‘CMC’ ร่วมมือ กระทรวงการคลัง โครงการ “บ้านในฝันรับปีใหม่”

บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ CMC ออกแคมเปญสุดแรง “CMC BIG THANKS”หนุนภาครัฐ ร่วมโครงการ “บ้านในฝันรับปีใหม่” วันที่15-17 พฤศจิกายน 2562 ณ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม

ดร.ธีรเดช สนองทวีพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานการตลาดและขาย บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ CMC GROUP เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความยินดีที่จะสนับสนุนภาครัฐ โดยเข้าร่วมโครงการ “บ้านในฝันรับปีใหม่” กระทรวงการคลัง ด้วยการจัดงาน “CMC BIG THANKS” งานเซลครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี เพื่อเป็นการขอบพระคุณลูกค้าผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ โดยนำเสนอโปรโมชันที่ดีที่สุดของปีนี้คือ โปรCMCใจดีช่วยผ่อนนานสูงสุด 10 ปี แจกฟรีทองคำมูลค่  9 บาท และ I Phone 11 Pro โดยนำโครงการชั้นนำกว่า 10 โครงการ คุ้มค่า คุ้มราคา ทุกทำเลที่โดดเด่นมาร่วมแคมเปญ

โปรโมชัน All Free ฟรีทุกค่าใช้จ่าย ลุ้นรับทองคำมูลค่า 2 บาทพร้อมช่วยผ่อนนานสูงสุด 10 ปี

1.ชาโตว์ อินทาวน์ พระราม 8 All Free ทุกค่าใช้จ่าย + Fully Furnished ฟรีดอกเบี้ย 3 ปี ฟรีเครื่องใช้ไฟฟ้า เดินทางสะดวกอยู่ใกล้กับ MRT สถานีบางยี่ขัน และรับทอง 2 บาท

2.ชาโตว์ อินทาวน์ จรัญสนิทวงศ์ 96/2 ช่วยผ่อนนาน 5 ปี แต่งครบ ฟรี เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า All Free ทุกค่าใช้จ่าย และรับทอง 2 บาท

3.ชาโตว์ อินทาวน์ 64 สกายมูน All Free ทุกค่าใช้จ่าย เฟอร์นิเจอร์ครบ พร้อมอยู่ สไตล์ญี่ปุ่น ฟรีเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำเลที่ดีที่สุดบนถนนสุขุมวิท ติด BTS ปุณณวิถี และทางด่วนสุขุมวิท 62

4.ชาโตว์ อินทาวน์ 64 สปา All Free, ฟรีเครื่องใช้ไฟฟ้า ตกแต่งครบสไตล์ญี่ปุ่น เดินทางสะดวก ติด BTS ปุณณวิถี และทางด่วนสุขุมวิท 62

5.ชาโตว์ อินทาวน์ 62/1 All Free ทุกค่าใช้จ่าย รวมถึง Fully Furnished และเครื่องใช้ไฟฟ้า ฟรี พร้อมอยู่ เพียง 400 เมตร ถึง BTS สถานีบางจาก และห่างจากทางด่วนเพียง 1 นาทีเท่านั้น

6.แบงคอก ฮอไรซอน รัชดา-ท่าพระ All Free ทุกค่าใช้จ่าย แถมช่วยผ่อนนาน 3 ปี ตกแต่งครบ และฟรีเครื่องใช้ไฟฟ้า ใกล้กับ BTS ตลาดพลู

7.แบงคอก ฮอไรซอน รามคำแหง คอนโดระดับพรีเมียม บนถนนรามคำแหง ฟรีทุกค่าใช้จ่าย ช่วยผ่อนนานสูงสุด 10 ปี และ Fully Furnished จัดเต็ม

8.บางกอก เฟลิซ บางแค คอนโดมิเนียมสไตล์บูทีค ใกล้รถไฟฟ้า สถานีบางแค แห่งเดียวบนถนนเพชรเกษม จัดเต็มกับเฟอร์นิเจอร์อย่างครบครัน ฟรีทุกค่าใช้จ่าย และช่วยผ่อนนาน 3 ปี

9.บางกอก เฟลิซ กรุงธนบุรี คอนโดมิเนียม Low Rise ใกล้รถไฟฟ้า 2 สาย สายสีเขียว (สถานีกรุงธนบุรี) และสายสีทอง (โมโนเรล กรุงธนบุรี) พร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบครัน ฟรีดอกเบี้ย สูงสุดถึง 300,000 บาท

10.คาซ่า ยูเรก้า พระราม 2-พุทธบูชา ทาวน์โฮมหรู 3 ชั้น ใกล้ทางด่วนพระราม2 ทำเลที่ดีที่สุด พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก ราคาเริ่มต้นเพียง 3.49 ล้านบาท All Free ทุกค่าใช้จ่าย และเครื่องใช้ไฟฟ้า

พบกันวันที่ 15-17 พฤศจิกายน 2562 CMC Privilege Lounge ชั้น 7 โรงภาพยนตร์ ไอคอน ซีเนคอนิค ศูนย์การค้าไอคอนสยาม เวลา10.30–19.00 น.สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.cmc.co.th และ Call Center 1172

“โฮมโปร เอ็กซ์โป” ครั้งที่ 30 “คุ้มครบส่งท้ายปี”

เตรียมตัวให้พร้อม พบกับมหกรรมเรื่องบ้านสุดยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี โฮมโปร เอ็กซ์โปครั้งที่ 30 ที่สุดแห่งความคุ้ม ครบ จบในงานเดียว ร่วมฉลองครั้งใหญ่ครบทุกแผนก โดนใจทุกความต้องการ ชอปสินค้าและของตกแต่งบ้าน ลดสูงสุดถึง 70% ชอปสนุกเดินเพลิน ตั้งแต่วันหยุดถึงวันธรรมดากับ WEEKDAY STAR ชอปวันจันทร์-ศุกร์ ลดเพิ่ม 15% และฟินรับลมหนาวกับมหกรรมเครื่องทำน้ำอุ่น ลดสูงสุดถึง 30% ติดตั้งฟรี! ทุกรุ่น ทุกแบรนด์ พร้อมกระหน่ำความพิเศษ! ชอปเครื่องใช้ไฟฟ้า ทีวี ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศในงาน ลด+รับเพิ่มสูงสุด 35% และเปิดตัวที่สุดแห่งการชอปมิติใหม่ไร้รอยต่อกับ “โฮมโปร” เพียงชอปสินค้าออนไลน์ผ่านช่องทาง www.homepro.co.th , HomePro LINE Connect และ QR Code Scan ก็รับสิทธิพิเศษ จัดเต็มความคุ้ม ราคาสุดช็อค ลดจัดใหญ่ เหมือนมางานเอ็กซ์โป ด้วยตัวเอง!!

รีบปักหมุดกดแจ้งเตือนให้พร้อม ความพิเศษจัดเต็มแบบนี้ มีเพียง 10 วันเท่านั้นที่งาน โฮมโปร เอ็กซ์โป ครั้งที่ 30 ตั้งแต่ 1524 พฤศจิกายน 2562 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ฮอลล์ 912 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.Call Center 1284

เปิดตัวรถ “สกุลฎ์ซี” Aluminum Bus” สัญชาติไทย

นายนำชัย สกุลฎ์โชคนำชัย ประธานกลุ่มบริษัท โชคนำชัย พร้อมด้วย พร้อมด้วย นายวีรพลน์ เตชะผาสุขสันติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จำกัด ร่วมเปิดตัวรถมินิบัสอลูมิเนียมแบรนด์ “Sakun C” หรือ “สกุลฎ์ซี” Aluminum Bus สัญชาติไทย เจ้าเดียวในประเทศไทย ภายในงาน “Bus & Truck 2019” ชูจุดเด่น น้ำหนักเบา ประหยัดน้ำมัน แข็งแรงทนทาน ไม่เป็นสนิม เสริมความปลอดภัยด้วยโครงสร้างถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ หลังคาชิ้นเดียว ไร้ปัญหาน้ำรั่วซึม พร้อมให้คนไทยได้ใช้  ณ ไบเทค บางนา เมื่อเร็ว ๆ นี้

ระดมทุนช่วยเหลือวิกฤตผู้ลี้ภัยโลก

สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ร่วมกับบริษัท ไลฟ์อีส กรุ๊ป จำกัด จัดงาน ไลฟ์สไตล์ “LIFEiS BEAUTiFUL – No boundaries for sharing” เมือวันที่ 9–10 พ.ย.ที่ผ่านมา ณ ลิโด้ คอนเน็คท์ โดยมี ‘จูเซ็ปเป้ เดวินเช็นทีส’ (กลาง) ผู้แทนข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย เป็นผู้กล่าวเปิดงาน พร้อมการสนับสนุนจาก ‘นภ พรชำนิ’ (ที่ 3 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไลฟ์อีส กรุ๊ป จำกัด ร่วมด้วย ‘สิรินทรา ปุญญ มงคลนาวิน’ (ที่ 3 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ ลิโด้ คอนเน็คท์ ‘สุดารัตน์ ภูวสวัสดิ์’ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้จัดการส่วนองค์กรและลูกค้าสัมพันธ์ สำนักงานจัดการ ทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ‘ภัทรศยา เชาว์รัศมีกุล’ (ซ้ายสุด) บรรณาธิการ THE STANDARD POP ให้เกียรติเข้าร่วมงาน

“เดิน-วิ่งมหากุศล นครธน มินิมาราธอน ครั้งที่ 12”

‘รศ.ญาณเดช ทองสิมา’ (กลาง) ประธานกรรมการบริหาร โรงพยาบาลนครธน ร่วมด้วย ‘นพ.วิโรจน์ ตระการวิจิตร’ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์โรงพยาบาลนครธน ประกาศจัดกิจกรรม เดิน-วิ่งมหากุศล นครธน มินิมาราธอน ครั้งที่ 12 “Memory Run วิ่งในความทรงจำ” ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 10 ธันวาคม 2562 พร้อมกันนี้ยังมีการเสวนาทางการแพทย์ในเรื่อง “ออกกำลังกายสมอง ด้วยสองเท้า” โดยมี ‘โย-ยศวดี หัสดีวิจิตร’ (ที่ 2 จากขวา) นักแสดงและนางแบบชื่อดัง มาร่วมพูดคุยถึงการดูแลสุขภาพสมองด้วยการออกกำลังกาย ณ ชั้น 1 โรงพยาบาลนครธน สำหรับผู้ที่สนใจลงสมัครวิ่งสามารถสมัครได้ที่ โรงพยาบาลนครธน โทร.0 2450 99999

SUNGRACE เสริมความรู้พนักงานขาย รุ่นที่ 1

‘ศิริพร ตั้งธนศฤงคาร’ กรรมการบริหารฝ่ายการตลาดเครื่องสำอาง บมจ.โอซีซี จัดอบรมหลักสูตร “ ความรู้และทักษะการนำเสนอผลิตภัณฑ์ ” ให้แก่พนักงานขายเครื่องสำอาง Sungrace (ซันเกรส) รุ่นที่ 1 เพื่อเสริมความรู้ด้านผลิตภัณฑ์ พัฒนาทักษะด้านการขาย และการบริการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ณ ห้องประชุมบิวตี้ ควีน อาคารโอซีซี เมื่อเร็ว ๆ นี้

สนไหม? ร่วมธุรกิจที่จอดรถกับ park2go

 

alivesonline.com : park2go (ปาร์คทูโก) แอปพลิเคชัน “จองก่อนจอด” ช่วยจับคู่ “คนหาที่จอดรถ” และ “ลานจอดรถ” ช่วยจองที่จอดรถล่วงหน้า มองไกลกว่าการเป็นเพียงแอปพลิเคชัน หรือเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสะดวกเรื่องจองที่จอดรถเท่านั้น เพราะยังทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยให้คำปรึกษาธุรกิจสำหรับธุรกิจที่จอดรถทุกขนาด ด้วยแนวคิด Parking Solutions Provider “คิด ครบ จบ เพื่อธุรกิจที่จอดรถ” ช่วยเพิ่มรายได้ให้ผู้ที่เป็นเจ้าของลานจอดรถตั้งแต่พื้นที่เล็ก ๆ จนถึงโปรเจกต์ใหญ่ ๆ ตลอดจนหวังช่วยเหลือสังคมในเรื่องการประหยัดพลังงาน ประหยัดเวลา ลดปัญหาการจราจร เพราะหลายครั้งสาเหตุจากการจราจรติดขัด เกิดจากการวนหาที่จอดรถ

จุดเริ่มต้นของ park2go เป็นการต่อยอดมาจากธุรกิจที่จอดรถอัจฉริยะภายใต้ชื่อ Park plus ซึ่งเป็นธุรกิจเริ่มแรกของบริษัทฯ โดยทีมผู้บริหารเล็งเห็นถึงปัญหาเรื่องที่จอดรถที่ไม่สามารถรองรับและเพียงพอกับจำนวนปริมาณของรถที่มีในปัจจุบัน แอปพลิเคชัน park2go จึงเป็นอีกกลไกหนึ่งที่จะช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องที่จอดรถ ลดปัญหาอันเนื่องมามาจากการวนหาที่จอด ทั้งยังเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเพิ่มรายได้ให้เจ้าของธุรกิจที่จอดรถ

 

จุดเด่นของแอปพลิเคชัน “park2go จองก่อนจอด”

สำหรับเจ้าของลานจอดรถ หรือผู้ประกอบการที่มีพื้นที่จอดรถ หรือผู้ที่ต้องการรายได้เพิ่มจากพื้นที่ว่าง

  • ช่วยหาลูกค้าเพิ่มให้ลานจอดรถ
  • ช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้มองหาที่จอดรถ รู้จักลานจอดรถของคุณมากขึ้นผ่านแอปฯ
  • ช่วยเพิ่มรายได้จากค่าจอดที่ได้รับปกติ โดยที่คุณใช้พื้นที่ลานจอดรถเท่าเดิม
  • แบ่งรายได้เมื่อเกิดการ “จอง” ขึ้นจริงเท่านั้น
  • แอปฯ park2go สะดวกใช้งานง่าย เปิด-ปิด ได้ตามต้องการ ช่วยให้เจ้าของที่จอดรถสามารถบริหารลานให้เกิดรายได้สูงสุดโดยไม่มีข้อผูกมัด
  • ฟรี! ไม่มีค่าบริการรายเดือน, ค่าธรรมเนียมแรกเข้า
  • ฟรี! ระบบเช็คสถานะจอดรถแบบ Real Time ช่วยให้ผู้มองหาที่จอดรถสะดวกสบายในการหาที่จอดรถได้มากขึ้นและดีต่อเจ้าของลานจอดรถในการหาลูกค้าเพิ่ม
  • ฟรี! อุปกรณ์ส่งเสริมการขายประจำลานจอดรถ อาทิ ป้ายโฆษณา กรวย ร่ม หมวก (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด)
  • บริการให้คำปรึกษาแนะนำด้านธุรกิจที่จอดรถจากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี
  • เริ่มได้เลยเพียงแค่มีมือถือกับที่จอดรถ ไม่จำกัดจำนวน (มีช่องจอดเดียวก็ทำได้)

ผู้สนใจร่วมทำธุรกิจกับ “ปาร์คทูโก” ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของลานจอดรถเท่านั้น เพราะเพียงมีพื้นที่ว่าง หรือเป็นเจ้าของที่ดิน ไม่ว่าพื้นที่นั้นจะเล็กจอดรถได้คันเดียว หรือจอดรถได้เป็นสิบเป็นร้อยคัน ไปจนถึงเจ้าของอาคารสำนักงาน, โรงพยาบาล, ร้านอาหาร, คอมมูนิตี้มอลล์, โรงแรม ฯลฯ ก็สามารถร่วมธุรกิจกับ “ปาร์คทูโก” ได้ ขอเพียงมีพื้นที่ว่างและอยู่ในทำเลที่เหมาะสมเท่านั้น

 จุดเด่นของแอปพลิเคชัน “park2go จองก่อนจอด” สำหรับผู้ใช้รถที่มองหาที่จอดรถ

  • จองที่จอดล่วงหน้าได้ผ่านมือถือ ง่าย และสะดวก
  • สามารถค้นหาที่จอดรถที่ต้องการได้ทันทีในสถานที่และราคาที่ใช่ โดยไม่ต้องขับรถวนหา เพราะรู้สถานะที่จอดก่อนถึงจุดหมาย
  • เช็คข้อมูลเบื้องต้นของที่จอดรถได้เรียลไทม์ อาทิ ราคา, เวลาเปิดทำการ, ที่จอดเต็มหรือไม่
  • ชำระเงินค่าบริการผ่านสมาร์ทโฟน โดยหักจากบัญชีบัตรเครดิต หรือเดบิตที่ผูกไว้ เกิดความเท่าเทียมกันในสังคมเกิดขึ้น จากการที่ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะจ่ายและมีสิทธิ์จอดได้ตามที่ต้องการ

ติดตามความเคลื่อนไหวได้ www.facebook.com/park2gothailand และ www.park2go.co.th หรือ @line PARK2GO

“ปาร์คทูโก” ดึง “อั้ม อธิชาติ” เขย่าตลาดลานจอดรถ 6 พันล้านบาท

alivesonline.com : “ปาร์คทูโก” (park2go) ผู้นำแอปพลิเคชัน “จองก่อนจอด” อันดับ 1 ของไทย ยึดทำเลทองที่จอดรถทั่วกรุงเทพฯ ให้ลูกค้าจองที่จอดได้ผ่านโทรศัพท์มือถือ คว้า “อั้ม อธิชาติ” นั่งแท่นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เปิดตัวแคมเปญภาพยนตร์โฆษณา “กรวยเถอะครับ ตั้งปุ๊บ รวยปั๊บ” หวังดึงเจ้าของที่จอดรถรายย่อยร่วมธุรกิจ พร้อมเพิ่มยอดผู้ดาวน์โหลดแอปฯ 1.3 แสนราย ช่วยดันรายได้เติบโต 20%

นายอภิราม สีตกะลิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปาร์คทูโก จำกัด ผู้นำแอปพลิเคชัน “จองก่อนจอด” ภายใต้ชื่อ “ปาร์คทูโก” (park2go) เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่เริ่มธุรกิจมา 3 ปี “ปาร์คทูโก” มีการเติบโตต่อเนื่องในตลาดรายได้ของลานจอดในประเทศไทยมูลค่าสูงถึง 6 พันล้านบาท จึงมองเห็นช่องว่างที่จะสามารถเพิ่มมูลค่าตลาดโดยรวม ด้วยการใช้เทคโนโลยีแอปพลิเคชัน “จองก่อนจอด” เข้ามาช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเจ้าของลานจอดรถ รวมทั้งเพิ่มความสะดวกให้ผู้ขับขี่ที่สามารถจองที่จอดล่วงหน้าก่อนไปถึงที่หมายโดยไม่ต้องขับวนหาที่จอดให้เสียเวลา

 

ปัจจุบันแอปพลิเคชัน “ปาร์คทูโก” สามารถเสิร์ชหาจุดจอดรถได้มากกว่า 400 จุดทั่วกรุงเทพฯ และมีจุดจองก่อนจอดที่สำคัญ อาทิ ไบเทค บางนา, อิมแพ็ค เมืองทองธานี, เอ็มบีเค เซ็นเตอร์, พาราไดซ์ พาร์ค, เดอะไนน์ พระรามเก้า, เมอร์คิวรี่ วิลล์ ชิดลม, มาร์เก็ตเพลส นางลิ้นจี่, The Explace Mall บางแค, ร้านอาหารกัลปพฤกษ์ ซอยประมวญ สีลม, ลานจอดรถใกล้ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, ลานจอดรถปุณณวิถี ติด BTS ปุณณวิถี, เจ อเวนิว ทองหล่อ, ลานจอด ari parking อารีย์สัมพันธ์ 7 และลาวิลล่า อารีย์ รวมถึงได้รับความไว้วางใจจากรถไฟฟ้า MRT (รถไฟฟ้ามหานคร) โดย การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่ให้ผู้ใช้บริการแอปฯ “ปาร์คทูโก” สามารถเช็คสถานะที่จอดรถได้แบบเรียลไทม์ “ว่าง-เกือบเต็ม-เต็ม” ได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านแอปฯ “ปาร์คทูโก” เพื่อช่วยให้ผู้มองหาที่จอดรถสามารถวางแผนการจอดรถได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น

ล่าสุด บริษัทฯ เปิด “จองก่อนจอด” ที่ “ลาวิลล่า อารีย์” ถือเป็นบริการต้นแบบธุรกิจที่จอดรถครบวงจร รูปแบบ Parking Solution Providers ซึ่งเป็นแนวทางของ “ปาร์คทูโก” โดยสามารถเพิ่มที่จอดได้ 100% จากพื้นที่จอดรถเดิม ช่วยรองรับลูกค้าเข้ามาใช้บริการ “ลาวิลล่า อารีย์” ได้มากขึ้นกว่าเดิม 2 เท่า เป็นการช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้าที่มาใช้บริการและเพิ่มรายได้ให้ศูนย์การค้ามากขึ้นจากค่าจอง

 

 

นายอภิราม กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าว่า ภายในสิ้นปี 2562 จะมียอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันมากกว่า 1.3 แสนราย พร้อมอัตราการเติบโต 20% ด้วยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมรายได้ผ่านแอปพลิเคชัน โดยที่ผ่านมา “ปาร์คทูโก” ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการรายใหญ่หลากหลายประเภท ทั้งศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เชนโรงแรมระดับโลก และโรงพยาบาลชั้นนำ เข้าร่วมธุรกิจกับ “ปาร์คทูโก” เพื่อให้บริการ “จองก่อนจอด” ในการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าและยังเป็นโอกาสทางธุรกิจในการใช้โซลูชั่นเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับพื้นที่จอดรถที่มีอยู่ให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน

“สังคมเมืองที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงความเจริญที่สร้างเมืองให้กลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจ Urbanization ทำให้ผู้คนต้องย้ายถิ่นฐานเข้ามาทำงาน หรือเข้ามาอยู่ในเมืองมากขึ้น รถยนต์จึงเป็นปัจจัยที่ 5 ที่ขาดไม่ได้ในการเดินทางในเมืองใหญ่ ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือปัญหาที่จอดรถ และกลายเป็นปัญหาของเมืองใหญ่ ๆ ทั่วโลก เพราะเมื่อพื้นที่จอดรถในแนวราบไม่พอ ขยายไม่ทันกับจำนวนประชากรรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับที่ดินมีราคาสูงไม่คุ้มค่าในการทำที่จอดรถแนวราบ เมืองใหญ่ ๆ ทั่วโลกจึงมีที่จอดรถแนวตั้ง ใช้เทคโนโลยีเครื่องจอดรถ ใช้การจ่ายเงินผ่านมือถือ ผ่านระบบออนไลน์ เข้ามาช่วยแก้ปัญหา โดยประเทศไทยก็เริ่มมีที่จอดรถแนวตั้งเพิ่มขึ้นมากเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับเมืองใหญ่ ๆ ทั่วโลก แต่ความล้ำหน้าที่เหนือกว่าของปาร์คทูโกคือเป็นแอปฯ ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถจองที่จอดล่วงหน้า มั่นใจได้เลยว่ามีที่จอดอย่างแน่นอนก่อนถึงที่หมาย”

นายอภิราม กล่าวอีกว่า รูปแบบธุรกิจของ “ปาร์คทูโก” เป็นโซลูชั่นที่ใหม่มาก โดยมีลูกค้า 2 กลุ่มคือผู้ให้บริการลานจอดรถและผู้ขับขี่รถยนต์ จึงต้องใช้เวลาสร้างการรับรู้และสร้างความเข้าใจไปยังลูกค้าทั้ง 2 กลุ่ม โดยในส่วนของผู้ขับขี่นั้นมีลูกค้าประจำที่ใช้งานและโหลดแอปฯ ไปแล้วถึงกว่า 1 แสนราย ขณะที่ในส่วนเจ้าของธุรกิจผู้ให้บริการลานจอดรถใหญ่ ๆ ก็เริ่มมองเห็นโอกาสทางธุรกิจที่เปิดกว้าง มีหลายรายเข้ามาร่วมธุรกิจกับ “ปาร์คทูโก” เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

“โจทย์สำคัญที่เราต้องการมากที่สุดในเวลานี้คือ ขยายการให้บริการครอบคลุมไปยังลานจอดรถรายย่อยที่กระจายอยู่ทุกซอกทุกมุมของกรุงเทพฯ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถจองที่จอดที่อยู่ตามซอกซอย เพิ่มความสะดวกในการเดินทาง โดยเจ้าของลานจอดรถรายย่อยก็จะมีรายได้เพิ่มมากขึ้นในทันทีเพียงเข้าร่วมธุรกิจกับปาร์คทูโกได้ฟรี ๆ โดยผู้ขับขี่จะมองเห็นลานจอดรถย่อย ๆ จากแอปฯ ของเรา จากเดิมที่ไม่เคยรู้จักลานจอดนี้มาก่อนก็สามารถไปใช้บริการได้อย่างสะดวกสบาย และที่เหนือไปกว่านั้นคือสามารถจองก่อนจอดได้ด้วย มีที่จอดรถแน่นอนแบบ VIP ประหยัดเวลาและน้ำมัน ไม่ต้องวนหาที่จอด ซึ่งในส่วนนี้เจ้าของลานจอดจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 20-30% โดยที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเพิ่มเติมเลย”

ล่าสุด บริษัทฯ เปิดตัว “อั้ม” อธิชาติ ชุมนานนท์” เข้ามาร่วมแคมเปญภาพยนตร์โฆษณา “กรวยเถอะครับ ตั้งปุ๊บ รวยปั๊บ” นำเสนอผ่านทางช่องทางยูทูปและเฟซบุ๊ก โดยมั่นใจว่าจะช่วยให้เจ้าของธุรกิจลานจอดรถทั้งรายใหญ่ รายย่อย มองเห็นภาพธุรกิจได้ชัดเจนมากขึ้นว่าแอปพลิเคชัน “จองก่อนจอด” จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจได้อย่างไร ทั้งยังยกระดับภาพลักษณ์ สร้างความน่าเชื่อถือ และเชื่อมโยงแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น

สำหรับเจ้าของที่จอดรถ หรือผู้ประกอบการที่มีพื้นที่อยู่ในทำเลย่าน CBD, แหล่งชุมชน, แหล่งท่องเที่ยว และอื่น ๆ สนใจร่วมธุรกิจที่จอดรถกับ “ปาร์คทูโก” ‘ดูรายละเอียดได้ที่ www.park2go.co.th/booking/ และ www.facebook.com/park2gothailand หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม @line PARK2GO

 

เทศกาลนานาชาติ “พลอยและเครื่องประดับจันทบุรี 2019” หวังดึงผู้ชม 1.5 หมื่นคน

alivesonline.com : สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT จับมือ จังหวัดจันทบุรี ประกาศความพร้อมจัดงาน เทศกาลนานาชาติ “พลอยและเครื่องประดับจันทบุรี 2019 ภายใต้แนวคิด “Power of Gemstones and Jewelry” ระหว่างวันที่ 4-8 ธันวาคม 2562 ณ บริเวณศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี, เคพี จิวเวลลี่เซ็นเตอร์, ตลาดพลอย ถนนศรีจันทร์ และ OTOP Lifestyle คาดเงินสะพัดในจังหวัดช่วงจัดงานกว่า 50 ล้านบาท

นางดวงกมล เจียมบุตร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT กล่าวว่า อัญมณีและเครื่องประดับจัดเป็นสินค้าส่งออกสำคัญในอันดับต้นๆ ของประเทศ รัฐบาลจึงได้เล็งเห็นความสำคัญของอุตสาหกรรมดังกล่าวและมีนโยบายที่จะส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและการค้าอัญมณีและเครื่องประดับในระดับโลก GIT จึงได้รับมอบหมายจากกระทรวงพาณิชย์ ให้ดำเนินโครงการ “พัฒนาจังหวัดจันทบุรีเป็นนครอัญมณี” ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการและวิสาหกิจชุมชนด้านอัญมณีและเครื่องประดับจังหวัดจันทบุรี ให้สามารถแข่งขันได้และมีความสามารถเพียงพอต่อการขยายตลาดสู่สากล เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับโลก

GIT และพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนในจังหวัดจันทบุรี จึงได้เตรียมจัดเทศกาลนานาชาติ “พลอยและเครื่องประดับจันทบุรี” (International Chanthaburi Gems and Jewelry Festival 2019) ภายใต้แนวคิด “Power of Gemstones and Jewelry” ระหว่างวันที่ 4-8 ธันวาคม 2562 ณ บริเวณศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี, เคพี จิวเวลลี่เซ็นเตอร์, ตลาดพลอย ถนนศรีจันทร์ และ OTOP Lifestyle

“หลังจากได้ประกาศแผนการจัดงานนี้ GIT และพันธมิตรได้เดินสายโรดโชว์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ซึ่งเป็นแหล่งอุตสาหกรรมการค้าอัญมณีที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก และเป็นกลุ่มคู่ค้าที่เป็นเป้าหมายหลักของตลาดการค้าอัญมณีไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์งานให้เป็นที่รู้จักและเชิญชวนผู้ประกอบการไทยและต่างชาติมาร่วมงานในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยล่าสุดมีบริษัทจาก จีน เวียดนาม และอินเดีย ยืนยันการเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก”

ภายในงานจะมีคูหาจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าจากผู้ประกอบการชาวไทยและต่างชาติกว่า 500 คูหา โดยผู้ชมงานจะได้พบกับผลิตภัณฑ์อัญมณีและเครื่องประดับและสินค้าเกี่ยวข้องมากมาย ได้แก่ พลอยดิบ พลอยเจียระไน วัตถุดิบประกอบอัญมณี เครื่องประดับอัญมณี เครื่องจักรและอุปกรณ์ รวมถึงบรรจุภัณฑ์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ครอบคลุมทุกส่วนในวงการอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ

GIT ยังจัดห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ตรวจสอบอัญมณีและเครื่องประดับเคลื่อนที่ เพื่อให้บริการผู้ประกอบการ ผู้ซื้อและผู้บริโภค เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการซื้อขายอัญมณีและเครื่องประดับด้วยความมั่นใจ ผ่านใบรับรองจาก GIT โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบอัญมณีและเครื่องประดับโดยเฉพาะ และอีกหนึ่งในความพิเศษของงานครั้งนี้คือ ผู้เข้าชมงานจะได้เลือกซื้อสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในราคาผู้ผลิต โดย GIT ตั้งเป้าหมายว่าจะผู้เข้าชมงานประมาณ 1.5 หมื่นคน

เทศกาลครั้งนี้ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอื่น ๆ ได้แก่ การมอบรางวัลผู้ชนะการประกวดออกแบบเครื่องประดับและประกวดพลอยเจียระไน การมอบรางวัลโครงการวิจัยด้านอัญมณีและเครื่องประดับ รวมถึงการประมูลพลอยซึ่งนับเป็นหนึ่งไฮไลท์สำคัญของการจัดงานครั้งนี้ ทั้งยังถือเป็นครั้งแรกของจังหวัดจันทบุรีที่จะมีพลอยเจียระไนนำมาประมูล ในวันที่ 4 ธันวาคม 2562 ณ ศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับ

นางดวงกมล กล่าวด้วยว่า ภายในงานยังมีงานสัมมนาด้านอัญมณีและเครื่องประดับ รวมถึงนิทรรศการ 5 นิทรรศการ ได้แก่ “Jewelry Design Gallery” จัดแสดงผลิตภัณฑ์ต้นแบบจากโครงการ Gems Treasure 2018-2019 และผลงานในโครงการ 15 จังหวัด “Smart Jewelers Exhibition” จัดแสดงผลิตภัณฑ์จากช่างและผู้ประกอบการต่างๆ ที่ได้รับการคัดเลือก “Innovative Jewelry” จัดแสดงผลิตภัณฑ์เครื่องประดับเชิงสร้างสรรค์โดยสมาชิกของสถาบันฯ “New Heritage” จัดแสดงงานเจียระไนฝีมือทายาทครูช่างเครื่องประดับและการเจียระไนที่มีความร่วมสมัย และ “Innovative Lifestyle Jewelry” จัดแสดงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันจากนักออกแบบรุ่นใหม่ ศิษย์เก่าและสมาชิกของสถาบันฯ

ด้านนายวิทูรัช ศรีนาม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า ภาครัฐและภาคเอกชนในจังหวัดจันทบุรีร่วมกันทำงานอย่างบูรณาการ เพื่อผลักดันให้จันทบุรีก้าวขึ้นเป็น “นครอัญมณี” ศูนย์กลางการผลิตและการค้าพลอยสำคัญแห่งหนึ่งโลก โดยในส่วนของการจัดงานนั้นทางจังหวัดเตรียมพร้อมด้านสถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ครบครัน เช่น บริการรถชัตเติลบัสฟรีสำหรับการเดินทางระหว่างสถานที่จัดงาน 3 ทำเล ขณะที่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในจังหวัด เช่น โรงแรม ร้านอาหาร บริษัททัวร์ ต่างเตรียมตัวต้อนรับผู้ที่จะมาเที่ยวงานเทศกาลนานาชาติฯ อย่างเต็มที่ โดยประเมินว่า การจัดเทศกาลนานาชาติฯ ครั้งนี้จะทำให้มีเงินสะพัดในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีกว่า 50 ล้านบาท”

จังหวัดจันทบุรี นอกจากจะมีชื่อในด้านอุตสาหกรรมพลอยสีแล้ว ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัตศาสตร์ และวัฒนธรรม ดังนั้น จังหวัดจันทบุรี จึงได้ร่วมกับคณะผู้จัดงานนำเสนอแพ็กเก็จท่องเที่ยวในราคาสุดพิเศษให้แขกที่มาเยือนจันทบุรีในช่วงเดือนธันวาคมนี้ ให้ทุกท่านได้เดินทางตามรอยอัญมณีและเครื่องประดับ ไม่ว่าจะท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ได้เรียนรู้วิถีชีวิตของคนเมืองจันท์ ชิม ชอป อาหารและสินค้าท้องถิ่น โดยมีไกด์ท้องถิ่นเตรียมให้ความรู้และนำเที่ยวประจำจุดท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ

ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทศกาลนานาชาติ “พลอยและเครื่องประดับจันทบุรี 2019” ได้ที่ www.changemsfest.com

ความเชื่อใจผู้บริโภคไทยต่อแบรนด์อยู่ในขั้นวิกฤต !

alivesonline.com : Salesforce (NYSE: CRM) (เซลล์ฟอร์ซ) แพลตฟอร์มการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ระดับโลก เผยผลสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า “State of the Connected Customer” ซึ่งจัดทำขึ้นเป็นปีที่ 3 ชี้ให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของความคาดหวังของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน, เทคโนโลยีจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงการเข้าถึงและสร้างปฎิสัมพันธ์กับลูกค้า, ความไว้วางใจของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ซึ่งมีผลมากขึ้นต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า และความรับผิดชอบต่อสังคมของธุรกิจซึ่งมีผลต่อการเลือกซื้อสินค้าและบริการของผู้บริโภค

รายงาน “State of the Connected Customer” ทำการสำรวจผู้บริโภคหรือลูกค้า และฝ่ายจัดซื้อหรือผู้ทำหน้าที่ซื้อสินค้าให้กับบริษัทกว่า 8,000 รายใน 16 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย เพื่อศึกษามุมมองความคิด ซึ่งจากการสำรวจดังกล่าวพบว่า

ประสบการณ์ที่น่าประทับใจทำให้ลูกค้ารู้สึกผูกพันกับแบรนด์มากขึ้น

วิธีการสร้างความผูกพันในผลิตภัณฑ์ หรือบริการให้แก่ลูกค้ายุคปัจจุบันแตกต่างไปจากเดิมเป็นอย่างมาก ผู้บริโภคกว่า 75% ในประเทศไทยให้ความเห็นว่า ธุรกิจต้องปรับเปลี่ยนวิธีในการเข้าถึงและสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภค 87% ของผู้บริโภคคาดหวังที่จะได้รับการบริการที่เชื่อมต่อเป็นอันหนึ่งอันเดียว ไม่ว่าจะใช้บริการผ่านช่องทางใด หรือกับแผนกใดก็ตาม กล่าวคือทุกแผนกและทุกช่องทางของธุรกิจที่มีการติดต่อกับผู้บริโภคต้องทำงานอย่างเชื่อมต่อเพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า อย่างไรก็ตาม ความคาดหวังดังกล่าวของผู้บริโภคอาจยังไม่เป็นจริงนักสำหรับหลายๆธุรกิจ โดยจากผลสำรวจพบว่า 48% ของผู้บริโภคยังคงลงความเห็นว่า ในการซื้อสินค้า หรือรับบริการแต่ละครั้ง พวกเขารู้สึกเหมือนซื้อสินค้า หรือรับบริการจากคนละธุรกิจ เพราะไม่มีความเชื่อมต่อในการให้บริการลูกค้า

ในส่วนของช่องทางการสื่อสารเพื่อซื้อสินค้า หรือรับบริการ ผู้บริโภคคนไทยกว่า 70% เลือกใช้แอปพลิเคชันบนมือถือเป็นช่องทางติดต่อสื่อสารกับผู้ขาย ช่องทางการแชทออนไลน์ หรือ live support มาเป็นอันดับสองที่ 63% และการสื่อสารผ่านคอมมิวนิตี้แบบออนไลน์ เช่น ฟอรั่ม เป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมเป็นลำดับที่สาม (52%)

AI, อุปกรณ์ดิจิทัล และเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะเป็นตัวเปลี่ยนเกม “ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น”

เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ในยุคปัจจุบัน หรือยุคแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 เกิดและพัฒนาขึ้นแบบก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI อินเทอร์เน็ตทุกสรรพสิ่ง หรือ IoT ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการพัฒนาของเทคโนโลยีส่งผลต่อความคาดหวังของผู้บริโภคในประเทศไทยผู้บริโภคถึง 91% คาดหวังว่า ธุรกิจจะนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้เพื่อยกระดับการขายและการบริการ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า โดย AI มีบทบาทอย่างมากในการสร้างความคาดหวังของลูกค้า โดยกว่า 86% ของผู้บริโภคคนไทยยินดีที่จะให้ธุรกิจนำ AI มาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับการบริการ

ความเชื่อใจเป็นสิ่งสำคัญที่หาได้ยากขึ้นเมื่อเป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า

รายงานจากปีก่อนแสดงให้เห็นว่า ความเชื่อใจที่ลูกค้ามีต่อธุรกิจ หรือแบรนด์นั้นอยู่ในขั้นวิกฤต ซึ่งจากรายงานในปีปัจจุบัน ความเชื่อใจก็ยังคงเป็นปัญหาที่ต่อเนื่อง โดยลูกค้าในประเทศไทยมากถึง 82% ลงความเห็นว่า ความไว้วางใจในธุรกิจ หรือแบรนด์ที่พวกเข้าซื้อสินค้า หรือรับบริการมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ขณะที่ผู้บริโภค 87% บอกว่าพวกเขาหยุดซื้อสินค้า หรือรับบริการจากธุรกิจ หรือแบรนด์ที่พวกเขามองว่ามีการกระทำที่ไม่น่าไว้ใจ

เมื่อถามถึงความไว้วางใจที่มีต่อธุรกิจผู้ขายสินค้าและบริการ ผู้บริโภคเกือบครึ่ง (47%) มองว่าธุรกิจไม่มีความโปร่งใสว่านำข้อมูลส่วนตัวของพวกเขาไปใช้อย่างไร และ 45% ลงความเห็นว่า พวกเข้าไม่เชื่อว่าธุรกิจจะใส่ใจดูแลเก็บรักษาข้อมูลส่วนตัวของพวกเขาให้ปลอดภัย

คุณค่าของแบรนด์มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ

ความเชื่อทางธุรกิจที่ว่า ธุรกิจไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหา หรือการโต้เถียงในระดับสังคมนั้นไม่จริงอีกต่อไปในมุมมองของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของธุรกิจถือเป็นสิ่งจำเป็นทางธุรกิจมากพอ ๆ กับจริยธรรมขององค์กร โดย 83% ของลูกค้าในประเทศไทยเลือกที่จะซื้อสินค้าจากบริษัทที่สนับสนุนการกุศล ขณะที่อีก 68% บอกว่าพวกเขาจะไม่ซื้อสินค้าจากบริษัทที่ไม่ให้ความสำคัญในเรื่องของความเท่าเทียมในสังคม นอกจากนี้ลูกค้า 56% ยังพยายามหาซื้อสินค้าจากบริษัทที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนอีกด้วย

อนึ่ง ผลสำรวจครั้งนี้เกิดขึ้นจากการสำรวจแบบปกปิดข้อมูลทั้งสองทาง (Double-Blind Survey) ซึ่งจัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 2-18 เมษายน 2562 โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 8,022 คน ในประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี ฮ่องกง อินเดีย อิตาลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ สเปน สวิตเซอร์แลนด์ ไทย สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา โดยทั้งหมดเป็นบุคคลที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับ “เซลล์ฟอร์ซ” และลูกค้าของ “เซลล์ฟอร์ซ”