Special Story » อเมริกาบริโภคอาหารทะเลกระป๋องเพิ่มขึ้นยุค COVID-19

อเมริกาบริโภคอาหารทะเลกระป๋องเพิ่มขึ้นยุค COVID-19

26 สิงหาคม 2020
0

Tins of different sizes and opening

alivesonline.com : การระบาดของ COVID-19 ได้สร้างความท้าทายให้กับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั่วโลกทั้งในระยะสั้นและระยะยาวเช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอาหารทะเลที่ได้รับผลจากพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป แต่กลับกลายเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญสำหรับยอดขายและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก โดยเฉพาะสินค้าที่มีอายุการใช้นานอย่างอาหารกระป๋อง

นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า ข้อมูลจาก สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระบุว่า ช่วง 3 เดือนแรกของปี 2563 สหรัฐอเมริกา นำเข้าทูน่ากระป๋องเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยมีแรงผลักดันจากความตื่นตระหนก (Panic Buying) ของการระบาดของ COVID-19 อย่างไรก็ดีในช่วงไตรมาสที่ 2 กลุ่มสินค้าดังกล่าวยังคงเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้บริโภคไม่ต้องการเดินทางไปร้านขายของชำ (Grocery) บ่อย ๆ และไม่ต้องการเลือกซื้อสินค้าที่มีอายุสั้นมาเก็บไว้ จึงเลือกซื้ออาหารกระป๋องที่มีอายุการเก็บรักษาที่ยาวนานแทน นอกจากนี้ พฤติกรรมการบริโภคอาหารที่บ้านซึ่งเพิ่มมากขึ้นก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สินค้าอาหารกระป๋องมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากทูน่ากระป๋องเป็นอาหารที่ชาวอเมริกันมีความคุ้นเคยและเป็นที่นิยม อีกทั้งผู้บริโภคต้องการที่จะลดความเสี่ยงจากการสะดุดของห่วงโซ่อุปทาน ทั้งการขาดแคลนเนื้อวัว เนื้อหมู และเนื้อไก่ จึงได้เลือกซื้ออาหารทะเลกระป๋องซึ่งมีความเสี่ยงน้อยในเรื่องของการขาดแคลนมาทดแทน

สอดคล้องกับข้อมูลการส่งออกสินค้าทูน่ากระป๋องจากไทยมายังสหรัฐอเมริกา ของ กระทรวงพาณิชย์ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 พบว่าไทยส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา มูลค่า 305.39 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.63 โดยมีคู่แข่งที่สำคัญคือ เอกวาดอร์ สเปน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และจีน จากปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้วิเคราะห์สถานการณ์ของอุตสาหกรรมอาหารทะเลกระป๋องในสหรัฐอเมริกาได้ว่า สินค้าอาหารกระป๋องถูกผลักดันให้กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง เนื่องจากราคาไม่แพง มีอายุการใช้งานนาน เก็บรักษาสะดวก นอกจากนี้ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร (Food Bank) ต่าง ๆ ยังมีความต้องการอาหารที่ไม่เน่าเสียง่ายเพิ่มมากขึ้น จึงแสดงให้เห็นถึงโอกาสอันดีต่อการขยายตลาดอุตสาหกรรมอาหารทะเลกระป๋องจากประเทศไทย รวมทั้งยังมีปัญหาเรื่องการว่างงานของชาวอเมริกันที่อาจส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมการบริโภคอาหารทะเลกระป๋องในอนาคต

สำหรับผู้ส่งออกสินค้าไทยบางรายมีสินค้าที่เหมาะกับตลาดสหรัฐอเมริกาและผ่านการรับรองจาก US FDA เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่มีเครือข่ายทางการค้า สามารถเข้าร่วมโปรแกรมจับคู่ทางธุรกิจ หรือ Online Business Matching (OBM) ได้โดยทาง สคต. ณ นครนิวยอร์ค จะรวบรวมผู้นำเข้าทั้งตลาด Mainstream Hispanic และ Oriental market เข้าร่วมโปรแกรม OBM เพื่อขยายการส่งออกสินค้ารูปแบบใหม่ตรงใจกลุ่มผู้บริโภคสหรัฐอเมริกาต่อไปในอนาคต