alivesonline.com : แม้มหันตภัยไวรัส COVID-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วทุกระแหงอยู่ทุกขณะในวันนี้จะบั่นทอนให้ผู้คนส่วนใหญ่ต่างหวั่นระแวงจนพาลไม่อยากออกนอกบ้านไปยังแหล่งชุมชนที่มีผู้คนพลุกพล่าน แต่เราต้องยอมรับว่า “ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป” ขอเพียงเพิ่มความระมัดระวังให้มากเพียงพอเท่านั้น
โดยเฉพาะในเรื่องของ “เศรษฐกิจ” ที่ยังคงต้องเดินหน้าไม่ให้หยุดและสะดุดลง เพียงเพราะจำเป็นต้องพึ่งพาชาวต่างชาติเป็นหลัก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในระยะสั้น เพื่อกระตุ้นตลาดและเพิ่มค่าใช้จ่าย ส่งเสริมกลุ่มองค์กรเอกชนและหน่วยงานภาครัฐร่วมกันกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศผ่านการจัดงานประชุมองค์กรและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น เพื่อกระจายรายได้สู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ตามความเห็นชอบของ คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 จึงเป็นเสมือนทางออกที่ “ไทยจะได้ช่วยไทย” อย่างเต็มภาคภูมิ
ขณะเดียวกันบรรดาองค์กรต่าง ๆ โดยเฉพาะในภาคบริการที่อาจประสบปัญหามีลูกค้าผู้ใช้บริการลดน้อยลง อาจถือวิกฤตินี้ผันเปลี่ยนเป็นโอกาสในการฝึกอบรมพนักงานผ่านการจัดประชุมสัมมนาซึ่งภาครัฐ โดย สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” ได้กำหนดจัดแคมเปญ “ประชุมเมืองไทย ภูมิใจช่วยชาติ” ซึ่งต้องการกระตุ้นให้กลุ่มองค์กรบริษัทภาคเอกชน (Corporate) จัดประชุมองค์กรและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลภายในประเทศ โดยจะสนับสนุนบัตรกำนัล (Voucher) มูลค่า 2 หมื่นบาท ให้บริษัทที่จัดสัมมนาอย่างน้อย 40 คนขึ้นไปต่อกลุ่มในพื้นที่คนละจังหวัดกับที่ตั้งของบริษัทนั้น ๆ โดยมีวันพักค้างอย่างน้อย 1 คืน ในการจัดกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งใน 6 กิจกรรม ได้แก่ การจัดประชุม (Meetings) การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (Incentive Travel) การอบรมสัมมนา (Trainings / Seminars) กิจกรรมนอกสถานที่ทำการของบริษัท (Outings) กิจกรรมพนักงานสัมพันธ์ (Team Buildings) หรือกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR)
พื้นที่ตัวอย่างหนึ่งที่ “ทีเส็บ” ได้นำผู้แทนองค์กรและสื่อมวลชนเยี่ยมชมเมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาคือ ชุมชนตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในชุมชนที่มีวิถีชีวิตแบบพอเพียง รักษาไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีแบบไทยแท้ไว้ได้อย่างน่าชื่นชม จนทำให้ จังหวัดชลบุรี พัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่การสนับสนุนให้เป็นชุมชนตัวอย่าง
“ชุมชนตะเคียนเตี้ย” ยังเป็นชุมชนที่มีกิจกรรมหลากหลายให้ผู้มาเยือนได้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นการปั่นรถจักรยานชมสวนมะพร้าวซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจของชุมชน การปล่อย “แตนเบียน” เพื่อช่วยกำจัดศัตรูของต้นมะพร้าวโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี การเยี่ยมชมวิถีชีวิตที่ “บ้านร้อยเสา” การชิมอาหารพื้นบ้านแบบไทย เช่น ขนมทองพับ แกงไก่กะลา และอื่น ๆ เป็นต้น
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” เล่าถึงความตั้งใจในการนำคณะผู้บริหารระดับสูงขององค์กรบริษัทเอกชนมาจัดกิจกรรมและสัมมนาเยี่ยมชมสัมผัสประสบการณ์ตรงในการจัดกิจกรรมไมซ์ของ “ชุมชนตะเคียนเตี้ย” ในครั้งนี้ว่า
“ทีเส็บ มีโอกาสทำงานร่วมกับชุมชนตะเคียนเตี้ยตั้งแต่ปี 2560 โดยเห็นศักยภาพของชุมชนที่เข้มแข็งในการรองรับกลุ่มบริษัทองค์กรและหน่วยงานท่เยี่ยมชมดูงานและทำกิจกรรมไมซ์ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการจัดงานอย่างยั่งยืนและรักษาสิ่งแวดล้อม โดยเข้ามาปรับให้มีมาตรฐานสำหรับรองรับการจัดงานประชุม รวมทั้งเพิ่มทักษะในเรื่องของการบริหารจัดการ ซึ่งแต่ละครั้งที่ได้มาเยือนชุมชนตะเคียนเตี้ย มีความประทับใจมากทั้งเรื่องอาหารที่มีรสชาติเอกลักษณ์และการตกแต่งจัดวางที่สวยงามไม่เหมือนที่ไหน การให้บริการ และกิจกรรมของชุมชนที่เหมาะมากสำหรับการทำกิจกรรมซีเอสอาร์ขององค์กร”
ก่อนหน้านี้ “ทีเส็บ” มีการหารือร่วมกับชุมชนเพื่อสะท้อนความต้องการว่ามีความสนใจที่จะเรียนรู้ต่อยอดการทำ “กาแฟราดกะทิมะพร้าว” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ อยากมีความรู้เทคนิคการชงกาแฟของบาริสต้าที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อนำมาต่อยอดภูมิปัญญาดั้งเดิมของชุมชนและเปิดร้านกาแฟให้บริการผู้มาเยือนในวันเสาร์-อาทิตย์ นำมาสู่กิจกรรมการนำคณะผู้บริหารมาสัมผัสประสบการณ์การจัดกิจกรรมไมซ์ หรือการประชุมสัมมนา ฝึกอบรม การสร้างกิจกรรมพนักงานสัมพันธ์ กิจกรรมนอกสถานที่ การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล และกิจกรรมซีเอสอาร์ในครั้งนี้ ภายใต้แคมเปญ “ประชุมเมืองไทย ภูมิใจช่วยชาติ” เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้จ่ายของภาครัฐและเอกชนกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมและกระจายรายได้สู่ชุมชนตามนโยบายของรัฐบาล
ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของชุมชนอย่างยั่งยืน “ทีเส็บ” จึงได้เชิญบาริสต้ามืออาชีพมาจัดกิจกรรมเวิร์คชอป ให้ทั้งความรู้และความสนุกสนานแก่ผู้แทนชุมชนและผู้นำองค์กรธุรกิจที่มาร่วมงาน พร้อมทั้งร่วมยินดีกับชุมชนในการเปิดร้าน “Coco Coffee by บ้านตะเคียนเตี้ย” ต่อยอดแบรนด์เพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์กาแฟของชุมชนอย่างเป็นทางการ
ด้าน นางวันดี ประกอบธรรม ประธานชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนตะเคียนเตี้ย เล่าถึงที่มาของร้านกาแฟ “Coco Coffee by บ้านตะเคียนเตี้ย” ว่า
“ในช่วงที่ผ่านมาชุมชนเรามีกาแฟร้อนใส่กะทิ แต่กว่าจะได้ดื่มต้องสั่งล่วงหน้า 3 วัน ตอนนี้ ทีเส็บ ได้มาเปิดร้านกาแฟให้กับชุมชนและยังสอนเทคนิคการชงกาแฟให้ด้วย ซึ่งจะทำให้ผู้ที่เดินทางเข้ามาทำกิจกรรมไมซ์หรือท่องเที่ยวในชุมชนตะเคียนเตี้ยสามารถดื่มกาแฟได้ทุกวันเสาร์และอาทิตย์”
สำหรับซิกเนเจอร์ของร้าน “Coco Coffee by บ้านตะเคียนเตี้ย” คือ “กาแฟเย็นน้ำมะพร้าว” โดย บาริสต้าหนุ่มรูปหล่อดีกรี Cleo Bachelor 2018 และ GQ MAN 2019 “แป๊ะ – วรกฤต สกุลเลี่ยว” เจ้าของธุรกิจด้านอาหารมากมาย รับหน้าที่เป็นวิทยากรมาให้ความรู้กับชุมชน คิดเมนูใหม่เปิดร้าน ร่วมสร้างสีสันให้กับงานผ่านกิจกรรมเวิร์คช้อปสอนการชงกาแฟเย็นน้ำมะพร้าว ซึ่งเป็นสูตรที่คิดค้นขึ้นสำหรับร้านนี้โดยเฉพาะ
“เดิมทีชาวบ้านทำกาแฟโดยไม่รู้เรื่องการคำนวณช็อต หรือสัดส่วนกาแฟ รสชาติก็จะไม่คงที่ เราก็มาสอนชาวบ้านให้มีความรู้เรื่องกาแฟก่อนและการใช้อุปกรณ์อย่างเหมาะสม เพื่อให้กาแฟมีมาตรฐาน โดยสูตรที่สอนชาวบ้านจะเป็นสูตรกาแฟเย็น เพราะในตลาดส่วนใหญ่ขายกาแฟเย็นได้มากกว่ากาแฟร้อน แต่กาแฟเย็นน้ำมะพร้าวที่นี่จะมีความพิเศษ เพราะชุมชนมีมะพร้าวอยู่แล้ว เราจะใช้มะพร้าวเผาแท้ ๆ ซึ่งปัจจุบันในตลาดเหลือน้อย ส่วนมากจะเป็นมะพร้าวต้มจะไม่มีกลิ่นหอมของมะพร้าวเผา ส่วนมะพร้าวเผาของที่นี่จะหวานหอม ถือเป็นการต่อยอดด้วยการนำวัตถุดิบของชุมชนมาใช้ประโยชน์”
ทั้งนี้ “ชุมชนตะเคียนเตี้ย” ได้รับคัดเลือกจาก “ทีเส็บ” ให้เป็นหนึ่งในโครงการ “7 เส้นทางสายไมซ์” หรือ “Thailand 7 MICE Magnificent Themes” ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ของ “ทีเส็บ” เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ โดยมุ่งเน้นพัฒนาพื้นที่เพื่อเพิ่มและยกระดับสถานที่จัดงาน รวมถึงเพิ่มกิจกรรมใหม่ ๆ เพื่อรองรับการจัดงานไมซ์ ซึ่งปัจจุบันมีครอบคลุม 14 จังหวัดทั่วประเทศ ประกอบไปด้วย 5 เมืองไมซ์ซิตี้ ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ตและขอนแก่น และเมืองรองเชื่อมโยง 9 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร อุดรธานี เชียงราย ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา สงขลา และนครศรีธรรมราช โดยร่วมมือกับภาครัฐ เอกชน และภาคการศึกษา รวมถึงชุมชนในพื้นที่ บูรณาการพัฒนาธุรกิจไมซ์ในจังหวัดดังกล่าวร่วมกันสร้างความรู้ความเข้าใจถึงประโยชน์ของธุรกิจไมซ์ในการพัฒนาเศรษฐกิจ และกระจายรายได้สู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
สำหรับองค์กรบริษัทเอกชนที่สนใจขอรับการสนับสนุนแคมเปญ “ประชุมเมืองไทย ภูมิใจช่วยชาติ” สามารถสมัครและศึกษารายละเอียดได้ที่ www.thaimiceconnect.com หรือ สอบถามได้ที่ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (ส่วนภูมิภาค) โทร.0 2694 6000 ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 มิถุนายน 2563 โดยจะต้องเดินทางประชุมสัมมนาภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2563