นายชาคริต ศิริกุลประดิษฐ์ (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้จัดการฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเซียน เบลคิน อินเตอร์เนชั่นแนล จัดงานนำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปกรณ์เสริมเกรดพรีเมียมประจำปี 2561 สำหรับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ไอทีทั้งบนระบบปฏิบัติการ iOS และ Andriod ณ ร้านวิชเบียร์ โฮม บาร์ สุขุมวิท 67 เมื่อเร็ว ๆ นี้
ผู้เขียน: admin2
“แพรนด้า จิวเวลรี่” จัด “PRANDA GRAND SALE” ถึง 28 พ.ย.61
เทศกาลแห่งความสุขใกล้เข้ามาแล้ว “แพรนด้า จิวเวลรี่” ขนทัพสินค้าคุณภาพส่งออก ของขวัญทรงคุณค่า ราคาสบายกระเป๋า อาทิ Prima Gold Prima Diamond ลดสูงสุด 70% กับแคมเปญฉลองครบรอบ 45 ปี “PRANDA GRAND SALE” จัดหนักจัดเต็มกับโปรโมชั่น 5 วันสุดพิเศษ เริ่มแล้ววันนี้ถึงวันที่ 28 พ.ย.61 เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าที่ให้การสนับสนุนมาตลอด ไปช้อปกันได้ ณ โชว์รูม บมจ.แพรนด้า จิวเวลรี ซ.บางนา-ตราด 28
“ไวส์ โลจิสติกส์” กำหนดแผนโรดแมป 3 ปี กรุยรายได้ 3.3 พันล้านบาท
alivesonline.com : “ไวส์ โลจิสติกส์” มั่นใจธุรกิจโลจิสติกส์ช่วงโค้งสุดท้ายดีต่อเนื่อง แม้อยู่ท่ามกลางสงครามการค้า การันตีรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 30% คว้างานลูกค้าจีนรายใหม่มูลค่ารวม 40 ล้านบาท ขยายไซส์คลังสินค้ารองรับงานเพิ่ม เตรียมรับรู้รายได้เพิ่มจากบริษัทย่อยในฮ่องกง-จีน เดินหน้าลุยงานขนส่งข้ามพรมแดน เผยกลยุทธ์ขยายบริการโลจิสติกส์ทั้งในและต่างประเทศ โปรโมทงานทุกประเภทร่วมกับบริษัทเครือข่าย พร้อมเปิดโรดแมป 3 ปี รายได้แตะ 3.3 พันล้านบาท ขึ้นแท่นผู้นำโลจิสติกส์ภูมิภาคเอเชีย
นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/61 เป็นไปในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง แม้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกจะยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับปัญหาสงครามการค้า แต่การดำเนินธุรกิจของ WICE ในประเทศต่าง ๆ มีปริมาณการให้บริการกับลูกค้าเพิ่มขึ้น เชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 30% อยู่ที่ประมาณ 1.8 พันล้านบาท ทำสถิติสูงสุดในรอบ 25 ปี
ล่าสุด บริษัทฯ ได้เซ็นสัญญารับงานจากผู้ผลิตแผงโซล่าเซลล์รายใหม่ของประเทศจีน เพื่อให้บริการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจร เป็นระยะเวลา 1 ปี คิดเป็นมูลค่าการให้บริการอยู่ที่ 40 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ ไตรมาส 4/61 เป็นต้นไป โดยการรับงานลูกค้ารายใหม่ดังกล่าวส่งผลให้บริษัทต้องขยายพื้นที่คลังสินค้าแห่งใหม่พื้นที่ 1.76 หมื่นตารางเมตร ที่ อ.แหลมฉบัง จ.ชลบุรี เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น ลดต้นทุนในการบริหารจัดการ บริษัทฯ จึงได้มีการรวมคลังสินค้าที่มีอยู่เดิม 5 พันตารางเมตร และ 8 พันตารางเมตร ไว้เป็นแห่งเดียวกันและยังสามารถมีพื้นที่เหลือสำหรับการให้บริการลูกค้าใหม่ในอนาคต
นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายโอนงานโลจิสติกส์จากซัปพลายเออร์เดิมในประเทศจีนให้ WICE กวางโจว และเซี่ยงไฮ้ได้มากขึ้น คิดเป็นสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 70% ของปริมาณงานทั้งหมดที่เคยใช้บริการจากซัปพลายเออร์เดิมซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเกิดการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจต่อจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจในส่วนของการให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ งานบริการขนส่งในประเทศ งานด้านการขนส่งข้ามชายแดน (Cross Border) ตามเส้นทาง One Belt One Road ของจีน และงานบริหารคลังสินค้าเพิ่ม พร้อมขยายฐานลูกค้าในส่วนของการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศแบบ Door-to-Door ควบคู่กับโปรโมทงานบริการทุกประเภท โดยดำเนินงานร่วมกันกับบริษัทเครือข่าย ทั้ง WICE Logistics (Hong Kong) Ltd., WICE Logistics (Singapore) Ltd. และบริษัทร่วมทุน EUROASIA TOTAL LOGISTICS CO., LTD. (ETL) เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ร่วมกัน
ด้านความคืบหน้าภายหลังการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ETL เพื่อให้บริการขนส่งข้ามพรมแดน (Cross-Border Transport Services) ระหว่างประเทศจีน ฮ่องกง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามเส้นทาง One Belt One Road ของจีน ปัจจุบันได้รับมอบตู้คอนเทรนเนอร์แบบสั่งทำพิเศษทั้งตู้สำหรับแช่เย็นและตู้แบบแห้งแล้วจำนวน 150 ตู้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับรองรับงานขนส่งข้ามชายแดนที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น
ปัจจุบัน WICE เดินหน้าวางแผนงานร่วมกันให้ WICE Logistics (Hong Kong) Ltd. และ WICE Logistics (Singapore) Ltd.ทำงานเชื่อมโยงกับ ETL ให้ขนส่งตามเส้นทางผ่านระหว่างประเทศไทยไปมาเลเซีย ผ่านเวียดนาม ขึ้นไปจีน และด้านเส้นทางมาเลเซีย ผ่านสิงคโปร์ขึ้นไปจีน ซึ่งเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางการค้าสำคัญที่มีตลาดใหญ่มาก และมีผู้เล่นที่ให้บริการแบบครบวงจรอย่าง WICE ไม่มาก เราจึงมองว่านี่เป็นโอกาสที่เราจะเข้าไปในตลาดนี้
นายชูเดช กล่าวอีกว่า บริษัทฯ มีแผนพัฒนาเส้นทางและระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าสงครามการค้าจะเป็นตัวแปรสำคัญของการเดินหน้าธุรกิจ โดยได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ทางธุรกิจ 3 ปี (2562-2564) ตั้งเป้าหมายการเติบโตเฉลี่ยของรายได้ไว้ไม่ต่ำกว่า 30% อัตรากำไรสุทธิ 7% โดยคาดว่าในปี 2564 จะมีรายได้รวม 3.3 พันล้านบาท และก้าวสู่การเป็นผู้นำการให้บริการด้านโลจิสติกส์ในระดับภูมิภาคเอเชียที่มีบริการครบวงจรสามารถให้บริการได้ครอบคลุมพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางการค้าที่สำคัญ โดยมุ่งเน้นการสร้างโครงข่ายพันธมิตรในธุรกิจขนส่งอย่างต่อเนื่องในอนาคต
“ส่วนภาพรวมธุรกิจด้านโลจิสติกส์ระหว่างประเทศคาดว่ายังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง แม้ปัญหาสงครามการค้ายังไม่คลี่คลาย แต่เชื่อว่าการเติบโตทางการค้า-การลงทุน ทั้งในส่วนของภาคการผลิตเดิม การย้ายฐานการผลิต และอีคอมเมิร์ซ จะเข้าสู่ประเทศในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งประเทศไทยยังมีการดำเนินโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC พัฒนาเมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่บนพื้นที่ภาคตะวันออกภายในระยะเวลา 5 ปี ในช่วงปี 2560-2564) ที่คาดว่าจะดึงดูดการลงทุนเข้ามาอีกมากในอนาคต ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตดังกล่าวจะส่งผลให้ความต้องการบริการขนส่งเพื่อนำเข้าและส่งออก ตลอดจนการใช้งานพื้นที่คลังสินค้ามีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นตามซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ทุกประเภท”
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของ WICE แบ่งเป็น Sea Freight 35%, Air Freight 45%, การให้บริการ Logistics 17% และ Cross-Border Services 3%
“CHIC” จับมือ “Ashley” พันธมิตรอเมริกา จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ในไทย
นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน) หรือ CHIC พร้อมด้วย นาย Todd Wanek (กลาง) Chief Executive Officer และ นาย Charles Spang President (ขวา) International Sales & Operations Ashley ผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ดังระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวแบรนด์ “Ashley” โชว์จุดเด่นสินค้าตอบโจทย์ทุกฟังก์ชั่น อเมริกันสไตล์ดีไซน์เรียบหรู โดยขายผ่านร้านค้าเดี่ยวของ CHIC ทุกสาขา ณ CHIC สาขาบางนา เมื่อเร็ว ๆ นี้
“เมิร์ซ เอสเธติกส์” ร่วม “PATINYA” จัดงานแฟชั่นโชว์สุดอลังการ
เภสัชกรหญิง กิตติวรรณ รัตนจันทร์ ผู้จัดการใหญ่ “เมิร์ซ เอสเธติกส์ ไทยแลนด์” พร้อมด้วย นางสาวปฏิญญา เกี่ยวข้อง แฟชั่นดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์ “PATINYA” ร่วมสร้างปรากฏการณ์ใหม่ครั้งแรกของประเทศไทย ป้อนสมการความสุขให้กับสาว ๆ ค้นเส้นทางความสำเร็จสู่การเป็น “Successful Women” จัดแคมเปญ “The Serendipity Journey of Successful Women Presented by Merz Aesthetics” เอ็กซ์คลูซีฟแคมเปญที่ดึงความมั่นใจของสาวๆ ให้เปล่งประกายงดงามจากภายใน ผ่านแฟชั่นโชว์ ‘PATINYA x Merz Aesthetics, The Serendipity Journey Collection’ โดยมี ซิลเวีย ลี, วรัทยา นิลคูหา และเขมนิจ จามิกรณ์ ร่วมงาน ณ เกษร คริสตัลบ็อกซ์ เกษรวิลเลจ เมื่อเร็ว ๆ นี้
“เซ็นเพย์ – แฟมิลี่มาร์ท” แจกโชคผู้โชคดี
นายพีรกร จำปาเงิน (ขวาสุด) ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน “เซ็นเพย์” เซ็นทรัลกรุ๊ป และ น.ส.แหม่ม แซ่อึ้ง (ซ้ายสุด) ผู้จัดการทั่วไป แผนกคอนวีเนียสเซอร์วิส บริษัท เซ็นทรัลแฟมิลี่มาร์ท จำกัด ร่วมกันมอบรางวัล CenPay Gift Card ช้อปปิ้งฟรีรวม 100,000 บาทให้กับ นางฐิตารีย์ ณรงค์สวัสดิ์ ผู้โชคดีคนที่ 8 ของปีนี้ที่มาใช้บริการชำระค่าไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่ “แฟมิลี่มาร์ท” สาขามหิดล ศาลายาในแคมเปญจ่ายบิล “ลุ้นรวย เติมเงินลุ้นล้าน เซ็นเพย์ เฮ! ลุ้นโชค ปีที่2” เพื่อเป็นการตอบแทนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ “เติมเงิน เติมเกม เติมอีซี่พาส” หรือจ่ายบิลค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าปรับจราจร ค่าประกันสังคมมาตรา 30/40 และบิลอื่น ๆ อีกกว่า 200 รายการ ผ่านบริการ “เซ็นเพย์” ที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ “แฟมิลี่มาร์ท” ท็อปส์ เซ็นทรัล โรบินสัน และอื่น ๆ ในเครือเซ็นทรัล จะได้ลุ้นรางวัลทุกเดือนจนถึง กุมภาพันธ์ ศกหน้า โดยจะประกาศรางวัลทุกวันที่ 5 ของเดือน ผ่านทาง www.facebook.com/CenPayatCentralGroup/
Mat Award 2018 สุดยอดผลงานการตลาดแห่งปี
alivesonline.com : จัดเป็นงานใหญ่ประจำปีที่นักการตลาดเฝ้ารอคอยหลังจากประสบความสำเร็จต่อเนื่องมายาวนานถึงทศวรรษสำหรับงาน “วันนักการตลาด” Marketing Day 2018 โดยมีเจ้าภาพหลักคือ สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (Marketing Association of Thailand : MAT) จัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ถ.สุขุมวิท 22 กรุงเทพฯ
อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของการจัดงาน Marketing Day 2018 ที่นักการตลาดทุกคนเฝ้ารอคอยคือการตัดสิน Mat Award 2018 สุดยอดผลงานการตลาดแห่งปี เพื่อส่งเสริมและเชิดชูนักการตลาดไทยที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและให้สนับสนุนการพัฒนานักการตลาดไทยให้ก้าวไกลสู่ระดับสากลซึ่งในปีนี้มีผู้เข้าร่วมส่งผลงานเข้าร่วมทั้งสิ้น 40 ผลงาน จากหลากหลายองค์กรทั่วประเทศนั้น โดย สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ได้สรุปผลการตัดสิน จำนวน 11 กลุ่มรางวัล ดังนี้
รายนามผู้ได้รับรางวัลทั้งหมดมีรายละเอียดดังนี้
1.องค์กรที่ประกอบธุรกิจ ประเภทอาหารและร้านอาหาร (Food)
- รางวัล Gold Award : มี 1 ผลงานที่ได้รับรางวัล
บริษัท เทพผดุงพรมะพร้าว จำกัด
ชื่อผลงาน “กะทิถุงชาวเกาะ How your Weakness Increases Your Sales By 20%”
- รางวัล Silver Award : มี 1 ผลงานที่ได้รับรางวัล
บริษัท เดนสุ เอกซ์ ไทยแลนด์ จำกัด
ชื่อผลงาน “Oshi Toppo The Perfect Ally in the Crunchy World”
- รางวัล Bronze Award : มี 2 ผลงานที่ได้รับรางวัล
บริษัท เดนสุ เอกซ์ ไทยแลนด์ จำกัด
ชื่อผลงาน “ไส้กรอกซีพีเพื่อนซี้แบมแบม”
บริษัท อําพลฟูดส์ โพรเซสซิ่ง จํากัด
ชื่อผลงาน “อำพลฟูดส์ 30 ปี สุขภาพดีด้วยกัน ร่วมรณรงค์ #ลดโรคส่วนตัวสูง”
2.องค์กรที่ประกอบธุรกิจ ประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอล์ (Beverage Al /Non Al)
- รางวัล Bronze Award : มี 1 ผลงานที่ได้รับรางวัล
บริษัท รูท คอร์เปอเรชั่น จำกัด
ชื่อผลงาน “Coco Crack มะพร้าวจุกคอร์ก เปิดง่ายแค่ปลายนิ้ว”
3.องค์กรที่ประกอบธุรกิจ ประเภทผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน (Home Care)
- ไม่มีผู้ได้รับรางวัล
4.องค์ที่ประกอบธุรกิจ ประเภทผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัวและยารักษาโรค (Personal Care)
- รางวัล Silver Award : มี 1 ผลงานที่ได้รับรางวัล
บริษัท นันยาง มาร์เก็ตติ้ง จำกัด
ชื่อผลงาน “นันยางบราวน์”
- รางวัล Bronze Award : มี 1 ผลงานที่ได้รับรางวัล
บริษัท นันยาง มาร์เก็ตติ้ง จำกัด
ชื่อผลงาน “Nanyang Unofficial Partner With All Takraw Players”
5.องค์กรที่ประกอบธุรกิจ ประเภทร้านค้าปลีก (Retail)
- รางวัล Silver Award : มี 1 ผลงาน ทีได้รับรางวัล
บริษัท ลีโอเบอร์เนทท์ จำกัด
ชื่อผลงาน “The Local Ambassador จากยูนิโคล่ (UNIQLO)”
6.องค์กรที่ประกอบธุรกิจ ประเภทอุตสาหกรรมยานยนต์และสารเคมี (Industrial)
- ไม่มีผู้ได้รับรางวัล
7.องค์กรที่ประกอบธุรกิจ ประเภทอสังหาริมทรัพย์และวัสดุก่อสร้าง (Real estate & Construction)
- รางวัล Bronze Award : มี 2 ผลงานที่ได้รับรางวัล
บริษัท กระเบื้องหลังคาซีแพค จำกัด (หน่วยงาน Marketing Roof Business)
ชื่อผลงาน “เปิดตลาดหลังคาบ้านเก่า SCG Roof Renovation เรือลำแรกในมหาสมุทร Blue Ocean มูลค่า 10,000ล้านบาท”
บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
ชื่อผลงาน “พฤกษา ใส่ใจ…เพื่อทั้งชีวิต”
8.องกร์ที่ประกอบธุรกิจ ประเภทอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ในบ้านและเครื่องใช้ส่วนบุคคล (Electronic)
- ไม่มีผู้ได้รับรางวัล
9.องค์กรที่ประกอบธุรกิจ ประเภทการบริการ (Service)
- รางวัล Silver Award : มี 1 ผลงานที่ได้รับรางวัล
บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)
ชื่อผลงาน “AIS บุพเพสันนิวาสตอนพิเศษ”
- รางวัล Bronze Award : มี 2 ผลงานที่ได้รับรางวัล
บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน)
ชื่อผลงาน “ก้าวข้ามทุกขีดจำกัดกับ AIS NEXT G Next Generation Network”
Line Mobile
ชื่อผลงาน “Line Mobile ซิมถูกสุด หยุดโลก”
10.องค์กรที่ประกอบธุรกิจ ประเภทสื่อและสิ่งพิมพ์ (Media & Printing)
- รางวัล Silver Award : มี 1 ผลงานที่ได้รับรางวัล
บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน)
ชื่อผลงาน “บุพเพสันนิวาส”
11.องค์กรที่ประกอบธุรกิจ ประเภทเพื่อสังคม (CSR)
- รางวัล Silver Award : มี 1 ผลงานที่ได้รับรางวัล
-บริษัท นันยาง มาร์เก็ตติ้ง จำกัด
ชื่อผลงาน “นันยางพิทักษ์ ๖๑”
- รางวัล Bronze Award : มี 5 ผลงานที่ได้รับรางวัล
บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน)
ชื่อผลงาน “แคมเปญมือถือจะสร้างสรรค์ หรือทำลายขึ้นอยู่กับเรา”
บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน)
ชื่อผลงาน “สานรัก คนเก่ง หัวใจแกร่ง”
บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCG Fish Home)
ชื่อผลงาน “บ้านปลาเอสซีจี” คืนวิถีชีวิตประมงไทยสร้างสมดุลสู่ท้องทะเลอย่างยั่งยืน”
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
ชื่อผลงาน “Krungthai Financial Literacy “คิดก่อนควักชะงักก่อนเปย์” ”
บริษัท ลีโอเบอร์เนทท์ จำกัด
ชื่อผลงาน “Pay by Play สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านบางละมุง จ.ชลบุรี”
12.รางวัล Marketing of The Year
บริษัท เทพผดุงพรมะพร้าว จำกัด
ชื่อผลงาน “กระทิถุงชาวเกาะ How your Weakness Increases Your Sales By 20%”
“โคคา” พลิกโฉมสาขาเซ็นทรัลเวิลด์เจาะกลุ่ม 18+
alivesonline.com : สุกี้ “โคคา” จัดงบฯ 15 ล้านบาท รีโนเวทสาขาเซ็นทรัลเวิลด์ครั้งใหญ่ในรอบ 61 ปี หวังขยายฐานลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น 18-25 ปี เพิ่มจากกลุ่มลูกค้าเก่า ก่อนเดินหน้าปรับสาขาสยามสแควร์และสุขุมวิท 39 ด้วยแนวคิดเดียวกัน พร้อมขยายสาขาใหม่ออกชานเมืองอย่างน้อย 2 แห่ง เผยปี 61 ทำยอดขายได้ 450-500 ล้านบาท เติบโตขึ้น 6% มั่นใจสถานการณ์ทางการเมืองมีเสถียรภาพส่งผลปี 62 เศรษฐกิจดีขึ้นช่วยกระตุ้นยอดขายเพิ่มขึ้น 10%
นายพิทยา พันธุ์เพ็ญโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท โคคา โฮลดิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้บริหารร้านอาหารและสุกี้ภายใต้แบรนด์ “โคคา” เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจร้านอาหารในเครือ “โคคา” มีทั้งหมด 67 สาขาใน 12 ประเทศทั่วโลก เช่น ญี่ปุ่น จีน เป็นต้น โดยในไทยมีทั้งสิ้น 16 สาขา ภายใต้ 4 แบรนด์หลักคือ 1.ร้านสุกี้และอาหาร “โคคา” 9 สาขา ซึ่งมีแบรนด์ย่อยคือ “china white” สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งไม่ได้จำหน่ายสุกี้ เพราะเน้นจำหน่ายอาหารไทยและจีนในบรรยากาศย่านเยาวราช 2.ร้านอาหารไทย “mango tree” 5 สาขา รวมแบรนด์ย่อยอื่น ๆ เช่น “mango tree Bistro bar” เป็นต้น 3.ร้านอาหารฝรั่ง “FRENCH st.” 1 สาขา 4.ร้านอาหารไทย-จีน-ฝรั่ง “ROYAL PAVILION” 1 สาขา
สำหรับร้านอาหาร “ROYAL PAVILION” ถือเป็นแบรนด์ล่าสุดที่มีโอกาสเติบโตสูงในการทำตลาดกลุ่มผู้หญิงที่มีกำลังซื้อสูง แต่ไม่ชอบใช้บริการร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า หรือคอมมูนิตี้มอลล์ เพราะต้องประสบกับปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพอ “ROYAL PAVILION” จึงเน้นทำเลสนามกอล์ฟเป็นหลัก เนื่องจากเห็นว่าเป็นสถานที่ที่มีความกว้างขวาง สะดวก และมีความปลอดภัยสูง ขณะเดียวกันสนามกอล์ฟส่วนมากยังมีร้านอาหารคุณภาพไม่มากนัก โดยเบื้องต้นได้เปิดให้บริการแล้วที่ สนามกอล์ฟราชกรีฑาสโมสร ถ.อังรีดูนังต์ กรุงเทพฯ จากนั้นจะเริ่มทำตลาดอย่างจริงจังในปี 2562 แต่ยังไม่มีแผนว่าจะขยายกี่แห่ง
นายพิทยา กล่าวด้วยว่า บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้แบรนด์ “โคคา” เป็นที่จดจำของผู้บริโภคในฐานะแบรนด์ของคนไทยที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานนับร้อยปี ดังเช่นที่หลาย ๆ แบรนด์ในยุโรปประสบความสำเร็จมาแล้ว เพราะปัจจุบันร้านสุกี้และอาหาร “โคคา” ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมานานถึง 61 ปี จนเริ่มมีการพัฒนาในหลาย ๆ ด้าน เช่น การใช้พื้นที่ประมาณ 10 ไร่ภายในบริเวณโรงงานที่ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งมีพื้นที่ทั้งหมด 20 ไร่ พัฒนาเป็น “โคคา บูทีค ฟาร์ม” ฟาร์มเกษตรอินทรีย์แบบวิถีดั้งเดิมที่คนรุ่นปู่ย่าตายายเคยทำการเพาะปลูกพืชผักบางชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสม (Ingredient) ของน้ำจิ้มสุกี้ เช่น พริก ผักกวางตุ้ง และอื่น ๆ รวมทั้งข้าว โดยหลังจากที่เริ่มโครงการมาประมาณหนึ่งปีสามารถให้ผลผลิตได้ประมาณ 30% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 80% ภายใน 2-3 ปี
ด้าน นางสาวนัฐธารี พันธุ์เพ็ญโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ (COO) บริษัท โคคา โฮลดิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวเสริมว่า ล่าสุด บริษัทฯ ใช้งบประมาณ 15 ล้านบาทในการปรับปรุงสาขาเซ็นทรัลเวิลด์ บนพื้นที่ 250 ตร.ม. ให้มีความแตกต่างและพลิกโฉมจากที่เคยเป็นมาตลอด 61 ปี โดยใช้แนวคิด “การมีส่วนร่วมในการรักษ์โลกอย่างยั่งยืน” ( COCA Sustainability) โดยเน้นบรรยากาศ (Mood and Tone) ของร้านเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นอายุตั้งแต่ 18-25 ปี เพิ่มขึ้นจากฐานลูกค้าเก่าซึ่งส่วนใหญ่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยหลังจากนี้จะเริ่มใช้แนวคิดนี้ในการปรับปรุงสาขาอื่น ๆ ต่อไปภายใต้งบประมาณสาขาละ 10-15 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2562 เตรียมแผนปรับปรุงอย่างน้อย 2 สาขาคือสยามสแควร์ และสุขุมวิท 39 ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม
“ในส่วนของรายการอาหารซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 50 รายการนั้น เราไม่มีแผนที่จะเพิ่มรายการใหม่ ๆ ให้มากขึ้น เพราะเกรงว่าลูกค้าเก่าจะรับการเปลี่ยนแปลงไม่ทัน เราจึงเน้นนโยบายรักษาคุณภาพ รสชาติ วัตถุดิบที่ใช้ในการปรุง รวมถึงยังมีเชฟใหญ่ประจำทุกสาขา เพื่อรักษาเอกลักษณ์ว่าเราเป็นร้านอาหารที่ให้ความสำคัญในด้านการประกอบอาหาร ไม่ใช่การปรุงอาหาร โดยปัจจุบันมีการแบ่งประเภทรายการอาหาร 3 ส่วนคือ อาหารดั้งเดิมสูตรโบราณ มีสัดส่วนประมาณ 20% อาหารดัดแปลงจากรายการอาหารเก่าให้มีความเหมาะสมและหลากหลายเหมาะแก่ผู้รักสุขภาพ สัดส่วนประมาณ 10% และสุกี้ สัดส่วนประมาณ 70% โดยรายได้หลักยังคงมาจากสุกี้ ประมาณ 65-70%”
“ในส่วนของยอดขายในประเทศไทยคาดว่าในปี 2561 จะมีรายได้ประมาณ 450-500 ล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 6% โดยคาดว่าเมื่อสิ้นปี 2562 อัตราการเติบโตจะเพิ่มขึ้นเป็น 10% ขณะที่ยอดขายในต่างประเทศมีสัดส่วนที่สูงกว่ามาก เนื่องจากมีปัจจัยและองค์ประกอบหลาย ๆ ด้าน เช่น อัตราค่าแลกเปลี่ยน เป็นต้น โดยมี “mango tree” เป็นแบรนด์หลักในการทำตลาดโดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นซึ่งได้รับความนิยมสูงมาก”
นางสาวนัฐธารี กล่าวด้วยว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายได้เพิ่มสูงขึ้นในปี 2562 เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มมีเสถียรภาพ โดยคาดว่าหลังจากการเลือกตั้งทั่วไปแล้วจะมีบรรยากาศเอื้อต่อการลงทุนและส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น ประกอบกับแผนการลงทุนของบริษัทฯ ที่เตรียมขยายสาขา “โคคา” เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2 แห่ง ใช้งบประมาณสาขาละประมาณ 10 ล้านบาท พร้อมลดขนาดพื้นที่จากที่เคยใช้ประมาณ 300 ตร.ม. เหลือเพียง 100-120 ตร.ม. เพื่อปรับให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ไม่ต้องการห้อง VIP เหมือนอดีตที่ผ่านมา โดยมีแผนขยายสาขาไปยังแถบชานเมืองเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น เช่น ถ.ราชพฤกษ์ ถ.พระราม 2 เป็นต้น
[ชมคลิป] บรรยายพิเศษ “อนาคตนักการตลาด นักการตลาดแห่งอนาคต”
https://www.facebook.com/alivesonline/videos/558709241241251/?modal=admin_todo_tour
ดร.เอกก์ ภทรธนกุล เจ้าของหนังสือ “อัจฉริยะการตลาด” ประธานหลักสูตร Master in Branding and Marketing อาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บรรยายพิเศษเรื่อง “อนาคตนักการตลาด นักการตลาดแห่งอนาคต” (Tomorrow’s marketer : Beyond Maeketing) ในงานวันนักการตลาด Marketing Day 2018 จัดโดย สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (MAT) I ณ ห้องจิตรลดากรนด์บอลรูม ชั้น 2 โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ถ.สุขุมวิท 22 กรุงเทพฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้
ประกันสังคม โหมสร้างแรงรับรู้ ม.40 จูงใจแรงงานนอกระบบ
alivesonline.com : กระทรวงแรงงาน เจาะกลุ่มอาชีพสื่อมวลชน หวังใช้เป็นกระบอกเสียง สื่อสารตรงไปยังผู้ประกอบอาชีพอิสระและประชาชนทั่วไปเข้าใจสิทธิคุ้มครองภาคสมัครใจประกันสังคมมาตรา 40 ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนผู้ประกันตน 1 ล้านคน จากแรงงานนอกระบบกว่า 20 ล้านคน
พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการสร้างหลักประกันทางสังคมที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะการดูแลผู้ประกอบอาชีพอิสระให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความมั่นคงและมีหลักประกันชีวิต กระทรวงแรงงาน จึงมีนโยบายเน้นหนักและเร่งด่วนในการขยายการบูรณาการภาคีเครือข่ายในการส่งเสริมคุ้มครองและพัฒนาแรงงานนอกระบบให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยการโน้มน้าวจูงใจให้กับแรงงานนอกระบบเข้าสู่ระบบประกันสังคมภาคสมัครใจเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มอาชีพสื่อมวลชนเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญในการสนับสนุนและเป็นภาคีเครือข่ายในการสื่อสาร สร้างการรับรู้เกี่ยวกับความคุ้มครองประกันสังคมมาตรา 40 แก่ประชาชนและผู้ประกอบอาชีพอิสระ
กระทรวงแรงงานได้ดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบ พ.ศ.2560-2564 ซึ่งได้กำหนดประเด็นยุทธศาสตร์เสริมสร้างหลักประกันทางสังคม และขยายความคุ้มครองให้ทั่วถึง ดังนั้นในปี 2560 สำนักงานประกันสังคม จึงได้ดำเนินการแก้ไขกฎหมายปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์แต่ไม่เพิ่มเงินสมทบให้แก่ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 กรณีผู้ประกันตนรายเดิมที่อยู่ในระบบ อีกทั้งเพิ่มทางเลือกใหม่เพื่อให้ประชาชนได้รับสิทธิประโยชน์และความคุ้มครองประกันสังคมเพิ่มขึ้น โดยกำหนดเป้าหมายเพิ่มจำนวนผู้ประกันตนตามมาตรา 40 จำนวน 1 ล้านคน ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกันตนตามมาตรา 40 จำนวน 2.7 ล้านคน ทั่วประเทศ แต่ยังมีผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ยังไม่ได้เข้าสู่ระบบความคุ้มครองประกันสังคม จากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2560 พบว่าประเทศไทย มีแรงงานนอกระบบ จำนวน 20.8 ล้านคนทั่วประเทศ
“การสร้างการรับรู้ให้แก่สื่อมวลชนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้สื่อมวลชนสื่อสารและเป็นกระบอกเสียงสำคัญในการประชาสัมพันธ์งานประกันสังคมให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบอาชีพอิสระทุกกลุ่มอาชีพทั่วประเทศ ให้เห็นถึงประโยชน์และความสำคัญในการเข้าสู่ระบบความคุ้มครองประกันสังคม ทั้งยังเป็นการส่งเสริมการมีหลักประกันชีวิตเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนตามเจตนารมณ์ของกฎหมายประกันสังคมและนโยบายของกระทรวงแรงงานในการส่งเสริมการมีหลักประกันทางสังคมให้แก่ประชาชน เพื่อเป็นการสร้างหลักประกันแห่งการคุ้มครองแก่สมาชิกประกันสังคมที่นำไปสู่ความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อที่จะให้แรงงานอิสระสามารถเสริมสร้างระบบเศรษฐกิจและประเทศชาติให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ต่อไป และนำไปสู่การบรรลุผลตามเป้าหมายที่วางไว้ของกระทรวงแรงงาน คือ แรงงานนอกระบบ ได้รับความคุ้มครองมีหลักประกันสังคม นำสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวในตอนท้าย