ทำไมแซลมอนต้องมาจากนอร์เวย์…ร่วมค้นหาคำตอบได้ที่งาน THAIFEX 2019

ร่วมค้นหาคำตอบว่าเหตุใดแหล่งที่มาของแซลมอนจึงมีความสำคัญ และเหตุใดแซลมอนต้องมาจากนอร์เวย์เท่านั้น โดย สภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์ (NSC) ตัวแทนประเทศส่งออกปลาแซลมอนอันดับหนึ่งของโลกจะมาเผยเทคโนโลยีพร้อมนวัตกรรมด้านการประมง รวมถึงเส้นทางการเพาะเลี้ยงอาหารทะเลนอร์เวย์ชั้นเลิศในงาน ThaiFex 2019 ตอกย้ำจุดเด่นด้านรสชาติ ความสด และคุณภาพ

ท่านจะได้ลิ้มรสหลากเมนูอาหารทะเลนอร์เวย์ที่สดที่สุด ส่งตรงจากแหล่งผลิตทางเครื่องบินด้วยเวลาไม่ถึง 48 ชั่วโมง รังสรรค์โดยเชฟมากฝีมือชาวสิงคโปร์ “เชฟจิมมี่ ชุก” ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารทะเล รวมถึงเชฟไทยผู้มีชื่อเสียง “เชฟวัฒนศักดิ์ ช่างเก็บ” (เชฟบาส) เผยคำตอบว่าเหตุใดแหล่งที่มาของอาหารทะเลจึงมีความสำคัญ ส่งผลให้ยอดส่งออกอาหารทะเลของนอร์เวย์มายังไทยมีมูลค่าสูงถึง 4.8 พันล้านบาทในปี 2561

ThaiFex ถือเป็นสุดยอดงานแสดงสินค้าอาหารที่ใหญ่ และครบวงจรที่สุดในเอเชีย สำหรับในปีนี้นอร์เวย์ขยายศักยภาพทางธุรกิจโดยบูธ Norwegian Seafood Council Pavilion ประกอบด้วย 15 พันธมิตรทั้งผู้ส่งออกอาหารทะเลรวมทั้งธุรกิจหลากหลายประเภท พบกับ Norwegian Seafood Pavilion ได้ที่งาน ThaiFex 2019 ที่บูธ L15 ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ในวันอังคารที่ 28 พฤษภาคม 2562 ถึง วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน 2562

GET FOOD จัดเต็มดีลเด็ดเมนูดังลด 50-70% ส่งฟรีทั่วกรุงเทพฯ

  • ดีลเด็ดจากร้านอาหารดังมากมายมาลด 50-70% ทุกวันพร้อมบริการส่งฟรีทั้งวันสำหรับร้านที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันที่ 24-31 พ.ค.62
  • สาวกอาหารสตรีทฟู้ด ขนมหวาน และเครื่องดื่ม ห้ามพลาด GET FOOD จัดส่งฟรีทุกร้านทั่ว กรุงเทพฯ กว่า 20,000 ร้าน ตั้งแต่เวลา 00-16.00 น. สั่งได้เลยตลอดทุกวัน

 บริการ GET FOOD (เก็ทฟู้ด) จากแอปพลิเคชัน GET (เก็ท) แอปพลิเคชันที่ให้บริการเรียกรถรับส่งพัสดุ ส่งอาหาร และบริการออนดีมานด์อื่น ๆ เอาใจชาวกรุงเทพฯ ที่ชื่นชอบความสะดวกสบายกับบริการส่งอาหาร GET FOOD ที่ได้รับความนิยมสูงสุด จัดเต็มโปรโมชั่นสุดร้อน แรงแห่งเดือนกับโปรโมชัน “Flash Deal” เพื่อเป็นการคืนกำไรให้ลูกค้าพบดีลเด็ดเมนูดังจากหลากหลาย ร้านอาหารเจ้าเด็ดทั้งคาวและหวานที่ตบเท้าเข้าร่วมรายการ ลดเน้น ๆ 50-70%  หรือ ซื้อ 1 แถม 1 อาทิ ชา บาร์ (CHA BAR), โอชายะ (Ochaya), โนบิชา (Nobicha), อินาริ (Inari Izakaya), ตำแหลก, ราชาคอหมูย่าง, ปลาสีส้ม พระราม 9, ไก่ย่าง และร้านอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย แถมโปรโมชันจัดส่งฟรีกับ ทุกร้านที่ร่วมโปรโมชั่นตลอดทั้งวัน (ภายในระยะ 5 กิโลเมตร) ทั่วทุกซอกซอยในกรุงเทพฯ เริ่มตั้งแต่วันที่ 24-31 พฤษภาคม 2562

ยังไม่หมดกับ Flash Deal ห้ามพลาดช่วงเวลาสุดพิเศษสำหรับชาว GET FOOD ที่อยากกินอะไรต้องได้กิน เพราะส่งฟรีทุกร้านทั่วกรุงเทพฯ เฉพาะช่วงเวลา 14.00-16.00 น. (ส่งฟรีภายในระยะ 5 กิโลเมตร) ตลอดทั้งโปรโมชั่นในวันที่ 24-31 พฤษภาคม 2562

สำหรับร้านอาหารไฮไลต์ที่ห้ามพลาดของโปรโมชั่น Flash Deal ในวันที่ 24-31 พฤษภาคม 2562 ได้แก่

  • อินาริ ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมทั้งเมนูซูชิ แซลมอนซาซิมิ และเบนโตะเทมปุระ พบกับโปรโมชัน 1 แถม 1 ทั้ง 3 เมนู ได้แก่ เบนโตะไก่ทอดโทริคัตสึ (ราคา 419 บาท) เบนโตะเทมปุระรวม (ราคา 479 บาท) และเบนโตะแซลมอนเทอริยากิ (ราคา 499 บาท)
  • ชา บาร์ ร้านชานมไข่มุกสุขภาพไม่ใส่นมผง ไม่ใส่น้ำตาลขัดสี ใช้ใบชาสดหวานน้อยและแคลอรี่ ต่ำ จัดโปรโมชันซื้อ 1 แถม 1 กับหลากหลายเมนูเครื่องดื่มสุดพิเศษ ได้แก่ เซ็ตชานมคลาสสิค ไซส์ L แถมฟรีนมสดกับไข่มุกน้ำตาลทรายแดง ไซส์ M จากปกติราคา 148 บาท ลดเหลือ 59 บาท ชานมดาร์คช็อกโกแลตเข้มข้น ไซส์ L แถมฟรีนมสดกับไข่มุกน้ำตาลทรายแดง ไซส์ M จากปกติ ราคา 148 บาท ลดเหลือ 79 บาท

 

  • ราชาคอหมูย่าง คอหมูย่างอนามัย มีรสชาตินุ่มกลมกล่อม หมักเนื้อหมูสูตรข้าวคั่ว รสชาติเข้มข้น นำมาย่างบนเตาจนสุก เสิร์ฟมาพร้อมกับข้าวสวย ข้าวเหนียว หรือเส้นหมี่ขาวลวกจิ้มกับน้ำจิ้มแจ่ว แซ่บ ๆ จัดโปรโมชันซื้อ 1 แถม 2 ซื้อเซ็ตราชาคอหมูย่าง (ราคา 335 บาท) แถมข้าวเหนียวคอหมูย่างและไส้กรอกอีสานฟรี!

 

  • ตำแหลก ร้านอาหารอีสานแท้กับเมนูเด็ดของที่ต้องลองกับส่วนลด 70% ไปเลย! อาทิ ตำซะปู ปลาร้า ราคา 130 บาท ลดเหลือ 39 บาท ตำมะม่วงปลากรอบ ราคา 95 บาท ลดเหลือ 29 บาท แกงหน่อไม้-ใบย่านาง ราคา 85 บาท ลดเหลือ 26 บาท (เฉพาะเมนูที่ร่วมรายการ)

จะสั่งมาอร่อยที่บ้าน ที่ทำงาน หรือปาร์ตี้ต่าง ๆ ก็ง่าย เพียงแค่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน GET ทาง App Store หรือ Play Store และลงทะเบียนเพื่อใช้งาน เพียงเท่านี้ก็สามารถเลือกสั่งอาหารมาเอ็นจอยได้แบบฟรีค่าส่งแล้ว

สัมผัสนวัตกรรมความอร่อยจากข้าวไทย 100% ในงาน “THAIFEX – World of Food Asia 2019”

บริษัท ไวด์ เฟธ ฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวแผ่นอบกรอบแบรนด์ “มาสเตอร์ ไรซ์” เตรียมนำความอร่อยจากข้าวไทย 100% บุกเวทีอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน “THAIFEX – World of Food Asia 2019” เผยนวัตกรรมความอร่อยจากหลากหลายผลิตภัณฑ์ ทั้ง “ไรซ์ บัดดี้” ข้าวแผ่นอบกรอบเพื่อสุขภาพที่ใช้วิธีการอบแทนการทอด ไม่ใส่ผงชูรส ปราศจากไขมันทรานส์ (Trans-Fat-Free) ใช้น้ำมันรำข้าวในปริมาณที่น้อยกว่า 10% ให้ความบางกว่า กรอบกว่า และรสชาติอร่อยกว่า พร้อมด้วยผลิตภัณฑ์ไรซ์สแน็คเพื่อสุขภาพจากความภูมิใจของ “ไวด์ เฟธ ฟู้ด” อีกมากมาย อาทิ Allright, Rice Wonder และ Mello การันตีความอร่อย คุณภาพ และมาตรฐานการผลิตในทุกซอง ด้วยการรับรองเกรด AA จากสมาคมผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกแห่งสหราชอาณาจักร (The British Retail Consortium – BRC)

ร่วมสัมผัสผลิตภัณฑ์ไรซ์สแน็คเพื่อสุขภาพที่ให้รสชาติดีกว่า ให้ความรู้สึกที่ดีกว่า ด้วยกระบวนการผลิตที่ยอดเยี่ยม จากบริษัท ไวด์ เฟธ ฟู้ด จำกัด ได้ในงาน “THAIFEX – World of Food Asia 2019” ณ RISE BUDDY BOOTH หมายเลข Z57 และ INTERNATIONAL BOOTH หมายเลข Y67 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2562

อ.ต.ก. นำสินค้าเกษตรคุณภาพ บุกงาน THAIFEX-World of Food Asia 2019

องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) โดย นายกมลวิศว์ แก้วแฝก ผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร นำสินค้าเกษตรคุณภาพ อ.ต.ก. เปิดตลาด ใน งาน THAIFEX-World of Food Asia 2019 ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2562 บูท B27 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 ณ อิมแพคเมืองทองธานี

ในครั้งนี้ อ.ต.ก. ได้นำ แบรนด์สินค้าเกษตรระดับพรีเมียม ภายใต้ชื่อ “Best Of Ortorkor” ซึ่งที่เป็นอีกหนึ่งพันธกิจของ อ.ต.ก. ที่ใช้การตลาดนำการผลิตเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ก้าวสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตรด้วยแบรนด์ซึ่งเป็นการคัดสรรสินค้าเกษตรคุณภาพ ปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสินค้าเกษตรอินทรีย์และสินค้าเกษตรแปรรูปที่ได้รับมาตรฐานที่ดีที่สุด ส่งตรงถึงมือผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ พร้อมการันตีความเชื่อมั่นโดย อ.ต.ก. ตลาดสดคุณภาพชื่อเสียงอันดับ 4 ของโลก จากการจัดอันดับของ CNN อาทิ ผลิตภัณฑ์เห็ดแครงแปรรูปพร้อมรับประทานทานซึ่งเป็นเห็ดที่มีโปรตีนและใยอาหารสูง ไขมันต่ำ อีกทั้งยังมีสารที่ชื่อว่า “ชิโซฟิลแลน” (schizophyllan) ที่ถูกสกัดนำมาใช้เป็นยาต้านเซลล์มะเร็ง เป็นต้น

“เก็ท x ป.ป.ส. ร่วมใจระวังภัยยาเสพติดครั้งที่ 1”

‘อดิศร กาญจนวรงค์’ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ “เก็ท” (GET) แอปพลิเคชันที่ให้บริการเรียกรถส่งอาหารและรับส่งพัสดุ ร่วมมือกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) จัดการอบรมในหัวข้อ “เก็ท x ป.ป.ส. ร่วมใจระวังภัยยาเสพติดครั้งที่ 1” โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจาก ป.ป.ส. เพื่อร่วมเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจในการป้องกันตนเองให้คนขับของเก็ทกว่า 30 คน ทั้งคนขับจักรยานยนต์วินและคนขับรถส่งพัสดุส่งอาหาร เมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ ศูนย์อบรมคนขับของ GET

“อิมแพ็ค เมมเบอร์การ์ด” ผนึก “วาโก้” ตกแต่งหมวก มอบให้ผู้ป่วยมะเร็งเต้านม

บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด นำโดย ‘กุลวดี จินตวร’ (กลาง) ผู้อำนวยการบริหาร, ‘ปัณณ์ธารี สกุลทอง’ (ที่ 5 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ หน่วยปฏิบัติการด้านบริหาร, ‘จินตนา พงษ์ภักดี’ (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้อำนวยการสำนักงานฝ่ายสื่อสารองค์กร พร้อมด้วย ‘วรรณี ตันตระเศรษฐี’ (ที่ 6 จากขวา) ผู้จัดการโครงการวาโก้โบว์ชมพูสู้มะเร็งเต้านม ร่วมในพิธีเปิดกิจกรรม “หมวกสวย ใจสวย” ซึ่งจัดขึ้นโดย “อิมแพ็ค เมมเบอร์การ์ด” และ บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) เพื่อให้ประชาชนและผู้ถือบัตร “อิมแพ็ค เมมเบอร์การ์ด” ได้ร่วมกันตกแต่งหมวก จำนวน 800 ใบ และส่งมอบให้ผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ณ สถาบันมะเร็งแห่งชาติและโรงพยาบาลมะเร็งภูมิภาค รวม 8 แห่ง เมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ บริเวณล็อบบี้ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็คเมืองทองธานี

สำหรับลูกค้าและประชาชนที่สนใจกิจกรรมจาก “อิมแพ็ค เมมเบอร์การ์ด” ที่จัดขึ้นเพื่อช่วยเหลือและมอบโอกาสดี ๆให้สังคมสามารถติดตามได้ที่ www.facebook.com/impactmembercard หรือติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 0 2833 4070 ส่วนงานบริหารลูกค้าสัมพันธ์

“บลูไดมอนด์ อัลมอนด์ บรีซ” จัดโปรโมชั่นต้อนรับวันดื่มนมโลก

“บลูไดมอนด์โกรเวอร์ส” สหกรณ์ผู้ผลิตอัลมอนด์จากเมืองซาคราเมนโต รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เชิญชวนทุกคนมาสุขภาพดี ต้อนรับวันดื่มนมโลก ในวันที่ 1 มิถุนายนของทุกปี พร้อมโปรโมชั่นราคาพิเศษเพื่อเอาใจสายเฮลตี้ในเดือนแห่งการดื่มนมนี้กับ “นมอัลมอนด์” คุณภาพจากแคลิฟอร์เนีย ทั้ง 6 รสชาติ ได้แก่ รสออริจินัล, สูตรไม่เติมน้ำตาล, รสวานิลลา, รสช็อกโกแลต, รสมัทฉะ และรสลาเต้ ในกล่องขนาด 180 มิลลิลิตร (บรรจุ 3 กล่อง/แพ็ค) จากราคาปกติ 59 บาท ลดเหลือ 49 บาท และในกล่องขนาด 946 มิลลิลิตร จากราคาปกติ 99 บาท ลดเหลือ 85 บาท

พบ “บลูไดมอนด์ อัลมอนด์ บรีซ” ในราคาพิเศษตลอดเทศกาลวันดื่มนมโลกได้แล้วตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 5 มิถุนายน 2562 ที่ “กูร์เมต์ มาร์เก็ต” และ “โฮม เฟรช มาร์ท” ทุกสาขา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0 2813 0954-5 หรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมต่าง ๆ ได้ที่ www.facebook.com/Bluediamondthailand และ IG : Bluediamondthailand

สิ้นแล้ว ! รัฐบุรุษ 2 แผ่นดิน “พลเอกเปรม” ถึงแก่อสัญกรรม

alivesonline.com : ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (26 พ.ค.62) เมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. นายทหารประจำบ้านสี่เสาเทเวศร์ได้นำ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ส่งโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เพื่อรักษาอาการด่วนหลังจากประสบอุบัติล้มขณะออกกำลังกายในช่วงเช้า แต่ในเวลาประมาณ 09.00 น. พล.อ.เปรม ได้ถึงอสัญกรรมอย่างสงบ ด้วยวัย 99 ปี

สำหรับประวัติของ พลเอกเปรม เกิดเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2463 ที่ ต.บ่อยาง อ.เมืองสงขลา จ.สงขลา โดยชื่อ “เปรม” นั้น พระรัตนธัชมุนี (แบน คณฺฐาภรโณ) เป็นผู้ตั้งให้ ส่วนนามสกุล “ติณสูลานนท์” พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานให้ เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2462 โดย พล.อ.เปรม เป็นบุตรชายคนรองสุดท้องจากจำนวน 8 คนของรองอำมาตย์โทหลวงวินิจทัณฑกรรม (บึ้ง ติณสูลานนท์) ต้นตระกูลติณสูลานนท์ กับนางวินิจทัณฑกรรม (ออด ติณสูลานนท์)

พลเอกเปรม เข้ารับการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เมื่อปี 2469 ที่โรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา หมายเลขประจำตัว 167 สำเร็จชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เมื่อปี 2478 เข้าศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 7-8 แผนกวิทยาศาสตร์ ที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย หมายเลขประจำตัว 7587

พลเอกเปรม ผ่านการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ณ โรงเรียนเท็ฆนิคทหารบก (ปัจจุบัน คือ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า) เมื่อปี 2481 โดยเข้ารับการศึกษาเป็นรุ่นที่ 5 มีเพื่อนร่วมรุ่น 55 นาย สำเร็จการศึกษาเมื่อปี 2484 ใช้เวลาเพียง 3 ปี ไม่ครบ 5 ปี ตามหลักสูตร เนื่องจากเกิดกรณีพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยกับฝรั่งเศสขึ้น จึงจำเป็นต้องให้นักเรียนนายร้อยออกรับราชการก่อนกำหนด

พลเอกเปรม เริ่มรับราชการเป็นผู้บังคับหมวด ประจำกรมรถรบ เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2484 ปฏิบัติหน้าที่ ณ สมรภูมิรบปอยเปต ประเทศกัมพูชา ในกรณีพิพาทในอินโดจีนระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลฝรั่งเศส และได้รับแต่งตั้งให้เป็นว่าที่ร้อยตรี (รับกระบี่ในสนามรบ) เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2484

เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2523 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นับเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 16 ของประเทศไทย ก่อนได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เริ่มรับราชการทางการเมืองโดยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นวฺุฒิสมาชิก เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2511 เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2515 เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน2520 และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 22พฤษภาคม 2522

พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2523 จนถึงวันที่ 4 สิงหาคม 2531 รวมทั้งสิ้น 3 ครั้ง มีคณะรัฐมนตรีทั้งหมด 5 ชุด รวมเวลาทั้งสิ้น 8 ปี 5 เดือน หลังจากการปฏิเสธการรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2531 ต่อมาเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2531 ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศยกย่อง พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ไว้ในฐานะรัฐบุรุษ และเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2541 จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นประธานองคมนตรีในสมัยรัชกาลที่ 9 จนถึง วันที่ 13 ตุลาคม 2559

จากนั้นดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม – 1 ธันวาคม 2559 และดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรี ในสมัยรัชกาลที่ 10 ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2559 ถึงปัจจุบัน

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการให้ พลเอกเปรม ลงนามในสมุดจดทะเบียนราชาภิเษกสมรส ในฐานะสักขีพยาน เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2562

ศปป.5 กอ.รมน. นำสื่อมวลชนส่วนกลางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

alivesonline.com : ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 5 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ศปป.5 กอ.รมน.) เตรียมนำคณะสื่อมวลชนจากส่วนกลาง (กรุงเทพฯ) ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อติดตามความก้าวหน้าการทำงานของเจ้าหน้าที่ ทั้งงานด้านการพัฒนาและงานด้านความมั่นคง…สำหรับการเดินทางทริปนี้ พล.ต.บุญชัย เกษตรตระการ รองผู้อำนวยการ ศปป.5 กอ.รมน. ย้ำหนักแน่นว่า การทำงานทุกด้านมีความก้าวหน้าอย่างมากซึ่งจะมีผลให้พี่น้องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอันจะนำมาซึ่งสันติสุขในวันข้างหน้า ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรบ้างนั้นพบคำตตอบได้ในเร็ว ๆ นี้ผ่านทาง www.alivesonline.com

TCEB ชวนองค์กรจัดทริปสัมมนาใน 1 วัน เส้นทางไมซ์ใหม่ “สัมมนารอบกรุง”

alivesonline.com : จากเป้าหมายของ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” ในการกระตุ้นนักเดินทางไมซ์ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งสิ้น 35,982,000 คน สร้างรายได้ 221,500 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2562 นั้น ได้กำหนดเป็น นักเดินทางกลุ่มไมซ์ต่างประเทศ 1,320,000 คน สร้างรายได้ 100,500 ล้านบาท และนักเดินทางชาวไทยที่เดินทางเข้าร่วมงานไมซ์ในประเทศ 34,662,000 คน สร้างรายได้ 121,000 ล้านบาท

จะเห็นได้ว่าในส่วนของนักเดินทางไมซ์ในประเทศมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีงบประมาณ 2561 ซึ่งมีนักเดินทางจำนวน 33,011,322 ราย มีค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริป 3,553 บาท ก่อให้เกิดรายได้ในระบบเศรษฐกิจ 117,301 ล้านบาท ถือว่ามีการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2560 คิดเป็นสัดส่วน 28.89% ซึ่งเป็นผลมาจากความแข็งแกร่งทางด้านเศรษฐกิจของประเทศไทยอันเกิดมาจากการขยายตัวของการส่งออกและการท่องเที่ยวในระดับสูง ทำให้ภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนมีความมั่นใจที่จะใช้จ่ายมากขึ้น รวมทั้งนโยบายส่งเสริมจากภาครัฐในการออกมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวและอบรมสัมมนาใน 55 เมืองรองให้สามารถลดหย่อนภาษีค่าใช้จ่ายจากการจัดประชุมสัมมนาได้ 100%

เส้นทางไมซ์ใหม่ : พัฒนาพื้นที่ดึงดูดนักเดินทาง

อย่างไรก็ตาม “อุตสาหกรรมไมซ์” โดยเฉพาะกลุ่มการประชุม (Meeting) ยังมีความจำเป็นต้องสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดนักเดินทางไมซ์คุณภาพเข้าสู่เมืองต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดความต้องการจัดงานไมซ์ในประเทศและพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของไมซ์ในประเทศ “ทีเส็บ” จึงริเริ่มโครงการศึกษาและวิเคราะห์ศักยภาพเส้นทางไมซ์ภายในประเทศ เพื่อส่งเสริมศักยภาพของอุตสาหกรรมไมซ์ภายในประเทศ หรือ “Thailand 7 MICE Magnificent Themes” มาตั้งแต่ปี 2559 เพื่อค้นหาเส้นทางใหม่ ๆ และพัฒนาสถานประกอบการและชุมชนสำหรับการจัดงานไมซ์ทั่วประเทศ

โครงการดังกล่าวเริ่มต้นจากการวิจัยศึกษาเมืองที่มีศักยภาพรองรับนักเดินทางไมซ์ ศึกษาต้นทุนทางวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่ วิเคราะห์ศักยภาพและความสามารถทั้งด้านพื้นที่ สถานประกอบการ และชุมชน รวมถึงจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคที่มีศักยภาพในการรองรับกลุ่มไมซ์และพัฒนาเป็น “เส้นทางไมซ์ใหม่” ผ่าน 7 มุมมองที่วิจัยมาแล้วว่าเป็นแนวคิดเส้นทาง Top Hits ของกลุ่มไมซ์ทั้งนานาชาติและในประเทศ (Thailand 7 MICE Magnificent Themes) ได้แก่

1.ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม (Fascinating History and Culture)

2.การผจญภัย (Exhilarating Adventure)

3.การสร้างทีมเวิร์ค (Treasured Team Building)

4.กิจกรรม CSR และการประชุมเชิงอนุรักษ์ (CSR and Green Meeting)

5.กิจกรรมบรรยากาศชายหาด (Beach Bliss)

6 การจัดงานและกิจกรรมหรูหรามีระดับ (Lavish Luxury)

7.การนำเสนออาหารไทยในทุกการจัดงานที่หลากหลาย (Culinary Journeys)

 

“สัมมนารอบกรุง” : รับพฤติกรรมองค์กรยุคใหม่

ล่าสุด ฝ่ายส่งเสริมตลาดในประเทศ (Domestic MICE) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” จึงได้กำหนดแผนงานเพื่อสอดรับนโยบายดังกล่าว โดยร่วมกับ สมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย (PMAT) จัดกิจกรรม “สัมมนารอบกรุง” โครงการสร้างการรับรู้สินค้าและบริการไมซ์ (Domestic Fam Trip) ประจำปี 2562 พร้อมนำผู้บริหารด้านทรัพยากรมนุษย์ (HR) จากองค์กรต่าง ๆ รวม 25 ราย เข้าร่วมโครงการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาตนเองรูปแบบใหม่ในเส้นทางจังหวัดฉะเชิงเทรา ภายใต้แนวคิด “Empower Yourself With A New Philosophy In The Global World”

นายสราญโรจน์ สุทัศน์ชูโต ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมตลาดในประเทศ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ กล่าวว่า การจัดกิจกรรม “สัมมนารอบกรุง” ครั้งนี้นอกจากถือเป็นส่วนหนึ่งของ “เส้นทางไมซ์ใหม่” (Thailand 7 MICE Magnificent Themes) แล้ว ยังเป็นการต่อยอด โครงการ “ก้าวตามรอยพ่อ ประชุมเมืองไทย อิ่มใจตามรอยพระราชดำริ” ตามโมเดลการจัดประชุมสัมมนาในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ด้วยแนวคิด “๓ พอ” (พอเพียง เพิ่มพูน พัฒนา) เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมให้หน่วยงานภาคเอกชนจัดงานประชุมสัมมนาในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยนำศาสตร์พระราชาที่เป็นประโยชน์ไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาบุคลากร หน่วยงาน องค์กร และอุตสาหกรรม ก่อให้เกิดการพัฒนาและกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่นมากขึ้น

“เหตุผลที่เลือกจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่การจัดกิจกรรมสัมมนารอบกรุงครั้งนี้ เพราะเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ใกล้กรุงเทพฯ สามารถเดินทางไปเช้า-เย็นกลับและร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ ได้ภายในหนึ่งวัน สอดรับกับพฤติกรรมคนรุ่นใหม่และองค์กรยุคปัจจุบันที่เริ่มค้นหาและเลือกสรรสถานที่จัดงานประชุมสัมมนาด้วยตนเองมากขึ้นจากอดีตที่พึ่งพาบริษัทเอเจนชี่เป็นหลัก ด้วยเหตุนี้การจัดกิจกรรมสัมมนารอบกรุงจึงถือว่ามีความเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับองค์กรต่าง ๆ ที่ต้องการจัดการประชุม หรือ Meeting และการท่องเที่ยวเพื่อรางวัล หรือ Incentives”

ทริป 1 วันในแปดริ้ว

สำหรับสถานที่การจัดกิจกรรมสัมมนารอบกรุงในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทราครั้งนี้ ประกอบด้วย :

หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบ พระชนมพรรษา ฉะเชิงเทรา – เลขที่ 999 หมู่ 3 ต.วังเย็น อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา โทร.0 3858 9396, 08 4088 2264 ถือเป็น 1 ใน 5 หอดูดาวภูมิภาคและศูนย์กลางการเรียนรู้เรื่องดาราศาสตร์สำหรับประชาชนในภูมิภาคต่าง ๆ ได้แก่ นครราชสีมา ฉะเชิงเทรา สงขลา ขอนแก่น และพิษณุโลก รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวิชาการเพื่อสร้างความตระหนักและความตื่นตัวทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้ประชาชนในทุกภูมิภาคมีโอกาสเรียนรู้ดาราศาสตร์อย่างทั่วถึงและทัดเทียมกัน โดยมีอาคารท้องฟ้าจำลองสำหรับฉายท้องฟ้าจำลองด้วยระบบดิจิทัลความละเอียดสูง รองรับผู้เข้าชมได้ครั้งละ 50 ราย ทั้งยังมีห้องนิทรรศการจัดแสดงเกี่ยวกับดวงดาวต่าง ๆ ด้านหลังเป็นอาคารหอดูดาว มีกล้องโทรทรรศน์หลายขนาด รวมถึงลานสำหรับจัดกิจกรรมดูดาวทุกคืนวันเสาร์ในช่วงเวลา 18.00-22.00 น.

บ้านเมล่อน – เลขที่ 99/9 หมู่ 2 ถ.304 ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา โทร.09 9249 4494 เป็นฟาร์มเมล่อนสายพันธุ์ญี่ปุ่นที่เปิดกว้างให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมและศึกษาเรียนรู้กระบวนการปลูกเมล่อนตามแนวพระราชดำริ “เศรษฐกิจพอเพียง” รองรับผู้เข้าชมได้ครั้งละ 30 ราย โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ ให้ผู้เข้าชมได้ทดลองปฏิบัตากมาย เช่น การเพาะต้นกล้าเมล่อน การสลักลายผลเมล่อน การให้อาหารแกะ เป็นต้น นอกจากนั้น ยังมีการจำหน่ายผลเมล่อนสดจากฟาร์ม รวมถึงมีร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเมล่อนในรูปแบบต่าง ๆ โดยมีการจัดมุมถ่ายรูปสุดชิคและชิลล์ให้ผู้มาเยือนได้แชะและโชว์อีกด้วย

ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดฉะเชิงเทรา – เลขที่ 7 หมู่ 2 ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา โทร.0 3855 4982-3 มีการดำเนินงานตามแนวพระราชดำริ ในหลวง รัชกาลที่ ๙ เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมการศึกษา ทดลอง วิจัย และการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ดินทรายจัดเพื่อเกษตรกรรมซึ่งมีรูปแบบให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว โดยให้บริการแก่เกษตรกรและประชาชนทุกสาขาอาชีพที่เข้ามาศึกษาหาความรู้ ณ ที่แห่งเดียว เสมือน “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต” ถือเป็นตัวอย่างแห่งความสำเร็จในด้านการเกษตรกรรมและการพัฒนาอาชีพเพื่อเป็นต้นแบบและแนวทางให้เกษตรกรและผู้สนใจนำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติต่อไป นอกจากนี้ ยังมีสถานที่ให้ศึกษาเรียนรู้และเยี่ยมชม คือพระตำหนักสามจั่ว ร้านปันสุข สวนพฤกษชาติราชดำรัส ศูนย์การเรียนรู้ผลิตภัณฑ์ชุมชน โรงเรือนกลุ่มพัฒนาอาชีพเย็บผ้า จักสาน และตีเหล็ก เป็นต้น

“ไมซ์” กับการสร้างวัฒนธรรมองค์กร

นายสราญโรจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดกิจกรรม “สัมมนารอบกรุง” ครั้งนี้ยังได้รับเกียรติจาก อาจารย์ชินรีณี วีระวุฒิวงศ์ โค้ชผู้บริหารที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์โค้ชนานาชาติ มาร่วมให้ความรู้ผู้ร่วมโครงการในกิจกรรม “ปั้นดิน” ซึ่งถือเป็นศิลปะเพื่อความสมดุลในการส่งเสริมและกระตุ้นเตือนให้มนุษย์สื่อสารกับโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยการปั้นดินจะช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมองผ่านประสารทสัมผัสที่ซับซ้อนสูงสุด ทำให้ผู้ร่วมกิจกรรมปั้นดินมีศักยภาพเพิ่มขึ้นทางด้านความสามารถในการเรียนรู้ ความสามารถด้านสติปัญญา ความฉลาดทางอารมณ์ ตลอดจนพลังความมุ่งมั่นในการทำงานให้บรรลุเป้าหมายสูงสุด

นอกจากนั้น ยังมีการจัด กิจกรรม “Table Top Sale” โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยว รวมถึงผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา นำเสนอสถานที่และผลิตภัณฑ์ของฝากของที่ระลึกให้แก่ผู้ร่วมกิจกรรม “สัมมนารอบกรุง” เพื่อเชิญชวนให้นำองค์กรนำคณะบุคลากรเดินทางมาจัดอบรมสัมมนา

 

นายสราญโรจน์ กล่าวด้วยว่า เหตุผลที่การจัดกิจกรรม “สัมมนารอบกรุง” ครั้งนี้เน้นผู้ร่วมโครงการคือ ผู้บริหารด้านทรัพยากรมนุษย์ (HR) จากองค์กรต่าง ๆ เพราะถือเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญต่อการจัดโครงการประชุมและอบรมสัมมนาบุคลากรภายในองค์กร โดยนำบุคลากรออกมาเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ นอกสถานที่ซึ่งถือเป็นการสร้างวัฒนธรรมองค์กรใหม่ ๆ ทั้งยังถือเป็นการเรียนรู้ศาสตร์พระราชาในการนำไปประยุกต์ใช้ในด้านต่าง ๆ ทั้งชีวิตประจำกัน การทำงาน และอื่น ๆ

“อุตสาหกรรมไมซ์เป็นหัวใจหนึ่งในการเชื่อมต่อผู้คนให้มีโอกาสพบกันและแบ่งปันประสบการณ์จากการเรียนรู้ร่วมกัน ดังการจัดกิจกรรมสัมมนารอบกรุงครั้งนี้ที่ผู้เข้าร่วมโครงการต่างมีมุมมองในด้านต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น โดยมีความเข้าใจมากขึ้นในเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียงและศาสตร์พระราชา รวมไปถึงมีความกล้าที่จะลงมือปฏิบัติในสิ่งต่าง ๆ ทั้งยังให้การยอมรับซึ่งกันและกัน รวมถึงมีเข้าใจเรื่องช่องช่องว่างระหว่างวัยของบุคลากรในองค์กร ตลอดจนมีความพยายามที่จะพัฒนาตัวเองให้หลุดพ้นจากพื้นที่สุขสบายของตนเอง หรือ Comfort Zone”

เหนือสิ่งอื่นใดการจัดกิจกรรม “สัมมนารอบกรุง” ยังถือเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนโดยตรงอันถือเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศมีการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป จึงไม่ใช่เรื่องแปลก หาก “ทีเส็บ” จะยังคงมีการจัดกิจกรรม “สัมมนารอบกรุง” ขึ้นอีก แต่จะเป็นในพื้นที่ใด ติดตามในเร็ว ๆ นี้.