บุกอาณาจักร “Motorcycle Living Lifestyle” 160 ล้านบาทของ “ดอม เหตระกูล”

alivesonline.com : ณ วันนี้ ผู้ชายคนนี้ยังคงมีผลงานการแสดงทางจอแก้วให้คอละครได้ติดตามอยู่เนือง ๆ พอให้แฟน ๆ คลายความคิดถึงสำหรับพระเอกคนดัง “ดอม เหตระกูล” ซึ่งในอีกบทบาทหนึ่งคือผู้บริหารธุรกิจส่วนตัวที่ใช้ความรักและปลูกปั้นมานานถึง 12 ปีในการนำเข้าและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ภายใต้ชื่อ บริษัท บริทไบค์ จำกัด และ บริษัท มอเตอร์ไซเคิล คิงดอม จำกัด

เบื้องแรกเขาเริ่มก่อตั้ง บริษัท บริทไบค์ จำกัด เพื่อนำเข้าและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์แบรนด์ “ไทรอัมพ์” (TRIUMPH) สายเลือดเมืองผู้ดีจากประเทศอังกฤษ เพื่อทำตลาดระดับกลางในเมืองไทย พร้อมจำหน่ายอุปกรณ์ตบแต่งรถจักรยานยนต์ รวมถึงศูนย์บริการหลังการขาย จนต่อมาจึงได้ขยับขึ้นมาสู่ตลาดระดับซูเปอร์พรีเมียมด้วยการก่อตั้ง บริษัท มอเตอร์ไซเคิล คิงดอม จำกัด เพื่อนำเข้าและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์สัญชาติอิตาลีภายใต้แบรนด์ “เอ็มวี ออกุสต้า” (MV AGUSTA) ซึ่งถือว่าประสบผลสำเร็จด้านยอดขายด้วยดีมาโดยตลอด

จากการคลุกคลีในวงการรถจักรยานยนต์และบิ๊กไบค์เป็นเวลานาน ทำให้ “ดอม เหตระกูล” มีโอกาสจัดกิจกรรม CSR ระดับโลกในนามของรถจักรยานยนต์ TRIUMPH ต่อเนื่องมาหลายปี นั่นคือ The Distinquish Gentleman’s Ride” ซึ่งเป็นการรวมพลสุภาพบุรุษนักบิดร่วมขับขี่รอบกรุงเทพฯ เพื่อกระตุ้นให้ผู้ชายตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพตนเองมากขึ้น ควบคู่ไปกับการส่งเสริมเรื่องของการขับขี่อย่างปลอดภัยและมีมารยาทในการขับขี่ พร้อมการระดมทุนสนับสนุนการต่อสู้กับโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก การดูแลสุขภาพจิต รวมถึงโรคร้ายที่เกิดกับผู้ชายทั่วโลกผ่านมูลนิธิ Movember (โมเวมเบอร์) มูลนิธิระดับนานาชาติเพียงแห่งเดียวที่เน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสุขภาพของสุภาพบุรุษ

“การจัดงานในแต่ละปีมีผู้นำรถจักรยานยนต์และบิ๊กไบค์เข้าร่วมกว่า 800 คัน และมีจำนวนผู้มาร่วมงานอีกกว่า 1.5 พันคน ทำให้ผมค้นพบว่าคนกลุ่มนี้ต้องการโอกาสและสถานที่ที่จะมาพบปะสังสรรค์พูดคุยกับคนที่มี Passion เดียวกันในเรื่องของรถจักรยานยนต์”

นั่นจึงเป็นมูลเหตุสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจครั้งใหญ่ในการต่อยอดธุรกิจด้วยการใช้เงินลงทุน 160 ล้านบาท ก้าวเข้าสู่วงการอสังหาริมทรัพย์ในการพัฒนาโครงการ “มิกซ์ยูส คอมเพล็กซ์” (Mixed-Used Complex) บนพื้นที่ 310 ตารางวา บริเวณปากซอยวิภาวดี 20 เป็นอาคารสูง 6 ชั้น ขนาดพื้นที่ใช้สอย 1.5 พันตารางเมตร ภายใต้แนวคิด “Motorcycle Living Lifestyle” โดยมุ่งหวังให้เป็นแหล่งชุมชน หรือ Community ของคนรักรถจักรยานยนต์และสถานที่แฮงเอาต์ของคนทำงานและคนทั่วไปได้มีโอกาสสัมผัสและมีประสบการณ์ร่วมกัน

 

  • จัด “ตลาดเช้า” สร้างอาคารมีชีวิต เปิดทำการเช้าจรดค่ำ

โครงการ “มิกซ์ยูส คอมเพล็กซ์” ภายใต้แนวคิดของ “ดอม เหตระกูล” นอกจากเป็นการตอบโจทย์ข้างต้นแล้ว ยังเท่ากับเป็นการสร้างอาณาจักรสำนักงานใหญ่และโชว์รูมแห่งใหม่ของ TRIUMPH และ MV AGUSTA โดยแบ่งสัดส่วนอย่างชัดเจน ดังนี้

ชั้น 1 เป็นศูนย์บริการโดยมี 6 เบย์ที่ให้บริการลูกค้าประจำและ 2 เบย์สำรองในกรณีฉุกเฉินสำหรับลูกค้าทั่วไป

ชั้น 2 เป็นโชว์รูม TRIUMPH ที่ตกแต่งด้วยคอนเซ็ปต์ TRIUMPH’s World

ชั้น 3 เป็นโชว์รูม MV AGUSTA ตกแต่งด้วยคอนเซ็ปต์ Motorcycle Gallery ที่ผสมผสานงานศิลปะ

ชั้น 4 เป็นสำนักงาน

ชั้น 5 ช่วงกลางวันเปิดเป็นร้านกาแฟ และ Working Space ตอบเทรนด์คนทำงานอิสระที่พักอาศัยอยู่ในย่านนี้ ส่วนในช่วงเย็นจะเปิดให้บริการร้านอาหาร SEE SKY ในลักษณะบาร์แอนด์เรสเตอรองค์ ขนาด 100-150 ที่นั่ง เพื่อรองรับกลุ่มกลุ่มพนักงานและผู้บริหารองค์กรต่างๆ

ชั้น 6 เป็นการจัดแสดงรถจักรยานยนต์แบรนด์ต่าง ๆ ในระดับซูเปอร์พรีเมียม

“ดอม เหตระกูล” บอกด้วยว่า โครงการ “มิกซ์ยูส คอมเพล็กซ์” แห่งนี้มีเป้าหมายสำคัญคือทำให้เกิดการหมุนเวียนของผู้ใช้บริการ (Traffic) อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เช้าจรดค่ำ มากกว่าเวลาทำการปรกติทั่วไปซึ่งส่วนใหญ่คือ 08.30-17.30 น. เพราะฉะนั้นหากจะลงทุนสร้างโชว์รูมเพียงอย่างเดียวเพื่อรอให้คนเข้ามาใช้บริการทั้งในเรื่องซื้อรถ หรือรับบริการซ่อมบำรุงเพียงอย่างเดียว ธุรกิจก็จะนิ่งและเติบโตช้ากว่าที่ควรจะเป็น แต่โมเดลของโครงการนี้ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จะช่วยทำให้มีกลุ่มคนหลากหลายที่มาใช้บริการอื่น ๆ มีโอกาสได้เห็นและสัมผัสกับวิถีของชาวไบค์เกอร์ซึ่งในวันหนึ่งเขาอาจกลับมาเป็นลูกค้าของ “บริทไบค์” และ “มอเตอร์ไซเคิล คิงดอม”

ด้วยเหตุนี้เขาจึงเตรียมแผนงานขั้นต่อไปด้วยการใช้พื้นที่ลานอเนกประสงค์หน้าโครงการจัดเป็น “ตลาดเช้า” หรือ Morning Market โดยจะรวบรวมอาหารเช้ารสชาติดีจากร้านดังมาให้บริการในลักษณะ Grab & Go

“เราต้องการใช้พื้นที่ทุกส่วนของโครงการให้มีประโยชน์สูงสุด จากปัจจุบันที่นอกจากให้บริการเรื่องรถจักรยานยนต์ในช่วงกลางวันแล้ว ช่วงเย็นถึงดึกเราก็มีห้องอาหารสำหรับคนทั่วไป ดังนั้นการจัดตลาดเช้าจึงเป็นคำตอบที่ลงตัว เพราะจากการศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของคนที่ใช้ชีวิตบนถนนวิภาวดีในละแวกที่ตั้งของโครงการ เราพบว่าส่วนใหญ่จะมีทั้งพนักงานออฟฟิศที่มีความเร่งรีบในการเข้างานช่วงเช้า รวมทั้งผู้พักอาศัยในคอนโดมีเนียมหลายแห่งที่มีความต้องการอาหารเช้าที่สามารถทำเองได้ เช่น ขนมครก น้ำเต้าหู้ โจ๊ก ต้มเลือดหมู และอื่น ๆ โดยขณะนี้เรากำลังหาติดต่อร้านอาหารดังที่มีความพร้อมมาออกพื้นที่ขายฟรีตั้งแต่เวลา 05.30-9.30 น. เพื่อให้โครงการนี้เป็นอาคารมีชีวิตเปิดทำการตั้งแต่เช้าจรดค่ำ”

  • มั่นใจคืนทุน 5-7 ปี หวังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้ตลาด

“ดอม เหตระกูล” บอกอีกว่า เขาตัดสินใช้เวลาไม่นานในการตัดใจลงทุนโครงการ “มิกซ์ยูส คอมเพล็กซ์” แห่งนี้ พร้อมใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 240 วัน โดยคาดว่าจะคืนทุนได้ภายใน 5-7 ปี จากรายได้หลัก 3 ส่วนคือ การขายรถจักรยานยนต์และอุปกรณ์เสริม 40% การบริการ 30% และอื่น ๆ 30% โดยจะใช้งบประมาณการตลาด 10-20% ของยอดขายผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียและเน้นสร้างการสื่อสารแบบปากต่อปากเป็นหลัก

“เป้าหมายหลักของการเปิดโครงการแห่งนี้คือการสร้างคอมมูนิตี้ของคนที่รักและมี Passion ในเรื่องรถจักรยานยนต์และบิ๊กไบค์เป็นอันดับแรก โดยมุ่งหวังให้คนที่ยังไม่มีบิ๊กไบค์ขับ จะได้ลองเข้ามาหาข้อมูลความรู้ ทั้งเรื่องรถ และทักษะการขับที่ถูกต้องปลอดภัย รวมถึงการสร้างมิตรภาพและเน็ตเวิร์กของคนในแวดวงบิ๊กไบค์ ซึ่งถือเป็นการเพิ่มมูลค่าให้ลูกค้าที่มาออกรถ หรือมาใช้บริการต่าง ๆ ที่นี่ โดยไม่จำกัดว่าจะเป็นแบรนด์ใด”

“ผมมั่นใจว่าโครงการจะเป็นปรากฎการณ์ใหม่ที่สร้างสีสันและความคึกคักให้ตลาด ตลอดจนเป็นมาตรฐานใหม่ของการทำ ไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้ที่ตอบโจทย์ความต้องการแบบเฉพาะกลุ่มได้อย่างลงตัว เพราะกลุ่มลูกค้าที่รักรถจักรยานยนต์มักชื่นชอบที่จะมีรถหลายคันหลากหลายแบรนด์ ในขณะที่สถานที่ตั้งของโครงการถือได้ว่าอยู่ท่ามกลางแบรนด์ต่าง ๆ คือ HARLEY DAVIDSON, DUCATI และ BMW ย่านดอนเมือง จึงน่าจะทำให้โครงการของเราเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ต้องการประสบการณ์แปลกใหม่”

  • ทำนายตลาดปี 62 โอกาสดีของรถมิดไซส์

“ดอม เหตระกูล” ยังกล่าวถึงแนวโน้มของตลาดรถจักรยานยนต์ปี 2562 ด้วยว่า รถจักรยานยนต์ขนาดกลาง หรือ “มิดไซส์” เครื่องยนต์ ขนาด 250-750 ซีซี ราคาเฉลี่ยเริ่มต้น 2-4 แสนบาท จะมีโอกาสได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคมากขึ้นด้วยเหตุผลด้านราคาและความคล่องตัวในการขับขี่ ขณะที่จุดเด่นของ TRIUMPH คือ การเป็นแบรนด์ที่อยู่ตรงกลางในตลาดรถบิ๊กไบค์ ระหว่างแบรนด์จากฝั่งญี่ปุ่นที่มีระดับราคาเริ่มต้นประมาณ 2 แสนกว่าบาทเหมาะ สำหรับผู้เริ่มต้นขับขี่รถบิ๊กไบค์ กับรถจากฟากฝั่งอเมริกา หรืออิตาลีที่มีราคาแตะหลักล้านบาท ขณะที่ TRIUMPH มีราคาเริ่มต้นประมาณ 4 แสนบาท รวมทั้งเรื่องของสมรรถนะของรถที่มีคุณภาพดีและขับขี่ง่าย ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ผู้มีโอกาสได้ขับขี่จะสามารถสัมผัสได้ ประกอบกับอยู่ในระดับราคาที่มีโอกาสในการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ ๆ เพิ่มเติมได้ง่ายอีกด้วย

“การที่แบรนด์ของเรามีระดับราคาอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 กลุ่ม ทำให้ผู้ที่เคยขับขี่รถบิ๊กไบค์ของญี่ปุ่น เมื่อมีโอกาส หรือมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นก็อยากจะขยับมาสู่แบรนด์ที่มีราคาสูงขึ้นมา ทำให้เราเป็นหนึ่งในตัวเลือก ขณะที่กลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงในตลาดบนเมื่อต้องการมองหารถคันใหม่เพิ่มเติม TRIUMPH จึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ไม่ยากนัก โดยตลอด 10 ปีที่เราทำตลาดมาก็มียอดขายเติบโตต่อเนื่องทุกปี จากปีแรกที่มียอดขาย 34 คัน จนก่อนที่บริษัทแม่ของ TRIUMPH จะเข้ามาทำตลาดเอง เราสามารถทำยอดขายได้เกือบ 300 คันเลยทีเดียว”

ส่วนการทำตลาด MV AUGUSTA เป็นเพราะความนิยมรถบิ๊กไบค์ในประเทศไทยมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ชายที่ชื่นชอบมอเตอร์ไซค์ส่วนใหญ่จะขยับมาสู่กลุ่มบิ๊กไบค์มากขึ้น ประกอบกับค่ายรถญี่ปุ่นเริ่มนำรุ่นบิ๊กไบค์มาทำตลาดมากขึ้น แม้ว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจโดยรวมอาจทำให้ยอดขายชะลอตัวลงบ้างแต่โดยรวมยังคงเติบโตได้อยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มรถระดับพรีเมียมแทบไม่ได้รับผลกระทบมากนัก “ดอม เหตระกูล” จึงตัดสินใจขยายตลาดมาโดยเสนอราคาเริ่มต้นประมาณ 8.5 แสนบาทซึ่งได้รับผลตอบรับในระดับที่น่าพอใจ

นับจากนี้ไป “ดอม เหตระกูล” จะมีบทบาทอย่างไรในแวดวงธุรกิจจึงเป็นเรื่องน่าติดตามไม่แพ้ผลงานทางจอแก้วเลยทีเดียว !

 

GS BATTERY ขานรับกระทรวงคมนาคม จัดกิจกรรมลดอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์

 

alivesonline.com : GS BATTERY แบตพลังอึด ร่วมมือกระทรวงคมนาคม และตำรวจทางหลวง สานต่อโครงการ “GS BATTERY พร้อมเป็นพลังให้คุณทุกเส้นทาง” ร่วมเป็นพลังส่งพี่น้องชาวไทยเดินทางปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 62 ยกระดับขานรับนโยบายลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์เหลือร้อยละ 5

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคม ได้เตรียมการรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2562 โดยมอบนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดบูรณาการร่วมกันเพื่อส่งประชาชนกลับบ้านได้อย่างมี “ความสุข สะดวก ประหยัด และปลอดภัย” ระหว่างวันที่ 11-17 เม.ย.62 รวมระยะเวลา 7 วัน โดยตั้งเป้าหมายว่า ประชาชนต้องได้รับความสะดวกในการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะอย่างเพียงพอ ไม่ล่าช้าและไม่มีผู้โดยสารตกค้าง บริหารจัดการจราจร เส้นทางบนโครงข่ายคมนาคมไม่ติดขัด หรือหยุดนิ่งเป็นเวลานาน สามารถเคลื่อนตัวไปได้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายลดจำนวนการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้บาดเจ็บบนโครงข่ายคมนาคม จะต้องลดลงร้อยละ 5 โดยจำนวนการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้บาดเจ็บบนโครงข่ายคมนาคมที่เป็นจุดเสี่ยง จุดควบคุมและสายทางเฝ้าระวัง จะต้องลดลงร้อยละ 10 ขณะเดียวกันผู้ประจำรถโดยสารสาธารณะ รถไฟ เรือ ต้องมีเวลาพักผ่อนอย่างเพียงพอ ตามมาตรฐานและข้อกำหนดความปลอดภัย ไม่เสพสิ่งเสพติด ปริมาณแอลกอฮอล์ในลมหายใจต้องเป็น 0 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ไม่มีผู้เสียชีวิตจากการใช้บริการในระบบขนส่งสาธารณะทั้งทางถนน ทางราง และทางน้ำ ไม่มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนทางด่วน ทางยกระดับดอนเมือง และทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ไม่มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางรถไฟกับถนน และทางลักผ่าน

 

ด้าน พลตำรวจตรี ชัช สุกแก้วณรงค์ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2562 กรมทางหลวงคาดการณ์ว่าจะมีปริมาณรถยนต์เดินทางออกจากกรุงเทพฯ เพื่อกลับไปเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ยังภูมิลำเนาตามภาคต่าง ๆ เป็นจำนวนมากกว่าที่ผ่านมาถึงร้อยละ 4.1 โดยคาดว่าจะมีปริมาณรถช่วงขาออกมากกว่า 3.9 ล้านคน คิดเป็นรถที่เดินทางไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากกว่า 5.9 แสนคัน

กองบังคับการตำรวจทางหลวง เล็งเห็นถึงความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน และความสะดวกในการจราจรของพี่น้องประชาชนผู้เดินทางในช่วงเวลาดังกล่าว จึงได้ดำเนินมาตรการในการป้องกันอุบัติเหตุและอำนวยการจราจรใน 3 มิติหลักคือ การป้องกันอุบัติเหตุทางถนน การอำนวยการจราจร และการให้บริการแก่พี่น้องประชาชน โดยร่วมกับเครือข่ายภาครัฐและจิตอาสา ได้แก่ วิทยาลัยอาชีวะการอาชีพ บริษัท สยามยีเอสเซลล์ จำกัด บริษัท สยามกลกาลอะไหล่ จำกัด กลุ่มธุรกิจ TCP และร้านอาหารข้าวแกงบ้านสวน จ.พระนครศรีอยุธยา จัดโครงการ “GS BATTERY พร้อมเป็นพลังให้คุณทุกเส้นทาง” ในวันที่ 11-12 เม.ย.62 เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางและสร้างความนันทนาการด้านต่าง ๆ ให้แก่พี่น้องประชาชนผู้เดินทางในช่วงเวลาดังกล่าวได้รับความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

นายมนไทย เลาหะวณิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามยีเอสเซลส์ จำกัด ผู้นำตลาดแบตเตอรี่ในประเทศไทยมากว่า 60 ปี กล่าวเสริมถึงการจัดกิจกรรมคืนกำไรสู่สังคมช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2562 ภายใต้โครงการ “GS BATTERY พร้อมเป็นพลังให้คุณทุกเส้นทาง” ว่า โครงการดังกล่าวจัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 7 เพื่อสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการรณรงค์ลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุช่วงวันหยุดยาว โดยบริษัทฯ ใช้งบประมาณกว่า 2.5 ล้านบาท ในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ซึ่งประกอบด้วยเปิดให้บริการตรวจเช็คสภาพแบตเตอรี่รถยนต์ฟรี โดยช่างผู้ชำนาญการจาก GS BATTERY พร้อมมอบแบตเตอรี่ Hybrid Extra 135 และ แบตเตอรี่ รุ่น MFX Series รวมทั้งสิ้น 15 ลูก ให้แก่กองบังคับการตำรวจทางหลวง เพื่อให้ประโยชน์ในหน่วยงานราชการ นอกจากนั้นยังมอบน้ำดื่ม 2.1 หมื่นขวด ผ้าเย็น 7 พันผืน และพัด 4 อัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่พี่น้องประชาชนผู้เดินทางรวมมูลค่ากว่า 2.5 ล้านบาท

 

กิจกรรมครั้งนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 11-12 เม.ย.62 ใน 3 พื้นที่หลักคือ จุดใหญ่ ซึ่งเป็นจุดหลักที่ร่วมมือกับ กองบังคับการตำรวจทางหลวงคือ ร้านอาหารข้าวแกงบ้านสวน 2 จ.พระนครศรีอยุธยา และจุดย่อย บริเวณจุดพักรถถนนมอเตอร์เวย์ ฝั่งขาออก จ.ฉะเชิงเทรา และหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยจะร่วมมือ กองบังคับการตำรวจทางหลวง ให้ความรู้ร่วมรณรงค์ในเรื่องขับช้าตามที่กฎหมายกำหนด ช่วยลดอุบัติเหตุถึงบ้านปลอดภัย, คาดเข็มขัด ทุกครั้ง ทุกที่นั่ง ขณะขับขี่ และโดยสาร, เปิดไฟหน้าในเวลากลางวัน ช่วยลดอุบัติเหตุในเวลากลางวัน 30%,มอเตอร์ไซค์ ใส่หมวกกันน็อก สามารถลดความรุนแรงของอุบัติเหตุได้ 69%

“แบตพลังอึด GS BATTERY จะยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์และคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนสร้างสรรค์กิจกรรมดี ๆ เพื่อตอบแทนสังคม และสนับสนุนนโยบายของภาครัฐในการรณรงค์ขับขี่ปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ เพื่อให้คนไทยทุกคนเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง ผู้สนใจ พบกับกิจกรรมดี ๆ ของ GS BATTERY และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.gsBATTERY.co.th” นายมนไทย กล่าวในที่สุด

แคมเปญดีๆ “Humans of Krungsri” สร้างจุดร่วมสงวนจุดต่างสานสัมพันธ์องค์กร

alivesonline.com : “แคมเปญ Humans of Krungsri ภาพสะท้อนของ Diversity หรือความหลากหลายที่มีอยู่อย่างชัดเจนในองค์กรอย่างแรกคือ ลักษณะเฉพาะขององค์กรเราที่ไม่เหมือนแบงก์อื่นเลยคือ การมีความหลากหลายมากที่สุดที่เราเรียกว่า Diversity ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติของพนักงาน ความศรัทธาในศาสนาที่ต่างกัน หรือความหลากหลายของเจนเนอเรชั่น

เพราะความหลากหลายคือความสวยงาม ถ้าหากถูกหยิบนำไปใช้ในทางที่เหมาะสม แนวคิดการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจที่เน้นความแตกต่างให้สามารถกลายมาเป็นพลังก้าวสู่ความเป็นหนึ่งเดียวขององค์กรกับแคมเปญดี ๆ ในแบบของ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ผ่าน “คลิปในโลกโซเชียล” ที่แสดงให้เห็นถึงแนวคิดสร้างสรรค์ในแบบของคนรุ่นใหม่ที่จะมาสร้างความแตกต่างให้กลายเป็นจุดร่วม

“วิธพล เจาะจิตต์” ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านทรัพยากรบุคคล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงที่มาและแนวคิดในแคมเปญนี้ว่า

“7,000 ล้าน คือตัวเลขของประชากรโลก 2,300 คือจำนวนภาษาที่คนในทวีปเอเชียใช้สื่อสารกัน 56 คือตัวเลขกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีอยู่ในประเทศไทย สิ่งที่พบในตัวเลขจำนวนเหล่านี้ของผู้คน หรือ Humans นั่นคือความหลากหลายที่ทำให้โลกเกิดพลวัตอันน่าทึ่ง แม้ว่ามนุษย์เราจะมีความเคยชินและมักจะเลือกรับรู้สิ่งที่เหมือนหรือคล้ายกับตน เมื่อพบเจอกับคนที่มีความแตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา การแต่งกาย ลักษณะนิสัย ความเชื่อถือศรัทธา หรือวัฒนธรรมประเพณีการใช้ชีวิต เราก็อาจไม่คุ้นชินนี่เองที่พาไปสู่การแบ่งพรรคแบ่งพวกไปโดยปริยายซึ่งย่อมเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนสังคมไปข้างหน้าและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ”

ทั้งนี้ เพราะสังคมไทยได้ชื่อว่าเป็น “สังคมพหุวัฒนธรรม” การเปิดพื้นที่ให้ความแตกต่างหลากหลายได้มีที่ยืนในสังคมจึงเป็นเรื่องสำคัญหากเราต้องการสังคมที่น่าอยู่ การมองความหลากหลายเป็นเรื่องสวยงามและความแตกต่างเป็นเรื่องปกติวิสัย ทำให้ผู้คนยอมรับและเคารพซึ่งกันและกัน แม้จะมีข้อขัดแย้งกันบ้างก็ย่อมมีหนทางแก้ไขปัญหาได้โดยง่าย

นั่นจึงเป็นที่มาของแคมเปญ “Humans of Krungsri” ภาพสะท้อนของ Diversity หรือความหลากหลายที่มีอยู่อย่างชัดเจนในองค์กร อย่างแรกคือลักษณะเฉพาะองค์กรของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ที่ไม่เหมือนธนาคารอื่นคือ การมีความหลากหลายมากที่สุดที่เรียกว่า Diversity ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติของพนักงาน ความศรัทธาในศาสนาที่ต่างกัน หรือความหลากหลายของเจนเนอเรชั่นซึงมีคนทั้ง 4 รุ่นอยู่ในองค์กรเดียวกัน ตั้งแต่ระดับของคณะกรรมการธนาคารซึ่งเป็น รุ่น “เบบี้บูมเมอร์” ซึ่งมีหลายท่านที่มีอายุมากกว่า 70 ปี ขณะที่ผู้บริหารส่วนใหญ่เป็นเจนเนอเรชั่น X และเริ่มมีผู้บริหารที่เป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทในเครือที่เป็นเจนเนอเรชั่น Y กล่าวคือองค์กรของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ไม่ได้จำกัดว่าต้องแก่ถึงจะโตได้

“วิธพล เจาะจิตต์” กล่าวด้วยว่า ในปี 2561 ถือเป็นเป็นปีแรกที่เริ่มมีคนทำงานในรุ่น “เจนเนอเรชั่น M” หรือ “Millennial Generation” เข้ามาในตลาด เพราะฉะนั้นในองค์กรของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) จึงมีทั้ง 4 เจนเนอชั่นอยู่ร่วมกัน แม้แต่ผู้บริหารระดับสูงก็มีตั้งแต่คนไทย ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย อินเดีย จะเห็นได้ว่ามีความหลากหลายมาก ซึ่งถือเป็นพื้นฐานแรกของความคิดว่าองค์กรเราเป็นอย่างไรและเป็นความมีอยู่ที่เป็นไปโดยธรรมชาติ ถัดมาคือเรามีความภูมิใจในความหลากหลายนี้เพราะเป็นจุดเด่นของเรา ในฐานะผู้บริหารอยากให้คนในองค์กรของกรุงศรี มองความต่างในเชิงของการได้ใช้ประโยชน์ การได้เรียนรู้ และการได้ใช้ประโยชน์จากมุมมองที่แตกต่างมาประสานแนวคิด

“ในฐานะผู้นำองค์กรที่รับผิดชอบดูแลด้านทรัพยากรบุคคลโดยตรง เชื่อว่า Diversity คือที่มาของเรื่องความเข้าใจในมนุษย์อย่างแท้จริง เพราะมนุษย์มีความเป็นหมู่เป็นเหล่า ธรรมชาติแยกพวกอยู่แล้ว แต่ประเด็นคือถ้าเรามัวโฟกัสแต่คนที่เหมือนเรา เราจะไม่ได้อะไรที่เพิ่มมูลค่าให้ชีวิตเลย ไม่ว่าจะเป็นมูลค่าทางความคิด มูลค่าการสร้างสิ่งใหม่ รวมถึงมูลค่าทางจิตใจด้วย”

ที่มาของ “Humans of Krungsri” คืออยากจะให้คนย้อนคิดถึงมุมมองของแต่ละคน ให้มองความแตกต่างอย่างสร้างสรรค์และตัวเขาเองจะมีความภูมิใจในสิ่งที่คน ๆ นั้นเป็น คือเราคิดว่าองค์กรคือการรวมตัวของผู้คน และถ้าหน่วยเล็ก ๆ คือ คนแต่ละคนไม่ได้มีความรู้สึกแบบนี้ องค์กรจะเป็นองค์กรที่ดีไม่ได้

“วิธพล เจาะจิตต์” กล่าวด้วยว่า เทรนด์ Diversity ในกระแสโลกจะไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยเฉพาะในสังคมประเทศที่เจริญมักให้ความสำคัญในเรื่องความหลากหลายของมนุษย์ ทั้งในเรื่องความหลากหลายทางเพศ ไปจนถึงเรื่องของความแตกต่างหลากหลายทางเชื้อชาติ ศาสนา หรือวัฒนธรรมก็ตาม

“สำหรับองค์กรใหญ่อย่างกรุงศรีที่ดำเนินธุรกิจมายาวนานถึง 74 ปี Diversity จึงไม่ใช่แค่การยอมรับในความหลากหลายเท่านั้น แต่คือ การ Respect Individual หรือการเคารพในปัจเจกชน โดยความคาดหวังในการนำเสนอแคมเปญ Humans of Krungsri ต่อสังคมหลังจากที่กรุงศรีได้ทยอยปล่อยคลิปออกมาเป็นซีรี่ส์หลายตอนอย่างต่อเนื่องนั้น มีความคาดหวัง 3-4 ประการ อั สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้ตลาดรู้ว่าเราเป็นคนยังไงคือ การสะท้อนมาจากพนักงานของเรา เพราะฉะนั้นวัตถุประสงค์ที่หนึ่งคือ อยากให้คนภายนอกรู้จักพนักงานของเราจริง ๆ เป็นการรู้จักองค์กรของเราผ่านพนักงาน”

“ขณะที่ข้อที่สองคือ ต้องการจะถ่ายทอดประสบการณ์จริงให้ตลาดได้รับรู้ เผื่อคนสนใจจะมาอยู่ด้วยกันจะได้ไม่ผิดหวัง เพราะซีรี่ส์เราไม่ได้ใช้ดารานักแสดง ทุกคนล้วนเป็นคนในองค์กร ใครเข้ามาจะพบอย่างนี้จริง ๆ อย่างคลิปแรก เรามีน้องพนักงานที่จริง ๆ เป็นผู้ชาย แต่ความฝันเขา ความชอบของเขา เป็นเรื่องธรรมชาติ ซึ่งเราต้องเคารพความชอบของเขา องค์กรเราไม่ได้ซีเรียส ถ้ามีข้อด้อยในเรื่องการได้ยิน แต่ถ้าทำงานได้เสมือนพนักงานที่ได้ยินร้อยเปอร์เซ็นต์ ทำไมเราจะไม่รับ”

“ข้อสาม อยากให้คนในองค์กรภูมิใจว่า เรามีสิ่งที่ดี ที่แตกต่าง และเป็นเอกลักษณ์ในองค์กร ส่วนข้อสี่อยากให้เห็นแนวคิดของคนแต่ล่ะรุ่นที่สื่อสารผ่านซีรี่ส์แรก เป็นแนวคิดของการดูแล การให้โอกาส เปิดกว้าง มีน้ำใจ และช่วยเหลือกัน”

สำหรับซีรี่ส์ทั้ง 5 คลิปที่นำเสนอผ่านทางโซเชียลมีเดีย แสดงให้เห็นความหมายของ “Humans of Krungsri” คือ The Equality (เรื่องราวของพนักงานที่มีความพิการทางการได้ยินและการพูด), The Happiness (เรื่องราวของพนักงานหญิงชาวมุสลิมในจังหวัดนครศรีธรรมราช), The Glocal CEO (เรื่องราวของคุณโนริอากิ ผู้บริหารระดับสูงชาวญี่ปุ่น ซึ่งเป็น CEO ของกรุงศรี), The Opportunity (เรื่องราวของพนักงานหญิงในโครงการ GAIA ของกรุงศรีที่ให้โอกาสพนักงานได้ไปฝึกงานร่วมกับทีมการเงินมืออาชีพในญี่ปุ่น) และ The Word of Wisdom (เรื่องราวเกี่ยวกับประธานกรรมการแห่งกรุงศรี ผู้ผ่านประสบการณ์และความเปลี่ยนแปลงขององค์กรมากว่า 45 ปี)

ทั้งหมดคือซีรี่ส์ที่สะท้อนภาพของความหลากหลายในองค์กรแห่งนี้ดังแฮชแทค #Diversity

 

“เชนการ์ด” ทุ่ม 30 ล้านบาทลุยกิจกรรมตลาดแชมพูสุนัข


alivesonline.com : “เชนการ์ด” ผู้นำตลาดแชมพูสุนัขของเมืองไทย ส่ง “เชนการ์ด คอมพลีท”
3 สูตรใหม่ ลุยตลาดธุรกิจสัตว์เลี้ยงเอาใจคนรักสุนัข พร้อมทุ่มงบกว่า 30 ล้านบาท จัดกิจกรรมครบสูตรต่อเนื่องตลอดปี ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

นายสิริณัฏฐ์ ชญาน์นันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เชอร์วู้ด คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้นำตลาดแชมพูสำหรับสุนัข ภายใต้แบรนด์ “เชนการ์ด” เปิดเผยว่า จากการใช้ชีวิตของคนไทยและทั่วโลกที่มีจำนวนคนโสดมากขึ้นและเริ่ทเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จึงทำให้สัตว์เลี้ยงกลายมาเป็นเสมือนลูกหรือเพื่อน ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงมีการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุก ๆ ปี “เชนการ์ด” ในฐานะผู้นำตลาดแชมพูสำหรับสุนัขในเมืองไทย จึงเตรียมจัดกิจกรรมต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2562 เพื่อกระตุ้นตลาดโดยครึ่งปีแรกพร้อมส่งผลิตภัณฑ์ “เชนการ์ด คอมพลีท” 3 สูตรใหม่ ด้วยคอนเซปต์ “หอม นุ่ม ไร้เห็บหมัด น้องหมากดไลค์ คนใช้กดเลิฟ”

ในปี 2562 “เชนการ์ด คอมพลีท” ได้วางแผนกิจกรรมการตลาดที่หลากหลายและต่อเนื่องให้กลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างความเคลื่อนไหวของผลิตภัณฑ์ให้อยู่ในกระแสตลาดตลอดเวลา ครอบคลุมทั้งการจัดโปรโมชันและการส่งเสริมการขายต่าง ๆ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคซื้อซ้ำ พร้อมทั้งสร้างการรับรู้และสร้างการจดจำ รวมถึงจัดโรดโชว์และแจกสินค้าตัวอย่าง (Sampling) ให้กลุ่มเป้าหมาย พร้อมทั้งมีแคมเปญใหญ่ ๆ สำหรับกลุ่มลูกค้าอีกด้วย อาทิ การร่วมออกบูธในงานแฟร์ต่าง ๆ  เช่น “เพ็ท เอ็กซ์โป ไทยแลนด์” รวมถึงกิจกรรมเพื่อสังคม เป็นต้น เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดเมืองไทยที่มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องทั้งการปรับภาพลักษณ์ให้ดูทันสมัยและออกสูตรใหม่ ๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้มากยิ่งขึ้น

นายสิริณัฏฐ์ กล่าวด้วยว่า ในปี 2562 บริษัทฯ ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางการค้าเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของสินค้าและกระตุ้นยอดขาย รวมถึงขยายและเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายให้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น พร้อมขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นและสร้างความใกล้ชิดระหว่างแบรนด์กับลูกค้าด้วย โดยใช้งบประมาณกว่า 30 ล้านบาท สำหรับกิจกรรมทางการตลาดปูพรมสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ครบทุกช่องทาง ทั้งวิทยุ สื่อสิงพิมพ์ และสื่อออนไลน์ เพื่อให้ครอบคลุมครบวงจร ทั้งแบบ Below the line และ Above the line

“ปัจจุบันตลาดรวมสินค้าเพื่อสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 7.5 พันล้านบาท มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องขึ้นปีละประมาณ 20% โดยในปี 2561  “เชนการ์ด” มีการเติบโต ประมาณ 35% ส่วนในปี 2562 ได้ตั้งเป้าการเติบโตไว้ประมาณ 40% จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ตลอดจนจัดกิจกรรมทางการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าในวงกว้างอย่างต่อเนื่อง”

สำหรับผลิตภัณฑ์ “เชนการ์ด คอมพลีท” 3 สูตรใหม่ ประกอบด้วย “เชนการ์ด คอมพลีท สเมลลี่แฮร์” สูตรกำจัดเห็บหมัด สำหรับสุนัขมีกลิ่นสาบ (สีแดง) สูตรกำจัดเห็บหมัดอย่างได้ผล หอมสดชื่นทุกครั้งที่อาบ ช่วยลดกลิ่นสาบ อ่อนโยนต่อผิว รักษาสมดุล และความชุ่มชื่นของผิว ไม่ระคายเคือง ช่วยให้ขนนุ่ม น่าสัมผัส “เชนการ์ด คอมพลีท ลองแฮร์” สูตรกำจัดเห็บหมัด สำหรับสุนัขขนยาว (สีม่วง) สูตรกำจัดเห็บหมัดอย่างได้ผล หอมสดชื่นทุกครั้งที่อาบ ช่วยให้ขนนุ่มสลวย ลดการพันกันของเส้นขน อ่อนโยนต่อผิว รักษาสมดุล และความชุ่มชื่นของผิว ไม่ระคายเคือง และ “เชนการ์ด คอมพลีท ชอตแฮร์” สูตรกำจัดเห็บหมัด สำหรับสุนัขขนสั้น (สีเขียว) สูตรกำจัดเห็บหมัดอย่างได้ผล หอมสดชื่นทุกครั้งที่อาบ บรรเทาอาการคัน อ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย รักษาสมดุล และความชุ่มชื่นของผิว ไม่ระคายเคือง ช่วยให้ขนนุ่ม น่าสัมผัส

ผลิตภัณฑ์ “เชนการ์ด คอมพลีท” 3 สูตรใหม่ มีวางจำหน่ายแล้วในราคา 89 บาท ผ่านทุกช่องทางทั้งเทรดดิชันอนอลเทรดและโมเดิร์นเทรด เช่น ท็อปส์, บิ๊กซี, เทสโก้โลตัส, แม็กซ์แวลู, แม็คโคร, แฟมิลี่ มาร์ท, ฟูดส์แลนด์, วิลล่า มาร์เก็ต, 7-11 และห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ

 

 

“เบนซ์ สตาร์แฟลก” อัดแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ “Motor Show OK!”

บริษัท สตาร์แฟลก จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการ ขอขอบคุณลูกค้าด้วยที่สุดแห่งโปรโมชั่นยิ่งใหญ่ Motor Show OK!” ลดจริง แจกจริง ลุ้นรับส่วนลดเงินสดถึง 1,000,000 บาท กับรถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ หลากรุ่นที่ผ่านการคัดสรรและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้งานทั้งของคนเมืองและผู้ที่รักการเดินทาง พร้อมความหรูหราที่สุดแห่งยนตรกรรม เมื่อจองและออกรถทุกรุ่นทุกคันที่ร่วมรายการ ข้อเสนอเดียวกับงาน Motor Show 2019 ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 7 เมษายน 2562 พร้อมเงื่อนไขพิเศษเฉพาะที่ “เบนซ์สตาร์แฟลก” ที่เดียว

นายชยุส ยังพิชิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์แฟลก จำกัด ในนาม เบนซ์สตาร์แฟลก ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการ กล่าวว่า ด้วยอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจในประเทศไทย ส่งผลให้ความต้องการในด้านต่าง ๆ ของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น รวมถึง ความต้องการครอบครองในด้านยนตรกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และความหรูหราที่มาพร้อมสมรรถนะความเป็นเลิศในการใช้งาน “เบนซ์สตาร์แฟลก” จึงขอมอบแคมเปญจัดหนักอีกครั้งกับ “Motor Show OK!” ที่ลดจริง แจกจริง ลุ้นรับส่วนลดเงินสดถึง 1,000,000 บาท เมื่อจองและออกรถทุกรุ่นทุกคันที่ร่วมรายการ ข้อเสนอเดียวกับงาน Motor Show 2019 ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 7 เมษายน 2562

ข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับรถยนต์ เมอร์เซเดส เบนซ์รุ่นที่ร่วมรายการ

  • MercedesBenz EClass รถยนต์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนเมือง ด้วยเทคโนโลยีของ Plug-in Hybrid สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าแทนการใช้น้ำมัน จากการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า จึงเป็นเทคโนโลยีที่คุ้มค่าและเป็นทางเลือกใหม่สำหรับเทคโนโลยีของการประหยัดพลังงาน มาพร้อมฟังก์ชั่นที่เสิร์ฟความบันเทิงเต็มอิ่มกับจอแสดงผลความละเอียดสูงแบบ Widescreen Cockpit กว้างถึง 12.3 นิ้ว ให้คุณเชื่อมต่อโลกออนไลน์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด ไม่พลาดในทุกจังหวะของการใช้ชีวิต

***ลุ้นเป็นผู้โชคดีรับส่วนลดเงินสด 1,000,000 บาท* โปรโมชั่น จัดใหญ่ แจกจริง จาก Benz Star Flag Motor Show OK!” ที่จะทำให้คุณเป็นเจ้าของ MercedesBenz E350 e Avantgarde ในราคาเพียง 2,580,000 บาทจากราคาแนะนำ 3,580,000 บาท

  • MercedesBenz GLC โลดแล่นไปกับทุกการเดินทาง อีกระดับของการขับขี่ที่เหนือกว่ากับ Mercedes-Benz GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD ด้วยระบบ 4MATIC ให้กำลังขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ที่สุดแห่งความคุ้มค่าของการใช้งานที่รองรับความสะดวกสบายกับพื้นที่ใช้สอยบรรทุกสัมภาระมากถึง 1,600 ลิตร พร้อมระบบเปิด–ปิด บานประตูท้ายอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า ให้ความท้าทายทุกขีดจำกัดขับเคลื่อนคุณไปได้ไกลกว่า

***ลุ้นเป็นผู้โชคดีรับส่วนลดเงินสด 1,000,000 บาท โปรโมชั่น จัดใหญ่ แจกจริง จาก Benz Star Flag Motor Show OK!” ที่จะทำให้คุณเป็นเจ้าของ MercedesBenz GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD ในราคาเพียง 2,290,000 บาท จากราคาแนะนำ 3,290,000 บาท

  • MercedesBenz SClass สัญลักษณ์แห่งผู้นำอย่างสมบูรณ์แบบ ทุกฟังก์ชั่นของความหรูหราและดีไซน์ที่งดงามแบบไร้ที่ติ อีกระดับของความสบาย ผ่อนคลายในทุกการเคลื่อนไหว ด้วยระบบ ENERGIZING Comfort Control ที่ควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ สั่งงานด้วย Touchpad เสมือนเปลี่ยนโลกไปอีกใบ ให้คุณเปิดมุมมองได้กว้างขึ้นกับหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ ความมีระดับที่คุณคู่ควร

***ลุ้นเป็นผู้โชคดีรับส่วนลดเงินสด 1,000,000 บาท โปรโมชั่น จัดใหญ่ แจกจริง จาก Benz Star Flag Motor Show OK!” ที่จะทำให้คุณเป็นเจ้าของ MercedesBenz S 350 d Exclusive ในราคา เพียง 5,390,000 บาท จากราคาแนะนำ 6,390,000 บาท

 

“นิช คาร์ กรุ๊ป” เผยโฉม “แมคลาเรน 720 เอส สไปเดอร์” (McLaren 720S Spider)

บริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ “แมคลาเรน” อย่างเป็นทางการเพียงรายเดียวในประเทศไทย ชวนสาวกซูเปอร์คาร์ร่วมสัมผัสประสบการณ์ครั้งใหม่ของเหล่ารถหรูในตระกูล “แมคลาเรน” แบรนด์รถยนต์ซูเปอร์คาร์ระดับโลกเพียงรายเดียวที่ยังคงความเป็นซูเปอร์คาร์ ในงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40”

พบกับโครงสร้างรถ “แมคลาเรน” สุดยอดเทคโนโลยีต้นแบบรถ “แมคลาเรน” ที่ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อใช้สำหรับการแข่งขันระดับตำนาน ฟอร์มูล่าวัน, แมคลาเรน 570 เอส สไปเดอร์ (McLaren 570S Spider) หนึ่งในสปอร์ตซีรีส์ทรงพลัง ถูกพัฒนาต่อยอดจาก “แมคลาเรน 650เอส” ให้มีน้ำหนักเบาและสะดวกสบายขึ้น โดยราคาจำหน่ายเริ่มต้นอยู่ที่ 26.5 ล้านบาท และพิเศษสุดกับการเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยของ “แมคลาเรน 720เอส สไปเดอร์” (McLaren 720S Spider) ที่สุดของยนตกรรมแห่งความแรงที่เคยมีมา ราคาจำหน่ายเริ่มต้นอยู่ที่ 28.5 ล้านบาท

ร่วมสัมผัสความเร็วและความแรงรวมถึงจับจองเป็นเจ้าของก่อนใครได้แล้วตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 7 เมษายน 2562 ณ บูธ A19/2 ชาเลนเจอร์ฮอลล์1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี หรือสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่โทร 02-321-1111 และ www.facebook.com/McLarenTH

“ไอซ์ สตรอว์เบอร์รี แพสชั่นฟรุต” ดับร้อนรับซัมเมอร์

“คาเฟ่ แคนทารี” ในเครือ เคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์ จัดเต็มความเย็นฉ่ำ ต้อนรับซัมเมอร์ด้วย “ไอซ์ สตรอว์เบอร์รี แพสชั่นฟรุต” เครื่องดื่มคลายร้อนรสชาติจี๊ดจ๊าดหวานซ่อนเปรี้ยว อุดมไปด้วยวิตามินเอและซี พร้อมคุณประโยชน์คับแก้ว ให้คุณได้ชื่นใจกับน้ำเสาวรส ผลสตรอว์เบอร์รีสด และใบสะระแหน่ ความอร่อยสดชื่นที่เข้ากันได้อย่างลงตัว ในราคาแก้วละ 90 บาท (สุทธิ) ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2562

“คาเฟ่ แคนทารี” ยังพร้อมเสิร์ฟเค้ก และเบเกอรี่อบสดใหม่สไตล์โฮมเมด อาหารว่างและอาหารจานอร่อย อาทิ สลัด พาสต้า พิซซ่า ติ่มซำ ไอศกรีมอิตาเลียน และเครื่องดื่มหลากหลายเมนู รวมทั้งกาแฟพรีเมียมรสเลิศ “ลาวาซซ่า” จากประเทศอิตาลี ท่ามกลางบรรยากาศการตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่นสบาย ๆ และทันสมัย

พบกับ “คาเฟ่ แคนทารี” ทั้ง 9 สาขา อยุธยา ปราจีนบุรี บางแสน เชียงใหม่ เกาะยาวน้อย โคราช ภูเก็ต ระยอง และศรีราชา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call center: 1627 หรือ โทร. 0 5344 1559 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.cafekantary.com

“แบรนด์ซุปไก่” ร่วมรณรงค์ลดอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์

นางสาวนันทนา ขาวปลื้ม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แบรนด์ ซันโทรี่ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ ตำรวจทางหลวง สานต่อแคมเปญ “ง่วงไม่ขับ พักดื่มแบรนด์” ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2562 ด้วยการณรงค์ให้ขับขี่ปลอดภัย พร้อมจัดจุดรณรงค์ให้ผู้ขับขี่แวะพักรับ “แบรนด์ ซุปไก่สกัด” ให้ดื่มเพิ่มความสดชื่นฟรี รวม 45,000 ขวด ในเส้นทางที่มีการสัญจรหนาแน่นจำนวน 6 จุด ทั่วประเทศ คือ จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย จ.ขอนแก่น จ.นครราชสีมา จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.สุราษฎร์ธานี

พร้อมกันนี้ยังได้ร่วมมือจากพันธมิตรทางธุรกิจที่ดีคือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการสถานีบริการน้ำมัน PTT ทั่วประเทศ ให้เป็นสถานที่หลักในการรณรงค์สำหรับผู้ขับขี่เพื่อหยุดพักระหว่างการเดินทาง ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2562 ถึง 23 เมษายน 2562 รวมทั้งยังได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ปตท. บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด เพื่อรณรงค์โครงการฯ ผ่านสื่อต่าง ๆ บริเวณร้านสะดวกซื้อในสถานีบริการน้ำมัน PTT ที่ร่วมรายการ

พิเศษสุดสำหรับลูกค้าที่เติมน้ำมันชนิดใดก็ได้ 700 บาทขึ้นไปต่อ 1 ใบเสร็จ ณ สถานีบริการน้ำมัน จัดโปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้า PTT จะได้รับส่วนลดมูลค่า 20 บาท เพื่อใช้เป็นส่วนลดเมื่อซื้อ “แบรนด์ซุปไก่สกัด” รสชาติใดก็ได้ ขนาด 70 มล. ทุก 2 ขวด ที่ร้าน Jiffy และที่ร้าน 7-Eleven ที่ร่วมรายการ ระหว่างวันที่ 24 มีนาคม – 23 เมษายน 2562

 

เที่ยวสนุกสุดคุ้มกับบัตรเครดิต “เซ็นทรัล เดอะวัน”


บัตรเครดิต “เซ็นทรัล เดอะวัน” เอาใจคนชอบเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ อัดโปรแรงรับเทศกาลท่องเที่ยว ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2562 เที่ยวคุ้มในประเทศทั้งหมวดน้ำมัน, โรงแรม, บริษัททัวร์ และรถเช่า เพียงมียอดใช้จ่ายสะสมตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 6,000 บาทต่อบัญชีบัตรหลักตลอดรายการ พร้อมเอาใจคนชอบเที่ยวต่างประเทศ เพียงสะสมยอดใช้จ่ายเป็นสกุลเงินต่างประเทศ ครบทุก 8,000 บาทขึ้นไป รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 12,000 บาทตลอดรายการ สำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน เรดซ์, หรือสะสมยอดใช้จ่ายเป็นสกุลเงินต่าง ประเทศครบทุก 15,000 บาทขึ้นไป รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 24,000 บาทตลอดรายการ สำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน ลักซ์, เซ็นทรัล เดอะวัน แบล็ค, และเซ็นทรัล เดอะวัน เดอะแบล็ค (เงื่อนไขเป็นไปตามที่กำหนด) ลงทะเบียนง่ายๆผ่าน UCHOOSE โมบายแอปพลิเคชัน รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.centralthe1card.com/th/Promotion/Travel/big-bang.html

รมช.กระทรวงคมนาคม เยี่ยมชมโรงงาน “สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น”

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายมานิตย์ สุธาพร ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เยี่ยมชมการดำเนินงานของบริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จำกัด และกลุ่มบริษัทโชคนำชัย โดยมี นายนำชัย สกุลฎ์โชคนำชัย ประธานกลุ่มบริษัท โชคนำชัย พร้อมนายวีระพล ไชยธีรัตต์ กรรมการบริหาร และนายวีรพลน์ เตชะผาสุขสันติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จำกัด ให้การต้อนรับ ณ บริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จำกัด จังหวัดสุพรรณบุรี

บริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จำกัด ได้วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม โดยใช้วัสดุและเทคโนโลยีสมัยใหม่และนำไปต่อยอดในเชิงพาณิชย์ ผลิตเป็นยานพาหนะสมัยใหม่ (Modern Vehicle) โดยบริษัทฯ ใช้วัสดุอลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบหลัก หรือโครงสร้างของผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นวัสดุสมัยใหม่ น้ำหนักเบา มีอายุการใช้งานนานกว่า 30 ปี และไม่เป็นสนิม

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังใช้เทคโนโลยีในการแปรรูปและการผลิตที่ทันสมัย ทำให้สามารถนำอลูมิเนียมมาผสมผสานเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม อาทิ เรือที่ใช้วัสดุอลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบหลัก มีน้ำหนักเบา แข็งแรง ไม่เป็นสนิม นำเทคโนโลยีรถยนต์มาใช้ปั๊มและฉีดขึ้นรูป 12 เมตรในชิ้นเดียว ใช้ Jig และ Robot ประกอบใส่เรื่องการช่วยลอยตัวทุกลำ สามารถผลิต 10 ลำ/เดือน รถโดยสารขนาดเล็กเครื่องยนต์ดีเซล โครงสร้างและตัวถังอลูมิเนียม น้ำหนักเบา ช่วงล่างระบบเบรกเป็นของรถโดยสาร ระบบตรวจจับรถ พฤติกรรมผู้ขับขี่ GPS และกล้อง เป็นต้น ซึ่งจะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมการออกแบบ วิจัย พัฒนา และการผลิตแบบครบวงจร ส่งเสริมการท่องเที่ยวและคมนาคมเชิงคุณภาพ และยกระดับความปลอดภัยด้านคมนาคมของประเทศไทย โดยทุกยานพาหนะถูกพัฒนาโดยคำนึงถึงความปลอดภัยเสมอ