‘วิภาวดี บุนนาค’ (กลาง) กรรมการผู้จัดการ บจ.ชีวาเลียร์ เน็ตเวอร์ค โซลูชั่น ไทย พร้อมด้วย ‘อมร ผลวิวัฒน์’ (ซ้าย) Channel Manager ประจำสาขาประเทศไทย บจ.อวาย่า และ ‘เรจิน่า ลี’ (ขวา) Voice of Customer Analytics Consultant, Verint ASEAN ร่วมจัดงาน“Chevalier Intelligent customer experiences & Engagement for 2020” นำเสนอเทคโนโลยีอัจฉริยะของ Contact Center ให้กลุ่มลูกค้าองค์กร เพื่อการนำไปประยุกต์ใช้ในปี 2020 สร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้บริการ Contact Center ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เมื่อเร็ว ๆ นี้
ผู้เขียน: admin2
“THE CLEV RIVER LINE” คอนโดฯ หรู วิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา เริ่มต้นเพียง 1.79 ล้านบาท
“เจ้าพระยามหานคร” (CMC) เปิดตัวโครงการ “THE CLEV RIVER LINE CHAOPHRAYA – WONG ” (เดอะ เคลฟ ริเวอร์ไรน์ เจ้าพระยา-วงศ์สว่าง) คอนโดมิเนียมหรู โดดเด่นที่สุดบนถนนพิบูลสงคราม พร้อมวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา 360 องศา ภายใต้แนวคิด “A New Aestetic Of Life Along The River” ร่วมสัมผัสสุนทรียภาพที่ลงตัว แห่งการใช้ชีวิตเหนือสายน้ำ
โครงการ “THE CLEV RIVER LINE CHAOPHRAYA – WONG SAWANG” คอนโดมิเนียมระดับพรีเมียม 36 ชั้น จำนวน 598 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 1.6 พันล้านบาท มีวิวแม่น้ำเจ้าพระยาสวยงามแบบพาโนรามาและความสวยงามของโครงการนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากสายน้ำที่ผูกพันกับคนไทยมาอย่างยาวนาน โดยโครงการจะเปิด Pre–Sale ในวันที่ 19-20 ตุลาคม 2562 พร้อมคาดว่าโครงการนี้จะตอบโจทย์ลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ที่มีแนวคิดการลงทุนแบบคุ้มค่า ความสะดวกสบายในการเชื่อมต่อทุกการเดินทางและสิ่งอำนวยความสะดวกสบายที่ครบครัน
โครงการ “THE CLEV RIVER LINE CHAOPHRAYA – WONG SAWANG ตั้งอยู่บนพื้นที่ 2 ไร่ 56 ตารางวา บนถนนพิบูลสงคราม ใกล้ทางด่วนศรีรัช เชื่อมต่อทุกการเดินทาง เพียง 3 นาทีถึงมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ห้องสวยคุ้มค่า ทุกตารางเมตร พร้อมพื้นที่ส่วนกลางที่ครบครัน กว้างขวางถึง 2.7 พันตารางเมตร.ม. ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.79 ล้านบาท ประมาณ 8.5 หมื่นบาท/ตารางเมตร
ภายในโครงการมีห้องพักอาศัยให้เลือกทั้งแบบ Exclusive 1 Bedroom เริ่มต้น 24.61 ตารางเมตร และ 2 Bedroom เริ่มต้น 42.62 ตารางเมตร ที่จอดรถ 236 คัน หรือ 39 % มีพื้นที่สวนแบบ Vertical Garden 4 ชั้น ขนาดใหญ่กว่า 1,875 ตร.ม.สระว่ายน้ำเด็กและสระผู้ใหญ่ พร้อมมินิบาร์ อีกทั้งยังมี SKY LOUNGE และห้องสันทนาการ โซน Kid รองรับสำหรับเด็ก และห้องสมุด รวมถึง Fitness Room, Co-Kitchen และมีห้องซาวน่าแยกชาย–หญิง ระบบรักษาความปลอดภัย ภายในห้องพัก อาทิ Keycard Access ระบบ Digital Door Lock และสามารถสั่งการได้ภายในปุ่มเดียว และ Video Door Phone ทุกยูนิต ช่วยอำนวยความสะดวกด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้อย่างครบครัน
“THE CLEV RIVER LINE CHAOPHRAYA- WONG SAWANG” ยังเป็นโครงการหรูที่ได้รับรางวัลการันตีคุณภาพการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงานระดับดี พลังงานประจำปี 2562 จาก กระทรวงพลังงาน ซึ่งเป็นการรับประกันถึงความสำเร็จในการพัฒนาโครงการระดับลักซ์ชัวรี่ ภายใต้การบริหารงานของ CMC GROUP
โครงการ “THE CLEV RIVERLINE CHAOPHRAYA – WONGSAWANG” พร้อมเปิดจองรอบ Pre-Sale ในวันที่ 19-20 ตุลาคม 2562 ณ Sale Gallery ถ.พิบูลสงคราม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.cmc.co.th หรือ โทร 1172
“มั่นคงฯ” สร้าง Rooftop Organic Garden ชวนพนักงานเพิ่มพื้นที่สีเขียว
ท่ามกลางการดำเนินชีวิตที่เร่งรีบของมนุษย์ ในยุคปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ มากมาย หลาย ๆ คนจึงต่างหันมาให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพกันมากยิ่งขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ภายในหน่วยงาน องค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่เริ่มรณรงค์หากิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้พนักงาน “ดูแลสุขภาพ” และ “สิ่งแวดล้อม” ไปพร้อม ๆ กัน

‘ดุษฎี ตันเจริญ’ (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ และ ‘วรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ขวา)
เช่นเดียวกับ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขาย เพื่อเช่าและเพื่อการบริการ หลังจากย้ายสำนักงานใหม่ไปย่านสุรวงศ์ ไม่รอช้าเดินหน้ายึดแนวคิด “Well-Being” การสร้างสุขภาวะองค์รวมที่ดีจากภายในสู่ภายนอก โดยบอสสาวสายเฮลตี้ ‘ดุษฎี ตันเจริญ’ กรรมการผู้จัดการ จับมือผู้บริหาร ‘วรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, ‘ศักดินา แม้นเลิศ’ รองกรรมการผู้จัดการสายงานบริหารโครงการ และพนักงานกว่า 100 ชีวิต ร่วมกันเนรมิตพื้นที่ว่างบนดาดฟ้าให้กลายเป็นพื้นที่สีเขียวและปลูกผักผลไม้อินทรีย์ (Organic) เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการส่งเสริมให้พนักงานมีสุขภาวะที่ดี ตลอดจนสร้างเป็นแหล่ง Sharing แลกเปลี่ยนเรียนรู้และกินอยู่อย่างยั่งยืน พร้อมเผยว่า
“ตลอดระยะเวลา 4 ปีหลังมานี้ มั่นคงฯ ได้ยึดและดำเนินการตามหลักแนวคิดเรื่อง Well-Being สุขภาวะองค์รวม ซึ่งเป็นการมุ่งเน้นสร้างความสุขทั้งระบบ เริ่มตั้งแต่ภายในองค์กรผ่านการดูแลพนักงานซึ่งนับเป็นบุคคลสำคัญในการขับเคลื่อนบริษัทฯ ให้มีสภาวะการทำงานที่ดี เพื่อพร้อมส่งต่อความสุขไปยังผู้บริโภคผ่านสินค้าและบริการ จนกระทั่งล่าสุดได้มีการขยับขยายย้ายออฟฟิศใหม่ เราจึงถือโอกาสนี้ชวนพนักงานสร้างพื้นที่บริเวณดาดฟ้าเป็น Rooftop Organic Garden โดยให้พนักงานมาร่วมปลูกผักผลไม้อินทรีย์ในชนิดที่ต่างกันแต่ละแผนก เพื่อนำมาบริโภคและแลกเปลี่ยนกันกิน รวมถึงนำไปใช้ในการทำอาหารซึ่งนับเป็นกิจกรรมด้าน Well-Being กิจกรรมแรกของการย้ายออฟฟิศใหม่ในครั้งนี้”
สำหรับ สวนผักและผลไม้อินทรีย์ (Organic) ที่เหล่าผู้บริหารและพนักงานได้ร่วมกันปลูกประกอบด้วย 7 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรก เป็น แปลงผักสลัด 12 แปลง อาทิ สลัดคอส สลัดบัตเตอร์เฮด สลัดกรีนโอ๊ค สลัดเรดโอ๊ค และสลัดฟิลเลย์ ถัดมา ส่วนที่ 2 เป็น สวนผักแนวตั้ง ซึ่งปลูกวอเตอร์เครสบนกระถางโมดูล่ากรีน (SCG) ทั้งหมด 36 กระถาง โดยสามารถปลูกผักแนวตั้งได้อย่างเป็นระเบียบและสวยงาม ในส่วนที่ 3 คือ ศาลาเรียนรู้ (Organic Workshop) เป็นศาลาทรงกลม ที่ใช้วัสดุธรรมชาติหลังคามุงจากแน่นหนาและให้ความเย็นสบายตลอดทั้งวัน ส่วนที่ 4 คือการปลูก ต้นมะนาว ซึ่งเป็นการเติมวิตามินซีให้กับร่างกาย สร้างความกระปรี้กระเปร่าในการทำงาน นอกจากนี้ยังนำไปสร้างสรรค์เมนูเครื่องดื่มน้ำผึ้งมะนาวให้เกิดความสดชื่นระหว่างวันทำงานได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ส่วนที่ 5 การปลูกต้นแก้วมังกรสีแดง และต้นกล้วย เป็นผลไม้มงคลที่ปลูกง่ายและนิยมนำมารับประทาน เหมาะสำหรับทานเป็นของว่างยามบ่าย ส่วนที่ 6 การปลูกผักสวนครัวและสมุนไพรพื้นบ้าน อาทิ กะเพราขาว กะเพราแดง โหระพา จิงจูฉ่าย ผักชี สะระแหน่ ตะไคร้ ต้นหอม ซึ่งสามารถนำไปประกอบอาหารหรือทานแนมกับอาหารจานหลักตามแนวคิด “ผักครึ่งหนึ่งผลไม้ครึ่งหนึ่ง” ที่ควรรับประทานในแต่ละมื้อ และส่วนสุดท้าย เป็นโรงเพาะชำสำหรับเพาะต้นกล้า สลัดผัก และผักสวนครัว เพื่อการกินอยู่อย่างยั่งยืน
‘ดุษฎี ตันเจริญ’ กล่าวย้ำถึงโครงการนี้ด้วยว่า
“ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปแค่ไหน เรื่องของอาหารการกินและวัตถุดิบต่าง ๆ ยังคงเป็นองค์ประกอบสำคัญของการมีสุขภาพที่ดีเสมอ เพราะกว่า 80% ของการมีร่างกายที่มีสุขภาพดีและแข็งแรง นอกจากจะมาจากการออกกำลังกายแล้ว ยังมาจากสิ่งที่เรารับประทานเข้าไป ดังนั้น กิจกรรมปลูกผักผลไม้อินทรีย์จึงเป็นส่วนเล็ก ๆ ของการเริ่มต้นออฟฟิศใหม่ที่ตอกย้ำจุดยืนในเรื่องสุขภาวะที่ดีอย่างยั่งยืน สะท้อนความสำเร็จขององค์กรไปอีกขั้น”

‘ศักดินา แม้นเลิศ’ (ซ้าย) รองกรรมการผู้จัดการสายงานบริหารโครงการ และ ‘ดุษฎี ตันเจริญ’ (ขวา) กรรมการผู้จัดการ
ททท.จัดแรลลี่ท่องเที่ยว “ชิมช้อปใช้” เร่งรายได้ในประเทศ 1.12 ล้านล้านบาท
alivesonline.com : ททท.จัดแรลลี่รถยนต์ท่องเที่ยว นำคณะนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวออกท่องเที่ยวจับจ่ายกับมาตรการ “ชิมช้อปใช้” เส้นทางกรุงเทพฯ-สมุทรสงคราม-เพชรบุรี นำเสนอภาพเดินทางและการใช้จ่ายจริงของประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการฯ มั่นใจช่วยผลักดันจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 180 ล้านคน-ครั้ง พร้อมรายได้ในประเทศ 1.12 ล้านล้านบาท ด้าน กระทรวงการคลัง เผยยอดใช้จ่ายช่วงวันหยุดยาว 12-14 ต.ค.62 พุ่งสูงกว่า 1.8 พันล้านบาท
ตามที่รัฐบาลได้ออกมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ “ชิมช้อปใช้” โดยมีวัตถุประสงค์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนมากขึ้นผ่านกลไกการท่องเที่ยว ตลอดจนสนับสนุนการใช้จ่ายผ่านระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ (g-Wallet) เตรียมความพร้อมก้าวสู่สังคมไร้เงินสด โดยประชาชนที่สนใจลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์เพื่อเข้าร่วมมาตรการโดยระบุจังหวัดที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวซึ่งต้องไม่ใช่จังหวัดที่ระบุในทะเบียนนั้น ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี โดยมีผู้สมัครลงทะเบียนเข้าร่วมในมาตรการฯ ครบตามจำนวน 10 ล้านคนในเวลาอันรวดเร็ว รวมทั้งมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการกว่า 1.7 แสนร้านค้านั้น
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในฐานะที่ ททท. เป็นหนึ่งในหน่วยงานพันธมิตรของมาตรการ “ชิมช้อปใช้” จึงมีความประสงค์ที่จะประชาสัมพันธ์มาตรการฯ ดังกล่าว เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้ผู้ที่ได้รับสิทธิออกเดินทางท่องเที่ยวและใช้จ่ายจริง กระจายรายได้ไปยังผู้ประกอบการในพื้นที่ที่เข้าร่วมมาตรการฯ และกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยว ตลอดจนส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวและพื้นที่เชื่อมโยง จึงได้ดำเนินการจัดกิจกรรมแรลลี่รถยนต์ท่องเที่ยว โครงการ “ชิมช้อปใช้” เส้นทางภาคกลาง กรุงเทพฯ-สมุทรสงคราม-เพชรบุรี เมื่อวันที่ 13-14 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยมีผู้ร่วมกิจกรรมเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยประเภทครอบครัวที่ได้รับการยืนยันสิทธิเข้าร่วมมาตรการฯ “ชิมช้อปใช้” เข้าร่วมแข่งขันแรลลี่รถยนต์ท่องเที่ยวครั้งนี้เป็นจำนวน 30 คัน รวม 120 คน
“ททท. รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสต้อนรับพี่น้องประชาชน นักท่องเที่ยว ซึ่งได้ลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมในมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวโครงการชิมช้อปใช้ และได้ร่วมเดินทางท่องเที่ยวใช้จ่ายตามสิทธิในจังหวัดเพชรบุรี โดยมั่นใจว่าจะเป็นอีกหนึ่งที่ช่วยผลักดันจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นจาก 160 ล้านคน-ครั้ง เป็น 180 ล้านคน-ครั้ง พร้อมรายได้ในประเทศเพิ่มขึ้นจาก 1.05 ล้านล้านบาท เป็น 1.12 ล้านล้านบาท”
นายยุทธศักดิ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวโครงการ “ชิมช้อปใช้” ได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนในการลงทะเบียนเข้าร่วมอย่างต่อเนื่องเป็นอย่างดียิ่ง ในส่วนต่อไปจึงขอเรียนเชิญพี่น้องประชาชนรีบออกเดินทางใช้จ่ายตามสิทธิที่ได้รับเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศและขอเรียนย้ำว่านอกจากกระเป๋าแรกที่รัฐบาลใส่เงินให้ 1 พันบาทแล้ว พี่น้องประชาชนยังเติมเงินได้อีกในกระเป๋าที่สอง โดยจะได้เงิน Cashback จากยอดค่าใช้จ่ายอีก 15% เงินคืนสูงสุดถึง 4.5 พันบาท
ด้าน นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยว่า ในช่วงวันหยุดยาว 3 วันที่ผ่านมา (12-14 ต.ค.62) ถือเป็นความสำเร็จในการสร้างสังคมไร้เงินสดและฐานผู้ใช้ e-wallet ที่สร้างยอดผู้ใช้ได้เป็น 10 ล้านคนในคราวเดียว โดยมียอดการใช้จ่ายเป็นจำนวนถึง 1,842 ล้านบาท
สำหรับตัวเลขการใช้จ่ายรวมตั้งแต่เริ่มโครงการ 27 ก.ย.-14 ต.ค.62 มียอดการใช้จ่ายทั้งสิ้น 8,071.1 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดจากกระเป๋า 1 จำนวน 7,967 ล้านบาท จากกระเป๋า 2 จำนวน 104 ล้านบาท สรุปมีผู้ใช้สิทธิ์แล้วจำนวน 8,328,931 คน ผู้ที่ยังไม่ไปใช้สิทธิ์ 1,671,395 คน ส่วนจังหวัดที่มีผู้ไปใช้สิทธิ์มากที่สุดอันดับที่ 1.กรุงเทพฯ 1,046.7 ล้านบาท 2.ชลบุรี 521.4 ล้านบาท และ 3.สมุทรปราการ 344.7 ล้านบาท ส่วนเชียงใหม่เพิ่มเป็น 182.3 ล้านบาท และเชียงราย 79.7 ล้านบาท
องค์กรทั่วโลกเร่งปฏิรูปก้าวสู่ ‘องค์กรอัจฉริยะ’
alivesonline.com : ซีบรา เทคโนโลยีส์ (สัญลักษณ์หุ้นในตลาด NASDAQ : ZBRA) ผู้นำด้านนวัตกรรมผ่านโซลูชั่นที่ทันสมัยและเครือข่ายคู่ค้าที่ครอบคลุมเพื่อเสริมประสิทธิภาพให้องค์กรยุคใหม่ เผยผลสำรวจที่จัดทำขึ้นเป็นครั้งที่ 3 เกี่ยวกับ “ดัชนีองค์กรอัจฉริยะ” (Intelligent Enterprise Index) พบว่า 61% ขององค์กรทั่วโลกกำลังปรับตัวเข้าสู่ “องค์กรอัจฉริยะ” เมื่อเทียบกับปีก่อนเพียง 49%
การสำรวจทั่วโลกดังกล่าววิเคราะห์ถึงขอบเขตการทำงานขององค์กรที่สามารถเชื่อมต่อการทำงานลักษณะออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผ่านเทคโนโลยีที่ให้ผลการทำงานแบบเรียลไทม์, การนำเอาข้อมูลมาประยุกต์ใช้ และการทำงานร่วมกันแม้อยู่ต่างสถานที่ ซึ่งองค์กรเหล่านี้ถูกวัดความเป็นองค์กรอัจฉริยะโดยคำนวณจากเกณฑ์บรรทัดฐาน 11 ข้อประกอบด้วย วิสัยทัศน์ด้านอินเทอร์เน็ตทุกสรรพสิ่ง หรือ IoT, การประยุกต์ใช้, การจัดการข้อมูล, การวิเคราะห์ฐานข้อมูลอัจฉริยะ และอื่น ๆ
จากบรรทัดฐานข้างต้นและความมุ่งมั่นในการพัฒนาเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้า องค์กรธุรกิจค้าปลีกมีการพัฒนาอย่างมากในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยได้รับคะแนนเพิ่มขึ้นจากอันดับสุดท้ายของดันชีปีที่แล้วสู่อันดับต้น ๆ ของปีนี้ ซึ่งเป็นรองเพียงกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพเท่านั้น
จำนวนองค์กรที่เรียกได้ว่าเป็น “องค์กรอัจฉริยะ” อย่างแท้จริง ต้องได้รับคะแนน 75 คะแนน หรือสูงกว่าคะแนนในดัชนีที่เพิ่มขึ้นทุกปี ในปีนี้ 17% ขององค์กรที่มีพนักงานอย่างน้อย 250 คน ผ่านเกณฑ์บรรทัดฐาน ซึ่งเทียบกับปีที่แล้วที่มีเพียง 11% นอกจากนี้ผลสำรวจยังพบว่า 37% ของธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง หรือ SMB ที่มีพนักงาน 50-249 คน ได้รับคะแนน 75 คะแนน หรือมากกว่าดัชนี ตัวเลขดัชนีชี้ให้เห็นว่าธุรกิจSMB ที่ใช้เทคโนโลยี IoT มีความเป็น “องค์กรอัจฉริยะ” มากกว่าองค์กรขนาดใหญ่
นายดริว เอเลอร์ส, ฝ่ายนักอนาคตศาสตร์ระดับโลก, ซีบรา เทคโนโลยีส์ กล่าวว่า เมื่อสามปีที่แล้วที่ “ซีบรา” เผยดัชนีองค์กรอัจฉริยะ พบว่าองค์กรจำนวนมากพยายามทำความเข้าใจถึงการประยุกต์ใช้โซลูชั่น IoT อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่โครงสร้างการทำงานของธุรกิจของพวกเขา ซึ่งปัจจุบันเราเห็นการเปลี่ยนอย่างรวดเร็วในการพัฒนาระบบการมองเห็นการดำเนินการและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อเพิ่มประสิทธิการทำงานในองค์กรอย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น เราเชื่อว่านี่เป็นสาเหตุที่ทำไมองค์กรต่าง ๆ จึงเดินหน้าดำเนินการตามแผนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี IoT และเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เราจะเห็นการลงทุนเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
นายศิวัจน์ โรจนเต็มศักดิ์, ผู้จัดการประจำประเทศไทย, ซีบรา เทคโนโลยีส์ กล่าวว่า การปรับตัวโดยการนำเทคโนโลยี IoT และอุปกรณ์เคลื่อนที่มาใช้ระบบปฏิบัติการ สามารถช่วยเพิ่มการเชื่อมต่อระหว่างการดำเนินงานร่วมกันได้มากขึ้น ซึ่งการเพิ่มขีดความสามารถในการเชื่อมต่อดังกล่าวช่วยให้องค์กรสามารถสร้างข้อมูลด้านกระบวนการและทรัพย์สินเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ เปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงาน พัฒนาประสิทธิภาพ และผลลัพธ์ทางธุรกิจ ในฐานะที่เป็นแพลตฟอร์มข้อมูลอัจฉริยะล้ำสมัย ซึ่งรวมการเชื่อมต่อ IoT ของอุปกรณ์ปลายทาง, การจัดการการกำหนดค่า, การขนส่งข้อมูล, การจัดเก็บข้อมูล, การวิเคราะห์และการเรียนรู้ของเครื่องให้อยู่ในแพลตฟอร์มเดียว Savanna จาก “ซีบรา” จะเปลี่ยนข้อมูลดิบให้เป็นข้อมูลเชิงลึกสำหรับธุรกิจ เพื่อยกระดับการให้บริการ การผลิต รวมถึงการทำกำไร
ผลสำรวจโดยสังเขป
- ความเร็วของการปรับใช้ IoT ที่กำลังเพิ่มขึ้น นำไปสู่เทคโนโลยีที่มีความอัจฉริยะมากขึ้น คะแนนดัชนีองค์กรอัจฉริยะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อหลายองค์กรเริ่มก้าวเข้าสู่ขั้นตอนการใช้งาน โดยมีคะแนนในปีนี้อยู่ที่ 5 คะแนน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 6 คะแนน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของ “เทคโนโลยีอัจฉริยะ” ขององค์กรค้าปลีกและการขนส่งและลอจิสติกส์ ทั้งยังได้คะแนนเพิ่มขึ้น 9 คะแนนจากปี 2560 ซึ่งเป็นปีแรกที่มีการจัดทำดัชนี นอกจากนี้ 74% ขององค์กรในเอเชียแปซิฟิกมีวิสัยทัศน์สำหรับ IOT และแผนดำเนินการที่ตรียมไว้แล้ว โดย 55% ได้ดำเนินการไปแล้ว ส่วนอีก 43% กำลังวางแผนที่จะดำเนินการในอีก 1-3 ปีข้างหน้า
- การเติบโตอย่างต่อเนื่องของโซลูชั่น IoT และการลงทุนในแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลอื่น ๆ ในปีนี้ค่าใช้จ่ายขององค์กรทั่วโลกโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 39% เมื่อเทียบเป็นรายปี 86% ของผู้องค์กรต่าง ๆ คาดการณ์ว่าจำนวค่าใช้จ่ายดังกล่าวนี้จะเพิ่มขึ้นในอีก 1-2 ปีข้างหน้า โดยผู้ตอบแบบสอบถามกว่าครึ่งคาดว่าจะเพิ่มการลงทุน 21%-50% อีกทั้งองค์กรในเอเชียแปซิฟิกมากกว่า 92% คาดว่าการลงทุนใน IoT และอุปกรณ์เคลื่อนที่จะเพิ่มขึ้นในอีก 1-2 ปีข้างหน้า
- องค์กรมีการติดตั้งระบบ Intelligence-Driven Solution อย่างแพร่หลายมากขึ้น 64% ของผู้ตอบแบบสอบถามกำลังศึกษาการใช้งานโซลูชั่น IoT ที่ครอบคลุมทั่วทั้งองค์กร เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 38% และอีก 32% คาดว่าในเร็ว ๆ นี้จะมีการปรับใช้โซลูชั่นดังกล่าวในระดับภูมิภาค
- เนื่องจากความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก องค์กรต่าง ๆ จึงลงทุนกับระบบการตรวจสอบข้อมูลอย่างต่อเนื่อง 62% ของผู้องค์กรกำลังตรวจสอบความปลอดภัยของเทคโนโลยี IoT อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ระบบมีความสมบูรณ์และจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นส่วนตัว มีอัตราการเติบโตปีต่อปีอยู่ที่ 4% และเพิ่มขึ้น 13% จากปี 2560 ซึ่งในเวลานั้นมีเพียง 49% ขององค์กรเท่านั้นที่มีโปรโตคอลตรวจสอบความปลอดภัย และเพียง 47% ขององค์กรที่มีการตรวจสอบระบบความปลอดภัยเป็นระยะ องค์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมากกว่า 70% ตรวจสอบระบบความปลอดภัยของการใช้เทคโนโลยี IoT อย่างต่อเนื่องเพื่อให้มั่นใจว่าระบบทำงานอย่างสมบูรณ์และการตรวจสอบอย่างแน่นหนาในการอนุญาตเข้าถึงข้อมูลเฉพาะขององค์กร
- หลายองค์กรหันมาใช้บริการพาร์เนอร์เพียงหน่วยงานเดียวในการจัดการโซลูชั่นอัจฉริยะแบบครบวงจร จากรายงาน พบว่า ประมาณ 49% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ระบุว่าพวกเขาทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์เพียงหน่วยงานเดียวในการจัดการโซลูชันอัจฉริยะทั้งหมดของพวกเขา รวมถึงส่วนประกอบและบริการที่จัดทำขึ้นโดยบริษัทบุคคลที่สาม
- ผลสำรวจพบว่าธุรกิจ SMB ได้รับคะแนนในดัชนีสูงกว่าองค์กรขนาดใหญ่ (5 คะแนน ต่อ 61.5 คะแนน) โดยคะแนนที่สูงกว่าได้อ้างอิงจากปัจจัยต่าง ๆ ที่ค้นพบ อาทิ ผู้ตอบแบบสอบถามธุรกิจ SMB ระบุว่าองค์กรของพวกเขามีแนวโน้มที่จะมีวิสัยทัศน์เดินหน้าดำเนินการตามแผนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี IoT (69 เปอร์เซ็นต์เทียบกับ 62 เปอร์เซ็นต์)
ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Savanna
- Savanna เป็นส่วนประกอบของจุดปลายการเชื่อมเทคโนโลยี IoT, การบริหารจัดการกระบวนการ, การขนส่งข้อมูล, พื้นที่จัดเก็บข้อมูล, วิเคราะห์ และเป็นองค์ประกอบระบบการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning)
- เพื่อยกระดับการเชื่อมต่อและความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์ Savanna ช่วยให้องค์กรสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกในขณะปฏิบัติงาน เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์สามารถให้ข้อมูลแก่พนักงานอย่างถูกต้องแม่นย้ำ อีกทั้งช่วยให้พนักงานสามารถตัดสินใจดำเนินงานได้อย่างชาญฉลาดที่สุด
- ใงนฐานะที่เป็นแพลตฟอร์มข้อมูลแบบเปิดที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิการทำงานของแอพพลิเคชั่นระดับอค์กร Savanna จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานของ Zebra® Data-Driven Solutions รวมทั้งแอพพลิเคชั่นและโซลูชั่นอื่น ๆ จากกลุ่มพาร์ทเนอร์ของซีบรา
ความเป็นมาและขั้นตอนการสำรวจ
- การสำรวจจัดทำขึ้นผ่านช่องทางออนไลน์ระหว่างวันที่ 12 สิงหาคม – 18 กันยายน 2562 โดยสำรวจองค์กรในกลุ่มธุรกิจ สุขภาพ, อุตสาหกรรมการผลิต, อุตสาหกรรมค้าปลีก และอุตสาหกรรมขนส่งและลอจิสติกส์
- สัมภาษณ์ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจด้านไอทีจำนวน 950 คน จาก 9 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, แม็กซิโก, บราซิล, จีน, อินเดีย, และญี่ปุ่น โดยแต่ละองค์กรมีพนักงานอย่างน้อย 250 คน และมีรายได้ปีละ 5 ล้านเหรียญสหรัฐ และข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากธุรกิจ SMB มุ่งเน้นไปที่บริษัทที่มีพนักงานระหว่าง 50-249 คน
- การสำรวจถูกจัดทำขึ้นภายใต้ 11 หัวข้ออันได้แก่ วิสัยทัศน์ต่อ IoT (IoT Vision), การมีส่วนร่วมทางธุรกิจ (Business Engagement), คู่ค้าด้านโซลูชั่นของเทคโนโลยี (Technology Solution Partner), แผนการนำมาประยุกต์ใช้ (Adoption Plan), แผนการจัดการการเปลี่ยนแปลง (Change Management Plan), การใช้แอพลิเคชั่นหน้างาน(Point of use Application), ความปลอดภัยและมาตรฐาน(Security & Standards), แผนงานระยะยาว(Lifetime Plan), การใช้เทคโนโลยีสร้างโครงสร้างพื้นฐาน (Architecture/Infrastructure), แผนข้อมูล (Data plan) และการวิเคราะห์ฐานข้อมูลอัจฉริยะ (Intelligent Analysis)
- บรรทัดฐานของการสำรวจถูกกำหนดโดยผู้บริหาร, ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจต่าง ๆ และผู้กำหนดนโยบายโดยรวม ภายใต้การสัมมนาในหัวข้อ Strategic Innovation Symposium – The Intelligent Enterprise ซึ่ง “ซีบรา” ร่วมกับ Technology and Entrepreneurship Center แห่ง Harvard technology จัดทำขึ้น
- ขอบเขตของคำว่า “องค์กรอัจฉริยะ” นั้น มาจากการใช้เทคโนโลยีโซลูชั่นที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์แบบคลาวด์ (Cloud computing), ความสามารถในการสื่อสารแบบเคลื่อนที่, และอินเทอร์เน็ตสำหรับทุกสรรพสิ่ง (IoT) สำหรับเชื่อมต่อข้อมูลต่าง ๆ ขององค์กร เพื่อ”ตระหนักถึง” ทรัพยากรข้อมูลขององค์กร การนำเอาข้อมูลอาทิ สถานะองค์กร, ทำเลที่ตั้ง, การใช้ประโยชน์จากข้อมูล หรือ การจัดลำดับข้อมูลต่างๆ แล้วนำมา “วิเคราะห์” เพื่อกรองข้อมูลที่เป็นประโยชน์ออกมาใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมซึ่ง ”มีผล”ต่อการขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวหน้ามากขึ้นและตัดสินใจได้เหมาะสมมากขึ้น
แนะนักลงทุนไทยรับมือ AI ในการลงทุนสู่คลื่นลูกที่สาม
alivesonline.com : “โกลบอล แคปปิตอล กรุ๊ป” เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน เศรษฐกิจ ร่วมสัมมนาเปิดตัวศูนย์การเรียนรู้การลงทุนระดับโลก Global Kapital Investment Academy ในหัวข้อ“Disruptive Change in Investment เปิดประตูสู่โลกการลงทุนยุคใหม่” ให้ความรู้นักลงทุนเตรียมรับมือความเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี พร้อมประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับโมรสรฟุตบอลระดับตำนาน “อาร์เซนอล”
เมื่อเร็ว ๆ นี้ “โกลบอล แคปปิตอล กรุ๊ป” (Global Kapital Group: GKG) กลุ่มบริษัทผู้ให้บริการด้านการเงินการธนาคารและการลงทุนชั้นนำของโลก ด้วยเทคโนโลยีการเงิน (Financial Technology : FinTech) และการธนาคาร (Banking) ที่ล้ำสมัย เปิดตัวศูนย์การเรียนรู้การลงทุนในเมืองไทย ในชื่อ “Global Kapital Investment Academy” อย่างเป็นทางการ เพื่อส่งมอบความรู้ด้านการลงทุนที่ทันสมัยจากต่างประเทศ เชื่อมต่อโอกาสการลงทุนแก่นักลงทุนไปทั่วโลก การเปิดตัวศูนย์เรียนรู้ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญในแวดวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนมาร่วมพูดคุยถึงการเปลี่ยนแปลงในโลกการลงทุน โดยได้รับความสนใจจากนักลงทุนเข้าร่วมรับฟังอย่างล้นหลาม
ดร.พงษ์รพี บูรณสมภพ นักพัฒนาศักยภาพมนุษย์ ที่ปรึกษาธุรกิจ จริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ และนวัตกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศองค์กรกำกับดูแลนวัตกรรมด้านวิศวกรรมศาสตร์และสื่อสารสนเทศสากล (IEEE TEMS) บรรยายในหัวข้อ “AI ในโลกการลงทุน” โดยระบุว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ได้รับการพัฒนาให้มีความสามารถในการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) จนพัฒนาเข้าสู่เทคโนโลยี AI คลื่นลูกที่สาม หรือThird Wave AI โดยใช้หลักการเหตุและผลร่วมกับการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Big Data ซึ่งจะเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนกระบวนการอัตโนมัติและกระบวนการวิเคราะห์ที่ซับซ้อนในภาคธุรกิจและการเงิน อีกทั้งยังได้รับการพัฒนาให้ใช้งานได้สะดวกสบายผ่านมือถือ โดยใช้ระบบปฏิบัติการ Open Source
สำหรับในส่วนภาคการเงินนั้น หากนำ AI คลื่นลูกที่สามมาใช้จะช่วยคิด วิเคราะห์ วางแผน และตัดสินใจ ซึ่งจะช่วยเรื่องการลงทุนทั้งตลาดหุ้นและการลงทุนซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ อย่างไรก็ตามในส่วนของข้อกังวลเรื่อง AI จะเข้ามาแย่งงานมนุษย์นั้นเห็นว่า AI จะไม่สามารถเข้ามาแทนที่ได้เนื่องจากกระบวนการคิดวิเคราะห์ วางแผน และการตัดสินใจของมนุษย์ มีเหตุและผลรองรับ ซึ่งเป็นเรื่องที่เทคโนโลยี AI ยังทำไม่ได้
ดร.ศุภชัย สุขะนินทร์ กรรมการหลักสูตร Ultra Wealth Group และ Fivewhales ซึ่งเป็นหลักสูตรการลงทุนระดับมหาเศรษฐีของเมืองไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบัน AI ได้เข้ามามีบทบาทในการลงทุน การทำธุรกิจเพิ่มมากขึ้น นักลงทุนควรเตรียมความพร้อมรับมือความเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นตลอดเวลา เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีได้พัฒนาไปไกลและเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ใน 3 ประเทศหลัก ได้แก่ จีน อิสราเอล และสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีนมีการพัฒนาเทคโนโลยีไปไกลมากทั้งการนำเทคโนโลยีมาใช้การทำธุรกิจผ่านโทรศัพท์มือถือ การใช้ระบบ QR Code การปล่อยกู้ผ่านแอปพลิเคชันโดยไม่ผ่านสถาบันการเงิน และที่สำคัญประเทศจีนได้ปรับแผนการพัฒนาและการใช้ AI ให้เร็วขึ้น 5 ปี จากปี 2030 เป็นปี 2025
“จีนยังมีบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับอยู่ในกลุ่มบริษัท TOP 10 ที่มีรายได้มากกว่า 1 พันล้านล้านเหรียญสหรัฐ มีประชากร 1 ใน 3 ของโลก และมีการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์มือถือจำนวนมาก ดังนั้นการหาโอกาสเข้าไปลงทุนในประเทศจีนจึงน่าจะเป็นโอกาสที่ดี”
ดร.ศุภชัย กล่าวด้วยว่า ในยุคที่เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงนักลงทุนควรเตรียมรับโดยเลือกการลงทุนดังนี้ 1.ลงทุนในสิ่งใหม่ ๆ ที่มีแนวคิดฉีกไปจากกรอบเดิม 2.ลงทุนในธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากไอทีและเทคโนโลยีใหม่ ๆ 3. มองหาโอกาสลงทุนธุรกิจที่อยู่ในกระแสเป็นเทรนด์ฮิตของคนในสังคม และ 4.ลงทุนในจีน
นายธำรงชัย เอกอมรวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องหุ้นทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีจะทำให้ AI ที่แท้จริงเข้ามามีบทบาทในการลงทุนมากขึ้น ส่วนเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์การลงทุนในขณะนี้เป็นการกำหนดโปรแกรมการลงทุนโดยการประมวลคำสั่งหรือการตั้งระบบ ยังไม่ใช่ AI ที่แท้จริงลักษณะเดียวกับอัลฟาโกะที่สามารถแข่งขันโกะชนะ 5 มือโปรระดับประเทศของประเทศจีน และมือเซียนโกะประเทศอื่น ๆ ได้
อย่างไรก็ตาม ในการลงทุนเชื่อในการลงทุนแบบ CFD หรือการซื้อขายส่วนต่าง (Contract For Difference-CFD) คือการลงทุนเพื่อทำกำไรจากส่วนต่างของราคาสินค้าที่กำหนด เช่น ทองคำ เงิน น้ำมัน ดัชนี (Index) ซึ่งถือเป็นการลงทุนรูปแบบใหม่ เช่น กรณีการลงทุนในอนุพันธ์ หากเลือกลงทุนถูกตัว มีกำไรก็ใส่เงินเพิ่ม โดยเงินที่ใส่เพิ่มนั้นเป็นเงินที่มาจากมาร์จิ้น ทำให้มี Power of Leverage แต่ในทางกลับกันหากขาดทุนต้องรีบตัดขายออกจากพอร์ต เป็นการบริหารความเสี่ยงและวิธีการลงทุนแบบนี้เป็นเทคนิคที่ทำให้พอร์ตลงทุนเติบโตได้ ทำให้นักลงทุนสามารถออกไปลงทุนในตลาดต่างประเทศ รวมทั้งลงทุนในอนุพันธ์ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่จำกัดเฉพาะการลงทุนในหุ้นเท่านั้น
ภายในงานยังได้มีการประกาศร่วมมือระหว่าง “โกลบอล แคปปิตอล กรุ๊ป” (Global Kapital Group) กลุ่มบริษัทชั้นนำระดับโลก ด้านเทคโนโลยีการเงิน การลงทุนและการธนาคารมีแบรนด์ชั้นนำในอุตสาหกรรมการเงินและการลงทุนอยู่ทั่วโลก เช่น GKFX, GKFX Prime, GK Pro และ GK Invest กับทีมฟุตบอลที่มีชื่อเสียงระดับโลกกับตำนานพรีเมียร์ลีกคือ สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล (Arsenal Football Club) มาเป็นพันธมิตรในสัญญาความร่วมมือเป็นระยะเวลานาน 3 ปี
นางสาวอนามิกา สินธนนพคุณ ผู้อำนวยการส่วนภูมิภาค” โกลบอล แคปปิตอล กรุ๊ป” เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างวางแผนจัดกิจกรรมร่วมกับทางสโมสรอาร์เซนอลตลอด 3 ปีนับจากนี้ ทั้งกิจกรรมที่สร้างประโยชนต่อสังคม กิจกรรมส่งเสริมการตลาด และกิจกรรมที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักลงทุน
“เอพี” ประกาศยอดขาย 9 เดือน ทะลุ 28,560 ล้านบาท
alivesonline.com : “เอพี” ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์และนวัตกรรมการอยู่อาศัย ยิ้มรับยอดขาย 9 เดือน ดีมานด์ตอบรับดีทั้งสินค้าแนวราบและแนวสูง รวมมูลค่ากว่า 28,560 ล้านบาท สร้างยอดขายได้แล้ว 70% จากเป้ายอดขายปี 2562 มั่นใจโค้งสุดท้าย ตลาดอสังหาฯ ระดับกลางถึงบนดีมานด์ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าบ้านเดี่ยวที่เป็นเรียลดีมานด์ พร้อมเดินหน้ารุกตลาดก่อนปิดปี ด้วยการจัดแคมเปญใหญ่ “Hybrid Living – ไฮบริด บ้านนวัตกรรมที่คุณเลือกได้” ยกทัพบ้านเดี่ยวทุกแบรนด์ในเครือเอพี ภายใต้แบรนด์ CENTRO, THE CITY, MIND และ THE PALAZZO รวม 8 โครงการใหม่และบ้านเดี่ยวพร้อมอยู่กว่า 25 โครงการในสุดยอดทำเลศักยภาพ
นายรัชต์ชยุตม์ นันทโชติโสภณ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2562 ดีมานด์ยังกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มสินค้าระดับกลางถึงกลางบน โดยเฉพาะกำลังซื้อในสินค้าแนวราบที่เป็นสินค้าเรียลดีมานด์พร้อมเข้าอยู่มีแนวโน้มการตอบรับดีต่อเนื่อง สะท้อนได้จากยอดขายรวมของบริษัทฯ ในช่วง 9 เดือนที่สามารถสร้างยอดขายได้แล้ว 70% จากเป้าหมายยอดขายทั้งปี 4.18 หมื่นล้านบาท หรือสร้างยอดขายรวมกว่า 28,560 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากสินค้าแนวราบ 15,845 ล้านบาท และยอดขายจากสินค้าแนวสูง 12,715 ล้านบาท โดย “เอพี” ยังคงมุ่งสู่เป้าหมายใหญ่ในการเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันดับต้น ๆ ของเมืองไทยที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการในทุกช่วงชีวิตของผู้อยู่อาศัยได้อย่างสมบูรณ์และเติมเต็มการส่งมอบคุณภาพชีวิตแก่คนในสังคม
ด้วยประสบการณ์และความเข้าใจทุกความต้องการเชิงลึกของตลาดอย่างแท้จริง “เอพี” จึงพร้อมสร้างปรากฏการณ์และความคึกคักครั้งให้กับตลาดบ้านเดี่ยวครั้งยิ่งใหญ่ก่อนปิดปี ด้วยการจัดแคมเปญพิเศษ “Hybrid Living – ไฮบริด บ้านนวัตกรรมที่คุณเลือกได้” ชูไฮไลท์ครั้งแรกของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กับการคัดสรรแพ็คเกจนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยที่ดีที่สุดที่คุณสามารถเลือกได้ตามไลฟ์สไตล์และการใช้งานจริงของครอบครัว รวมมูลค่าสูงสุดกว่า 5 ล้านบาทที่จะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก ความปลอดภัยและยกระดับการใช้ชีวิตในบ้านเดี่ยวเครือเอพีอย่างครบวงจร อาทิ Smart Hub Gateway and Security Module ระบบสมองกลอัจฉริยะควบคุมและสั่งการเครื่องใช้สมาร์ทโฮม และระบบรักษาความปลอดภัยทั้งหมดในตัวบ้าน Motion Sensor ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหว พร้อมเชื่อมต่อการเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ ตรวจจับสัญญาณความเคลื่อนไหวในบ้านอีกขั้นของการดูแลความปลอดภัยของโลกอนาคต Air Purifier ระบบกรองอากาศอัจฉริยะ หมดกังวลเรื่องฝุ่นละออง PM 2.5 และกลิ่นไม่พึงประสงค์ พร้อมต้อนรับกลับบ้านด้วยอากาศบริสุทธิ์ทุกวัน Home Guard Camera ระบบมอนิเตอร์สมาชิกครอบครัวที่คุณรักได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ Wireless Panic Button อุปกรณ์แจ้งเรียกฉุกเฉินสำหรับผู้สูงวัย พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวที่เตียงนอน เพื่อเปิด-ปิดไฟทางเดินสู่ห้องน้ำแบบอัตโนมัติในตอนกลางคืน เป็นต้น
สำหรับแคมเปญ “Hybrid Living – ไฮบริด บ้านนวัตกรรมที่คุณเลือกได้” นับเป็นแคมเปญพิเศษที่ “เอพี” ได้จัดขึ้นสำหรับลูกค้าครอบครัวคนเมืองรุ่นใหม่ที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยวทั้งโครงการใหม่ และบ้านเดี่ยวพร้อมอยู่ โดยได้รวบรวมโครงการบ้านเดี่ยวในเครือเอพี ภายใต้แบรนด์ CENTRO, THE CITY, MIND และ THE PALAZZO รวมทั้งสิ้น 8 โครงการใหม่ และบ้านเดี่ยวพร้อมอยู่กว่า 25 โครงการในสุดยอดทำเลศักยภาพ โดยนอกจากไฮไลท์พิเศษ แพ็คเกจนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยที่ดีที่สุด รวมมูลค่าสูงสุดกว่า 5 ล้านบาท อีกทั้งยังเตรียมมอบที่สุดแห่งข้อเสนอ อาทิ คัดสรรบ้านแปลงพิเศษที่ดีที่สุด แพ็คเกจราคาพิเศษที่สุด ราคาเริ่มต้น 4.99–60 ล้านบาท และส่วนลดเพิ่มเติมอื่น ๆ อีกมากมาย สำหรับลูกค้าที่ทำการจองซื้อและโอนกรรมสิทธิ์ภายในวันที่ 27 ธันวาคม 2562
“ด้วยความมั่นใจในกลยุทธ์การดำเนินงานของเราที่เน้นสร้างความต่างด้วยการออกแบบสินค้าบ้านเดี่ยวที่ตอบความต้องการลูกค้าอย่างเฉพาะเจาะจงและความสมบูรณ์พร้อมภายใต้มาตรฐานคุณภาพของโครงการบ้านเดี่ยวเครือเอพี ภายใต้แบรนด์ CENTRO, THE CITY, MIND และ THE PALAZZO รวมทั้งสิ้น 8 โครงการใหม่ และบ้านเดี่ยวพร้อมอยู่กว่า 25 โครงการ ประกอบกับแพ็คเกจนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยที่ล้ำสมัย ตอบไลฟ์สไตล์ อำนวยความสะดวก ความปลอดภัย ช่วยยกระดับการอยู่อาศัยจริงของครอบครัวเมืองรุ่นใหม่ และข้อเสนอที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าจะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อและได้การตอบรับที่ดีจากลูกค้าที่มองหาที่อยู่อาศัยใหม่ในช่วงปลายปีนี้อย่างแน่นอน” นายรัชต์ชยุตม์ กล่าวในตอนท้าย
“กรุงไทยสายเปย์” แจกทองลูกค้าที่รับ-โอนเงินด่วนผ่าน Western Union
ธนาคารกรุงไทย จัดแคมเปญพิเศษ “กรุงไทยสายเปย์แจกทอง” สำหรับลูกค้าที่รับ-โอนเงินด่วนระหว่างประเทศ ผ่านกรุงไทย Western Union ด้วยช่องทาง Mobile Banking ATM Internet Banking สาขา และ บูธ Exchange ของธนาคาร รับสิทธิลุ้นรางวัลพิเศษสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 1 บาท และน้ำหนัก 25 สตางค์ รวม 82 รางวัล มูลค่ากว่า 6 แสนบาท จับรางวัลทุกเดือน ตั้งแต่ 1 กันยายน – 31 ธันวาคม 2562 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ktb.co.th
“สวารอฟสกี้” มอบคอลเลกชันสุดเจิดจรัส CRYSTAL LIVING HOLIDAY
“สวารอฟสกี้” แบรนด์เครื่องประดับชั้นนำระดับโลก เปิดตัวชิ้นงานชุดใหม่สุดพิเศษจากคอลเลกชัน Crystal Living Holiday ซึ่งประกอบไปด้วยออนาเมนท์สและเครื่องประดับตกแต่งบ้านที่จะมอบประกายเจิดจรัสให้แก่ช่วงเทศกาลให้เปี่ยมไปด้วยความสุขและความรื่นเริงไม่รู้จบ เริ่มต้นด้วย Annual Edition Ornament ชิ้นงานงดงามเหนือกาลเวลาด้วยเหลี่ยมเจียระไนกว่า 90 เหลี่ยมในสีแมกมาที่จะเพิ่มประกายอันโดดเด่นให้แก่ต้นคริสต์มาสทุกต้น ไปจนถึงตัวละครสุดไอคอนนิกน่าสะสม ในคอลเลกชันสุดเอ็กซ์คลูซีฟระหว่าง “สวารอฟสกี้” กับ “วอร์เนอร์ บราเธอร์ส” ซึ่งชิ้นงานสุดพิเศษเหล่านี้เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับเป็นขวัญที่จะช่วยจุดประกายความมีชีวิตชีวาให้ทุกการเฉลิมฉลอง
เนรมิตต้นคริสต์มาสให้พร่างพราวและเปี่ยมด้วยมนต์เสน่ห์ของเทศกาลไปกับออนาเมนท์สตระการตาจากคอลเลกชัน 2019 โดยไฮไลท์สุดพิเศษในปีนี้ได้แก่ Annual Edition Ornament มาในเฉดสีแดงสดใสเปล่งประกาย ที่ได้แรงบันดาลใจจากสีของลูกฮอลลี่ เบอร์รี่และชุดของซานต้า รูปทรงของดวงดาวถูกเจียระไนอย่างสวยงามกว่า 90 เหลี่ยมมุมด้วยคริสตัลสีแมกมา และแต่งผิวซาตินที่เป็นเอกลักษณ์ประจำสวารอฟสกี้ เพื่อเพิ่มความหรูหราและความรู้สึกอบอุ่น นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มความเปล่งประกายไปอีกระดับด้วย Star Ornament ที่แสดงฝีมือการเจียระไนคริสตัลถึง 124 เหลี่ยม และเคลือบผิวประกายออโรร่าสุดพิเศษของ “สวารอฟสกี้” ที่ส่องประกายแสดงมนต์เสน่ห์ของแสงเหนือที่มีหลากหลายสีราวกับสายรุ้ง
ต้นคริสต์มาสคงไม่สมบูรณ์หากขาด Crystal Ball Ornament ที่ทำขึ้นสำหรับปีนี้โดยเฉพาะ โดยมีเกล็ดหิมะคริสตัลบรรจุภายในลูกแก้วทรงกลม พร้อมติดแท็กโลหะสลักเลขปีที่ผลิต โดยลูกบอลประดับประดาเม็ดคริสตัลด้วยมือโดยใช้เทคนิค Crystal Rocks แบบฉบับพิเศษของสวารอฟสกี้กว่า 2,200 ชิ้น ทำให้แต่ละชิ้นมีความพิเศษเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร และเพิ่มความสมบูรณ์แบบและความเปล่งประกายให้กับต้นคริสต์มาสของคุณด้วย Christmas Set 2019 ที่ประกอบด้วย Annual Edition Ornament 2019 มาพร้อมกับ Little Snowflake Ornaments 2 ชิ้น โดยชิ้นหลักมาพร้อมกับแท็กโลหะสลักเลขปีที่ผลิต และทั้ง 3 ชิ้นถูกร้อยด้วยริบบิ้นซาตินสีขาวสุดหรู เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับตกแต่งต้นคริสต์มาส โต๊ะ หรือหน้าต่างให้พิเศษมากยิ่งขึ้น
สร้างความทรงจำช่วงคริสต์มาสสุดพิเศษไม่รู้ลืมและเปี่ยมด้วยความรักด้วย Christmas Bell Ornament ที่มีสีสันสดใสและมอบกลิ่นอายความโรแมนติกที่ไม่เหมือนใคร กับคริสตัลเจียระไนรูปหัวใจสีแดง 22 เหลี่ยมบรรจุภายในเนื้อแก้วรูปทรงระฆังที่ถูกเป่าขึ้นชิ้นต่อชิ้นอย่างประณีตและทำขึ้นพิเศษเฉพาะปีนี้ และเฉลิมฉลองกับ Baby’s First Christmas ในรูปทรงม้าโยกอันประณีต เจียระไนจากคริสตัลสีใสสุกสว่าง 201 เหลี่ยมพร้อมข้อความ ‘Baby’s 1st Christmas 2019’ ร้อยด้วยริบบิ้นสีแดงเหมาะเป็นอย่างยิ่งกับช่วงเทศกาล
ดื่มด่ำกับช่วงเทศกาลอันสุขสันต์พร้อมสะกดช่วงเวลาเปี่ยมสุขและน่าตื่นเต้นของงานรื่นเริงกับคริสตัลครีเอชัน ชิ้นงานคริสต์มาสเหนือกาลเวลาสุดคลาสสิก ตั้งแต่เครื่องประดับตกแต่งบ้านที่ชวนให้ระลึกถึงความทรงจำในวันคริสต์มาส ไปจนถึงตัวละครจากสวารอฟสกี้ที่ทุกคนหลงรักที่ถูกแต่งแต้มด้วยกลิ่นอายของช่วงเทศกาล โดยผลงานอันประณีตนี้มาในเฉดสีประจำเทศกาลสุดสดใสเพื่อเพิ่มประกายสีสันมากยิ่งขึ้น ไฮไลท์สำคัญที่ขาดไปไม่ได้คือ Christmas Tree สุดไอคอนนิก จากคริสตัลเจียระไน 365 เหลี่ยม เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับชิ้นงานต้น Poinsettia สุดคลาสสิกจากคริสตัลเจียระไนกว่า 518 เหลี่ยมแต่งแต้มด้วยสีแดง สีเขียว และสีใสงามสง่า และเพิ่มความสนุกให้การแต่งแต้มช่วงวันหยุดเทศกาลด้วยตัวละครทรงเสน่ห์ที่ทุกคนหลงรักอย่าง Kris Bear รุ่นพิเศษประจำปี 2019 ขณะกำลังจูงเลื่อนโลหะสีซิลเวอร์สโตนบรรจุกล่องของขวัญระยิบระยับ ไปจนถึง Snowman with Candy Cane คริสตัลเจียระไน 464 เหลี่ยมสุดน่ารักจนหลายคนต้องละลาย เหมาะเป็นอย่างยิ่งกับการมิกซ์แอนด์แมทช์กับออนาเมนท์สประจำฤดูกาลชิ้นอื่น ๆ

ชิ้นงานต้น Poinsettia สุดคลาสสิกจากคริสตัลเจียระไนกว่า 518 เหลี่ยมแต่งแต้มด้วยสีแดง สีเขียว และสีใส
ชุ่มชื่นหัวใจไปกับออนาเมนท์สที่ได้แรงบันดาลใจจากขนมคริสต์มาสอันหอมหวน ถือเป็นสัญลักษณ์ประจำฤดูกาลที่ชวนให้นึกถึงการเฉลิมฉลองอย่าง Gingerbread Snowman Couple Ornament ทำจากคริสตัลทอประกายสีทองเจียระไน 113 และ 96 เหลี่ยม ประดับประดาด้วยคริสตัลเม็ดเล็กสีดำ แดง และเขียว แต่งขอบสีขาวเสมือนการโรยน้ำตาลไอซิ่งแบบขนมดั้งเดิม เพิ่มความหวานไปอีกขั้นด้วย Candy Cane Heart Ornament ชิ้นงานไม้เท้าน้ำตาลที่หันเข้าหากันเป็นรูปหัวใจ ผ่านการเจียระไนอย่างประณีตถึง 502 เหลี่ยม และผสมผสานดีไซน์จากคริสตัลสีใส สีแดง และสีเขียวได้อย่างลงตัว
ส่งท้ายการเฉลิมฉลองอันสมบูรณ์แบบ “สวารอฟสกี้” จับมือกับ “วอร์เนอร์ บราเธอร์ส” นำตัวการ์ตูน Looney Tunes ที่ทุกคนหลงรัก กลับมามอบความสุขและความเจิดจรัสกว่าที่เคยในรูปแบบของคริสตัลสุดระยิบระยับอย่างเจ้า Tweety ตัวละครผู้น่ารักที่ช่วยเพิ่มความสนุกขี้เล่น และเปล่งประกายด้วยคริสตัลสวารอฟสกี้สีเหลืองสดเจียระไน 75 เหลี่ยมสุดประณีต มาพร้อมอีกหนึ่งในตัวการ์ตูนระดับตำนานและเป็นชิ้นงานโดดเด่นประจำคอลเลกชันอย่างเจ้า Bugs Bunny ในรูปแบบของคริสตัลระยิบระยับที่ผ่านการเจียระไนอย่างประณีต ด้วยเหลี่ยมเจียระไนถึง 209 เหลี่ยม แสดงรายละเอียดของตัวละครอันเป็นที่รักนี้ได้อย่างครบถ้วน ตบท้ายด้วยตัวละครแสนซุกซน Sylvester ที่เปล่งประกายในคริสตัลสีดำ คู่กับสีใสสุกสว่าง และจมูกคริสตัลสีแดงสัญลักษณ์ประจำตัว ซึ่งคอลเลกชัน Looney Tunes นี้ถือเป็นของขวัญสุดพิเศษที่สาวกและแฟน ๆ ของการ์ตูนชื่อดังตลอดกาลพลาดไม่ได้ในฤดูกาลนี้
“ออริจิ้น” จัดโปรแรง ผ่อนคุ้ม “ล้านละ 3,000 บาท นาน 2 ปี”
ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เอาใจคนเมืองส่งท้ายปีด้วยคอนโดฯ ใหม่แต่งครบ พร้อมอยู่ ใกล้รถไฟฟ้า ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.59 ล้านบาท กับแคมเปญ “Origin Freedom Deal” ให้ลูกค้า ผ่อนคุ้มกว่าเช่า เพียงล้านละ 3,000 บาทต่อเดือน ต่อวงเงินสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติจำนวน 1 ล้านบาท นาน 2 ปี โดยมีคอนโดฯ แนวรถไฟฟ้าเข้าร่วมแคมเปญถึง 6 โครงการ ได้แก่ ไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์, เคนซิงตัน สุขุมวิท–เทพารักษ์, นอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท-แพรกษา, นอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท 105, บีลอฟท์ สุขุมวิท 107, บี ลอฟท์ ไลท์ สุขุมวิท 115 พร้อมรับสิทธิ์ฟรีทุกค่าใช้จ่าย อาทิ ค่าส่วนกลางฟรี 1 ปี ฟรีค่าโอนกรรมสิทธิ์ หากยื่นขอสินเชื่อผ่านและโอนกรรมสิทธิ์ในระยะเวลาที่กำหนด พร้อมค่าตกแต่งอีก 100,000 บาท…มาแต่ตัวเข้าอยู่ได้เลย! พิเศษ! รับ ส่วนลดสูงสุดถึง 300,000 บาท
โปรแรงขนาดนี้ รีบดีลก่อนใคร! ตั้งแต่วันนี้จนถึง 15 พฤศจิกายน 2562 ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม หรือลงทะเบียนจองสิทธิ์ล่วงหน้าได้ที่ https://www.origin.co.th/condo/readytomove/ หรือสอบถาม โทร.0 2030 0000
หมายเหตุ : เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
โครงการที่เข้าร่วมแคมเปญ Origin Freedom Deal
KnightsBridge Phaholyothin Interchange ราคาเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท
Kensington Sukhumvit Thepharak ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท
Notting Hill Sukhumvit Praksa ราคาเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท
Notting Hill Sukhumvit 105 ราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท
B-Loft Sukhumvit 107 ราคาเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท
B-Loft Lite Sukhumvit 115 ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท