Special Story » โอกาสของไทยเมื่อ “พลาสติกชีวภาพ” เปลี่ยนชีวิตผู้คนในญี่ปุ่น

โอกาสของไทยเมื่อ “พลาสติกชีวภาพ” เปลี่ยนชีวิตผู้คนในญี่ปุ่น

18 สิงหาคม 2020
0

alivesonline.com : ในช่วงที่ผ่านมาปัญหาเกี่ยวกับพลาสติกได้ทวีความรุนแรงขึ้น ทั้งจำนวนที่เพิ่มขึ้นของขยะพลาสติกที่ไม่ย่อยสลาย หรือย่อยสลายยาก น้ำมันที่นำมาใช้ผลิตพลาสติกเป็นทรัพยากรธรรมชาติมีโอกาสหมดไป ภาวะโลกร้อนซึ่งก่อให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติไปทั่วโลก รวมทั้งขยะพลาสติกปนเปื้อนในทะเลซึ่งเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ

ญี่ปุ่นเป็นยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมพลาสติกของเอเชียและของโลก และเป็นประเทศที่มีปริมาณพลาสติกที่ใช้แล้วทิ้ง (Disposable Plastic) ต่อคนเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา หลังจากประเทศจีนได้ประกาศงดการนำเข้าของเสียพลาสติกจากต่างประเทศในปี 2560 ขณะที่ทั่วโลกเริ่มให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสภาพนิเวศน์ทางท้องทะเลที่เกิดจากพลาสติกที่ใช้แล้วทิ้งลงทะเล ก่อให้เกิดกระแสเรียกร้องการควบคุมพลาสติกที่ใช้แล้วทิ้งมากขึ้น หลายประเทศเริ่มงดการนำเข้าขยะพลาสติกจากญี่ปุ่น ส่งผลให้ประเทศญี่ปุ่นจึงพยายามอย่างจริงจังในการหาแนวทางแก้ไขปัญหา มาตรการหนึ่งคือการนำ “พลาสติกชีวภาพ” (Bioplastics) มาใช้ทดแทน

ข้อมูลจาก สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว รายงานว่า ในปี 2562 ญี่ปุ่นได้ออกกลยุทธ์สำหรับการหมุนเวียนของทรัพยากรสำหรับผลิตพลาสติก หรือ Resource Circulation Strategy for Plastics โดยดำเนินการคัดแยกและการรีไซเคิลขยะตามหลักคิด 3R (Reduce, Reuse และ Recycle) ที่มีการตั้งเป้าหมายดำเนินการด้านต่าง ๆ พร้อมกำหนดปีที่จะต้องทำให้สำเร็จ เช่น การลดปริมาณขยะพลาสติกลงร้อยละ 25 ภายในปี 2573 หรือนำขยะพลาสติกมาใช้ใหม่ได้100% ภายในปี 2578 เป็นต้น พร้อมเพิ่มการใช้ทรัพยากรที่ใช้แล้วสามารถทดแทนได้ (Renewable Resource) ในซูเปอร์มาร์เก็ต หรือร้านค้าเองก็ถูกบังคับใช้ข้อห้ามการให้ถุงพลาสติกฟรีกับลูกค้า และให้เก็บเงินหากลูกค้าที่ต้องการให้ใส่ถุงพลาสติกด้วย

ปัจจุบันมีสินค้าพลาสติกชีวภาพอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วไป ประกอบกับภาคเอกชนที่ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลาสติก หรือการผลิตพลาสติกเข้ามามีส่วนร่วมในการนำเสนอนวัตกรรมเพื่อลดปัญหาขยะพลาสติกด้วย ตั้งแต่วัสดุในภาคเกษตร เช่น ตาข่ายกันดิน คลุมพืช ถุงขยะทิ้งเศษเหลืออาหาร บรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารและเครื่องดื่ม เช่น ไข่ไก่ ถุงชา ถาดใส่อาหาร ขวด PET กล่องอาหารสำหรับรูปแบบเดลิเวอรี หรือซื้อกลับบ้าน ฯลฯ สิ่งทอ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงาน ชิ้นส่วน-อุปกรณ์ในรถยนต์ ยิ่งเมื่อมี COVID-19 ญี่ปุ่นก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ธุรกิจอาหารและสินค้าเดลิเวอรีเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าส่งผลให้สินค้าในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ก็เติบโตตามไปด้วยเช่นกัน

นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า พลาสติกชีวภาพถือเป็นช่องทางทางธุรกิจรูปแบบใหม่สำหรับผู้ประกอบการและนักลงทุนทั่วโลก รวมทั้งผู้ประกอบการจากประเทศไทยที่ควรจะใช้ข้อได้เปรียบทางด้านการมีวัตถุดิบสำหรับพลาสติกชีวภาพเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นอ้อย ข้าวโพด มันสำปะหลัง ซึ่งมีสัดส่วนการส่งออกและกำลังการผลิตระดับผู้นำโลก จึงมีศักยภาพในการผลิตพลาสติกที่ทำจากพืช (Bio-Based Plastic)

ขณะเดียวกันบริษัทในอุตสาหกรรมอาหารเครื่องดื่มและอุตสาหกรรมการผลิตที่เกี่ยวข้องของญี่ปุ่นได้ออกนโยบายบริษัทในการควบคุมการใช้พลาสติกให้สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ อาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตพลาสติก รวมถึงธุรกิจอาหารเครื่องดื่มของไทยที่ส่งออกไปญี่ปุ่นอาจจะได้รับผลกระทบด้านการส่งออกในระยะยาวเช่นกันหากยังใช้พลาสติกที่ทำจากปิโตรเลียมอยู่ ดังนั้น นอกจากการส่งเสริมของภาครัฐให้ผู้ประกอบหันมาผลิตพลาสติกชีวภาพมากขึ้นแล้ว ผู้ส่งออกในปัจจุบันอาจต้องพิจารณาปรับตัวและวางแผนกลยุทธ์ปรับเปลี่ยนการดำเนินงานในระยะยาว โดยเฉพาะการให้ความสนใจในด้านนวัตกรรมการผลิตที่ต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดีไซน์ที่สวยงาม ตอบสนองความต้องการของประเทศผู้ซื้อและรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันรวมทั้งส่วนแบ่งการตลาดในปัจจุบันให้ยั่งยืนต่อไป

“กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศพร้อมให้การสนับสนุนและส่งเสริมสินค้าไลฟ์สไตล์ชีวภาพเพื่อการส่งออก ถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพและเศรษฐกิจหมุนเวียน ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ในการต่อยอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ปราศจากของเสียและมลพิษในกระบวนการผลิต และมีดีไซน์ที่ทันสมัยตรงกับความต้องการของตลาดโลก” นายสมเด็จ กล่าวในที่สุด

นั่นเป็นเพราะปัจจุบันความตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อมไม่ได้เป็นเพียงแค่เทรนด์ แต่เป็นจิตสำนึกของผู้บริโภคที่จะเปลี่ยนวิถีการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์และสินค้าในชีวิตประจำวันต่อไปในอนาคตนั่นเอง