SCG Bangkok Business Challenge @ Sasin 2019 : ต่อยอดแนวคิดคนรุ่นใหม่ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี

alivesonline.com : กลับมาอีกครั้ง SCG Bangkok Business Challenge @ Sasin 2019 การแข่งขันสตาร์ทอัปด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับโลกของนักศึกษาบัณฑิตศึกษาเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย โดยความร่วมมือของ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ “เอสซีจี” ซึ่งจะจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 21-23 กุมภาพันธ์ 2562

การแข่งขันครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Scaling Impact Through Innovationสร้างความสนใจให้นักศึกษาธุรกิจและสาขาอื่น ๆ ทั่วโลกเข้าร่วมแข่งขันอย่างท่วมท้น โดยในปีนี้มีผู้เข้าแข่งขันทั้งสิ้น 71 ทีม จาก 40 สถาบันศึกษา ใน 19 ประเทศ รวมถึง 14 ทีมจาก 10 สถาบันศึกษาในประเทศไทย โดยผู้ที่ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ 19 ทีมจะได้รับเลือกให้แข่งขันเพื่อชิงรางวัลเกียรติคุณพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพวรางกูร ประจำปี 2562 และรางวัลเกียรติคุณพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นอกจากนี้ ยังมีรางวัลเงินสดรวมมูลค่ากว่า 60,000 เหรียญสหรัฐอีกด้วย

ในปีนี้ความท้าทายสำหรับผู้เข้าแข่งขันทวีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ภายใต้โจทย์ที่จะทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จด้วยการรวมความยั่งยืนเข้ากับธุรกิจของพวกเขา ซึ่งโครงการที่เสนอทั้งหมดเป็นโครงการอิสระ (Independent) และเป็นสตาร์ทอัปที่ระดมทุนระดับ Seed-Stage โดยได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมให้รายละเอียดการจัดงานและข้อมูลที่น่าสนใจ ดังนี้

‘ดร.สุรชา อุดมศักดิ์’ R&D Director and Emerging Business Director ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี กล่าวถึงความสำคัญของนวัตกรรมความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนากับทุกภาคส่วนรวมถึงเครือข่ายสตาร์ทอัปจากทั่วโลก เพื่อขยายผลความสำเร็จของงานวิจัยไปสู่ธุรกิจว่า

“งาน Bangkok Business Challenge @ Sasin เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ผลงานด้านการวิจัยและพัฒนาที่คิดค้นขึ้นภายในศูนย์วิจัยของมหาวิทยาลัยสามารถต่อยอดสู่ธุรกิจได้ โดยธีมการแข่งขันในปีนี้ได้ให้ความสำคัญกับผลงานของนักคิดรุ่นใหม่ที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานด้วยการผสานนวัตกรรมรวมกับโมเดลธุรกิจที่สามารถขยายตัวได้เร็ว เพื่อสร้างสรรค์โลกที่ดีกว่า”

‘คงพันธุ์ ปราโมช ณ อยุธยา’ ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้อำนวยการ SCG Bangkok Business Challenge @ Sasin ให้ความกระจ่างเกี่ยวกับประโยชน์ของการแบ่งปันความรู้ (Knowledge-Sharing) สำหรับนักศึกษาที่เข้าร่วมแข่งขันว่า

“ในปีนี้มีผู้ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศจากสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร สิงคโปร์ อินเดีย แคนาดา และตุรกี รวมถึงประเทศไทย เครือข่ายทั่วโลกนี้สร้างแพลตฟอร์มสากลที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งประเมินค่ามิได้สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาโทสู่การพัฒนาที่มากยิ่งขึ้น อีกทั้งการเรียนรู้ร่วมกันและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนี้จะยังดำเนินต่อไปในอนาคตเกินกว่าการแข่งขันอีกด้วย”

‘พิรชัย เบญจรงคกุล’ Investment Director บริษัท บีซีเอช เวนเจอร์ส จำกัด ในกลุ่มบริษัท เบญจจินดา โฮลดิ้ง กล่าวว่า

“Bangkok Business Challenge @ Sasin เปิดโอกาสให้เยาวชนจากมหาวิทยาลัยทั่วโลก ร่วมแข่งขันนำเสนอโครงการต่าง ๆ ที่มีศักยภาพพัฒนาในอนาคต พร้อมโชว์เคสให้ผู้สนใจ ทั้งนักลงทุน และองค์กร Venture Capitals ที่จะเข้ามาช่วยส่งเสริมกลยุทธ์ทางธุรกิจให้แข็งแกร่งมากขึ้น ในขณะที่ BCH Ventures ก็มองหาพันธมิตรที่จะเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพของ Digital Infrastructure และ Digital Solution ตามเป้าหมายกลุ่มบริษัทฯ เพื่อเป็นผู้นำการให้บริการทั้งในประเทศไทยและในอาเซียน รวมทั้งเปิดกว้างกับทุกธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศที่สามารถผนึกกำลังยกระดับธุรกิจหลักของบริษัทได้ โดยการแข่งขันครั้งนี้ไม่เพียงแต่เปิดโอกาสให้เราเข้าถึงไอเดียใหม่ ๆ ทั่วโลก แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสให้เยาวชนไทยเข้าสู่เวทีการแข่งขันระดับสากลอีกด้วย”

ปิดท้ายด้วยการแชร์ประสบการณ์ของ ‘นรภัทร เผ่านิ่มมงคล’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Eden Agritech ผู้บุกเบิกฟิล์มบริโภคได้ที่ใช้กับผักผลไม้สด นวัตกรรมการแก้ปัญหาทางธรรมชาติสำหรับผักและผลไม้สด เพื่อชะลอและควบคุมการไหลเข้า-ออกของก๊าซและน้ำ ซึ่งจะทำให้อัตราการเติบโตของจุลินทรีย์ลดลง ฟิล์มชนิดนี้หนากว่ากระดาษเพียงเล็กน้อยซึ่งมองไม่เห็นและสัมผัสได้ยาก และให้อายุการเก็บรักษาที่ยาวนานกว่า ซึ่งการเดินทางของธุรกิจ Eden เริ่มต้นที่งาน Bangkok Business Challenge ในปี 2015 นั่นเอง ดังนั้นเขาจึงรู้ถึงความสำคัญของการแข่งขันครั้งนี้เป็นอย่างดี

สำหรับรอบรองชนะเลิศและรอบชิงชนะเลิศของ Thailand Track Round, H.R.H Princess Maha Chakri Sirindhorn’s Sustainability Award และ H.M The King’s Cup รอบสุดท้ายของการแข่งขัน SCG Bangkok Business Challenge @ Sasin 2019 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 21-23 กุมภาพันธ์ 2562 ณ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากนี้ หลังจบการแข่งขันผู้เข้าร่วมแข่งขันจะได้ร่วมทัวร์เยี่ยมชมวัฒนธรรมของกรุงเทพฯ อีกด้วย

ผู้สนใจค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://bbc.sasin.edu และ/หรือยืนยันเข้าร่วมงานกรุณาลงทะเบียนที่ https://bbc2019.eventbrite.com

ม.นานาชาติแสตมฟอร์ด ปั้นบัณฑิตยุค 4.0 จัดประชุมสภาที่ปรึกษาภาคอุตสาหกรรม

มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด จัดงานประชุมสภาที่ปรึกษาภาคอุตสาหกรรม โดยมีผู้บริหารจากบริษัทชั้นนำร่วมหารือกับผู้บริหารและคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยฯ เพื่อพัฒนาความร่วมมือในระดับยุทธศาสตร์กับภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง

สภาที่ปรึกษาภาคอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด ประกอบด้วยสมาชิกจาก 27 องค์กรที่เป็นตัวแทนจากภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมที่มีความเชี่ยวชาญสอดคล้องกับหลักสูตรที่มหาวิทยาลัยฯ เปิดสอน เช่น หลักสูตรบริหารธุรกิจ สาขาการเป็นเจ้าของธุรกิจ มี รวิศ หาญอุตสาหะ CEO บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด ผู้ประกอบการที่ชื่อเสียงมาให้คำปรึกษา สาขาการตลาด มี ยุทธนา จิตจรุงพร รองประธานฝ่ายธุรกิจออนไลน์ “เทสโก้ โลตัส” มาให้คำแนะนำ สาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ มี ชุติมา สีบำรุงสาสน์ กูรูชื่อดังทางด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์จาก บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด และ ดร.ชัยชาญ เจริญสุข ผู้เชี่ยวชาญด้านการส่งออกจากบริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) ร่วมให้ความเห็นต่อหลักสูตร เป็นต้น

บทบาทของสมาชิกสภาที่ปรึกษาภาคอุตสาหกรรมของมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ดคือ การให้คำปรึกษาคณาจารย์ในระดับหลักสูตรเพื่อให้บัณฑิตเป็นผู้ที่มีศักยภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการของภาคอุตสาหกรรม โดยสมาชิกในสภาที่ปรึกษาจะช่วยอัพเดทเทรนด์ใหม่และความเปลี่ยนแปลงในภาคอุตสาหกรรมนั้น ๆ และยังช่วยสนับสนุนกิจกรรมที่สอดแทรกอยู่ในการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยฯ เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้สัมผัสประสบการณ์จริงจากการทำงานกับผู้เชี่ยวชาญของบริษัท เช่น การทำ Industry Projects ซึ่งเป็นการทำโครงการแบบการใช้โจทย์จริงจากองค์กรเพื่อให้นักศึกษาวางแผนให้ตอบโจทย์ การฝึกงาน หรือการออกแบบหลักสูตรร่วมกับมหาวิทยาลัยฯ

ผลจากการจัดประชุมครั้งนี้ ผู้บริหารมหาวิทยาลัยฯและคณาจารย์จะนำไปปรับปรุงพัฒนาหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนเพื่อการบ่มเพาะบัณฑิตให้มีศักยภาพพร้อมที่จะเติบโตไปกับการพัฒนาในระดับประเทศและเป็นทรัพยากรคุณภาพในระดับนานาชาติต่อไป

“บริติช เคานซิล” แนะหลักสูตรเตรียมสอบ IELTS ใหม่ล่าสุด สำหรับนักเรียนมัธยมปลายโดยเฉพาะ

“บริติช เคานซิล” องค์กรนานาชาติเพื่อส่งเสริมโอกาสทางการศึกษา ศิลปะ และวัฒนธรรมแห่งสหราชอาณาจักร เปิดตัว Secondary IELTS คอร์สเรียนใหม่ล่าสุด สำหรับเตรียมความพร้อมเพื่อทดสอบความสามารถด้านภาษาอังกฤษ โดยหลักสูตรนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นจากประสบการณ์การสอนนักเรียนกว่า 500,000 คนทั่วโลก และนำมาเพิ่มเติมทักษะเฉพาะที่นักเรียนในประเทศไทยต้องการเป็นพิเศษ

หลักสูตรเตรียมสอบ IELTS รูปแบบใหม่นี้มุ่งเน้นการสร้างทักษะรอบด้านและการฝึกฝนการทำข้อสอบ ผ่านบทเรียนที่ง่ายต่อความเข้าใจและการจดจำ บรรยากาศการเรียนสนุกสนานและเป็นกันเอง พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมหลากหลาย ในขณะเดียวกันยังนำเสนอบทเรียนภาษาอังกฤษเชิงปฏิบัติ เช่น การทดลองสวมบทบาทในอาชีพต่าง ๆ เพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ควบคู่ไปกับการเพิ่มพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ ทำให้สามารถเพิ่มคะแนนสอบ IELTS ได้อย่างก้าวกระโดด

“บริติช เคานซิล” ยังเน้นเนื้อหาในหัวข้อที่สำคัญ ได้แก่ เรื่องการศึกษา การช้อปปิ้งออนไลน์ อาชีพ และอาชญากรรม เพื่อให้นักเรียนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการให้คะแนนด้านการพูดและการเขียน โดยการเรียนในหลักสูตรนี้จะใช้ระยะเวลาเรียนตลอดหลักสูตรทั้งหมด 40 ชั่วโมง

การเรียนแต่ละระดับจะครอบคลุมตัวอย่างข้อสอบในหัวข้อต่าง ๆ โดยนักเรียนจะฝึกฝนกลยุทธ์เชิงลึกเพื่อพัฒนา ทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันอาจารย์ผู้สอนยังสามารถช่วยประเมินความก้าวหน้าของผู้เรียนและแนะแนวทางเพื่อการพัฒนาได้อย่างตรงจุดอีกด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคอร์ส Secondary IELTS สามารถเข้าไปดูได้ที่ https://www.britishcouncil.or.th/Secondary-IELTS หรือสอบถามเพิ่มเติม โทร.0 2657 5678

CMC เปิดแคมเปญ “โปรแรง แซงทุกสถานี” All Free คอนโดฯ พร้อมอยู่กว่า 10 โครงการ


บมจ
. เจ้าพระยามหานคร (CMC) เปิดแคมเปญ “โปรแรง แซงทุกสถานี” All Free กระตุ้นยอดโอนคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่กว่า 10 โครงการ เจาะตลาดคนทำงานรุ่นใหม่ ผู้ปกครองและนักลงทุน ก่อนมาตรการ LTV เริ่มใช้

นางสาวอนงค์ลักษณ์ แพทยานันท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. เจ้าพระยามหานคร (CMC) กล่าวว่า CMC จัดโปรโมชันใหม่ชื่อ “โปรแรง แซงทุกสถานี All Free รับส่วนลดสูงสุด 1 ล้านบาท” ในคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่กว่า 10 โครงการ สำหรับวันนี้เมื่อจองคอนโดฯ พร้อมอยู่ ทำเลดี ทำเลแรง ติดรถไฟฟ้า ในราคาเหลือเชื่อ แซงหน้าล้ำโปรที่มากว่าจนลูกค้าพอใจ โดยทำเลที่นำออกแซงหน้าแรงกว่าในทำเลย่านเดียวกันเป็นโซนรามคำแหงอินเตอร์เชนจ์ ติดรถไฟฟ้า 3 สาย เริ่มต้นเพียง 59,000 บาทต่อตารางเมตร / โซนสุขุมวิท เริ่มต้นเพียง 68,000 บาทต่อตารางเมตร / โซนสาทรเริ่มต้น 90,000 บาทต่อตารางเมตร / โซนเพชรเกษม-บางแค จรัลสนิทวงศ์ เริ่มต้น 69,000 บาทต่อตารางเมตร

แคมเปญ “โปรแรงแซงทุกสถานี” เป็นโปรโมชันที่ดีที่สุด “แซงทุกแยก แหกทุกโค้ง” โดย CMC ยินดีมอบให้ลูกค้า ด้วยเชื่อมั่นว่าจะช่วยให้ลูกค้าเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมที่อยู่อาศัยคุณภาพคับแก้ว ในราคาที่พึงพอใจได้ง่ายขึ้น ก่อนที่มาตรการ LTV จะมีผลบังคับใช้ ยิ่งกว่านั้น ยังตอบแทนอัตราดอกเบี้ยและอัตราการผ่อนให้ง่ายขึ้น ทำให้ผู้ซื้อเซฟค่าใช้จ่ายในการผ่อน แบ่งเบาภาระการดำเนินชีวิตประจำวัน และพิเศษสุดโปรโมชั่นฟรีค่าโอน ทำให้ลูกค้ามีที่อยู่อาศัยใกล้สถานีรถไฟฟ้าได้อย่างง่ายดาย

สำหรับโครงการของ CMC ที่นำมาร่วมแคมเปญนี้มีตั้งแต่ระดับราคา 1.79-11.0 ล้านบาท กระจายทั่วกรุงเทพฯ ตามแนวรถไฟฟ้าและ ศุนย์กลางธุรกิจในโซนสาทร–ธนบุรี ได้แก่ แบงค์คอก ฮอไรซอน สาทร, แบงค์คอก ฮอไรซอน รัชดา-ท่าพระ, แบงค์คอก เฟ’ลิซ @ สถานีบางแค เริ่มต้น 90,000 บาทต่อตารางเมตร / โซนสุขุมวิท ได้แก่ ชาโตว์ อินทาวน์ สุขุมวิท 64/1, ชาโตว์ อินทาวน์ สุขุมวิท 62/1 เริ่มต้นเพียง 68,000 บาทต่อตารางเมตร / โซนพระราม 8 – จรัญสนิทวงศ์ ได้แก่ ชาโตว์ อินทาวน์ พระราม8, ชาโตว์ อินทาวน์ จรัญสนิทวงศ์ 96/2 เริ่ม 59,000 บาทต่อตารางเมตร / โซนรามคำแหงอินเตอร์เชนจ์ ได้แก่ แบงค์คอก ฮอไรซอน รามคำแหง ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า 3 สาย เริ่มต้นเพียง 59,000 บาทต่อตารางเมตร

นอกจากนี้ ยังมีอีกหลากหลายโครงการในทำเลที่มีความโดดเด่นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในอีกหลายโซน อาทิ คาซ่า ยูเรก้า โซนพระราม2 – พุทธบูชา, เดอะ ริช พระราม 2, ชาโตว์ อินทาวน์ วิภาวดี, แบงค์คอก เฟ’ลิซ สุขุมวิท 69-2, ชาโตว์ อินทาวน์ วิภาวดี 10  ชาโตว์ อินทาวน์ สุขุมวิท 64 SKY MOON และ บงค์คอก เฟ’ลิซ วิภาวดี 30 ซึ่งเป็นโครงการลดสูงสุด 25% สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.cmc.co.th และ Call Center 1172

อนึ่ง บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด(มหาชน) หรือ CMC มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยครบวงจรมากว่า 24 ปี โดยมีบริษัทย่อย บริษัทก่อสร้าง บริษัทผลิตวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างตบแต่งต่าง ๆ และผลิตเฟอร์นิเจอร์บิลท์อิน และการให้เช่าเครื่องจักรที่ใช้ในงานก่อสร้าง รวมถึงการจัดหาอุปกรณ์เพื่อใช้และสร้างมูลค่าเพิ่มในโครงการ

“เซ็นทารา หาดใหญ่” จัดโปรแกรมปรนนิบัติผิวแบบแพ็คคู่

CENSE by SPA CENVAREE โรงแรมเซ็นทารา หาดใหญ่ จัดโปรแกรมปรนนิบัติผิว ดูแลหุ่น และใบหน้าใส สร้างสารพัดเสน่ห์ให้คุณ ๆ แบบแพ็กคู่ ด้วยการปรนนิบัติผิว เริ่มต้นจากการขัดเท้าด้วยผงขัดสะเดา ขัดตัวเพื่อทำความสะอาดผิวในชั้นผิวที่ลึกและช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้า จากนั้นผ่อนคลายอย่างล้ำลึกด้วย Romance (สำหรับท่านหญิง) หรือ Revive (สำหรับท่านชาย) การนวดตัว ที่เสร็จสมบูรณ์ด้วยครีมบำรุงผิวกาย Cream de la cream มีคุณสมบัติป้องการการอุดตันของเส้นเลือด ทั้งยังทำหน้าที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นให้วิตามินซึมเข้าบำรุงเซลล์ผิว ทั้งสะอาด สดชื่นและผ่อนคลาย พร้อมบำรุงผิวครบทุกขั้นตอนในระยะเวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที โดยจะมีบริการในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้เท่านั้น ในราคาเพียง  2,900 บาท สำหรับ 2 ท่านที่ CENSE by SPA CENVAREE ชั้น 7 โรงแรมเซ็นทารา หาดใหญ่ โทร.จองได้ทุกวันที่ 0 7435 2222 ต่อ 2729 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 21.00 น.

โหลดฟรี! สติ๊กเกอร์ไลน์ น้อง Wink Wink เวอร์ชั่นใหม่สุดน่ารัก จาก “วัตสัน”

มาแล้ว! สติ๊กเกอร์ไลน์ น้อง Wink Wink เวอร์ชั่นใหม่สุดน่ารัก จาก “วัตสัน” ผู้นำร้านเพื่อสุขภาพและความงามอันดับหนึ่งของประเทศไทยที่จะมาแจกความสดใสให้เพื่อน ๆ ได้ LOOK GOOD, FEEL GREAT แถมยังแชทสนุกแบบมีสีสันกว่าที่เคย เพียงแค่เป็นเพื่อนกับวัตสัน ก็สามารถดาวน์โหลด สติ๊กเกอร์น้อง Wink Wink น่ารัก ๆ ไปใช้ได้ฟรี นานถึง 90 วัน อย่ารอช้า ไปโหลดกันได้เลย! เพียงแอดไลน์ WatsonsTH ตั้งแต่วันนี้ถึงที่ 13 มีนาคม 2562 สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สื่อ ณ จุดขาย Official Line WatsonsTH บนเว็บไซต์ www.watsons.co.th และแอปพลิเคชัน WatsonsTH ทั้งบน PlayStore และ AppStore

โปรสุดคุ้มราคาสุดพิเศษกับ “เคป&แคนทารี โฮเทลส์” ในงาน “ไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 50” 28 ก.พ.-3 มี.ค.62

เคป & แคนทารี โฮเทลส์ ขอมอบโปรโมชั่นพิเศษห้องพักราคาสุดคุ้มใน งานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 50 ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 3 มีนาคม 2562 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ด้วยแพ็คเกจห้องพักสุดหรู ท่ามกลางบรรยากาศเสียงคลื่นริมทะเลและวิวทิวเขา พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ในราคาเริ่มต้นเพียง 1,500 บาท(สุทธิ) อาทิ โรงแรมเคปพันวา ภูเก็ต, โรงแรมเคป กูดู เกาะยาวน้อย, โรงแรมเคป นิทรา หัวหิน, โรงแรมแคนทารี บีช เขาหลัก, โรงแรมแคนทารี ฮิลส์ เชียงใหม่, โรงแรมแคนทารี โคราช, โรงแรมแคนทารี อยุธยา, โรงแรมคลาสสิค คามิโอ อยุธยา, โรงแรมเคป ราชา ศรีราชา, โรงแรมแคนทารี กบินทร์บุรี, โรงแรมแคนทารี เบย์ ระยอง, โรงแรมแคนทารี เบย์ ศรีราชา, โรงแรมคาราเวลเฮ้าส์ ศรีราชา, โรงแรมซัมแวร์ เกาะสีชัง, โรงแรมแคนทารี เบย์ ภูเก็ต, และโรงแรมเคป ฟาน เกาะสมุย พลูวิลล่าระดับ 5 ดาว บนเกาะส่วนตัวกับราคาที่พักสุดคุ้มค่า งานนี้ห้ามพลาด! ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บูธ P247-248 และ P255-256 ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 3 มีนาคม 2562

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0 2253 3791 ต่อ 0 หรือ Call Centre 1627 หรือ www.capekantaryhotels.com

เปิดตัวกรมธรรม์ประกันภัยลำไยฉบับแรกของโลก

alivesonline.com : คปภ.เห็นชอบแบบกรมธรรม์ประกันภัยการประกันภัยพืชผลลำไยจากภัยแล้งโดยใช้ดัชนีฝนแล้งสำหรับรายย่อยและเบี้ยประกันภัยแล้ว “ซมโปะ ประกันภัย – ประกันภัยไทยวิวัฒน์” นำร่องร่วมโครงการ ดีเดย์เริ่มคุ้มครองเดือนมี.ค.62 ประเดิมพื้นที่เป้าหมาย 1 แสนไร่ใน 24 อำเภอจังหวัดเชียงใหม่

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2562 ตนในฐานะนายทะเบียนได้เห็นชอบแบบกรมธรรม์ประกันภัยการประกันภัยพืชผลลำไยจากภัยแล้งโดยใช้ดัชนีฝนแล้ง (ตรวจวัดด้วยดาวเทียม) สำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) และเบี้ยประกันภัยแล้ว สำนักงาน คปภ. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย เตรียมพร้อมเร่งประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจให้แก่เกษตรกรไทยในการทำประกันภัยพืชผลลำไย เพื่อรองรับความเสี่ยงภัยจากภาวะฝนแล้ง ทั้งนี้ มีบริษัท ซมโปะ ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมรับประกันภัย โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม 2562 จนถึงวันที่ 29 มกราคม 2565

สำหรับรูปแบบการรับประกันภัยกรมธรรม์ประกันภัยการประกันภัยพืชผลลำไยจากภัยแล้งโดยใช้ดัชนีฝนแล้ง (ตรวจวัดด้วยดาวเทียม) สำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) เบื้องต้นบริษัทฯ จะเริ่มรับประกันภัยใน 24 อำเภอ ของจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีพื้นที่เป้าหมาย 1 แสนไร่ (จากพื้นที่เพาะปลูกในจังหวัดเชียงใหม่ทั้งหมดประมาณ 3 แสนไร่) โดยเริ่มจำหน่ายกรมธรรม์ตั้งแต่เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2562 เป็นระยะแรก เพื่อให้ความคุ้มครองภัยภาวะฝนแล้งที่อาจเกิดขึ้นกับเกษตรกรผู้เพาะปลูกพืชลำไยในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน 2562 เนื่องจากพืชผลลำไยเป็นพืชผลยืนต้น และต้องการน้ำในช่วงของการออกดอกเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน

ส่วนรายละเอียดของกรมธรรม์นั้น เกษตรกรผู้เพาะปลูกลำไยที่กู้เงินจาก ธ.ก.ส. ที่มีวงเงินกู้ทุก ๆ 1 หมื่นบาท สามารถขอเอาประกันภัยได้ 1 หน่วย โดยมีเบี้ยประกันภัยจำนวน 299 บาท ต่อการให้ความคุ้มครอง 1 หน่วย ให้ความคุ้มครองสูงสุด 2.1 พันบาท แบ่งความคุ้มครองออกเป็น 2 ส่วน คือ กรณีการเกิดภาวะฝนแล้งต่อเนื่องเกินกว่าดัชนีฝนแล้ง ได้รับเงินชดเชย จำนวน 900 บาท และกรณีการเกิดภาวะฝนแล้งต่อเนื่องเกินกว่าค่าดัชนีฝนแล้งขั้นสูง ได้รับเงินชดเชย จำนวน 1.2 พันบาท ซึ่งเงินชดเชยเมื่อรวมกันแล้วจะไม่เกิน 2.1 พันบาท ทั้งนี้ หากพื้นที่เอาประกันภัยเกิดภาวะฝนแล้งต่อเนื่อง (มีจำนวนวันที่ฝนไม่ตกหรือฝนตกน้อยกว่า 1 มิลลิเมตรต่อวันติดต่อกัน) มากกว่าจำนวนวันที่กำหนดเป็นดัชนีฝนแล้งหรือดัชนีฝนแล้งขั้นสูง บริษัทจะจ่ายเงินชดเชยให้แก่เกษตรกรผ่านบัญชี ธ.ก.ส.

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา สำนักงาน คปภ. ตระหนักถึงความสำคัญของการส่งเสริมให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเศรษฐกิจฐานรากสามารถเข้าถึงและนำระบบประกันภัยมาใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงภัยโดยเฉพาะการประกันภัยพืชผลทางการเกษตร อาทิ การประกันภัยข้าวนาปี การประกันภัยข้าวโพด รวมถึงการประกันภัยลำไย จึงได้ให้การสนับสนุนศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและพยากรณ์ทางการเกษตร คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ในการจัดทำงานวิจัยเรื่อง “รูปแบบการประกันภัยพืชผลทางการเกษตรที่เหมาะสมในลำไยของประเทศไทย” และได้แต่งตั้งคณะทำงานจัดทำกรมธรรม์ประกันภัยและอัตราเบี้ยประกันภัยการประกันภัยพืชผลลำไย โดยมีผู้แทนจากสำนักงาน คปภ. รวมทั้งทีมวิจัยจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและพยากรณ์ทางการเกษตร คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และผู้แทนจากสมาคมประกันวินาศภัยไทย สำนักงานอัตราเบี้ยประกันวินาศภัย (IPRB) เป็นคณะทำงานเพื่อศึกษาแบบความคุ้มครองและอัตราเบี้ยประกันภัยการประกันภัยที่เหมาะสมกับลำไย

ดร.สุทธิพล กล่าวในตอนท้ายว่า ในปี 2561 คปภ. ยังได้บูรณาการความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมประกันภัยลงพื้นที่ศึกษาและสำรวจพื้นที่เพาะปลูกจริง พร้อมพูดคุยกับเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งได้ประชุมร่วมกับคณะผู้ทำวิจัยเพื่อรับฟังความคืบหน้าในการดำเนินการเกี่ยวกับงานวิจัยดังกล่าว โดยข้อมูลที่มีการนำเสนอ อาทิ การผลิต การตลาด และภัยพิบัติจากธรรมชาติในลำไย ปัญหาและอุปสรรคในการทำงานเกี่ยวกับการแจ้งความเสียหายจากภัยธรรมชาติ เพื่อประเมินปัจจัยต่าง ๆ จนได้รูปแบบการรับประกันภัยการประกันภัยพืชผลลำไยจากภัยแล้งโดยใช้ดัชนีฝนแล้ง (ตรวจวัดด้วยดาวเทียม) สำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) แบบครบวงจรที่เหมาะสมและเป็นประเทศแรกของโลก

ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยด้านการประกันภัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186

“สตีเบล เอลทรอน” ต่อยอดธุรกิจด้วยเทคโนโลยีประหยัดน้ำประปา-ไฟฟ้า

‘พัลลภ เชี่ยวชาญวิทยเวช’ (ที่ 2 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท สตีเบล เอลทรอน เอเซีย จำกัด และ ‘พิชชา เชษฐฤทธิรงค์’ (ที่ 2 จากซ้าย) กรรมการบริษัท เอ็มโซล จำกัด

alivesonline.com : “สตีเบล เอลทรอน เอเชีย” ผู้นำด้านเครื่องทำน้ำอุ่นน้ำร้อน เครื่องกรองน้ำ และปั๊มน้ำประจำประเทศไทย ประกาศความร่วมมือทางธุรกิจ ปฏิวัติวงการซักรีด เซ็นสัญญาร่วมกับ “เอ็ม โซล ลอนโดรแมท” บริษัทสัญชาติไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านการให้บริการเครื่องซักผ้าและอบผ้าอัตโนมัติ ร่วมลดต้นทุนทางธุรกิจ ด้วยการใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน

นายพัลลภ เชี่ยวชาญวิทยเวช ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท สตีเบล เอลทรอน เอเซีย จำกัด เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์ของ “สตีเบล เอลทรอน” ถูกออกแบบเพื่อให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้าน ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตที่ประหยัดพลังงานและลดการปล่อยของเสียให้มีปริมาณน้อยที่สุด นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์เครื่องทำน้ำอุ่น น้ำร้อนและปั๊มน้ำของ “สตีเบล เอลทรอน” ยังถูกออกแบบมาโดยคำนึงถึงการลดการใช้น้ำและพลังงานให้ได้มากที่สุดซึ่งเหมาะสมกับอุตสาหกรรมซักรีดจนนำมา จึงได้เซ็นสัญญาร่วมกับ บริษัท เอ็มโซล ลอนโดรแมท จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการให้บริการเครื่องซักผ้าและอบผ้าอัตโนมัติ เพื่อรักษามาตรฐานความสะอาดและลดการใช้น้ำซึ่งถือเป็นการลดต้นทุนทางธุรกิจในระยะยาว

“อุตสาหกรรมซักรีดเป็นพื้นที่ที่เหมาะกับผลิตภัณฑ์ของเราเป็นอย่างมากในการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการประหยัดพลังงานและลดการใช้น้ำซึ่งเราให้ความสำคัญและมุ่งพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้พันธมิตรทางธุรกิจและลูกค้าสามารถลดค่าใช้จ่ายค่าน้ำประปาและไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ เรายังได้วางแผนขยายสายการผลิตของผลิตภัณฑ์เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องทำน้ำร้อน และปั๊มน้ำ เพื่อตอบสนองความต้องการของพันธมิตรทางธุรกิจและลูกค้าให้เท่าทันต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของสังคมเมืองในประเทศไทยปัจจุบัน”

ด้าน นายพิชชา เชษฐฤทธิรงค์ กรรมการบริษัท เอ็มโซล ลอนโดรแมท จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาองค์กรซึ่งมีแผนขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีกกว่า 100 สาขา จึงต้องมั่นใจว่าระบบที่ใช้นั้นต้องมีคุณภาพสูงในทุกด้าน โดยเฉพาะความสะอาด การประหยัดพลังงานทั้งน้ำและไฟมากที่สุด เพื่อเป็นการลดต้นทุนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งผลิตภัณฑ์ของ “สตีเบล” สามารถตอบโจทย์สิ่งที่กล่าวมาได้เป็นอย่างดี

“ALL” ระดมทุนต่อยอดธุรกิจ สู่ท็อปเท็นผู้นำตลาดอสังหาฯ

นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ “ALL”

alivesonline.com : ก.ล.ต. นับหนึ่ง Filing “ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์” ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ฯ เพื่อนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เตรียมเสนอขาย IPO จำนวน 150 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาทต่อหุ้น ด้าน “ธนากร ธนวริทธิ์” เผยเตรียมนำเงินไปพัฒนาโครงการคอนโดฯ บนพื้นที่ที่มีศักยภาพ มุ่งเน้นตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค พร้อมตั้งเป้าก้าวสู่การเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ติดอันดับ 1 ใน 10 ของไทย 

แหล่งข่าวจาก บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ในการนำหุ้น บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ภายใต้ชื่อย่อ “ALL” เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทฯ ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟล์ลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 26.79 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขาย IPO ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบไฟล์ลิ่ง ของ บมจ.ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ปัจจุบัน “ALL” มีทุนจดทะเบียนจำนวน 560 ล้านบาทและมีทุนที่ออกและชำระเต็มมูลค่าแล้วจำนวน 410 ล้านบาท หรือคิดเป็น 410 ล้านหุ้น โดย “ALL” ประกอบธุรกิจหลักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยแนวสูงประเภทคอนโดมิเนียม (Low Rise และ High Rise) และโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยประเภทแนวราบ ได้แก่ ทาวน์โฮม ภายใต้แบรนด์ “ดิ เอ็กเซล”, “ไรส์”, “อิมเพรสชั่น” และ “เดอะ วิชั่น” รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ ธุรกิจให้บริการเป็นตัวแทนและนายหน้าในการขายอสังหาริมทรัพย์สำหรับตลาดต่างประเทศ ดำเนินงานภายใต้ บริษัท ไทย ดี เรียลเอสเตท จำกัด (Thai D) ธุรกิจลงทุนและซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างแล้วเสร็จภายใต้ชื่อ “Rise Venture” ดำเนินงานภายใต้บริษัท ไรส์ เอสเตท จำกัด (RISE) และธุรกิจให้บริการบริหารจัดการนิติบุคคลอาคารชุด ดำเนินงานภายใต้บริษัท ออลล์ พร็อพเพอร์ตี้ เซอร์วิส จำกัด (ALL Prop)

นอกจากนี้ “ALL” ยังมีการลงทุนในกิจการร่วมค้าอีก 2 บริษัทคือ บริษัท ออลล์ อินสไปร์-ฮูซิเออร์ สุขุมวิท 50 จำกัด (ALL Hoosiers) เพื่อพัฒนาโครงการ The Excel Hideaway Sukhumvit 50 ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise และบริษัท เอเอชเจ เอกมัย จำกัด (AHJ Ekkamai) เพื่อพัฒนาโครงการ The Impression Ekkamai ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมแบบ High Rise

ในส่วนผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา หากพิจารณาจากผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี ตั้งแต่ปี 2558–2560 และงวด 9 เดือนแรกปี 2561 นั้น “ALL” มีรายได้รวมและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2558 มีรายได้รวม จำนวน 109.14 ล้านบาท 419.69 ล้านบาท 714.50 ล้านบาท และ 1,626.77 ล้านบาท ตามลำดับ และในช่วงเวลาเดียวกันมีกำไรสุทธิ จำนวน 3.55 ล้านบาท 11.03 ล้านบาท 80.80 ล้านบาท และ 212.73  ล้านบาท ตามลำดับ โดยสาเหตุหลักที่รายได้รวมและกำไรสุทธิมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องคือยอดรับรู้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นตามโครงการที่สร้างแล้วเสร็จและโอนกรรมสิทธิ์ในแต่ละปี นับตั้งแต่เริ่มโอนกรรมสิทธิ์โครงการแรกในปี 2558

ด้าน นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ “ALL” เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ในการนำเงินระดมทุนที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งนี้ เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในหลายพื้นที่ที่มีศักยภาพ ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานในอนาคต

บริษัทฯ มีวิสัยทัศน์ที่จะก้าวสู่การเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ถือหุ้น คู่ค้า พนักงาน เป็นต้น โดยการเสนอขาย IPO ครั้งนี้จะทำให้บริษัทฯ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากตลาดเงินและตลาดทุนสำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ในอนาคต

“บริษัทฯ ยังวางแผนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตจำนวน 6 แห่ง มูลค่าโครงการรวมประมาณ 15,350 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise จำนวน 3 โครงการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,650 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียมแบบ High Rise จำนวน 3 โครงการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 11,700 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเปิดขายได้ภายในปี 2562 เป็นต้นไป”

“ALL” มุ่งเน้นพัฒนาโครงการบนพื้นที่ในรัศมีแนวระบบขนส่งมวลชนระบบรางของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว และรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงิน ตลอดจนทำเลอื่นที่มีศักยภาพ เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ โดยเน้นฟังก์ชั่นการใช้งานการออกแบบที่ทันสมัยละเป็นเอกลักษณ์และมุ่งเน้นให้ผู้อยู่อาศัยใช้ชีวิตได้จริง รวมถึงการออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งแวดล้อมที่ดี ในราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ ตามแนวคิด “Class of Living” ชีวิตที่มีระดับคือชีวิตที่คุณเลือกเอง