Special Story » ส่อง 4 โอกาสขาขึ้น “สินค้าแม่และเด็กไทย” ในตลาดจีน

ส่อง 4 โอกาสขาขึ้น “สินค้าแม่และเด็กไทย” ในตลาดจีน

7 สิงหาคม 2020
0

alivesonline.com : จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการพัฒนารูปแบบการค้าปลีกจากแบบเดิมไปสู่รูปแบบใหม่อย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะในยุค COVID-19 เช่นนี้

“สินค้าแม่และเด็ก” เป็นหนึ่งในตลาดที่บูมขึ้นมาอย่างมาก สินค้ากลุ่มนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความต้องการของทั้งคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ เด็กที่กำลังจะเติบโต รวมทั้งครอบครัวที่มีเด็กอยู่แล้ว ความต้องการสินค้าและบริการสำหรับบุคคลในครอบครัวมีความสัมพันธ์กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ แสดงให้เห็นถึงโอกาสต่าง ๆ ที่ผู้ประกอบการไทย จะนำไปเพื่อพิจารณาในการเจาะตลาดกลุ่มดังกล่าว

1.New Retail จะต่อชีวิตธุรกิจ

ทุกวันนี้ธุรกิจค้าปลีกสินค้าแม่และเด็ก ได้นำแนวคิด New Retail หรือการค้าปลีกรูปแบบใหม่ที่นำอีคอมเมิร์ซมาใช้ควบคู่กับการพัฒนาร้านค้าปลีกแบบออฟไลน์เพื่อพัฒนารูปแบบการให้บริการ โดยร้านค้าออฟไลน์มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มเติมประสบการณ์การทดลองสินค้า การเพิ่มพื้นที่ร้านค้า การเพิ่มพื้นที่ชั้นวางสินค้า การเพิ่มความหลากหลายของสินค้า ตลอดจนการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้เข้าถึงระบบออนไลน์ให้มากขึ้น ส่วนร้านค้าออนไลน์มุ่งเน้นไปที่การให้บริการที่มีความสะดวกรวดเร็วของการสั่งซื้อ การจัดส่ง ตลอดจนบริการรับคืนสินค้าต่าง ๆ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิม และสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่อยู่ห่างไกลจากร้านค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้นำเข้ารายใหญ่ ๆ ต่างพัฒนาธุรกิจให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ใหม่ของผู้คน พร้อมที่จะตอบสนองความต้องการได้ทันท่วงที พร้อมทั้งมีการนำ Big Data เข้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น

2.มีลูกอีกคน..แต่ไม่จนไป 7 ปี

จากการคาดการณ์ของศาสตราจารย์ Liang Jianzhang ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ชี้ว่า นโยบายลูกคนที่สองจะทำให้อัตราการเกิดของประชากรจีนเพิ่มขึ้นปีละ 2.5 ล้านคน ซึ่งจะทำให้อัตราการบริโภคภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้นประมาณปีละ 7.5 หมื่นล้านหยวน หรือประมาณ 1.18 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยในหนึ่งปีเด็กเกิดใหม่หนึ่งคนจะใช้จ่ายเป็นเงินประมาณ 3 หมื่นหยวน ซึ่งจากนโยบายนี้ทำให้จีนเข้าสู่ยุคเบบี้บูมในทศวรรษหน้า ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการเติบโตของตลาดสินค้าแม่และเด็ก การศึกษา และอาหารเด็กในจีน เช่นกัน

3.การยกระดับของผู้บริโภคชนบท

ข้อมูลสำรวจจากบริษัท iiMedia Research แสดงให้เห็นว่าครึ่งปีแรกของปี 2562 จีนมีประชากรชาวชนบทที่ใช้อินเทอร์เน็ตมากถึง 225 ล้านคน และมีอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตร้อยละ 39.8 แสดงให้เห็นถึงความนิยมอินเตอร์เน็ตของชาวชนบทจีน ทำให้ความสามารถในการบริโภคของเมืองในชนบทมีการขยายตัวซึ่งการยกระดับการบริโภคของผู้บริโภคชาวชนบทอาจกลายเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันการพัฒนาการค้าปลีกรูปแบบใหม่ให้เติบโตได้มากขึ้นในอนาคต

4.อี-คอมเมิร์ซแบบข้ามพรมแดน

สินค้าแม่และเด็ก ถือเป็นหนึ่งใน “กลุ่มสินค้าซูเปอร์สตาร์ในปี 2563” โดยการสำรวจของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน (Cross-border E-commerce) รายใหญ่อย่าง Tmall Global ซึ่งเป็นการพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ อาทิ การเติบโตของยอดขายในปีที่ผ่านมา และการเติบโตของยอดขายในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 เป็นต้น ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์กระชับสัดส่วนหลังคลอด ผลิตภัณฑ์ลดรอยผิวแตกลาย นมแพะผง น้ำมันนวดสำหรับเด็ก ลิปสติกสำหรับหญิงตั้งครรภ์ รถเข็นเด็กแฝด และกระเป๋าเด็กเล็ก

ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังให้การสนับสนุน ประกาศจัดตั้งเขตนำร่องพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดนแบบครบวงจร 46 แห่ง เพื่อกระตุ้นการค้าระหว่างประเทศ จึงเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการไทยในการศึกษาข้อมูลแนวโน้มตลาด และพฤติกรรมผู้บริโภคจีนในการซื้อสินค้าผ่าน Cross-border E-commerce

กลุ่มสินค้าแม่และเด็กถือเป็นกลุ่มสินค้าที่อยู่ยงคงกระพันในแง่ของการเติบโต เพราะในหลายประเทศให้ความสำคัญกับการมีบุตร ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จึงถูกคิดค้นออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการตั้งแต่คุณแม่ไปจนถึงลูกน้อยในแต่ละช่วงวัย หากผู้ประกอบการไทยได้ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคชาวจีนในเชิงลึกมากขึ้นก็จะมีโอกาสครองใจคุณแม่นักชอป ซึ่ง กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดโครงการพัฒนาผู้ประกอบการสินค้าสำหรับแม่และเด็ก (Mom & Kids Project) ช่วยติดอาวุธทางความคิด เติมเต็มทักษะและพัฒนาวิธีคิดใหม่ให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะการปรับเกมธุรกิจให้สอดคล้องกับตลาดสินค้าแม่และเด็กที่กำลังเปลี่ยนแปลงจากสถานการณ์โลกปัจจุบัน อย่าง New Normal ที่เกิดขึ้นและทัศนคติการบริโภคที่มุ่งหน้าสู่ความยั่งยืนในทุกมุมโลก