alivesonline.com : ณ วันนี้ ผู้ชายคนนี้ยังคงมีผลงานการแสดงทางจอแก้วให้คอละครได้ติดตามอยู่เนือง ๆ พอให้แฟน ๆ คลายความคิดถึงสำหรับพระเอกคนดัง “ดอม เหตระกูล” ซึ่งในอีกบทบาทหนึ่งคือผู้บริหารธุรกิจส่วนตัวที่ใช้ความรักและปลูกปั้นมานานถึง 12 ปีในการนำเข้าและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ภายใต้ชื่อ บริษัท บริทไบค์ จำกัด และ บริษัท มอเตอร์ไซเคิล คิงดอม จำกัด
เบื้องแรกเขาเริ่มก่อตั้ง บริษัท บริทไบค์ จำกัด เพื่อนำเข้าและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์แบรนด์ “ไทรอัมพ์” (TRIUMPH) สายเลือดเมืองผู้ดีจากประเทศอังกฤษ เพื่อทำตลาดระดับกลางในเมืองไทย พร้อมจำหน่ายอุปกรณ์ตบแต่งรถจักรยานยนต์ รวมถึงศูนย์บริการหลังการขาย จนต่อมาจึงได้ขยับขึ้นมาสู่ตลาดระดับซูเปอร์พรีเมียมด้วยการก่อตั้ง บริษัท มอเตอร์ไซเคิล คิงดอม จำกัด เพื่อนำเข้าและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์สัญชาติอิตาลีภายใต้แบรนด์ “เอ็มวี ออกุสต้า” (MV AGUSTA) ซึ่งถือว่าประสบผลสำเร็จด้านยอดขายด้วยดีมาโดยตลอด
จากการคลุกคลีในวงการรถจักรยานยนต์และบิ๊กไบค์เป็นเวลานาน ทำให้ “ดอม เหตระกูล” มีโอกาสจัดกิจกรรม CSR ระดับโลกในนามของรถจักรยานยนต์ TRIUMPH ต่อเนื่องมาหลายปี นั่นคือ “The Distinquish Gentleman’s Ride” ซึ่งเป็นการรวมพลสุภาพบุรุษนักบิดร่วมขับขี่รอบกรุงเทพฯ เพื่อกระตุ้นให้ผู้ชายตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพตนเองมากขึ้น ควบคู่ไปกับการส่งเสริมเรื่องของการขับขี่อย่างปลอดภัยและมีมารยาทในการขับขี่ พร้อมการระดมทุนสนับสนุนการต่อสู้กับโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก การดูแลสุขภาพจิต รวมถึงโรคร้ายที่เกิดกับผู้ชายทั่วโลกผ่านมูลนิธิ Movember (โมเวมเบอร์) มูลนิธิระดับนานาชาติเพียงแห่งเดียวที่เน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสุขภาพของสุภาพบุรุษ
“การจัดงานในแต่ละปีมีผู้นำรถจักรยานยนต์และบิ๊กไบค์เข้าร่วมกว่า 800 คัน และมีจำนวนผู้มาร่วมงานอีกกว่า 1.5 พันคน ทำให้ผมค้นพบว่าคนกลุ่มนี้ต้องการโอกาสและสถานที่ที่จะมาพบปะสังสรรค์พูดคุยกับคนที่มี Passion เดียวกันในเรื่องของรถจักรยานยนต์”
นั่นจึงเป็นมูลเหตุสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจครั้งใหญ่ในการต่อยอดธุรกิจด้วยการใช้เงินลงทุน 160 ล้านบาท ก้าวเข้าสู่วงการอสังหาริมทรัพย์ในการพัฒนาโครงการ “มิกซ์ยูส คอมเพล็กซ์” (Mixed-Used Complex) บนพื้นที่ 310 ตารางวา บริเวณปากซอยวิภาวดี 20 เป็นอาคารสูง 6 ชั้น ขนาดพื้นที่ใช้สอย 1.5 พันตารางเมตร ภายใต้แนวคิด “Motorcycle Living Lifestyle” โดยมุ่งหวังให้เป็นแหล่งชุมชน หรือ Community ของคนรักรถจักรยานยนต์และสถานที่แฮงเอาต์ของคนทำงานและคนทั่วไปได้มีโอกาสสัมผัสและมีประสบการณ์ร่วมกัน
- จัด “ตลาดเช้า” สร้างอาคารมีชีวิต เปิดทำการเช้าจรดค่ำ
โครงการ “มิกซ์ยูส คอมเพล็กซ์” ภายใต้แนวคิดของ “ดอม เหตระกูล” นอกจากเป็นการตอบโจทย์ข้างต้นแล้ว ยังเท่ากับเป็นการสร้างอาณาจักรสำนักงานใหญ่และโชว์รูมแห่งใหม่ของ TRIUMPH และ MV AGUSTA โดยแบ่งสัดส่วนอย่างชัดเจน ดังนี้
ชั้น 1 เป็นศูนย์บริการโดยมี 6 เบย์ที่ให้บริการลูกค้าประจำและ 2 เบย์สำรองในกรณีฉุกเฉินสำหรับลูกค้าทั่วไป
ชั้น 2 เป็นโชว์รูม TRIUMPH ที่ตกแต่งด้วยคอนเซ็ปต์ TRIUMPH’s World
ชั้น 3 เป็นโชว์รูม MV AGUSTA ตกแต่งด้วยคอนเซ็ปต์ Motorcycle Gallery ที่ผสมผสานงานศิลปะ
ชั้น 4 เป็นสำนักงาน
ชั้น 5 ช่วงกลางวันเปิดเป็นร้านกาแฟ และ Working Space ตอบเทรนด์คนทำงานอิสระที่พักอาศัยอยู่ในย่านนี้ ส่วนในช่วงเย็นจะเปิดให้บริการร้านอาหาร SEE SKY ในลักษณะบาร์แอนด์เรสเตอรองค์ ขนาด 100-150 ที่นั่ง เพื่อรองรับกลุ่มกลุ่มพนักงานและผู้บริหารองค์กรต่างๆ
ชั้น 6 เป็นการจัดแสดงรถจักรยานยนต์แบรนด์ต่าง ๆ ในระดับซูเปอร์พรีเมียม
“ดอม เหตระกูล” บอกด้วยว่า โครงการ “มิกซ์ยูส คอมเพล็กซ์” แห่งนี้มีเป้าหมายสำคัญคือทำให้เกิดการหมุนเวียนของผู้ใช้บริการ (Traffic) อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เช้าจรดค่ำ มากกว่าเวลาทำการปรกติทั่วไปซึ่งส่วนใหญ่คือ 08.30-17.30 น. เพราะฉะนั้นหากจะลงทุนสร้างโชว์รูมเพียงอย่างเดียวเพื่อรอให้คนเข้ามาใช้บริการทั้งในเรื่องซื้อรถ หรือรับบริการซ่อมบำรุงเพียงอย่างเดียว ธุรกิจก็จะนิ่งและเติบโตช้ากว่าที่ควรจะเป็น แต่โมเดลของโครงการนี้ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จะช่วยทำให้มีกลุ่มคนหลากหลายที่มาใช้บริการอื่น ๆ มีโอกาสได้เห็นและสัมผัสกับวิถีของชาวไบค์เกอร์ซึ่งในวันหนึ่งเขาอาจกลับมาเป็นลูกค้าของ “บริทไบค์” และ “มอเตอร์ไซเคิล คิงดอม”
ด้วยเหตุนี้เขาจึงเตรียมแผนงานขั้นต่อไปด้วยการใช้พื้นที่ลานอเนกประสงค์หน้าโครงการจัดเป็น “ตลาดเช้า” หรือ Morning Market โดยจะรวบรวมอาหารเช้ารสชาติดีจากร้านดังมาให้บริการในลักษณะ Grab & Go
“เราต้องการใช้พื้นที่ทุกส่วนของโครงการให้มีประโยชน์สูงสุด จากปัจจุบันที่นอกจากให้บริการเรื่องรถจักรยานยนต์ในช่วงกลางวันแล้ว ช่วงเย็นถึงดึกเราก็มีห้องอาหารสำหรับคนทั่วไป ดังนั้นการจัดตลาดเช้าจึงเป็นคำตอบที่ลงตัว เพราะจากการศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของคนที่ใช้ชีวิตบนถนนวิภาวดีในละแวกที่ตั้งของโครงการ เราพบว่าส่วนใหญ่จะมีทั้งพนักงานออฟฟิศที่มีความเร่งรีบในการเข้างานช่วงเช้า รวมทั้งผู้พักอาศัยในคอนโดมีเนียมหลายแห่งที่มีความต้องการอาหารเช้าที่สามารถทำเองได้ เช่น ขนมครก น้ำเต้าหู้ โจ๊ก ต้มเลือดหมู และอื่น ๆ โดยขณะนี้เรากำลังหาติดต่อร้านอาหารดังที่มีความพร้อมมาออกพื้นที่ขายฟรีตั้งแต่เวลา 05.30-9.30 น. เพื่อให้โครงการนี้เป็นอาคารมีชีวิตเปิดทำการตั้งแต่เช้าจรดค่ำ”
- มั่นใจคืนทุน 5-7 ปี หวังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้ตลาด
“ดอม เหตระกูล” บอกอีกว่า เขาตัดสินใช้เวลาไม่นานในการตัดใจลงทุนโครงการ “มิกซ์ยูส คอมเพล็กซ์” แห่งนี้ พร้อมใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 240 วัน โดยคาดว่าจะคืนทุนได้ภายใน 5-7 ปี จากรายได้หลัก 3 ส่วนคือ การขายรถจักรยานยนต์และอุปกรณ์เสริม 40% การบริการ 30% และอื่น ๆ 30% โดยจะใช้งบประมาณการตลาด 10-20% ของยอดขายผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียและเน้นสร้างการสื่อสารแบบปากต่อปากเป็นหลัก
“เป้าหมายหลักของการเปิดโครงการแห่งนี้คือการสร้างคอมมูนิตี้ของคนที่รักและมี Passion ในเรื่องรถจักรยานยนต์และบิ๊กไบค์เป็นอันดับแรก โดยมุ่งหวังให้คนที่ยังไม่มีบิ๊กไบค์ขับ จะได้ลองเข้ามาหาข้อมูลความรู้ ทั้งเรื่องรถ และทักษะการขับที่ถูกต้องปลอดภัย รวมถึงการสร้างมิตรภาพและเน็ตเวิร์กของคนในแวดวงบิ๊กไบค์ ซึ่งถือเป็นการเพิ่มมูลค่าให้ลูกค้าที่มาออกรถ หรือมาใช้บริการต่าง ๆ ที่นี่ โดยไม่จำกัดว่าจะเป็นแบรนด์ใด”
“ผมมั่นใจว่าโครงการจะเป็นปรากฎการณ์ใหม่ที่สร้างสีสันและความคึกคักให้ตลาด ตลอดจนเป็นมาตรฐานใหม่ของการทำ ไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้ที่ตอบโจทย์ความต้องการแบบเฉพาะกลุ่มได้อย่างลงตัว เพราะกลุ่มลูกค้าที่รักรถจักรยานยนต์มักชื่นชอบที่จะมีรถหลายคันหลากหลายแบรนด์ ในขณะที่สถานที่ตั้งของโครงการถือได้ว่าอยู่ท่ามกลางแบรนด์ต่าง ๆ คือ HARLEY DAVIDSON, DUCATI และ BMW ย่านดอนเมือง จึงน่าจะทำให้โครงการของเราเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ต้องการประสบการณ์แปลกใหม่”
- ทำนายตลาดปี 62 โอกาสดีของรถมิดไซส์
“ดอม เหตระกูล” ยังกล่าวถึงแนวโน้มของตลาดรถจักรยานยนต์ปี 2562 ด้วยว่า รถจักรยานยนต์ขนาดกลาง หรือ “มิดไซส์” เครื่องยนต์ ขนาด 250-750 ซีซี ราคาเฉลี่ยเริ่มต้น 2-4 แสนบาท จะมีโอกาสได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคมากขึ้นด้วยเหตุผลด้านราคาและความคล่องตัวในการขับขี่ ขณะที่จุดเด่นของ TRIUMPH คือ การเป็นแบรนด์ที่อยู่ตรงกลางในตลาดรถบิ๊กไบค์ ระหว่างแบรนด์จากฝั่งญี่ปุ่นที่มีระดับราคาเริ่มต้นประมาณ 2 แสนกว่าบาทเหมาะ สำหรับผู้เริ่มต้นขับขี่รถบิ๊กไบค์ กับรถจากฟากฝั่งอเมริกา หรืออิตาลีที่มีราคาแตะหลักล้านบาท ขณะที่ TRIUMPH มีราคาเริ่มต้นประมาณ 4 แสนบาท รวมทั้งเรื่องของสมรรถนะของรถที่มีคุณภาพดีและขับขี่ง่าย ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ผู้มีโอกาสได้ขับขี่จะสามารถสัมผัสได้ ประกอบกับอยู่ในระดับราคาที่มีโอกาสในการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ ๆ เพิ่มเติมได้ง่ายอีกด้วย
“การที่แบรนด์ของเรามีระดับราคาอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 กลุ่ม ทำให้ผู้ที่เคยขับขี่รถบิ๊กไบค์ของญี่ปุ่น เมื่อมีโอกาส หรือมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นก็อยากจะขยับมาสู่แบรนด์ที่มีราคาสูงขึ้นมา ทำให้เราเป็นหนึ่งในตัวเลือก ขณะที่กลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงในตลาดบนเมื่อต้องการมองหารถคันใหม่เพิ่มเติม TRIUMPH จึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ไม่ยากนัก โดยตลอด 10 ปีที่เราทำตลาดมาก็มียอดขายเติบโตต่อเนื่องทุกปี จากปีแรกที่มียอดขาย 34 คัน จนก่อนที่บริษัทแม่ของ TRIUMPH จะเข้ามาทำตลาดเอง เราสามารถทำยอดขายได้เกือบ 300 คันเลยทีเดียว”
ส่วนการทำตลาด MV AUGUSTA เป็นเพราะความนิยมรถบิ๊กไบค์ในประเทศไทยมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ชายที่ชื่นชอบมอเตอร์ไซค์ส่วนใหญ่จะขยับมาสู่กลุ่มบิ๊กไบค์มากขึ้น ประกอบกับค่ายรถญี่ปุ่นเริ่มนำรุ่นบิ๊กไบค์มาทำตลาดมากขึ้น แม้ว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจโดยรวมอาจทำให้ยอดขายชะลอตัวลงบ้างแต่โดยรวมยังคงเติบโตได้อยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มรถระดับพรีเมียมแทบไม่ได้รับผลกระทบมากนัก “ดอม เหตระกูล” จึงตัดสินใจขยายตลาดมาโดยเสนอราคาเริ่มต้นประมาณ 8.5 แสนบาทซึ่งได้รับผลตอบรับในระดับที่น่าพอใจ
นับจากนี้ไป “ดอม เหตระกูล” จะมีบทบาทอย่างไรในแวดวงธุรกิจจึงเป็นเรื่องน่าติดตามไม่แพ้ผลงานทางจอแก้วเลยทีเดียว !