“สนค. ต่อยอด หุ้นส่วนยุทธศาสตร์การค้าสินค้าอุตสาหกรรม 4.0 จาก CLMVT สู่สากล”

กระทรวงพาณิชย์ โดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ดำเนินโครงการ หุ้นส่วนยุทธศาสตร์การค้าสินค้าอุตสาหกรรม 4.0 จาก CLMVT สู่สากล (Sister Cluster)  ซึ่งเป็นโครงการเพื่อต่อยอดสินค้า Sister Cluster ไปสู่ตลาดเป้าหมายในประเทศที่สาม เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าของกลุ่มจังหวัดในภาคตะวันออก ภาคเหนือและประเทศเพื่อนบ้าน CLMV ในสินค้าอุตสาหกรรม 4.0 ไปสู่ประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยได้ต่อยอดสินค้าที่สามารถเชื่อมโยงกับเพื่อนบ้านได้ (Sister Clusters) ใน 2 กลุ่มจังหวัดชายแดน ได้แก่ ผลไม้แปรรูป (ภาคตะวันออก 2 – จ.ไพลิน และ จ.พระตะบอง กัมพูชา) ผลิตภัณฑ์สมุนไพร (ภาคเหนือตอนบน 2 – จ.ท่าขี้เหล็ก เมียนมา)

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง “ปั้นผลิตภัณฑ์เกษตร CLMVT สู่ตลาดโลก: ฝันให้ไกลไปให้ถึง” เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2562 ว่า กระทรวงพาณิชย์มุ่งเน้นที่จะพัฒนาความสัมพันธ์และยกระดับการค้าระหว่างไทยและ CLMV ให้มากขึ้น โดยเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้จัดงาน CLMVT Forum 2019 ขึ้น และเล็งเห็นว่าควรต่อยอดความร่วมมือเรื่องการพัฒนาห่วงโซ่การค้าของภูมิภาค (Regional Value Chain) ในกลุ่มประเทศ CLMVT

ให้สามารถแข่งขันได้ในโลกยุคใหม่ที่เชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ รวมทั้งเป็นการกระชับความสัมพันธ์และสร้างเครือข่ายด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนของไทยและ CLMV อีกด้วย ซึ่งโครงการนี้ได้มุ่งเน้นกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม 4.0 โดยสินค้าอุตสาหกรรม 4.0 ในการศึกษานี้ มุ่งเน้นการพัฒนา “ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเพื่อสุขภาพ” และมุ่งเน้นส่งเสริมการผลิต/แปรรูปและความร่วมมือในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหรือกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็ก ได้แก่ กลุ่มผู้ผลิตผลไม้แปรรูป และกลุ่มผู้ผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพร ซึ่งไทยมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและองค์ความรู้ในการแปรรูป ซึ่งเป็นการเอื้อประโยชน์ให้เกษตรกรรายย่อยทั้งในจังหวัดของไทยและในฝั่งเพื่อนบ้านได้เข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตสินค้าด้วย เพื่อเศรษฐกิจท้องถิ่นที่เติบโตไปด้วยกัน

ผลลัพธ์ของโครงการดังกล่าว ได้นำ ไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการของไทยและเพื่อนบ้าน โดยในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 2-กัมพูชา ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ มังคุดและมะม่วงแก้วขมิ้นกวน เป็นแบบ 2 in 1 ซึ่งเป็น value chain ระหว่าง วิสาหกิจชุมชนบ้านสวนไร่ป๋า จ.จันทบุรี กับเครือข่ายเกษตรกรใน จ.ไพลิน และพระตะบอง ของกัมพูชา และ น้ำสับปะรดผสมน้ำมะม่วงแก้วขมิ้น เป็น value chain ระหว่างวิสาหกิจชุมชนเช็คอินตราด ฟาร์มเอาท์เล็ท ร่วมกับบริษัทสุพรรณิกามั่งมี จำกัด เป็นผู้ผลิตน้ำสับประรดผสมน้ำมะม่วงแก้วขมิ้น กับเครือข่ายเกษตรกรใน จ.ไพลิน และพระตะบอง ของกัมพูชา ภายใต้ตราสินค้า “ลินจันท์ (Lin Chan)”

รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้า และ หัวหน้าโครงการ บรรยายเรื่องโอกาสผลิตภัณฑ์ของไทยในตลาดจีน   ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ต้นแบบดังกล่าวเป็นการนำจุดเด่นของสองประเทศมาเสริมกันและสร้างแบรนด์ให้อนุภูมิภาคนี้และในอนาคต มหาวิทยาลัยและวิสาหกิจเพื่อสังคมในพื้นที่จะสานต่อความร่วมมือและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงขยายโอกาสไปสู่ตลาดต่างประเทศ

ขณะเดียวกัน ในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2-เมียนมา ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์สเปรย์สมุนไพร และบาล์มสมุนไพรที่มีส่วนผสมของไพล ขมิ้น และทานาคา ที่มีสรรพคุณแก้ปวดเมื่อย ผ่อนคลาย และบำรุงผิวพรรณ ซึ่งเป็น value chain ระหว่างกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปสมุนไพรเวียงกือนา จ.เชียงราย กับเครือข่ายเกษตรกรใน จ.ท่าขี้เหล็ก ของเมียนมา ภายใต้ตราสินค้า “ไตไทย (Tai Thai)”

ผอ.สนค.ได้กล่าวว่า ในอนาคต จังหวัดใน CLMVT ต้องร่วมกันวางยุทธศาสตร์รองรับเศรษฐกิจยุคใหม่ภายใต้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะเทคโนโลยีชีวภาพหรือ Bio-tech และ Agri-tech ที่จะเป็นโอกาสของเกษตรกรที่จะยกระดับรายได้ ซึ่งหาก CLMVT สามารถปรับตัวไปพร้อมกันได้อย่างรวดเร็วก็จะช่วยให้ผู้ผลิตรายย่อยในห่วงโซ่ได้เกาะเกี่ยวไปสู่ตลาดด้วย ซึ่งผลการศึกษาและแนวการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าของกลุ่มจังหวัดฯ และประเทศเพื่อนบ้าน CLMV นี้สามารถนำไปปรับใช้เป็นแนวทางให้จังหวัดชายแดนอื่นๆ ต่อไปได้ด้วย

Thailand Headlines จัดเสวนา “บทบาทและความสำคัญของสื่อจีนในประเทศไทย” พร้อมเปิดตัว 2 รายการ Thailand Coming และ Thailand Headlines online

วันที่ 1 สิงหาคม 2562 กรุงเทพฯ : ไทยเจียระไน กรุ๊ป เชิญผู้ทรงคุณวุฒิด้านสื่อและวัฒนธรรมไทย-จีน เปิดประเด็นเสวนา “บทบาทและความสำคัญของสื่อจีนในประเทศไทย” พร้อมเปิดสื่อจีน 2 รายการ คือ Thailand Coming และ Thailand Headlines Online สนองความต้องการเข้าถึงสื่อระหว่างประเทศ ไทย – จีน เชื่อมสะพานการค้า และ ความสัมพันธ์อันดี เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น

นางสาวหลุ่ย แซ่กั๊ว ประธาน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยเจียระไนกรุ๊ป จำกัด และ บรรณาธิการ สำนักข่าว Thailand Headlines กล่าวว่า “ สำนักข่าวภาษาจีน Thailand Headlines (ไทยแลนด์เฮดไลน์) หรือ ไท่กั๋วโถวเถียวซินเหวิน นับเป็นสื่อภาษาจีนที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายของชาวจีนผู้ติดตามทั่วโลก โดยมาตรฐานในการรายงานข่าวบนความถูกต้อง รวดเร็ว และตรงประเด็น อีกทั้ง ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน ซึ่งมียอดติดตามข่าวสำคัญของไทยบ่อยครั้งทะลุเป็นหลายสิบล้านวิว อาทิ ข่าวการเลือกตั้ง 62 มียอดชมกว่า 20 ล้านวิว, ข่าวพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ยอดชมกว่า 24.4 ล้านวิว และ ข่าวเรือล่มในจังหวัดภูเก็ต มียอดชมกว่า 27.7 ล้านวิว เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการช่องทางเผยแพร่ข่าวสาร ไทย- จีน ที่มีเพิ่มมากขึ้น จึงเปิดสื่อออนไลน์ 2 รายการใหม่ คือ Thailand Coming และ Thailand Headlines Online ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย

 

ปัจจุบัน สื่อออนไลน์มีบทบาทต่อวิถีชีวิตคนมากขึ้น โดยทั้ง “สื่อออนไลน์” และ “โซเชี่ยลมีเดีย” มีอิทธิพลอย่างมากต่อการสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ เพื่อส่งเสริมการค้าขายและสนับสนุนเศรษฐกิจให้เข็มแข็งอย่างรวดเร็ว อย่างเช่น ประเทศจีน มีระบบโทรคมนาคมที่ดี มีเครือข่ายโทรศัพท์ครอบคลุมเกือบทุกพื้นที่ ประชากรสามารถเข้าถึงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ได้ง่าย ส่งผลให้การเข้าถึงสื่อออนไลน์และโซเชี่ยลมีเดียของจีน มีความนิยมอย่างแพร่หลาย แม้ว่า Facebook และ Twitter จะถูกบล็อก แต่จีนก็มี WeiBo WeChat และแพลตฟอร์มข่าวสารอีกหลายแพลตฟอร์ม ในการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม การสื่อสารข่าวสารต่างๆ ระหว่างชาวไทย และ ชาวจีน ที่มีความสัมพันธ์มานาน ส่งผลให้สื่อจีนในประเทศไทย โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ มีอิทธิพลต่อการเผยแพร่ข่าวสารให้แพร่กระจายออกไปได้อย่างรวดเร็ว จากการจัดงานเสวนา “บทบาทและความสำคัญของสื่อจีนในประเทศไทย” ครั้งนี้ ได้แลกเปลี่ยนมุมมอของผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในความสัมพันธ์ไทย-จีน

ได้แก่ คุณวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภาไทย ชุดที่ 12 อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, คุณวิบูลย์ คูสกุลอดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน และ คุณชัยวัฒน์ วนิชวัฒนะ นายกสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน และ บก.อาวุโส หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ซึ่งต่างก็มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันถึงความสำคัญของสือจีนในประเทศไทย ที่มีบทบาทต่อการสร้างความสัมพันธ์และการค้าอย่างมาก

นางสาวหลุ่ย กล่าวเพิ่มเติมว่า “วัตถุประสงค์ของการก่อตั้งสำนักข่าวภาษาจีน Thailand Headlines ในไทยมีอยู่ 4 ประการ
1. ให้ชาวจีนในไทยรวมทั้งนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาถึงประเทศไทย ได้รับรู้ข่าวสารแบบแท้จริง ทันเหตุการณ์ ที่กำลังเกิดขึ้นในพื้นแผ่นดินนี้ที่ตนอาศัยอยู่หรือที่ตนกำลังท่องเที่ยวอยู่
2. ให้เสียงความคิดของชาวจีน และนักท่องเที่ยวจีนในไทยได้รับรู้โดยสังคมไทยแบบไม่ถูกเบี่ยงเบน หรือมีอคติ ปรับความเข้าใจซึ่งกันและกัน แก้ไขข้อมูลที่อาจทำให้ชาวไทยไม่เข้าใจชาวจีน จนเกิดความแตกแยก
3. ช่วยเหลือและแก้ปัญหาให้ชาวจีนหรือนักท่องเที่ยวจีนในไทยที่ประสบปัญหา หรือได้รับการกระทำที่ไม่เป็นธรรม
4. เผยแพร่ด้านที่ดีงาม ทันสมัย ของประเทศไทยให้กับชาวจีนทั่วโลก สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย แก้ไขข่าวเท็จหรือข้อมูลที่ไม่เป็นผลดีต่อประเทศไทย ส่งเสริมการพัฒนาการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศไทย และปัจจุบันนี้ สำนักข่าวภาษาจีน Thailand Headlines มียอดผู้ติดตามทะลุ 1 ล้าน 5 แสน คนทั่วโลก และได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 100 ของสื่อออนไลน์ภาษาจีนทั่วโลก ที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยการจัดอันดับประเมินของ China News Service (CNS) ร่วมกับคณะสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยการสื่อสารแห่งประเทศจีน ซึ่งจัดอันดับเฉพาะสื่อภาษาจีนจากทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งคัดเลือกสื่อภาษาจีนทั่วโลกกว่าร้อยสำนักในทุกพื้นที่ ทั้งฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวันและต่างประเทศอื่นๆ โดยกำหนดขอบข่ายของการคัดเลือกคือ การเติบโตของสื่อและแนวโน้มในอนาคต มาตรฐานการเติบโตของสื่อ พัฒนาการต่างๆจากสื่อแนวเดิมเป็นสื่อแนวใหม่ ซึ่งประเด็นหลักในการคัดเลือกคือ สื่อที่เน้นการประยุกต์และบูรณาการให้เข้ากับยุคสมัยและเหตุการณ์ในปัจจุบันได้ดีที่สุด ทั้งนี้คำนึงถึงความแตกต่างของสื่อในแต่ละพื้นที่ด้วย

รายการ Thailand Coming รายการวาไรตี้ นำเสนอกระแสฮอตและเทรนด์ฮิตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้าน วัฒนธรรมไทย การท่องเที่ยว ไลฟ์สไตล์ ทริคการใช้ชีวิตในเมืองไทย รวมไปถึงข่าวสารในวงการบันเทิงไทย เป็นต้น เริ่มออนแอร์ในเดือนกันยายน ปี 2017 ที่ผ่านมา ได้รับการออนแอร์ไปแล้ว 3 ซีซั่น โดยแต่ละตอนมียอดชมกว่า 3 ล้านวิว ทั้งนี้ Thailand Coming ออนแอร์สัปดาห์ละ 1-2 ตอน โดยมีช่องทางออนแอร์ผ่าน WeiBo, Tencent, Wechat, IQIYI, Youtube และ Bilibili

รายการ Thailand Headlines Online นับเป็นรายการข่าวออนไลน์ภาษาจีนรายการแรกในประเทศไทย โดยจะออนแอร์ตอนละ 15 นาที ผ่านช่องทางแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งหมดกว่า 10 ช่องทาง ได้แก่

• WeiBo 泰国头条新闻Thailand Headlines
• WeChat泰国头条新闻Thailand Headlines
• https://www.thaiheadlines.com/
• https://www.facebook.com/ThailandHeadlines/
• https://www.instagram.com/thailandtgttxw/
• https://twitter.com/thaiheadlines
• https://so.ifeng.com/?q=%E6%B3%B0%E5%9B%BD%E5%A4%B4%E6%9D%A1%E6%96%B0%E9%97%BB&c=1
• https://www.toutiao.com/
• http://www.chinanews.com/
• https://om.qq.com

จากฐานผู้ติดตามของสำนักข่าว Thailand Headlines ที่มีมากกว่า 1 ล้าน 5 แสนคนทั่วโลก มั่นใจว่า จะส่งผลให้ Thailand Headlines กลายเป็นสำนักข่าวภาษาจีนยอดนิยมของชาวจีน ยิ่งไปกว่านั้น เทคโนโลยียุค 5G ที่กำลังจะก้าวเข้ามา จะยิ่งทวีความต้องการรับรู้ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อออนไลน์ให้เพิ่มมากยิ่งขึ้นไปอีก ดังนั้น Thailand Headlines จึงต้องการตอบสนองไลฟ์สไตล์ต่าง โดยมุ่งเน้นการเผยแพร่ข่าวสารประเด็นร้อนในสังคมไทย บนพื้นฐานของความถูกต้อง แม่นยำ รวดเร็ว และเป็นกลางอีกทั้งเป็นสื่อกลางในการเชื่อมสัมพันธ์ไทยจีนที่มีคุณภาพ อีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะสื่อภาษาจีนออนไลน์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประเทศไทย Thailand Headlines ทำหน้าเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ไทยจีน และเป็นสื่อกลางในการแก้ไขความขัดแย้งในสังคมออนไลน์ระหว่างไทย-จีน ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงชาวจีนและไทย อีกทั้ง ทำหน้ารับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการส่งเสริมวัฒนธรรมไทย-จีน โดยเฉพาะพัฒนาการเรียนการสอนภาษาจีนในประเทศไทย ร่วมกับ สถาบันขงจื้อ สถาบันสอนภาษาจีนหลักของจีนในประเทศไทย รวมถึงมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่มีการเปิดสอนหลักสูตรภาษาจีน ภายใต้ กิจกรรมสานสัมพันธ์ในรั้วโรงเรียน”นางสาวหลุ่ย กล่าวในที่สุด

ไอดีโอ พหลโยธิน – จตุจักร ตอบสนองไลฟ์สไตล์ คนรุ่นใหม่ จับมือ ทีเอชเอส พาร์คกิ้ง โซลูชั่นส์ ติดตั้ง ระบบจอดรถยนต์อัตโนมัติ

ไอดีโอ พหลโยธิน – จตุจักร จับมือ ทีเอชเอส พาร์คกิ้ง โซลูชั่น ติดตั้งระบบจอดรถยนต์อัตโนมัติ มุ่งเน้นความปลอดภัยและความสะดวกรวดเร็ว โดยวางใจคัดเลือกระบบจอดรถยนต์อัตโนมัติคุณภาพสูง สามารถจอดรถยนต์ได้กว่า 260 คัน มุ่งตอบโจทย์รูปแบบการใช้ชีวิตของคนเมือง ในโครงการ “ไอดีโอ พหลโยธิน-จตุจักร” คอนโดมิเนียม High Rise สูง 35 ชั้น บนทำเลศักยภาพเชื่อมต่อใจกลางเมืองบนถนนพหลโยธิน เพียง 150 เมตร จากรถไฟฟ้า BTS สถานีสะพานควาย

คุณมณีรัตน์ ธนัชญ์เศรษฐ์ Head of Business Unit – Ideo บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน)กล่าวว่า
“ โครงการ ไอดีโอ พหลโยธิน – จตุจักร ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพเชื่อมต่อใจกลางเมืองบนถนนพหลโยธิน เพียง 150 เมตร จากรถไฟฟ้า BTS สถานีสะพานควาย โดยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการความสะดวกรวดเร็วในการใช้ชีวิตทุกรูปแบบ โดย ไอดีโอ พหลโยธิน – จตุจักร ให้ความสำคัญกับไลฟ์สไตส์ของผู้อยู่อาศัยที่มีความหลากหลาย หนึ่งในนั้นคือเลือกติดตั้งระบบจอดรถยนต์อัตโนมัติ โดยไว้วางใจเลือกพันธมิตรอย่างบริษัท ทีเอชเอส พาร์คกิ้ง โซลูชั่น จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำเข้านวัตกรรมที่มีคุณภาพสูง เป็นผู้ติดตั้งให้กับโครงการ ไอดีโอ พหลโยธิน – จตุจักร โดยปัจจุบันติดตั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สามารถรองรับการจอดรถยนต์ได้กว่า 260 คัน ทางโครงการมั่นใจว่าจะตอบสนองวิถีชีวิตคนเมืองได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อยู่อาศัยในโครงการ ไอดีโอ พหลโยธิน – จุตจักร ซึ่งเป็นทำเลที่เชื่อมต่อทุกการเดินทางได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ใกล้ BTS สถานีสะพานควาย เพียง 150 เมตร และ MRT สถานีกำแพงเพชร เพียง 500 เมตร อีกทั้งยังใกล้จุดขึ้น-ลง ทางด่วนกำแพงเพชร เพียง 1.5 กิโลเมตร ทั้งนี้ การติดตั้งระบบจอดรถยนต์อัตโนมัติเพื่อเพิ่มพื้นที่จอดรถช่วยอำนวยความสะดวกให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น และตอบโจทย์ทุกรูปแบบของการเดินทางได้อย่างครบถ้วน

คุณวรเทพ ศิริรัตน์อัสดร กรรมการบริหาร บริษัท ทีเอชเอส พาร์คกิ้ง โซลูชั่นส์ จำกัด กล่าวว่า “โครงการคอนโดมิเนียม ไอดีโอ พหลโยธิน – จตุจักร มุ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทุกรูปแบบของผู้อยู่อาศัย วางใจเลือกระบบจอดรถยนต์อัตโนมัติ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่มีคุณภาพสูง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เหมาะกับการใช้ชีวิตของคนเมือง โดย ทีเอชเอส พาร์คกิ้ง โซลูชั่นส์ ถือเป็นผู้นำระบบจอดรถอัตโนมัติในประเทศไทย โดยมีระบบจอดรถอัตโนมัติที่ติดตั้งแล้วเสร็จและอยู่ระหว่างติดตั้งอีกมากกว่า 40 โครงการ ด้วยจำนวนช่องจอดไม่น้อยกว่า 10,000 คัน ออกแบบและติดตั้งด้วยทีมวิศวกรผู้ชำนาญงาน ทั้งนี้ยังมีการให้บริการหลังการขาย 24 ชั่วใมง โดยระบบจอดรถอัตโนมัตินั้น มีส่วนช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับโครงการ เป็นการใช้พื้นที่ในโครงการให้เกิดประโยชน์สูงสุด ประหยัดเวลาให้กับผู้ใช้งานไม่เสียเวลาในการหาที่จอดรถ เพิ่มความสะดวก ปลอดภัย ลดการสิ้นเปลืองพลังงานและลดการเกิดมลพิษ ทั้งนี้ บริษัท ทีเอชเอส พาร์คกิ้ง โซลูชั่นส์ จำกัด ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจต่อไปอย่างไม่สิ้นสุดเพื่อยกระดับมาตรฐาน สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ให้กับวงการธุรกิจก่อสร้าง และตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปของคนในสังคมเมือง

บริษัท ช็อคโก้ คาร์ด เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด สุดยอดStartup ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน CRM ของไทย ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวด โครงการ ‘HUBBA Accelerator powered by I.P. Trading

บริษัท ช็อคโก้ คาร์ด เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด สุดยอด Startup ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน CRM ของไทย ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวด โครงการ ‘HUBBA Accelerator powered by I.P. Trading’ จาก คุณธิติ ธเนศวรกุล รองกรรมการผู้จัดการบริษัท I.P. Trading จำกัด รวมถึงผู้ทรงคุณวุฒิในวงการ Startup ไทย โดยคุณสิรสิทธิ์ สุริยพัฒนพงศ์ Founder and Chief Executive Officer (CEO) เป็นเกียรติขึ้นรับรางวัลในครั้งนี้ โดยวัตถุประสงค์ของโครงการ ‘HUBBA Accelerator powered by I.P. Trading’

มีความมุ่งมั่นที่จะช่วยค้นหาและสร้างโอกาสในการหาพันธมิตรและขยายธุรกิจให้กับบรรดา Startup ของไทย ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่ออนาคต และส่งเสริมนักธุรกิจ Startup แบบใหม่ให้ลบข้อจำกัดและอุปสรรคเดิมๆ ผ่านคอร์สอบรมที่ ผสมผสานระหว่างการพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับการติดต่อทางออนไลน์ พร้อมการให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัวโดยผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา อีกทั้งได้สร้างสัมพันธ์กับสตาร์ทอัพอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้รู้จุดเด่นของตัวเองในฐานะผู้ประกอบการ เห็นจุดบกพร่องของธุรกิจ และดึงส่วนที่ดีที่สุดของแต่ละคนออกมาต่อยอดในอนาคต


จากการเข้าร่วมโครงการฯ บริษัท ช็อคโก้ คาร์ด เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ถูกรับเลือกให้เป็นผู้ชนะการประดวกพร้อมเงินรางวัล 500,000 บาท โดยคณะกรรมการเล็งเห็นว่า Choco CRM เป็นผู้นำทางด้าน การให้บริการระบบบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationship Management – CRM) Digital Platform ที่นำเสนอโซลูชั่นระบบเชื่อมความสัมพันธ์ลูกค้าสำหรับกลุ่มธุรกิจทั้งขนาดใหญ่ขนาดกลางและขนาดเล็ก นอกเหนือจากนั้น Choco CRM มีแนวคิดที่ต้องการสร้าง Brand Engagement

และสร้างฐานลูกค้าประจำให้กับธุรกิจ พร้อมทั้ง ช่วยในการบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผ่านการทำ loyalty program รูปแบบต่างๆได้แก่ ระบบ Membership สะสมแต้ม คูปอง แพคเกจ ฯลฯ ผ่านหน้าร้านและช่องทางต่างๆ ของร้านได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว นอกเหนือจากนี้ยังมีการเก็บฐานข้อมูลลูกค้าเพื่อนำมาต่อยอดเคมเปญการตลาดช่วยธุรกิจขนาดเล็กได้อีกด้วย

นายสิรสิทธิ์ สุริยพัฒนพงศ์ Founder and Chief Executive Officer (CEO) Choco CRM กล่าวว่า “ในยุคปัจจุบัน การเก็บข้อมูลของลูกค้าถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้ผู้ประกอบการรู้ว่าลูกค้าซื้อสินค้าใดไป อายุเท่าไหร่ เป็นลูกค้าประจำ หรือบางรายอาจจะเคยเป็นลูกค้าประจำแต่หายไป โดยที่ Data Analytics ของ Choco CRM จะช่วยประมวลผลให้กลุ่มธุรกิจ เข้าถึงฐานข้อมูลลูกค้าได้ง่าย อีกทั้งยังมี Marketing Service บริการการส่ง SMS อีเมล และข่าวสารผ่านแอพพลิเคชั่นกลับไปยัง End-Users เพื่อการทำโปรโมชั่นตามพฤติกรรม (Targeted Promotion) ที่จะกระตุ้นให้เกิดการกลับมาใช้บริการซ้ำ”

Choco CRM มีแนวคิดที่ต้องการช่วยผู้ประกอบการในการยกระดับความสามารถทางการแข่งขันให้ทัดเทียมกับผู้ประกอบการรายใหญ่ ทางบริษัทมุ่งเน้นในการใช้ระบบ CRM หรือการบริหารจัดการเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เป็นกลยุทธ์หลักในดำเนินธุรกิจ ซึ่งได้ผลเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ระบบดังกล่าวนั้นใช้การลงทุนค่อนข้างสูง ทางบริษัท จึงพยายามพัฒนาระบบโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ SMEs สามารถเข้าถึงระบบ CRM ที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ใช้อยู่ได้ในราคาที่เหมาะสม กระบวนการพัฒนา Choco CRM จึงได้เกิดขึ้น และรู้สึกภูมิใจที่ ได้รับรางวัล สุดยอด Startup จากโครงการ ‘HUBBA Accelerator powered by I.P. Trading’
สามารถดูรายละเอียดได้ที่ : http://www.chococrm.com/

“ช้าง” เชื่อมต่อความสนุก ชุ่มฉ่ำ “เมืองอุบล” เตรียมส่งความสุขปิดซีซั่น 5 “ช้าง มิวสิค คอนเนคชั่น มิวสิคโทรโพลิส” สู่ชาว กรุงเทพฯ วันที่ 25 พ.ค. นี้

 

คอนเสิร์ต “ช้าง มิวสิค คอนเนคชั่น มิวสิคโทรโพลิส” มหานครดนตรี….ที่เชื่อมทุกมิตรภาพ ได้เดินทางไประเบิดความสนุก โดยนำศิลปินระดับชั้นนำของเมืองไทย โปเตโต้ แทคทีมกับ สล็อตแมชชีน, และ ปาล์มมี่ มอบความสนุกแบบสุดเหวี่ยง

ณ ลานจอดรถสุนีย์ ทาวเวอร์ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งชาวอุบลฯ นับหมื่นคน จัดเต็มความสนุกท่ามกลางสายฝนโปรยปราย
ส่งกำลังใจให้ศิลปิน ร่วมร้อง เต้น จนปิดคอนเสิร์ต นับเป็นปรากฎการณ์การเชื่อมต่อมิตรภาพและเสียงดนตรีของมหานครดนตรีอย่างแท้จริง

เป็นการการันตีความสนุกชนิดไม่ต้องอธิบายอะไร ก็สามารถสัมผัสได้แบบเต็มๆ นับเป็นการเดินสายมอบความสุขผ่านเสียงเพลง ก่อนรวมพลชาวมิวสิคโทรโพลิสครั้งสุดท้ายอย่างยิ่งใหญ่ประจำซีซั่น 5 ณ กรุงเทพมหานคร

เปิดเวทีความสนุกท่ามกลางสายฝน ได้รับเสียงกรี๊ด….กระหึ่ม ลานคอนเสิร์ตกับการเปิดฉากจาก บิ๊กแอส ที่มอบความสุขแบบสุดเหวี่ยงให้กับเพื่อนๆ ชาวอุบลฯ เป็นวงแรก ตามด้วย ค็อกเทล ขนเพลงดังมากระหน่ำจนสะใจแฟนๆ ก่อนปิดท้ายความสนุก

กับ บอดี้สแลม จัดเต็มสุดพลัง ขนเพลงฮิตมามอบความสุขให้กับแฟนเพลง บนเวทีระดับช้าง ยิ่งไปกว่านั้น ช้าง ยังเซอร์ไพรส์ ประชากรมิวสิคโทรโพลิส มอบความพิเศษคูณสอง ด้วยการนำเอา ตูน บอดี้สแลม – โอม ค็อกเทล และ เจ๋ง บิ๊กแอส ขึ้นแสดงบนเวทีด้วยกัน

ในเพลง “ความเชื่อ” เป็นปรากฎการณ์ที่หาชมได้ยาก สามารถเรียกเสียงเฮ ได้กระหึ่มพื้นที่คอนเสิร์ต สร้างความประทับใจสุดขีด ให้กับแฟนเพลง ท่ามกลางแสงเสียงตระการตาสร้างความประทับใจให้กับประชากรมิวสิคโทรโพลิส จังหวัดอุบลราชธานี สมกับเป็น “มหานครดนตรี” ที่เชื่อมทุกมิตรภาพไว้ด้วยกัน

ตูน [อาทิวราห์ คงมาลัย] นักร้องนำวง “บอดี้สแลม” กล่าวว่า “วันนี้พวกเรารู้สึกประทับใจชาวอุบลฯ เป็นอย่างมากครับในคอนเสิร์ตช้าง มิวสิค คอนเนคชั่น มิวสิคโทรโพลิส ถึงแม้ฝนจะตกตลอดทั้งคอนเสิร์ต เพื่อนๆ ยังคงร้อง เต้น ไปกับพวกเราแบบสุดตัว

ชาวอุบลฯ มาร่วมคอนเนคเต็มพื้นที่ สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ พวกเราเตรียมเพลงฮิตจากหลายอัลบั้มในความทรงจำ มามอบความสนุกให้กับเพื่อนๆ สุดท้ายขอขอบคุณเพื่อนๆ ชาวมิวสิคโทรโพลิสทุกคน ที่ให้การต้อนรับการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของ คอนเสิร์ตช้าง มิวสิค คอนเนคชั่น มิวสิคโทรโพลิส ขอบคุณมากๆ ครับ”

สำหรับ คอนเสิร์ต “ช้าง มิวสิค คอนเนคชั่น มิวสิคโทรโพลิส” มหานครดนตรี….ที่เชื่อมทุกมิตรภาพ ในซีซั่น 5 ได้ฉลองความยิ่งใหญ่ของมหานครดนตรีรวบรวมพลเมืองได้ถึง 2.5 ล้านคน เดินสายยกมหานครดนตรีมอบความสุขให้เพื่อนๆ ชาวมิวสิคโทรโพลิสทั่วประเทศ

โดยพบกับความยิ่งใหญ่ส่งท้ายความสนุกประจำซีซั่น 5 ซึ่งจะจัดขึ้น ในวันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม 2562 ณ ไบเทค บางนา ฮอลล์ 106 กรุงเทพฯ พบกับสุดยอดศิลปินชั้นนำของเมืองไทย ได้แก่ บอดี้สแลม, โปเตโต้, สล็อตแมชชีน, บิ๊กแอส, ค็อกเทล,

และ ปาล์มมี่ สงวนสิทธิ์ผู้เข้าร่วมชมคอนเสิร์ต ต้องมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ ขึ้นไปเท่านั้น ผู้สนใจเข้าชมคอนเสิร์ต “ช้าง มิวสิค คอนเนคชั่น มิวสิคโทรโพลิส” มหานครดนตรี…ที่เชื่อมทุกมิตรภาพ” สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือ ลุ้นบัตรเข้างานได้ที่ Facebook.com/Changworld และร้านค้าที่ร่วมรายการ

“ช้าง” เชื่อมต่อความสนุก สนั่น “เมืองขอนแก่น” เตรียมส่งความสุขปิดซีซั่น 5 “ช้าง มิวสิค คอนเนคชั่น มิวสิคโทรโพลิส” สู่ชาว กรุงเทพฯ วันที่ 25 พ.ค. นี้

คอนเสิร์ต “ช้าง มิวสิค คอนเนคชั่น มิวสิคโทรโพลิส” มหานครดนตรี….ที่เชื่อมทุกมิตรภาพ ได้เดินทางไประเบิดความสนุก โดยนำศิลปินระดับชั้นนำของเมืองไทย โปเตโต้ แทคทีมกับ สล็อตแมชชีน, และ ปาล์มมี่ มอบความสนุกแบบสุดเหวี่ยง ณ ศูนย์ค้าส่งอู้ฟู่ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งชาวขอนแก่น นับหมื่นคน แห่ร่วมชมคอนเสิร์ตกันอย่างหนาแน่น…จนล้นพื้นที่ ทั้งร้อง ทั้งเต้น

กระโดดแบบสุดตัว เป็นการการันตีความสนุกชนิดไม่ต้องอธิบายอะไร ก็สามารถสัมผัสได้แบบเต็มๆ นับเป็นการเดินสายมอบความสุขผ่านเสียงเพลง ก่อนรวมพลชาวมิวสิคโทรโพลิสครั้งสุดท้ายอย่างยิ่งใหญ่ประจำซีซั่น 5 ณ กรุงเทพมหานคร

เปิดฉากความสนุก เสียงเฮลั่น….กระหืม ลานคอนเสิร์ต ด้วยเสียงร้องจาก ปาล์มมี่ มอบความสุขแบบสุดตัวให้กับเพื่อนๆ ชาวขอนแก่น เป็นวงแรก ก่อนเพิ่มดีกรีความสนุกด้วย สล็อตแมชชีน ที่มากระหน่ำเสียงดนตรี จัดเต็มจนสะใจแฟนๆ และปิดท้ายความสุข กับ โปเตโต้ จัดเต็มสุดพลัง ขนเพลงฮิตมามอบความสุขให้กับแฟนเพลง นับเป็นปรากฎการณ์ที่หาชมได้ยาก สามารถเรียกเสียงเฮ

ได้กระหึ่มพื้นที่คอนเสิร์ต สร้างความประทับใจสุดขีด ให้กับแฟนเพลง ท่ามกลางเสียงสีเขียวเรืองรองตระการตาสร้างความประทับใจให้กับประชากรมิวสิคโทรโพลิส จังหวัดขอนแก่น สมกับเป็น “มหานครดนตรี” ที่เชื่อมทุกมิตรภาพไว้ด้วยกัน

ปั๊บ [พัฒน์ชัย ภักดีสู่สุข] นักร้องนำวง “โปเตโต้” กล่าวว่า “ขอบคุณแฟนๆ ทุกคน ที่ให้การตอบรับเป็นอย่างดีทุกครั้ง กับพวก ใน คอนเสิร์ตช้าง มิวสิค คอนเนคชั่น มิวสิคโทรโพลิส ซีซั่น 5 และเป็นจังหวัดสุดท้ายกับการเดินสายทั่วประเทศ ก่อนปิดท้ายซีซั่น 5 ที่กรุงเทพฯ วันนี้ชาวขอนแก่นมาร่วมคอนเนคความสุขผ่านเสียงเพลงกันอย่างหนาแน่นใน คอนเสิร์ตช้าง มิวสิค คอนเนคชั่น มิวสิคโทรโพลิส ซีซั่น 5 พวกเรามีความสุขมากๆ ครับ สุดท้ายอยากจะเชิญแฟนๆ ทุกคน เตรียมตัวให้พร้อม แล้วมาร่วมเชื่อมต่อมิตรภาพผ่านเสียงเพลงครั้งสุดท้ายของซีซั่น 5 ที่ กรุงเทพมหานคร แล้วไปสนุกด้วยกันนะครับ”

สำหรับ คอนเสิร์ต “ช้าง มิวสิค คอนเนคชั่น มิวสิคโทรโพลิส” มหานครดนตรี….ที่เชื่อมทุกมิตรภาพ ในซีซั่น 5 ได้ฉลองความยิ่งใหญ่ของมหานครดนตรีรวบรวมพลเมืองได้ถึง 2.5 ล้านคน เดินสายยกมหานครดนตรีมอบความสุขให้เพื่อนๆ ชาวมิวสิคโทรโพลิส

ทั่วประเทศ โดยพบกับความยิ่งใหญ่ส่งท้ายความสนุกประจำซีซั่น 5 ซึ่งจะจัดขึ้น ในวันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม 2562 ณ ไบเทค บางนา ฮอลล์ 106 กรุงเทพฯ พบกับสุดยอดศิลปินชั้นนำของเมืองไทย ได้แก่ บอดี้สแลม, โปเตโต้, สล็อตแมชชีน, บิ๊กแอส, ค็อกเทล,

และ ปาล์มมี่ สงวนสิทธิ์ผู้เข้าร่วมชมคอนเสิร์ต ต้องมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ ขึ้นไปเท่านั้น ผู้สนใจเข้าชมคอนเสิร์ต “ช้าง มิวสิค คอนเนคชั่น มิวสิคโทรโพลิส” มหานครดนตรี…ที่เชื่อมทุกมิตรภาพ” สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือ ลุ้นบัตรเข้างานได้ที่ Facebook.com/Changworld และร้านค้าที่ร่วมรายการ

“คอนเฟิร์ม” ความแรง #คูณสอง ส่งท้าย #มหานครดนตรี คอนเสิร์ต ช้าง มิวสิค @ไบเทค บางนา วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม 2562

คอนเสิร์ต ช้าง มิวสิค คอนเนคชั่น มิวสิคโทรโพลิส ซีซั่น 5 มหานครดนตรีที่เชื่อมทุกมิตรภาพ กระแสแรง…เดินสายเขย่าอารมณ์ “ประชากรดนตรี” มาแล้วถึง 13 จังหวัด สร้างความประทับใจสุขล้น โดยศิลปินชั้นนำ ที่แบ่งเป็น 2 สาย ทีมแรก บอดี้สแลม, บิ๊กแอส ค็อกเทล ทีมสอง โปเตโต้, สล็อตแมชชีน, ปาล์มมี่ ได้เปิดเวทีคอนเสิร์ตขนาดยักษ์ จัดเต็ม แสง สี เสียง เพื่อรวบรวมพลเมืองของ

มหานครดนตรีแห่งนี้ให้ครบ 2.5 ล้านคน โดยเริ่มจุดชนวน..ความเดือด ครั้งแรกที่ ลานโชว์ดีซี กรุงเทพมหานคร มีผู้เข้าชมมากกว่า 2 หมื่นคน ด้วยความแรงของศิลปิน ที่ปล่อยของแบบไม่ยั้ง ส่งแรงกระเพื่อมไปสู่ชาวมหานครดนตรี ในจังหวัดต่างๆ อย่างทั่วถึง พร้อมนับถอยหลังรอการมาเยือนของศิลปินสุดโปรด…

ต่อจากนั้น ศิลปินทั้ง 2 สาย ได้เดินสายส่งความสุขผ่าน คอนเสิร์ต ช้าง มิวสิค คอนเนคชั่น มิวสิคโทรโพลิส…มหานครดนตรี…ที่เชื่อมทุกมิตรภาพ บนเวทีสุดยิ่งใหญ่อลังการ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ช้าง เติมเต็มคำว่าเพื่อน” ที่อุบัติขึ้นพร้อมกัน 2 จังหวัด ในวันและเวลาเดียวกัน เพิ่มดีกรีความแรงคูณสองไปทั่วประเทศ ระหว่าง “อุดร” กับ “เชียงราย”, “เชียงใหม่” กับ “นครปฐม”, “นครราชสีมา”

กับ “มหาสารคาม”, “ชลบุรี” กับ “หัวหิน” , “ระยอง” กับ “สุรินทร์” และ “อุบลราชธานี” กับ “ขอนแก่น” แต่ละจังหวัดมีผู้เข้าชมเนื่องแน่น โดยมีจำนวนผู้เข้าชมเพิ่มมากขึ้น ในทุกๆ ปี ส่งผลให้ คอนเสิร์ต ช้าง มิวสิค คอนเนคชั่น มิวสิคโทรโพลิส…มหานครดนตรี…ที่เชื่อมทุกมิตรภาพ คือเทศกาลดนตรี ที่คนทั่วประเทศ ให้การรอคอย

ภารกิจ…การรวบรวมพลเมืองมหานครดนตรี ของศิลปินทั้ง 2 ทีม จะหวนกลับมาจัดการแสดง คอนเสิร์ต ช้าง มิวสิค คอนเนคชั่น มิวสิคโทรโพลิส ซีซั่น 5 …มหานครดนตรี…ที่เชื่อมทุกมิตรภาพ อีกครั้ง เพื่อตอกย้ำและฉลองกับแรงกระเพื่อมที่บันทึกในหัวใจดนตรีทุกๆ ดวง พร้อมกับแสดงถึงการขอบคุณชาวมหานครดนตรี “มิวสิคโทรโพลิส” อย่างยิ่งใหญ่ อันจะเป็นการส่งท้าย “ซีซั่น 5” อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

ทัพศิลปินระดับชั้นนำ บอดี้สแลม, โปเตโต้, สล็อตแมชชีน, บิ๊กแอส, ค็อกเทล, และ ปาล์มมี่ จะกลับมา “เชื่อมต่อมิตรภาพและเสียงดนตรี” ไว้ด้วยกันในคอนเสิร์ต “ช้าง มิวสิค คอนเนคชั่น มิวสิคโทรโพลิส” มหานครดนตรี…ที่เชื่อมทุกมิตรภาพ

อีกครั้ง ในวันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม 2562 ที่ ไบเทค บางนา ฮอลล์ 106 กรุงเทพฯ ติดตามรายละเอียด
ได้ที่ www.facebook.com/ChangWorld

สำหรับ ผู้สนใจเข้าชมคอนเสิร์ต “ช้าง มิวสิค คอนเนคชั่น มิวสิคโทรโพลิส” มหานครดนตรี…ที่เชื่อมทุกมิตรภาพ” สามารถหาบัตรเข้าชม ได้ที่ร้านค้าที่ร่วมรายการ หรือ ลุ้นบัตรเข้างานได้ที่ Facebook.com/Changworld หรือ ช่องทางต่าง ๆ ที่เข้าร่วมกิจกรรม

สทน. เปิดฉากงาสทน. เปิดฉากงานประชุมนานาชาติ ‘นิวเคลียร์’ ครั้งที่ 3 ชูงานวิจัยไทย แลกเปลี่ยนความรู้นานาชาติ ปักหมุดความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม

สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. ดำเนินการประชุมนานาชาติด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ภายใต้แนวคิด “Nuclear for Better Life นิวเคลียร์เพื่ออนาคตที่ดีกว่า” โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานเปิดการประชุม และทอดพระเนตรการจัดแสดงนิทรรศการผลงานวิจัยการใชhประโยชน์จากเทคโนโลยีในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านโบราณคดี สิ่งแวดล้อม ทั้งการตรวจวิเคราะห์ก๊าซเรดอน และการใช้ไอโซโทปในการบริหารจัดการน้ำ นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดแสดงผลงานทางวิทยาศาสตร์ทั้งการนำเสนอบนเวทีและการจัดแสดงภาคโปสเตอร์ การมอบรางวัลแก่นักนิวเคลียร์ดีเด่นผู้มีผลงานเป็นที่ประจักษ์จำนวน 2 ราย การมอบรางวัลผู้ชนะเลิศ

โครงการประกวดการแข่งขันหุ่นยนต์ปฏิบัติการทางเทคโนโลยีนิวเคลียร์ และปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในศตวรรษที่ 21 ด้วยเทคโนโลยีนิวเคลียร์” ของศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์เฮนดริค เฮจนิส (Prof.Dr.Hendrik Heijnis) ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยด้านสิ่งแวดล้อม องค์การวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งประเทศออสเตรเลีย (ANSTO) โดยมีผู้เข้าร่วมงานเป็นบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าของไทยและเทศเข้าร่วมกว่า 350 คน

ดร.พรเทพ นิศามณีพงศ์ ผู้อำนวยการ สทน. ได้กล่าวถึงการจัดงานในครั้งนี้ว่า การประชุมนานาชาติด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ในครั้งนี้ จะนำไปสู่การเพิ่มพูนองค์ความรู้ด้านนิวเคลียร์และต่อยอดการพัฒนาวิจัย อีกทั้งยังก่อให้เกิดการประสานงานระหว่างบุคลากร และหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ อันจะทำให้มีการนำเทคโนโลยีนิวเคลียร์ไปใช้อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะกับเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาและยกระดับสิ่งแวดล้อมทั้งของไทยและโลกให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ด้วยคณะทำงานตระหนักถึงความสำคัญและผลกระทบร้ายแรงของปัญหาที่กำลังเกิด โดยมีงานวิจัยทั้งของไทยและนานาชาติหลากหลายชิ้นที่

จะช่วยลดการสร้างมลพิษหรือปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมและเอื้อต่อการใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพของประชากรโลก เช่น งานวิจัยเรื่องการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในศตวรรษที่ 21 ด้วยเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ของศาสตราจารย์ด็อกเตอร์เฮนดริค เฮจนิส (Prof.Dr.Hendrik Heijnis) ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยด้านสิ่งแวดล้อม องค์การวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งประเทศออสเตรเลีย (ANSTO), งานวิจัยของ ผศ.ดร.ณรงชัย อัศวพรพรหม อาจารย์ประจำหน่วยรังสีรักษาและมะเร็งวิทยา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้ได้รับรางวัลนักนิวเคลียร์ดีเด่น ที่ทำการศึกษาวิจัยการเปรียบเทียบผลของการฉายรังสีคาร์บอนที่มีพลังงานสูงแบบครั้งเดียวและแบบหลาย ๆ ครั้ง

แต่เท่ากันในเซลล์มะเร็งที่ส่งผลกระทบต่อเซลล์ปกติที่อยู่ข้างเคียงและรุ่นลูกรุ่นหลานของเซลล์ปกติที่อยู่ข้างเคียง โดยผลสรุปงานวิจัยพบว่าการฉายรังสีคาร์บอนแบบหลาย ๆ ครั้งแต่เท่ากันสามารถลดผลที่เกิดจากรังสีคาร์บอนในระยะยาวที่พบในรุ่นลูกรุ่นหลานของเซลล์ปกติที่อยู่ข้างเคียงเมื่อเปรียบเทียบกับผลที่เกิดในระยะสั้นที่พบในเซลล์ปกติที่อยู่ข้างเคียง และงานวิจัยของเจ้าของ

รางวัลนักนิวเคลียร์รุ่นใหม่ดีเด่น ดร.กัมปนาท ซิลวา นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ชำนาญการ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ที่ทำวิจัยด้านความปลอดภัยของเครื่องปฏิกรณ์ ทั้งในรูปแบบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัย โดยศึกษาตั้งแต่การจำลองอุบัติเหตุที่มีโอกาสเกิดขึ้น การประเมินผลกระทบจากอุบัติเหตุสมมติ ไปจนถึงการวางแผนป้องกันและบรรเทาผลกระทบ ซึ่งปัจจุบันกำลังศึกษาผลกระทบของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ประเทศจีนต่อกลุ่มประเทศอาเซียนในหลากหลายด้าน

การประชุมนานาชาติด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ครั้งที่ 3 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ 2562 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัล ลาดพร้าว ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงานโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/inst.th

สทน. แถลงจัดงานประชุมนานาชาติด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ครั้งที่ 3

สทน. เตรียมจัดงานประชุมนานาชาติ ‘นิวเคลียร์’  เตรียมถอดบทเรียนงานวิจัยนานาชาติ เพื่อยกระดับงานด้าน
สิ่งแวดล้อมของไทย ระหว่างวันที่ 4 ถึง 6 กุมภาพันธ์ ที่โรงแรมเซนทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่าลาดพร้าว

สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. จัดงานประชุมนานาชาติด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ภายใต้แนวคิด “Nuclear for Better Life นิวเคลียร์เพื่ออนาคตที่ดีกว่า” การประชุมครั้งนี้เป็นการรวมผลงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์มาจัดแสดงในรูปแบบผลงานภาคโปสเตอร์และการบรรยายจากทั่วโลกมากกว่า 100 ผลงาน พร้อมทั้งมีการจัดแสดงนิทรรศการผลงานวิจัยสำคัญด้านนิวเคลียร์ของไทย และการมอบรางวัลแก่นักวิทยาศาสตร์ผู้มีผลงานโดดเด่นด้านนิวเคลียร์จำนวน 2 รางวัล โดยการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินเพื่อทรงเป็นองค์ประธานเปิดการประชุมครั้งนี้

รศ.ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ รองผู้อำนวยการ สทน. ได้กล่าวถึงการจัดงานในครั้งนี้ว่า การประชุมนานาชาติด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ครั้งที่ 3  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการส่งเสริมและเผยแพร่ผลงานวิจัยและนำไปสู่การพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ของประเทศอย่างไม่หยุดยั้ง สทน. จึงได้จัดการประชุมซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ด้านการศึกษาวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ขึ้นเป็นประจำทุก 2 ปี การจัดงานประชุมในครั้งนี้จะสามารถเพิ่มพูนองค์ความรู้ด้านนิวเคลียร์ และต่อยอดการพัฒนาวิจัย อีกทั้งยังก่อให้เกิดการประสานงานระหว่างบุคลากร และหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ อันจะทำให้มีการนำเทคโนโลยีนิวเคลียร์ไปใช้อย่างกว้างขวาง และเช่นเดียวกับครั้งที่ผ่านมา คณะกรรมการจัดงานได้พิจารณามีการมอบรางวัลนักวิทย์ดีเด่นและนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ดาวรุ่งด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์

เพื่อประกาศเกียรติคุณและเป็นกำลังใจสำคัญให้แก่นักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานในวงการนิวเคลียร์ของไทย และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ได้รับการพิจารณา สทน.จึงได้ขอความอนุเคราะห์ท่านผู้ทรงคุณวุฒิจากสมาคมนิวเคลียร์แห่งประเทศไทยเป็นผู้พิจารณาตัดสิน    จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ 2562 ภายใต้แนวคิด “Nuclear for Better Life “นิวเคลียร์เพื่ออนาคตที่ดีกว่า” โดยเป็นการจัดประชุมในทุก 2 ปี เพื่อแสวงหาเครือข่ายความร่วมมือในการนำองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งภายในงานครั้งนี้ครบครันไปด้วยผลงานวิจัยคุณภาพ, การบรรยายจากนักวิทยาศาสตร์หลากหลายสาขา อาทิ ศาสตราจารย์เฮนดริค เฮจนิส บรรยายเรื่อง การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในศตวรรษที่ 21 โดยเทคโนโลยีนิวเคลียร์

นายวิชัย  ภูริปัญญวานิช  ผู้เชี่ยวชาญวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ บรรยายเรื่อง การนำองค์ความรู้เทคโนโลยีนิวเคลียร์ไปใช้กับการปรับปรุงพันธุ์พืชและการพัฒนาเพื่อการเกษตร, ดร.นาเจท มาห์มัวดิ บรรยายเรื่อง การกระเจิงนิวตรอนสำหรับวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ภายในงานนอกจากจะมีผลงานวิจัยที่นำเสนอจากผู้เข้าร่วมมากกว่า 100 ผลงานแล้ว ยังมีนิทรรศการวิทยาศาสตร์จากหน่วยงานพันธมิตรที่ร่วมจัดงาน นิทรรศการความก้าวหน้าด้านการวิจัยและการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนิวเคลียร์ของไทย ตลอดจนการพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์ของไทยอันจะเกิดขึ้นในอนาคตเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกด้วย

สำหรับผู้ได้รับคัดเลือกให้ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ดีเด่น ได้แก่ ดร.ณรงชัย อัศวพรพรหม อาจารย์ประจำหน่วยรังสี
รักษาและมะเร็งวิทยา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์รุ่นใหม่ดีเด่น ได้แก่ ดร.กัมปนาท ซิลวา นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ชำนาญการ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ทั้งสองท่านจะเข้ารับพระราชทานเกียรติบัตรจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีในพิธีเปิดการประชุม วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562

ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงานโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/inst.th

 

ททท.จับมือ SET จัดงานแถลงข่าว ชวนท่องเที่ยวท้องถิ่นไทยอย่างใส่ใจสังคม สร้างเสริมดัชนีหุ้น ต่อยอดดัชนีความสุข กับโครงการ “CSR & SET In The Local”  

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดย คุณยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับ คุณนพเก้า สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนาเพื่อสังคมและสื่อสารองค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ร่วมกันจัดงานแถลงข่าวโครงการ “CSR & Set in the Local” สร้างอุปสงค์ในการเดินทางท่องเที่ยวเข้าสู่ชุมชนและเมืองรอง เพิ่มรายได้สู่เศรษฐกิจฐานราก สร้างแหล่งศูนย์กลางในการรวบรวมข้อมูลแพ็กเกจการทำ CSR ระหว่างองค์กรและชุมชน ทั้งนี้ยังเป็นการกระตุ้นกิจกรรมส่งเสริมการขายและสร้างความยั่งยืน CSR in The Local โดยเน้นกลุ่มตลาด Group FIT, MICE จัดประชุม สัมมนาและการจัดกิจกรรม CSR ในชุมชนและเมืองรอง เพื่อเป็นช่องทางในการผลักดันให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวจริงในเมืองรองและทำ CSR อย่างเป็นรูปธรรม ตอบโจทย์การเป็นรัฐวิสาหกิจชั้นนำด้วยต้นแบบโมเดล “TAT 360° รู้รอบตัว ใส่ใจรอบด้าน” ภายใต้บริบทหน่วยงานที่มีธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้และมีความรับผิดชอบต่อสังคม

โดยโครงการ “CSR & SET In The Local” ได้มีการเปิดกิจกรรมที่น่าสนใจให้ประชาชนและผู้ที่สนใจได้เข้าร่วมอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรม Local Life & Learn, กิจกรรมThailand Local Giving, กิจกรรม ขยะให้โชค เป็นต้น โดยงานแถลงข่าวนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 24 ตุลาคม 2561 เวลา 13.00 ณ ลานกิจกรรม โซน Eden 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์