นายชาร์ลส หง (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้จัดการฝ่ายขายผลิตภัณฑ์พัดลมและการจัดการความร้อน FMBG และ นายมนัส อุ่นใจ (ที่ 2 จากขวา) ฝ่ายขายผลิตภัณฑ์ FMBG บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จัดแสดงนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยสร้างคุณภาพอากาศภายในอาคาร เพื่อปกป้องคนกรุงเทพฯ จากปัญหามลภาวะทางอากาศและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชากรทั่วภูมิภาคให้ดียิ่งขึ้น ภายในงาน สถาปนิก’ 62 งานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีด้านก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อเร็ว ๆ นี้
ผู้เขียน: admin2
AEROFLEX โชว์ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา
บริษัท แอร์โรเฟลกซ์ จำกัด หรือ AEROFLEX บริษัทย่อยของ บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ร่วมออกบูธในงานสถาปนิก’62 นำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรมฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา ภายใต้แบรนด์ AERO-ROOF โดยมี ‘รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์’ (ขวา) รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EPG และ ‘เนาวรัตน์ วิทูรปกรณ์’ (กลาง) กรรมการบริหาร AEROFLEX เข้าร่วมงาน ณ ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อเร็ว ๆ นี้
“เบนซ์ สตาร์แฟลก” แจกจริง 1 ล้านบาท
บริษัท สตาร์แฟลก จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์ “เมอร์เซเดส-เบนซ์” อย่างเป็นทางการ จัดพิธีจับรางวัลรายชื่อผู้โชคดี จากแคมเปญสุดยอดโปรโมชั่นแห่งปี “Motor Show OK!” ลดจริง แจกจริง ลุ้นรับส่วนลดเงินสด 1,000,000 บาท สำหรับลูกค้าที่จองและออกรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกรุ่น ที่ร่วมรายการ ข้อเสนอเดียวกับงาน Motor Show 2019 ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม– 30 เมษายน 2562 โดยได้รับเกียรติจาก นายชยุส ยังพิชิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์แฟลก จำกัด และคณะผู้บริหารประกอบด้วย นายพิชัย โกศลวัฒนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มสายงานบัญชีและการเงิน, นางสาวปุณฑริก นิมิตรกุล ผู้จัดการทั่วไป เข้าร่วมการจับรางวัล ซึ่งผลการจับรางวัล ผู้โชคดีที่ได้รับส่วนลดเงินสด 1 ล้านบาทครั้งนี้คือ นายวิทวัส บุญก่อเกื้อ จากจังหวัดระยอง ท่ามกลางสักขีพยาน ณ โชว์รูม เบนซ์สตาร์แฟลก ดินแดง เมื่อเร็ว ๆ นี้
“ทวิตเตอร์” เพิ่มฟีเจอร์ให้รีทวีตได้สนุกขึ้น
alivesonline.com : เพราะ “ทวิตเตอร์” ได้ยินความต้องการของคุณ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผู้ใช้งาน “ทวิตเตอร์” สามารถใส่ภาพ GIF เข้าไปในข้อความที่คุณรีทวีตได้แล้ว จากเดิมที่ใช้รูปภาพ คลิปวีดีโอ หรือภาพ GIF สำหรับทวีตข้อความเท่านั้น ตอนนี้คุณสามารถรีทวีตแบบเพิ่มรูปภาพ วีดีโอ หรือภาพ GIF ได้ เพื่อเพิ่มอรรถรสให้กับการสนทนาบนทวิตเตอร์ได้มากขึ้น
หากคุณไม่สามารถหาคำพูดที่ใช่ คุณสามารถใช้ภาพ GIF ที่ใช่ ที่เหมาะเจาะกับความรู้สึกของคุณได้!
‘ซาร่า เพอร์โซแนต’ หัวหน้าฝ่ายโซลูชันสำหรับลูกค้าของ “ทวิตเตอร์” กล่าวว่า เรารู้สึกภูมิใจในการเป็นพื้นที่ของบทสนทนาซึ่งมีชีวิตชีวาที่สุดและเราก็ตระหนักว่ารูปภาพได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญของการพูดคุยและการแสดงออกทางความคิด เราจึงขยายขอบเขตในการใช้คลิปวีดีโอ ภาพ GIF และรูปภาพเพื่อช่วยในการสนทนาของคุณ นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสให้นักการตลาดสามารถสื่อสารกับผู้คนผ่าน “ทวิตเตอร์” ได้อย่างสนุกสนานมีรสชาติและช่วยเพิ่มความเป็นตัวตนให้กับแบรนด์ที่พวกเขาสร้างขึ้นได้อีกด้วย
ฟีเจอร์นี้สามารถใช้ได้ทั้ง iOS, แอนดรอย และ mobile.twitter.com หรือถ้าคุณอยากรู้ว่ามีใครบ้างที่เริ่มใช้ฟีเจอร์นี้แล้ว เราแนะนำให้คุณไปดูได้ที่ @GameOfThrones, @EW และอื่น ๆ จากที่นี่
โครงการ “ธนาฮาบิแทต ปิ่นเกล้า-สิรินธร” พร้อมสู้ศึกบ้านหรู
alivesonline.com : “ธนาสิริ” พัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวสุดหรู “ธนาฮาบิแทต ปิ่นเกล้า-สิรินธร” มูลค่าโครงการ 875 ล้านบาท รวม 95 ยูนิต เน้นจุดเด่นตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพเชื่อมต่อการเดินทางผ่านเส้นทางคมนาคมที่หลากหลาย ทั้งทางด่วน โครงการทางพิเศษ “ศรีรัช–วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร” ถนนสายหลักสำคัญ ๆ และเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย รถไฟฟ้าสายสีม่วง “บางซื่อ-คลองบางไผ่” รวมถึงรถไฟชานเมืองสายสีแดง “ตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต” ชูราคาขายเฉลี่ย 9.9 ล้านบาท บนพื้นที่ 50–100 ตารางวา
นายสุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) เปิดเผยในโอกาสเข้ารับพระราชทานรางวัล “โครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อคุณภาพชีวิตดีเด่น ประจำปี 2561” (ASA Real Estate Awards 2018) จากโครงการ “ธนาฮาบิแทต ปิ่นเกล้า-สิรินธร” ซึ่งจัดโดย สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ว่า นับเป็นกำลังใจที่ดีเยี่ยมแก่คณะผู้บริหารและพนักงานทุกคนในโอกาสเข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานรางวัลอสังหาริมทรัพย์เพื่อคุณภาพชีวิตดีเด่น ประเภทที่อยู่อาศัย จาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี ในงานพระราชทานรางวัลโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อคุณภาพชีวิตดีเด่น ประจำปี 2561 (ASA Real Estate Awards 2018)
สำหรับโครงการ “ธนาฮาบิแทต” (Thana Habitat) พัฒนาขึ้นโดยได้นำเสนอแนวคิดที่อยู่อาศัยแบบใหม่ที่ทำให้ทุกวันของการอยู่อาศัยได้สัมผัสธรรมชาติได้ตลอดเวลา หลีกหนีจากความวุ่นวายของการใช้ชีวิตที่พลุกพล่านวุ่นวาย สู่ธรรมชาติแห่งใหม่ที่โอบล้อมทุกสมาชิกในครบครัว ให้ได้ใกล้ชิดและเป็นส่วนตัวในการเลือกอยู่ที่นี่ โดยโครงการ “ธนาฮาบิแทต ปิ่นเกล้า-สิรินธร” (Thana Habitat Pinklao – Sirindhorn) พัฒนาสินค้าเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 190–300 ตารางเมตร บนขนาดที่ดิน 50–100 ตารางวา ราคาขายเฉลี่ยที่ 9.9 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการ 875 ล้านบาท จำนวนทั้งสิ้น 95 ยูนิต พื้นที่ 26.2 ไร่ ท่ามกลางธรรมชาติที่เป็นส่วนตัวใกล้แหล่งอำนวยความสะดวกสบายโดยรอบ ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงเรียน โรงพยาบาลและทางด่วนแห่งใหม่ ทำให้เกิดหลาย ๆ องค์ประกอบของไลฟ์สไตล์เมืองผสมกับความเป็นธรรมชาตภายใต้แนวคิด “The Ultimate of Nature Living” ที่ให้ทุก ๆ ตารางเมตรของการอยู่อาศัยภายในบ้านและโครงการได้สัมผัสกับธรรมชาติได้ทุกวันๆ
โครงการ “ธนาฮาบิแทต ปิ่นเกล้า-สิรินธร” ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพที่สามารถเชื่อมต่อการเดินทางไปสู่ย่านต่าง ๆ ใจกลางเมืองได้โดยสะดวกผ่านเส้นทางคมนาคมที่หลากหลาย ทั้งทางด่วน โครงการทางพิเศษ “ศรีรัช–วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร”, ถนนสายหลักสำคัญ ๆ อาทิ สิรินธร, นครอินทร์, ราชพฤกษ์, จรัญสนิทวงศ์ และเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย รถไฟฟ้าสายสีม่วง “บางซื่อ-คลองบางไผ่” รวมถึงรถไฟชานเมืองสายสีแดง “ตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต” ซึ่งจะเปิดให้บริการในปี 2563 โดยในอนาคตจะมีโครงการจะก่อสร้างเพิ่มเติมอีก 3 สถานีคือ สถานีบ้านฉิมพลี สถานีบางกรวย-กฟผ. และสถานีสะพานพระราม 6 ในโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วง “ตลิ่งชัน–ศาลายา” ซึ่งจะช่วยยกระดับการเดินทางในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่มีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัยในย่านนี้ได้อีกมาก
นายสุทธิรักษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับแนวคิดการออกแบบโครงการเริ่มจากการออกแบบผังโครงการที่ทุกโครงการเราจะวางทิศทางบ้าน (Orientation)ไปในทิศเหนือใต้เพื่อการรับลมธรรมชาติและหลีกเลี่ยงแสงแดดในทิศตะวันตก การวางที่จอดรถในฝั่งที่ปะทะกับแดดเพื่อจัดวางห้องรับแขกให้ได้ความร่มรื่นและไม่ร้อน รวมถึงจำนวนบ้านในโครงการที่พอดี ไม่แออัด ในส่วนของการออกแบบบ้านเราศึกษาถึงรายละเอียดในการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยและเข้าใจธรรมชาติพื้นฐานของการอยู่อาศัยที่ต้องการใกล้ชิดธรรมชาติรอบ ๆ โดยการออกแบบจะเน้นในเรื่องของความโปร่งโล่งสบายที่เป็นพื้นฐานสำคัญในการออกแบบ โดยเน้นให้ได้รับแสงธรรมชาติและมุมมองสวนจากภายนอกสู่ภายใน โดยวางหน้าต่างที่มีช่องแสงระดับล่างในพื้นที่ชั้นล่างและเพื่อการเปิดรับลมธรรมชาติที่ดี (Passive Natural Ventilation)
ในส่วนของความปลอดภัยก็ถือเป็นส่วนสำคัญในการอยู่อาศัยสำหรับสมาชิกหลายช่วงวัย (Generation) ดังนั้นการออกแบบจึงเน้นในรายละเอียด โดยการติดตั้ง Earth Leak Circuit Breaker ในบ้านทุกเซ็กเมนต์เพื่อความปลอดภัยในการใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน การออกแบบราวจับที่มีความถี่พอเพื่อไม่ให้เด็กลอด ในส่วนของรูปแบบงานสถาปัตยกรรมของตัวบ้านเราระดมความคิดและประสบการณ์จากสถาปนิกเพื่อออกแบบบ้านในลักษณะของ Simply Modern เน้นความเรียบง่าย เส้นสายตรงไปตรงมา แต่ยังคงเอกลักษณ์เฉพาะในสัดส่วนของ Form และ Proportion ที่ลงตัวในงานสถาปัตยกรรม รวมถึงฟังก์ชันที่ตอบสนองการใช้งานของผู้อยู่อาศัยสูงสุด โดยตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความอบอุ่นและความสุขให้กับทุกคนในครอบครัว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของครอบครัวสมัยใหม่ที่เน้นความเป็นส่วนตัวด้วยขนาดโครงการพอดี จึงเน้นการออกแบบที่คำนึงถึงการใช้งานได้จริงซึ่งนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีของลูกบ้านอย่างแท้จริง
ผู้สนใจ สอบถามสิทธิพิเศษต่าง ๆ ได้ที่สำนักงานขายโทร.0 2005 8888 กด1 กด 1 หรือคลิก www.thanasiri.com
“ไทยยูเนี่ยน” ประกาศกำไรสุทธิไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 46.5%

alivesonline.com : “ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป” โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปี 62 ทำยอดขายเฉียด 3 หมื่นล้านบาท จากยอดขายอาหารแช่เยือกแข็งและผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง โดยยอดขายธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปในอเมริกาเหนือยังมีสัดส่วนถึง 40.4% ของยอดขายรวม
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป” เปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกของปี 2562 Wไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป” มีผลกำไรสุทธิ 1,273 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกในปี 2561 ด้วยการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น และปริมาณการขายที่ค่อยขยับตัวขึ้น โดยกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 4,382 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 14.9% เมื่อเทียบกับ 11.6% ในไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา กอปรกับราคาวัตถุดิบคงที่และกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูปและกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงมีผลงานที่ดีขึ้นส่งผลให้การดำเนินงานฟื้นตัว กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 1,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10 เท่า เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 11.4% เทียบกับ 11.2% ในไตรมาสแรกของปี 2561
สำหรับยอดขายในไตรมาสแรกอยู่ที่ 29,369 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.1% จากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ดี หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราแล้ว มูลค่ายอดขายปกติเติบโตขึ้นถึง 2.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายที่เติบโตขึ้นของธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็งและผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง
ส่วนยอดขายธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งและแช่เย็นของบริษัท เพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา เป็น 11,529 ล้านบาท สืบเนื่องจากยอดขายในสหรัฐอเมริกาปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่ายังมียอดขายเพิ่มขึ้น 7.5% เป็น 4,384 ล้านบาท เพราะมีปริมาณการขายเพิ่มมากขึ้น
ยอดขายที่มาจากผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของ “ไทยยูเนี่ยน” ในไตรมาสแรกยังคงสัดส่วนอยู่ที่ 42% โดยที่เหลือมาจากธุรกิจรับจ้างผลิต โดยยอดขายธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปในอเมริกาเหนือยังคงมีบทบาทสำคัญต่อรายได้ของบริษัทฯ โดยมีสัดส่วน 40.4% ของยอดขายรวม ในขณะที่ตลาดยุโรป คิดเป็น 27.9% ตลาดประเทศไทยมีสัดส่วนเเป็น 13.1% และยอดขายจากญี่ปุ่น คิดเป็น 4.7% ของยอดขายรวมทั้งหมด และตลาดอื่น ๆ คิดเป็น 13.9 %
นายธีรพงศ์ กล่าวด้วยว่าการบริหารกระแสเงินสดอิสระที่ดีเยี่ยมต่อเนื่องทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงเป็น 1.35% เมื่อเทียบกับ 1.4% ในปีก่อนหน้า โดยในระหว่างไตรมาสมียอดขายจากหน่วยธุรกิจ Ingredients หลังจากที่น้ำมันปลาทูน่าบริสุทธิ์ 100 เมตริกตันแรกได้ถูกส่งให้กับบริษัทผู้ผลิตนมผงเด็ก
“ผลงานไตรมาสแรกถือเป็นการเริ่มต้นปีที่ดีสำหรับไทยยูเนี่ยน ถือเป็นผลจากการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพและการฟื้นตัวของการทำกำไร ทำให้เราเริ่มเห็นผลกำไรต่อเนื่อง มีการฟื้นตัวของการดำเนินธุรกิจโดยรวมและการดำเนินงานเป็นปกติ”
อนึ่ง ในไตรมาสแรกของปี 2562 “ไทยยูเนี่ยน” ยังคงดำเนินงานตามกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange โดย “ไทยยูเนี่ยน” และ WWF ได้เผยแพร่รายงานความโปร่งใสในการจัดหาวัตถุดิบเรื่องการจับปลาแบบธรรมชาติในปลาและสัตว์น้ำประเภทมีเปลือกเป็นส่วนสำคัญของความมุ่งมั่นเรื่องความโปร่งใสในการดำเนินงาน โดยเมื่อเดือนก.พ.62 ได้รับรางวัลผู้นำด้านความยั่งยืน ประจำปี 2562 จาก edie ซึ่งถือเป็นรางวัลมอบให้แก่ “ความร่วมมือที่ช่วยผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในระดับโลก”
ทั้งนี้ “ไทยยูเนี่ยน” และ WWF ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2557 ในยุโรป เพื่อดำเนินการตามข้อตกลงที่ทั้งสองได้ลงนามร่วมกันในกฎบัตรอาหารทะเลโลกของ WWF ที่มุ่งเน้นการพัฒนาความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทานอาหารทะเล
เชิญผู้สนใจร่วมสัมมนา “นวัตกรรมอาหารแห่งอนาคตเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี”
สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอาหารแห่งประเทศไทย (FoSTAT) ร่วมกับ บริษัท ยูบีเอ็ม เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดงาน “โพรแพ็ค เอเชีย 2019” เชิญผู้ประกอบการและผู้สนใจในธุรกิจและอุตสาหกรรมอาหารเข้าร่วมการประชุมและสัมมนา “นวัตกรรมอาหารแห่งเอเชีย 2019” (Food Innovation Asia 2019) เพื่อมุ่งเน้นเผยแพร่ข้อมูลความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร แนวโน้มล่าสุดของนวัตกรรมอาหารโลก รวมถึงแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการและการดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมอาหารกับผู้เข้าร่วมประชุม
สำหรับแนวคิดในการประชุมและสัมมนาฯ ครั้งนี้คือ “นวัตกรรมอาหารแห่งอนาคตเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี” (Future Food Innovation for Better Health and Wellness) โดยแบ่งเป็น 6 กลุ่มสัมมนาย่อย ได้แก่ เคมีอาหาร โภชนาการ และการวิเคราะห์ (Food Chemistry, Nutrition, and Analysis) การแปรรูปอาหารและวิศวกรรม (Food Processing and Engineering) การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร ประสาทสัมผัส และการวิจัยผู้บริโภค (Food Product Development, Sensory, and Consumer Research) จุลชีววิทยาอาหาร เทคโนโลยีชีวภาพด้านอาหาร และกระบวนการหมัก (Food Microbiology, Food Biotechnology, Fermentation) หัวข้อที่เกี่ยวข้องอื่น (บรรจุภัณฑ์อาหาร ความปลอดภัยและคุณภาพอาหาร กฎหมายและข้อบังคับด้านอาหาร นโยบายด้านอาหาร ฯลฯ (Related Topics (Food Packaging, Food Safety & Quality, Food Laws & Regulations, Food Policy, etc.) กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร (Industrial session)
การประชุมและสัมมนานวัตกรรมอาหารแห่งเอเชีย 2019 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 มิถุนายน 2562 ในงาน “โพรแพ็ค เอเชีย 2019” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 มิถุนายน 2562 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดและการเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว ได้ที่ คุณชิสา วิบูลย์ฉัตร โทร.0 2942 8528
ALL พื้นฐานแกร่ง เปิดเทรดวันแรกแตะระดับ 4.94 บาท
alivesonline.com : “ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์” ลงสนามเทรด mai วันแรก ไม่ทำให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนผิดหวัง เปิดเทรด 4.94 บาท หรือ 0.82% จากราคา IPO 4.90 บาท เดินหน้าประกาศยกระดับการเป็นผู้พัฒนาและให้บริการด้านอสังหาฯ เพื่อที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร (Total Real Estate Solutions) ที่มุ่งเน้นโมเดลธุรกิจบนความแตกต่างจากคู่แข่ง พร้อมตั้งเป้าติดระดับ Top 10 บริษัทพัฒนาอสังหาฯ ของประเทศ
นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเป็นที่พักอาศัย ประเภทคอนโดมิเนียม ภายใต้แบรนด์ “ดิ เอ็กเซล”, “ไรส์” และ “อิมเพรสชั่น” รวมถึงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเป็นที่พักอาศัยแบบแนวราบ ภายใต้แบรนด์ “เดอะ วิชั่น” เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ค.62 หุ้นสามัญของบริษัทฯ ได้เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นวันแรก โดยเปิดทำการซื้อขายที่ระดับ 4.94 บาท เพิ่มขึ้น 0.82% จากราคา IPO ที่4.90 บาท ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากและเป็นการสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในธุรกิจของ ALL
“การที่ราคาหุ้นสามารถยืนได้เหนือระดับราคาจองซื้อ เป็นผลมาจากบริษัทฯ มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพการเติบโตสูงจากกลยุทธ์การขยายธุรกิจที่ชัดเจนและต่อเนื่องซึ่งต้องยอมรับว่า ALL เป็นหุ้นน้องใหม่ที่ได้รับความสนใจตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้มีการจองซื้อหุ้น IPO ในช่วงระหว่างวันที่ 26, 29-30 เมษายน 2562 ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก โดยมียอดจองซื้อหุ้น IPO เข้ามาเต็มทั้งจำนวน 150 ล้านหุ้น ดังนั้นการที่ราคาหุ้นได้รับความสนใจครั้งนี้จึงเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในธุรกิจของ ALL
บริษัทฯจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุน จำนวน 735 ล้านบาท ไปใช้ต่อยอดธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ชำระคืนเงินกู้ยืม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ซึ่งถือว่าเป็นการสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ที่จะก้าวสู่การเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ โดยชูการเป็นผู้พัฒนาและให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร (Total Real Estate Solutions) ที่เน้นโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่ง มีความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้ถือหุ้น คู่ค้า พนักงาน เป็นต้น
นายธนากร กล่าวอีกว่า การระดมทุนครั้งนี้จะทำให้ ALL สามารถสยายปีกในการต่อยอดธุรกิจและจะทำให้บริษัทฯ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากตลาดเงินและตลาดทุนสำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ ๆ ในอนาคต ตามนโยบายของ ALL ที่จะมุ่งเน้นการขยายธุรกิจเพื่อสร้างผลการดำเนินงานให้มีความมั่นคงและเติบโตอย่างยั่งยืนและจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้มากขึ้น พร้อมทั้งจะมุ่งสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้น
ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2561 บริษัทฯมีสินทรัพย์ รวมมูลค่า 6,000 ล้านบาท มีหนี้สินรวมมูลค่า 5,238 ล้านบาท และมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 6.78 เท่า และมีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (Interest-Bearing Debt : IBD/E Ratio) อยู่ที่ 4.66 เท่า ซึ่งภายหลังจากการระดมทุน บริษัทฯ จะนำเงินบางส่วนมาชำระเงินกู้ยืม นอกจากนี้บริษัทฯ จะมีรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการที่แผนการโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2562 เพื่อเพิ่มกระแสเงินสดรับของบริษัทฯ โดยคาดว่าจะทำให้ D/E Ratio และ IBD/E Ratio ลดลงภายหลังการเข้าจดทะเบียนฯ
นายธนากร กล่าวว่า ในปี 2562 บริษัทฯ คาดการณ์อัตราการเติบโตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจาก ณ สิ้นปี 2561 มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) รวมประมาณ 6,190 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยเริ่มรับรู้รายได้การโอนกรรมสิทธิ์ใน 4 ปีข้างหน้า (ปี 2562-2565) ส่งผลให้ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป บริษัทฯ มีความสามารถในการทยอยรับรู้รายได้เข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีมูลค่ายูนิตคงเหลือขายของโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ โครงการที่อยู่ระหว่างการขายและก่อสร้าง และโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและรอการพัฒนา รวมมูลค่าประมาณ 8,700 ล้านบาท
“จากศักยภาพความแข็งแกร่ง รวมถึงจุดแข็งเชิงกลยุทธ์ทางธุรกิจ ทำให้ ALL สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้พักอาศัยครบในทุกมิติ ด้วยความแตกต่างอย่างมีสไตล์ ภายใต้แนวคิด ชีวิตที่มีระดับคือชีวิตที่คุณเลือกเอง หรือ Class of Living ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพของ ALL ในการเป็นผู้นำอสังหาริมทรัพย์ที่ครบวงจร จนทำให้ในทุก ๆ ทำเล แต่ละโครงการในปัจจุบันประสบความสำเร็จ” นายธนากร กล่าวในตอนท้าย
ด้าน ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บมจ. ออลล์ อินสไปร์ฯ หรือ ALL ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ในวันนี้ เป็นบริษัทที่มีศักยภาพและความโดดเด่นในการมุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยได้อย่างแท้จริง การันตีได้จากยอดขายที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ส่งผลให้ ALL มีความแข็งแกร่งด้านสถานะทางการเงินและผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับทีมคณะผู้บริหารมีวิสัยทัศน์กว้างไกลและการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ ยิ่งเป็นเครื่องตอกย้ำที่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางธุรกิจของบริษัทฯ ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าหุ้น ALL จะเป็นหุ้น Growth Stock ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุน รวมถึงสร้างอัตราการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างยั่งยืนในอนาคตและพร้อมที่จะก้าวสู่การเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ
“โฮมโปร” โชว์ผลงานเด่นประเดิมไตรมาสแรก
alivesonline.com : “โฮมโปร” ครองแชมป์ผู้นำตลาดธุรกิจศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านครบวงจรอย่างเหนียวแน่น โชว์ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 62 กวาดรายได้รวม 16,553.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 652.68 ล้านบาท หรือ 4.10% มีผลกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1 ปี 2562 เท่ากับ 1,419.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171.37 ล้านบาท หรือ 13.73% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จากการควบคุมบริหารจัดการค่าใช้จ่าย การปรับเปลี่ยนกลุ่มสินค้าให้มีความครบครันทุกกลุ่ม รวมถึงการพัฒนาสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง
นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” ผู้นำธุรกิจศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านครบวงจร เปิดเผยผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย สำหรับไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2562 ว่า บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1 ปี 2562 เท่ากับ เท่ากับ 1,419.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171.37 ล้านบาท หรือ 13.73% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักมาจาก รายได้รวม จำนวน 16,553.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น 652.68 ล้านบาท หรือ 4.10% โดยประกอบไปด้วยรายได้จากการขาย จำนวน 15,399.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 525.01 ล้านบาท หรือ 3.53% ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของธุรกิจ “โฮมโปร” และ “เมกา โฮม” รวมถึงการเติบโตของยอดขายจากสาขาใหม่จากธุรกิจ “โฮมโปร” ที่เปิดให้บริการในปี 2561
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังมีรายได้ค่าเช่าและบริการอีกจำนวน 657.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.62 ล้านบาท หรือ 9.78% เป็นผลมาจากรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นจากพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้า “มาร์เกต วิลเลจ” และรายได้จากค่าบริการ “Home Service” โดยบริษัทฯ มีกำไรขั้นต้น สำหรับไตรมาส 1 ปี 2562 จำนวน 4,030.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 178.34 ล้านบาท หรือ 4.63% เมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 25.89% ในปีก่อนมาอยู่ที่ 26.17% เป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนของส่วนผสมสินค้ามีไว้เพื่อขายทั้งกลุ่มสินค้าทั่วไปและการเพิ่มอัตรากำไรของกลุ่มสินค้า Direct Sourcing รวมถึงการปรับปรุงแผนการจัดซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่องของธุรกิจ “โฮมโปร”, “เมกา โฮม” และ “โฮมโปร” ประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีอัตราการทำกำไรที่ดีขึ้น
สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร จำนวน 2,970.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.14 ล้านบาท หรือ 2.00% เมื่อเทียบกับปีก่อน ปัจจัยหลักของการเพิ่มขึ้นที่เป็นตัวเงินเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายกลุ่มเงินเดือน ค่าเช่า ค่าซ่อมแซม และค่าใช้จ่ายทางการตลาด อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายมีการปรับตัวดีขึ้นโดยลดลงจาก 19.58% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 19.29% ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 เศรษฐกิจยังคงขยายตัวในอัตราที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชนจาก ทั้งในภาคเกษตร โดยเฉพาะการปรับตัวสูงขึ้นของราคาข้าว รวมถึงการบริโภคนอกภาคเกษตรที่ยังคงปรับตัวดีขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเนื่องด้วยได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการของรัฐบาล ในขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวยังอยู่ในระดับทรงตัว”
นายคุณวุฒิ กล่าวในตอนท้ายว่า แม้ หลาย ๆ ฝ่ายมีการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศในปี 2562 ว่าจะเติบโตในอัตราที่ชะลอลงจากปีก่อน แต่การดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาสนี้ยังคงเป็นไปตามแผนงานที่ได้วางไว้ โดยมียอดขายจากสินค้าสำหรับปรับปรุงคุณภาพอากาศที่สูงกว่าปกติเนื่องจากสภาพอากาศที่มีมลพิษในระดับสูงโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ภาคกลาง และภาคเหนือ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่าง ๆ เช่น งาน HomePro Expo ในช่วงวันที่ 15-24 มีนาคม 2562 ซึ่งมียอดขายโดยรวมอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
APCO พร้อมตั้งโรงงานในจีน พัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ป่วย HIV/AIDS
alivesonline.com : เผยผลการทดสอบผลิตภัณฑ์ APCOcap สำหรับผู้ป่วย HIV/AIDS เป็นที่น่าพอใจ รุกขยายตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในจีน ประกาศจัดตั้งโครงการสัญญาความร่วมมือจีน-ไทย ร่วมกับ บริษัท กวางตุ้ง โกลด์ฟิกเกอร์ ฟาร์มาซูติคอล ไบโอเทคโนโลยี จำกัด เตรียมขึ้นทะเบียน CFDA พร้อมจัดตั้งศูนย์ดูแลผู้ติดเชื้อ ยกระดับความเป็นเลิศนวัตกรรมสู่ตลาดโลก
ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APCO เจ้าของธุรกิจนวัตกรรมธรรมชาติเพื่อสุขภาพและความงามด้วยการวิจัย พัฒนา ผลิตและจำหน่ายครบวงจร เปิดเผยว่า ในช่วงเดือน ม.ค.62 APCO ร่วมมือกับพันธมิตรประเทศจีน นำนวัตกรรม APCOcap สำหรับผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS เข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยและมีการทดสอบผลิตภัณฑ์ โดยในช่วงระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมามีผลการทดสอบออกมาเป็นที่พึงพอใจ โดยผู้ป่วยมีแนวโน้มที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นตามลำดับ
จากผลการทดสอบดังกล่าว บริษัทฯ จึงได้เจรจากับพันธมิตรจนได้ข้อสรุปในการจัดตั้ง โครงการสัญญาความร่วมมือจีน-ไทย พัฒนา APCOcap สำหรับ HIV/AIDS ในประเทศจีน ระหว่างบริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APCO และ บริษัท กวางตุ้ง โกลด์ฟิกเกอร์ ฟาร์มาซูติคอล ไบโอเทคโนโลยี จำกัด หรือ GGPB ซึ่งเป็นบริษัทนำเข้าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในประเทศจีน โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.GGPB จะเป็นผู้ดำเนินการขึ้นทะเบียน APCOcap กับ Chinese Food and Drugs Administration (CFDA) โดย APCO จะเป็นผู้ครองสิทธิของทะเบียนที่ได้ และ GGPB จะเป็นผู้จัดจำหน่ายแต่ผู้เดียวในประเทศจีน
2.APCO จะร่วมกับ GGPB ในการจัดตั้งศูนย์ดูแลผู้ติดเชื้อ โดยการให้คำปรึกษา แนะนำในวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์และให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องที่ต้องใช้ในศูนย์ดังกล่าว
3.APCO จะเป็นผู้จัดส่งวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป/กึ่งสำเร็จรูปจากประเทศไทยในราคาที่ตกลงร่วมกัน
4.หลังจากการขึ้นทะเบียนกับ CFDA สำเร็จ ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันจัดตั้งโรงงานผลิตขึ้นในประเทศจีนและร่วมกันรับสิทธิจากการผลิต
ศ.ดร.พิเชษฐ์ กล่าวอีกว่า การขึ้นทะเบียนในประเทศจีนมี 2 ขั้นตอน โดยขั้นตอนแรกเพื่อขออนุมัติการใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มผู้ติดเชื้อทั่วไปในศูนย์ผู้ดูแลผู้ติดเชื้อ หรือในโรงพยาบาลภายใต้เงื่อนไขพิเศษ โดยใช้เวลาขออนุมัติประมาณ 6 เดือน ขั้นตอนที่สองคือการขึ้นทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวัตถุประสงค์พิเศษให้รวดเร็วที่สุด เพื่อให้ใช้ได้อย่างแพร่หลายทั่วไป ซึ่งทั้ง 2 ขั้นตอนนี้ GGPB ได้กำหนดงบประมาณ 15 ล้านหยวน เป็นค่าใช้จ่ายจนประสบความสำเร็จ
“บริษัทมีความมั่นใจว่าการร่วมมือกันในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จได้อย่างดี จากการทำงานร่วมกับ GGPB ที่มีศักยภาพในการประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ในประเทศจีน ซึ่งทำให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น ประกอบกับความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ที่คณะนักวิจัย APCO ได้มุ่งมั่นพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งโครงการดังกล่าวจะเป็นโอกาสและช่องทางในการขยายตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รวมถึงการยกระดับนวัตกรรม APCOcap ให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก”
อนึ่ง บริษัท กวางตุ้ง โกลด์ฟิกเกอร์ ฟาร์มาซูติคอล ไบโอเทคโนโลยี จำกัด (GGPB) เป็นบริษัทเดียวกับ บริษัท กวางตุ้งโอเรียนทัล ดราก้อน สปอร์ตแอนด์คัลเจอร์ อินดัสทรี จำกัด ที่มีการลงนามสัญญาการนำเข้าเครื่องสำอางของ APCO เข้าไปจำหน่ายในประเทศจีน เมื่อช่วงกลางปี 2561 โดยการเปลี่ยนชื่อใหม่ครั้งนี้ เพื่อรองรับการนำเข้าผลิตภัณฑ์ APCOcap สำหรับ HIV/AIDS และเป็นผู้จัดจำหน่ายแต่ผู้เดียวในประเทศจีน