alivesonline.com : ไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องราวในภาพยนตร์ หรือเรื่องเหลือเชื่อแปลกประหลาดอีกต่อไปแล้วในเรื่องของ “การฟื้นคืนชีพ” สำหรับบริการ “การแช่แข็งร่างกาย” (Cryonics) และการแช่แข็งเพื่อรักษาสภาพของเซลล์ หรือเนื้อเยื่อ” (Cryopreservation) ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ในเชิงวิทยาศาสตร์แต่อย่างใด เพราะเป็นเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นมานานนับ 60 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ.1960 หรือพ.ศ.2503
เทคโนโลยี “ไครโอนิกส์” (Cryonics) คือกระบวนการแช่แข็งร่างกายเพื่อรักษาชีวิตเพื่อรอวันฟื้นคืนเมื่อความก้าวหน้าทางการแพทย์ในอนาคตสามารถรักษาโรคที่เป็นอยู่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความก้าวหน้าทางการแพทย์ที่รุดหน้าอย่างมากที่ช่วยให้การวิจัยเกี่ยวกับ “ไครโอนิกส์” ดำเนินต่อไปและส่งผลให้กระบวนการทำไครโอนิกส์ใกล้ความเป็นจริงมากกว่าที่เคยมีมาก่อน อาทิ การพัฒนาของเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า “ดีเซลลูไลซ์เซชั่น” (Decelluarization) หรือ การลบล้างเซลล์ในอวัยวะเพื่อให้เกิดอวัยวะเปล่าเพื่อจะใส่เซลล์ใหม่เข้าไป (Extra Cellular Matrix : ECM) และความก้าวหน้าของนาโนเทคโนโลยีที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า สามารถฟื้นคืนชีพบุคคลที่รักษาไว้ซึ่งการทำงานของสมองขั้นพื้นฐานไว้ได้
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง “ไครโอนิกส์” คือ กระบวนการแช่แข็งร่างสิ่งมีชีวิตที่เสียชีวิตไปแล้ว เป็นการคงสภาพเซลล์เนื้อเยื่อของร่างกายได้เป็นระยะเวลานานเนื่องจากไม่สามารถรักษาได้ในปัจจุบัน จึงรอความหวังที่สิ่งมีชีวิตนั้นจะคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยวิธีการรักษาโดยใช้วิวัฒนาการทางด้านการแพทย์ในอนาคต โดยแช่แข็งร่างกายของมนุษย์ที่เสียชีวิตไว้ด้วย “ไนโตรเจนเหลว” ภายใต้อุณหภูมิต่ำกว่า -196 องศาเซลเซียส
พบเด็กไทย 2 ขวบ “ถูกแช่แข็ง”
สำหรับกระบวนการใช้เทคโนโลยีไครโอนิกส์ในปัจจุบันยังคงมีเพียงไม่กี่ประเทศบนโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา รัสเซีย ออสเตรเลีย สเปน และจีน โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐเมริกามีคนไข้ที่ถูกแช่แข็งด้วยวิธี “ไครโอนิกส์” แล้วจำนวน 250 คน และมีผู้เซ็นสัญญาที่จะแช่แข็งเมื่อเสียชีวิตแล้ว 1.5 พันคน ขณะที่ทั่วโลกมีผู้ที่แช่แช่แข็งแล้ว 400 คน และมีผู้เซ็นสัญญาแล้ว 4 พันคน
ไม่เพียงเท่านั้น เพราะในช่วงที่ผ่านมา กระบวนการนำเทคโนโลยีไครโอนิกส์มาใช้ยังปรากฎให้เห็นเป็นผลสำเร็จมาแล้วหลายตัวอย่าง เช่น กรณีที่ประสบความสำเร็จกับสัตว์ในรัฐแคลิฟอร์เนียประเทศสหรัฐอเมรกา เมื่อปี 2558 โดยสามารถละลายสมองของกระต่ายโดยไม่มีความเสียหายเป็นครั้งแรก ในปีเดียวกันนั้น Dr.Vita-More และ Daniel Barranco แห่ง University of Seville ยังประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูความทรงจำของหนอนหลังจากที่อยู่ในสถานะไครโอนิกส์ได้อีกด้วย จนกระทั่งในปี 2559 มีผู้ป่วยคือ นายจัสติน สมิธ ในรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐเมริกา สามารถกลับมามีชีวีตได้อีกครั้งหลังถูกแช่แข็ง 12 ชั่วโมง
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ธุรกิจไครโอนิกส์เริ่มได้รับการยอมรับและความสนใจจากกลุ่มลูกค้าที่มีชื่อเสียงมากหน้าหลายตา ทั้งลาร์รีย์ คิง, ปารีส ฮิลตัน, บริทนีย์ สเปียร์ และไซมอน โคเวลล์ ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า พร้อมจะแช่แข็งตัวเองเมื่อถึงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับความตายจริง ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังมี “คนไทย” คือ “ดร.สหธรณ – ดร.นารีรัตน์ เนาวรัตน์พงษ์” ซึ่งพำนักในรัฐแอริโซน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา ตัดสินใจนำร่าง “น้องไอนส์” บุตรสาวอายุ 2 ปีที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งสมอง เมื่อปี 2558 เข้าสู่กระบวนการ “ไครโอนิกส์” ด้วยความหวังว่าจะมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าในอนาคตที่จะสามารถชุบชีวิตบุตรสาวคืนมาได้อีกครั้งหนึ่ง
“Cryonics4U” ที่ปรึกษาอิสระรายแรกของโลก
นายคลิฟ บราวน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “Cryonics4U” (ไครโอนิกส์ฟอร์ยู) เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่า “ไครโอนิกส์” จะไม่ใช่เรื่องใหม่และมีมาแล้วกว่า 50 ปี แต่ยังสร้างความไม่มั่นใจเกี่ยวกับการตัดสินใจในบั้นปลายชีวิตอย่างถูกต้อง “Cryonics4U” จึงถูกก่อตั้งขึ้นเป็นรายแรกของโลก ณ รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อให้ความเข้าใจและเชื่อมั่นแก่ประชาชนมากขึ้นเกี่ยวกับศักยภาพในการทำไครโอนิกส์อย่างแท้จริง โดยการดำเนินงานของ Cryonics4U คือเป็นที่ปรึกษาอิสระซึ่งให้บริการแต่ละบุคคลโดยให้คำปรึกษาที่พร้อมสรรพ เพื่อลดการตัดสินใจที่ยุ่งยาก ช่วยสร้างทางเลือกที่เป็นความสำเร็จในกระบวนการสุดท้ายของชีวิตด้วยการทำไครโอนิกส์ นอกจากนั้น ยังมุ่งเน้นสร้างผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจและความรู้สึกสบายใจของลูกค้าทุกคนอีกด้วย
Cryonics4U สร้างธุรกิจด้วยบริการที่ปรึกษาอิสระที่พร้อมให้คำปรึกษาอย่างเที่ยงตรงและจริงใจ ให้คำแนะนำด้านสถานบริการที่ใช้สำหรับกระบวนการสุดท้ายของการทำ “ไครโอพรีเซิร์ฟเวชั่น” (Cryopreservation) รวมทั้งการเลือกกรมธรรม์ประกันภัยที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนในเรื่องนี้ การฝึกอบรมในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน การประกันภัย บริการพิธีศพทางเลือกใหม่ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายการแจ้งแก่ครอบครัว การแถลงเปิดพินัยกรรม ความยินยอมของแพทย์ทั่วไป การแจ้งแก่แพทย์ หรือโรงพยาบาลประจำท้องถิ่นซึ่งจะช่วยให้ขั้นตอนในการทำ “ไครโอพรีเซิร์ฟเวชั่น” ดำเนินไปอย่างราบรื่นและการรักษาความลับของผู้ใช้บริการแต่ละคนเป็นอย่างดี
เปิดตลาดไทย สู่เอเชียต.อ.เฉียงใต้
นายคลิฟ กล่าวอีกว่าปัจจุบันมีผู้สนใจทำไครโอนิกส์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกา รัสเซีย สเปน ออสเตรเลีย จีน สหราชอาณาจักร เยอรมนี แคนาดา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เช่นเดียวกับในประเทศไทย ซึ่งแม้ว่าไครโอนิกส์จะเป็นกระบวนการใหม่และไม่มีการควบคุม แต่ผู้คนก็หันมาให้ความสนใจกับการรักษาด้วยวิธีไครโอนิกส์เป็นทางเลือก Cryonics4U จึงได้เข้ามาเปิดดำเนินธุรกิจตัวแทน หรือเอเจนซี่ (Agency) ในประเทศไทยแล้วเป็นเวลา 3 ปี เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้สนใจรับบริการที่เป็นชาวไทยและชาวต่างประเทศที่พักอาศัยในประเทศไทย
“เหตุผลที่ตัดสินใจขยายธุรกิจไครโอนิกส์เข้าสู่ประเทศไทยเพราะองค์ประกอบหลักสำคัญ 2 ส่วนคือ คนไทยมีความพร้อมที่จะรับและผสมผสานเทคโนโลยี วัฒนธรรม และศาสนา ทั้งจากตะวันตกและตะวันออก ขณะเดียวกันยังมีจำนวนประชากรที่สูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Cryonics4U จึงมีแผนที่จะใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการขยายธุรกิจไครโอนิกส์ไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยตั้งเป้าว่าในปี 2563 จะมีผู้สนใจในประเทศไทยสนใจเซ็นสัญญาประมาณ 5 พันราย จากนั้นจะเริ่มทำตลาดในประเทศเกาหลีใต้เป็นลำดับต่อไป”
นายคลิฟ กล่าวในตอนท้ายว่า สำหรับค่าใช้จ่ายเบื้องต้นในการบริการแช่ทั้งร่างกายคือ 3 ล้านบาท โดยไม่เน้นกลุ่มเป้าหมายที่มีรายได้สูงเท่านั้น เพราะปัจจุบันมีนบายการประกันชีวิตที่คุ้มครองการทำไครโอนิกส์แล้ว จึงทำให้กลุ่มคนชั้นกลางสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีการรักษาทางเลือกนี้ได้เช่นกัน โดยกลุ่มเป้าหมายในประเทศไทยคือผู้ป่วยระยะสุดท้าย ตั้งแต่เด็กอายุไม่มากนักจนถึงกลุ่มวัยกลางคน โดยจะเน้นทำการตลาดเจาะจงกลุ่มผู้รักสุขภาพ (Health Care) เป็นหลัก
พร้อมเผยพันธมิตร “บริษัทประกันชีวิต” ม.ค.63
ด้าน นายแอร่อน เดรค ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญ ด้าน “ไครโอพรีเซิร์ฟเวชั่น” กล่าวเสริมว่า ในส่วนของผู้ต้องการเข้าสู่กระบวนการไครโอนิกส์เปิดกว้างรับทุกเพศทุกวัยและทุกสถานะโดยไม่มีข้อจำกัด รวมถึงทุกโรคทั้งมะเร็ง เอดส์ ความเสียหายของอวัยวะต่าง ๆ ภายใน ไม่ว่าจะเป็น ปอด ม้าม ตับ และอื่น ๆ ตลอดจนอุบัติเหตุแขน หรือขาขาด ยกเว้นเพียงอย่างเดียวคือความเสียหายทางสมองซึ่งยากต่อการฟื้นฟู ส่วนในกรณีความเชื่อมั่นของคนไทยต่อกระบวนการทำไครโอนิกส์นั้นถือได้ว่าเริ่มได้รับการยอมรับมากขึ้น โดยมีตัวอย่างสุภาพสตรีชาวไทยที่มีสามีเป็นชาวสวิสเซอร์แลนด์ได้เซ็นสัญญาในต่างประเทศแล้วที่จะทำไครโอนิกส์ทั้งครอบครัว รวมบุตรและหลาน
สำหรับวงเงินค่าใช้จ่ายเริ่มต้นในการบริการ 3 ล้านบาทนั้น ผู้รับบริการสามารถแบ่งชำระได้เป็นงวด ๆ ในลักษณะเดียวกันกับการชำระเบี้ยประกันชีวิต พร้อมใช้เวลาในการจัดเตรียมเอกสารต่าง ๆ ประมาณ 3 เดือน โดยขณะนี้ “ไครโอนิกส์โฟร์ยู” กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับบริษัทประกันชีวิตในประเทศไทย 1-3 รายในการร่วมเป็นพันธมิตรในการเข้าร่วมเป็นพันธมิตร โดยมีความคืบหน้าแล้วประมาณ 50-60% โดยคาดว่าภายในเดือนมกราคม 2563 จะสามารถสรุปผลได้อย่างเป็นทางการอย่างน้อย 1 ราย จากนั้นจะเริ่มเจรจากับโรงพยาบาลชั้นนำเป็นขั้นตอนต่อไป
นายแอร่อน ยังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของการตลาดและประชาสัมพันธ์ธุรกิจนั้นไม่ได้มีข้อจำกัดทางกฎหมายในประเทศไทยแต่อย่างใด โดยปัจจุบัน “ไครโอนิกส์โฟร์ยู” มีทีมการตลาดคนไทย 16 คนเพื่อเน้นทำการตลาดตัวต่อตัวเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจอย่างถูกต้องกับผู้สนใจรับบริการ นอกจากนั้นยังเน้นทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์และอีเมล รวมถึงการจัดงาน “Life Conference” งานประชุมระดับโลกเกี่ยวกับสุขภาพและการรักษาชีวิต รวมถึงการใช้ชีวิตที่ยืนยาวด้วยเทคโนโลยีและเวชภัณฑ์ในอนาคต เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจและสร้างความเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับศักยภาพในการทำไครโอนิกส์ซึ่งเริ่มจัดครั้งแรกเมื่อปี 2561 และล่าสุดเมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา ณ โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมงานครั้งละประมาณ 50 คน ส่วนในปี 2563 วางแผนจัดงานในลักษณะดังกล่าว 3 ครั้ง โดยจะมีการจัดงานใหญ่รองรับผู้ร่วมงานถึง 400 คน
จึงอาจกล่าวได้ว่า “ไครโอนิกส์” ถือเป็นธุรกิจสำคัญที่จะทำให้การฟื้นคืนชีพใกล้ความเป็นจริงและชัดเจนยิ่งขึ้น ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0 2040 7884 อีเมล mail@cryonics4u.com หรือเข้าไปที่เว็บไซต์ https://www.cryonics4u.com/