Special Story » ทุกภาคส่วนร่วมชี้ชะตา “กัญชาไทย” อุตสาหกรรมแห่งอนาคต !

ทุกภาคส่วนร่วมชี้ชะตา “กัญชาไทย” อุตสาหกรรมแห่งอนาคต !

10 มิถุนายน 2019
0

alivesonline.com : ลั่นกลองรบและจบลงไปแล้วอย่างสวยงามสำหรับ “Greenovation Cannabis Conference” งานประชุมวิชาการด้านกัญชาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จัดโดยสถาบันกรีนโนเวชั่น (Greenovation Institute) ซึ่งเปิดพื้นที่แห่งการแลกเปลี่ยนความคิดและความรู้ครั้งยิ่งใหญ่นับตั้งแต่เคยเกิดขึ้นในเมืองไทย

การประชุมครั้งนี้มีผู้เชี่ยวชาญจากทุกสาขา ตั้งแต่ผู้ขับเคลื่อนนโยบายจากภาครัฐ ผู้ลงทุนทำธุรกิจภาคเอกชน จนถึงนักวิชาการด้านกฎหมาย วิทยาศาสตร์ แพทยศาสตร์ สังคมศาสตร์ เกษตรศาสตร์ และสาขาอื่น ๆ ที่เกี่ยวของกับกัญชา โดยภายในงานมีประเด็นที่น่าสนใจติดตาม เพื่อเปิดสายตาให้ได้จับจ้องมองหาโอกาสใน “อุตสาหกรรมกัญชาไทย” อย่างมากมาย

“กัญชา” ต้นแบบการบริหารจัดการพืชเศรษฐกิจยุคใหม่

พลเดช อนันชัย ผู้อำนวยการสถาบันกรีนโนเวชั่น ในฐานะผู้จัดการประชุมครั้งนี้ กล่าวถึงเป้าหมายและภารกิจของการกำเนิดสถาบันว่า สถาบันกรีนโนเวชั่น มีจุดมุ่งหมายที่จะช่วยส่งเสริมให้อุตสาหกรรมกัญชาพัฒนาประเทศไทยได้จริง ๆ ผ่านการทำงานใน 3 ฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายวิชาการ (Academics) ซึ่งมุ่งมั่นเผยแพร่ความรู้เชิงวิชาการผ่านการจัดงานประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Conference) และจัดทำหลักสูตรระดับประกาศนียบัตร (Certificate) และปริญญาโท-เอก (High Degree) ด้านกัญชาทางการแพทย์ร่วมกับสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้คนไทยทุกภาคส่วนได้เข้าใจและเข้าถึงอุตสาหกรรมนี้

นอกจากนั้นยังมีฝ่ายบ่มเพาะธุรกิจ (Incubator) ที่จะมีบริการให้คำปรึกษา (Consulting) กับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนและการจัดการศูนย์วิจัย (Research Center) ของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้สามารถให้บริการเช่าห้องทดลอง เช่น ห้องทดลองเพาะปลูก (Co-Farming Space) และห้องทดลองสกัด (Co-Extracting Space) เพื่อให้นักวิทยาศาสตร์สามารถทำงานวิจัยได้โดยไม่ต้องใช้งบประมาณสูง และฝ่ายกองทุนเงินร่วมลงทุน (Venture Capital Fund) ซึ่งจะช่วยบริหารเงินจากนักลงทุนให้อุตสาหกรรมนี้ได้งอกเงยและเติบโตอย่างยั่งยืน

1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ที่แคลิฟอร์เนีย

นิรันดร์ ประวิทย์ธนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอวา แอดไวเซอรี่ ฮ่องกง จำกัด (AVA Advisory) ผู้พัฒนานวัตกรรมแพลตฟอร์มด้านการลงทุน กล่าวว่า รายงานปี 2561 อุตสาหกรรมกัญชาที่แคลิฟอร์เนียมีมูลค่าสูงถึง 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และมีแนวโน้มเติบโตเป็นเท่าตัวในปีนี้ โดยเทรนด์จะที่เกิดขึ้นในเมืองไทยน่าจะมีความคล้ายคลึงกัน โดยในช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาของการลงทุน ซึ่งธุรกิจที่น่าสนใจคือ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเพาะปลูกให้ได้วัตถุดิบกับธุรกิจด้านการวิจัยไบโอเทคซึ่งสามารถก้าวสู่การเป็นเจ้าของสิทธิบัตรนวัตกรรมที่มีอำนาจในการกุมราคาสินค้า ส่วนธุรกิจข้างเคียงที่ได้อานิสงส์ ได้แก่ ธุรกิจเหล้า เบียร์ และบุหรี่ ที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต ซึ่งมีแนวโน้มที่จะนำสารสกัดไปใช้เป็นรายแรก ๆ เช่นเดียวกับธุรกิจสุขภาพที่จะนำไปใช้ในการรักษาโรคต่าง ๆ

สำคัญกว่าเปลี่ยนกฎหมายคือ เปลี่ยนวัฒนธรรมการใช้กัญชา

ทนายความตฤณ แก่นหิรัญ กรรมการบริหาร กลุ่มสำนักงานกฎหมายอเบอร์ ให้มุมมองเชิงกฎหมายต่อกัญชาอยู่ภายใต้ยาเสพติดให้โทษปี 2522 ว่า ไม่เพียงแค่ตัวกฎหมายเท่านั้นที่ต้องมีการแก้ไขเพื่อรองรับกัญชาที่จะก้าวสู่พืชเศรษฐกิจนี้ แต่ความรู้ความเข้าใจต่างหากที่เป็นสิ่งแรกที่เราต้องให้ความสำคัญ เราต้องเปลี่ยนสิ่งนี้ก่อน กฎหมายถึงจะเปลี่ยนตามเรา กัญชาก็เหมือนยา เราต้องใช้ให้พอดี หากเราใช้มากไปก็เปรียบเสมือนการใช้ยาเกินขนาด กฎหมายก็เช่นกัน หากว่าเราเร่งมากเกินไปก็จะทำให้เกิดช่องโหว่ทั้งกับผู้ใช้และตัวผู้ออกกฎหมายเอง แต่การปิดกั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ควร เพราะฉะนั้น เราจึงต้องให้ความรู้ ความเข้าใจให้มันถูกต้อง ให้คนรู้ว่ากัญชามีประโยชน์ทางการแพทย์แค่ไหนมากกว่า

สังคมปลอดภัยลึก…ถึงระดับ DNA

ผศ.ดร. ศรีเมฆ ชาวโพงพาง ผู้เชี่ยวชาญเทคนิคอาวุโส ธนาคารทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า องค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีด้านพันธุศาสตร์ปัจจุบันสามารถเติมสารพันธุกรรมบางอย่างลงไปได้ลึกถึงระดับดีเอ็นเอ โดยไม่ก่อให้เกิดการกลายพันธุ์ เพื่อสร้างเอกลักษณ์เฉพาะให้กัญชาของแต่ละแหล่งผลิต ในกรณีที่มีการปลูกโดยไม่ได้รับอนุญาต สามารถตรวจสอบกลับไปยังแหล่งต้นกำเนิดของกัญชาแต่ละต้นว่ามาจากแหล่งใดซึ่งจะช่วยให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพมากขึ้น สร้างความปลอดภัยให้กับสังคมยิ่งขึ้น

“กัญชา” ในยาแผนไทย รักษาโรคได้จริง

นายแพทย์ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้พูดถึง “กัญชารักษาโรค แนวทางการวิจัยพัฒนาและทดลองใช้กัญชาในการรักษาผู้ป่วยในประเทศไทย” ว่า ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562 ระบุให้กัญชาสามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และการศึกษาวิจัยได้ โดยอนุญาตให้ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยสามารถยื่นขอใบอนุญาตได้ จึงได้ทำการศึกษาค้นคว้าการใช้ประโยชน์จากกัญชามากขึ้น เพื่อนำมาพัฒนาและนำมาเป็นส่วนประกอบในยาแผนไทย และได้กล่าวถึงตำรับยาโอสถพระนารายณ์ ตำรับยาแผนโบราณที่มีในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีสรรพคุณ แก้อาการปวดเมื่อย กล้ามเนื้อ เส้นเอ็นผิดปกติ อัมพฤกษ์ อัมพาตและนำมาพัฒนาและใช้ประโยชน์ได้จริงในปัจจุบัน เนื่องจากกัญชามีสรรพคุณหลายอย่างในการรักษาโรคและมีส่วนช่วยในการรักษาอาการปวดเมื่อยได้

กัญชาพัฒนาประเทศกับจุดยืนนักการเมืองรุ่นใหม่

ไฮไลท์สำคัญของการประชุมในครั้งนี้ คือวงเสวนาพิเศษที่ได้รับเกียรติจากบรรดานักการเมืองรุ่นใหม่ ได้ขึ้นมาแสดงจุดยืนทางวิสัยทัศน์ส่วนตัวต่อกัญชา โดย ดร.ปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พืชพรรณที่จะเลือกมาส่งเสริมให้พี่น้องเกษตรกรเพาะปลูกให้ได้ดีและมีความอยู่ดีกินดี จำเป็นจะต้องเลือกสรรและทำการศึกษาเกี่ยวกับพืชชนิดนั้น ๆ ให้ได้อย่างครบถ้วนทุกมิติทั้งข้อดีข้อเสีย ในกรณีของกัญชานับเป็นต้นแบบของพืชเกษตรยุคใหม่ที่สามารถยกระดับไปสู่การเกิดศูนย์วิจัยเฉพาะทางในระดับภูมิภาคและระดับโลกได้ ให้ประเทศไทยได้เป็นผู้กำหนดมาตรฐานในระดับนานาชาติ ส่วนนี้จะเป็นจุดสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมกัญชาไทยเกิดความยั่งยืน รายได้ที่ยั่งยืนแก่พี่น้องชาวไทยที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้

เท่าภิพภ ลิ้มจิตรกร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ควรศึกษาว่าเมื่อมีการปลดล็อกกฎหมายกัญชาแล้วจะมีผลต่อสังคมอย่างไร นำเอาวิธีการแซนด์บ็อกซ์  (Sand Box) มาใช้ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง อำเภอ หรือจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง เพื่อดูว่าเมื่อเกิดการบังคับใช้กฎหมายแล้ว จะส่งผลอย่างไรต่อพื้นที่นั้น ๆ เช่น มีอาชญากรรม หรือการทำผิดกฎหมายเพิ่มขึ้น หรือลดลง รายได้ต่อหัวของประชากรเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ก่อนที่จะมีการประกาศใช้กฎหมายอย่างถ้วนหน้าทั่วประเทศ ซึ่งสิ่งที่ต้องระวังคือกฎหมายต้องไม่เอื้อประโยชน์ให้ใครคนใดคนหนึ่ง ธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง นอกเหนือจากผลักดันให้เกิดประโยชน์ทางการแพทย์แล้ว การใช้กัญชาเชิงสันทนาการก็น่าสนใจ แต่ต้องมีการควบคุมและการบังคับใช้กฎหมายที่เฉียบขาด

สื่อร่วมสร้างสรรค์วัฒนธรรมแห่งความจริง

ดร.อภิวัฒน์ จ่าตา ผู้อำนวยการสำนักข่าว Ganja TV กล่าวว่า กัญชาเป็นพืชที่อยู่คู่ไทยมานานแล้ว เป็นพืชที่คนไทยมีความคุ้นเคยและมีหลากหลายพันธุ์ขึ้นอยู่ตามแหล่งกำเนิด ทั้งที่ก่อนหน้าปี 2522 ก็มีการนำมาปรุงร่วมกับตำรับยา ก่อนที่จะมีการออกกฎหมายเพื่อควบคุมเสียอีก เรื่องสันทนาการเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ซึ่งกัญชาแท้จริงแล้วสามารถรักษาโรคได้มากมายกว่าที่เราคิด ปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สกัดได้เป็นทั้งยารักษาโรค รวมไปถึงยาบำรุง ถ้าเราสามารถนำกัญชามาสกัดเป็นยาได้อย่างถูกกฎหมาย ประเทศไทยจะสามารถรักษาคนเจ็บป่วยได้อีกมากเลยทีเดียว

“ในฐานะที่เป็นอดีตสื่อมวลชนด้านการเกษตร และทำสื่อที่เจาะประเด็นเรื่องกัญชาโดยเฉพาะ คงต้องบอกว่าวันนี้บทบาทของสื่อมวลชนสำคัญมาก โดยเฉพาะกับการสร้างวัฒนธรรมการนำเสนอข้อมูลอย่างรอบด้าน ให้ข้อเท็จจริง ทั้งคุณ ทั้งโทษ ไม่ใช่เอาแต่นำเสนอให้กัญชาดูเป็นผู้ร้ายหรือพระเอกอย่างใดอย่างหนึ่งเสียทีเดียว

อนึ่ง การประชุมวิชาการครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังการเปิดเผยโดย พล.ต. อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2562 ว่า คณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชา ตามที่ กระทรวงสาธารณสุข เสนอ และให้ส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นจากกระทรวงอื่น ๆ

นับเป็นการส่งสัญญาณจากภาครัฐที่น่าจับตามองต่อ “กัญชา” พืชที่เป็นทั้งความหวังและความกังวลจากหลายฝ่าย หลังประเทศไทยได้ก้าวสู่การเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีการปลดล็อกกฎหมายเกี่ยวกับกัญชา.