทศไทย)
– H.E. Juvencio Martins, Embassy of The Timor-Leste in Thailand (สถานฑูตติมอร์-เลสเตประจำประเทศไทย)
– Mr. Koenraad Du Pont, First Secretary of the Embassy of Belgium (สถานฑูตเบลเยี่ยมประจำประเทศไทย)
– Mr. Vladislav Tornikov, Embassy of Russia in Thailand (สถานฑูตรัสเซียประจำประเทศไทย)
– Ms. Suzilah Mohd Sidek, Embassy of Malaysia in Thailand (สถานฑูตมาเลเซียประจำประเทศไทย)

และบุคคลสำคัญทางภาครัฐ เอกชน ดารา ศิลปิน นางงาม ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ที่มาร่วมในงานอย่างคับคั่ง
ช่วงเย็นวันเดียวกันได้มีกิจกรรมมอบรางวัลให้กับผู้นำเยาวชน และผู้นำที่มีชื่อเสียงในแต่ละด้าน ที่มีผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ระดับนานาชาติด้วยความประทับใจโดยทั่วกัน