“TCELS – ไบโอ เจเนเทคฯ – วิสาหกิจชุมชนบ้านทุ่งแพม” ร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาจากสารสกัดกัญชาและกัญชงเชิงพาณิชย์

alivesonline.com : ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ ร่วมมือกับ ไบโอ เจเนเทค อินเตอร์เนชั่นแนล และวิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูกและแปรรูปบุก เกษตรอินทรีย์บ้านทุ่งแพม จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็น ภาครัฐ-เอกชน-ชุมชน 3 ฝ่าย ร่วมลงนามความร่วมมือพัฒนาและเตรียมความพร้อมของกลุ่มยาที่มีสารสกัดจากกัญชาและกัญชงเพื่อนำไปผลิตเชิงพาณิชย์ และเพื่อใช้ในการรักษาทางการแพทย์ ทั้งในลักษณะที่เป็นยาสมุนไพรและยาแผนปัจจุบัน ภายใต้สัญญา 5 ปี

นายมารุต บูรณะเศรษฐกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไบโอ เจเนเทค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจด้านไบโอเทคโนโลยี คัดสรรงานวิจัยชั้นนำเกี่ยวกับไบโอเทคมาพัฒนาต่อเป็นนวัตกรรมสู่ตลาด พร้อมทั้งลงทุนในโรงงานรับจ้างผลิตยาชีววัตถุผ่านบริษัทในเครือ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ TCELS และวิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูกและแปรรูปบุก เกษตรอินทรีย์บ้านทุ่งแพม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในการพัฒนาและเตรียมความพร้อมของกลุ่มยาที่มีสารสกัดจากกัญชาและกัญชงเพื่อนำไปผลิตเชิงพาณิชย์ และเพื่อใช้ในการรักษาทางการแพทย์ ทั้งในลักษณะที่เป็นยาสมุนไพรและยาแผนปัจจุบัน รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่น ๆ ที่มีสารสกัดจากกัญชาและกัญชงเป็นส่วนประกอบ โดยมีระยะเวลาความร่วมมือเป็นเวลา 5 ปี

ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว TCELS จะให้การสนับสนุนด้านการวางแผนเพื่อผลักดันการพัฒนาการผลิตเชิงพาณิชย์ของกลุ่มยาที่มีสารสกัดจากกัญชาและกัญชงเพื่อใช้ในการรักษาทางการแพทย์ รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่น ๆ ที่มีสารสกัดจากกัญชาและกัญชงเป็นส่วนประกอบ พร้อมให้การสนับสนุนในการประสานงานกับหน่วยงานราชการ ประสานงานกับเครือข่าย และส่งเสริมต่อยอดผลิตภัณฑ์บริการจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ ตลอดจนจัดให้มีกิจกรรมส่งเสริมความร่วมมือ เช่น การจับคู่ธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ เป็นต้น

นายมารุต กล่าวอีกว่า ในส่วนของ “บริษัท ไบโอ เจเนเทค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด” จะให้การสนับสนุนในการบริหารจัดการและประสานงานให้เกิดความร่วมมือระหว่างคู่สัญญาทั้งสามฝ่ายและหน่วยงานภายนอก รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการทำการทดลองทางคลินิค (Clinical Trials) ผู้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อการผลิตเชิงพาณิชย์ เป็นต้น

“ไบโอ เจเนเทคฯ ยังจะดำเนินการกำหนดด้านนโยบายและแผนในการพัฒนาและเตรียมความพร้อมเพื่อนำไปผลิตเชิงพาณิชย์ของกลุ่มยาที่มีสารสกัดจากกัญชาและกัญชง รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่น ๆ ที่มีสารสกัดจากกัญชาและกัญชงเป็นส่วนประกอบอีกด้วย”

ขณะที่ วิสาหกิจชุมชนบ้านทุ่งแพม จังหวัดแม่ฮ่องสอน จะให้การสนับสนุนด้านสายพันธุ์กัญชาและกัญชง การปลูก และการเก็บเกี่ยวผลผลิตจากต้นกัญชาและกัญชงเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการสกัดสารแคนนาบิไดออล (cannabidiol, CBD) และสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (tetrahydrocannabinol, THC)  รวมทั้งดำเนินการวางแผนและเตรียมความพร้อมด้านการผลิตวัตถุดิบกัญชาและกัญชงเพื่อรองรับการนำไปผลิตเชิงพาณิชย์ของกลุ่มยาและกลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีสารสกัดจากกัญชาและกัญชง

นายมารุต กล่าวในตอนท้ายว่า ในกรณีที่มีการพัฒนาโครงการย่อยภายใต้บันทึกความร่วมมือฉบับนี้ คู่สัญญาทั้งสามฝ่ายตกลงทำสัญญาเป็นข้อตกลงโครงการย่อยโดยทำเป็นลายลักษณ์อักษร มีรายละเอียดอย่างน้อย ประกอบด้วยแผนการดำเนินงาน ขอบเขตการดำเนินงานของแต่ละฝ่าย ระยะเวลาการดำเนินงาน งบประมาณการดำเนินงาน และการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา และการถ่ายทอดเทคโนโลยี ฯลฯ เป็นรายกรณีไป

“ทีเส็บ” มุ่งส่งเสริมไมซ์เพื่อคนทั้งมวล

alivesonline.com : ดร.อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” ให้สัมภาษณ์ในรายการ “กฤษนะ ทัวร์ยกล้อ” ถึงนโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์เพื่อคนทั้งมวล ส่งเสริมการเข้าถึงของทุกกลุ่มวัย รวมทั้งผู้สูงอายุและผู้พิการ โดยใช้ไมซ์เป็นเวทีส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้ในสาขาวิชาชีพต่าง ๆ ที่สามารถนำไปต่อยอดพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนทุกกลุ่มในสังคมได้ เช่น งานประชุมวิชาการทางการแพทย์ เพื่อพัฒนาวัคซีนรักษาโรค หรืองานแสดงสินค้าสำหรับผู้สูงวัย ซึ่งที่ผ่านมา “ทีเส็บ” ได้ให้การสนับสนุนการจัดงานประชุม งานแสดงสินค้า ตลอดจนฝึกอบรมให้ความรู้ด้านไมซ์และการสร้างมาตรฐานของสถานที่จัดงานที่สามารถรองรับทุกกลุ่มวัยรวมทั้งผู้สูงอายุและผู้พิการ เพื่อให้อุตสาหกรรมไมซ์เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาสังคมสำหรับคนทั้งมวลและสร้างสรรค์สังคมแห่งความสุขให้กับคนไทย

มอบห้องน้ำเพื่อสาธารณประโยชน์

alivesonline.com : คณะผู้บริหารระดับสูงหลักสูตรการบริหาร การท่องเที่ยวสำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 2 (Tourism Management Program for Executives) (TME #2 ) นำโดย นางนาที รัชกิจประการ (ที่ 3 จากซ้าย) นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี (ที่ 4 จากซ้าย) นางปานทิพย์ ศรีพิมล (ที่ 2 จากซ้าย) นางอรฤดี ณ ระนอง (ที่ 2 จากขวา) พลเรือเอกสุรศักดิ์ เมธยาภา (ที่ 3 จากขวา) และ นางวิจิตรา อร่ามวัฒนานนท์ (ที่ 4 จากขวา) จัดทำกิจกรรมเพื่อสังคม มอบห้องน้ำให้แก่ชุมชนอ่างเก็บน้ำคลองหัวช้าง อำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง เพื่อใช้ประโยชน์ในการบริการความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในชุมชน โดยมี นายธนินธรณ์ ขุนจันทร์ นายกสมาคมท่องเที่ยวชุมชน พัทลุง และประธานเครือข่ายโฮมสเตย์ชุมชนตะโหมด (ซ้าย) เป็นผู้รับมอบ ณ ชุมชนอ่างเก็บน้ำคลองหัวช้าง เมื่อเร็ว ๆ นี้

“ทีเส็บ” คว้ารางวัลองค์กรส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ดีเด่น

alivesonline.com : นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา (กลาง) ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” รับมอบรางวัลหน่วยงานส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ดีเด่น “Siamrath Online Award 2020” ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ณ หอประชุมใหญ่ บมจ.ทีโอที แจ้งวัฒนะ โดยความร่วมมือระหว่างบริษัท สยามรัฐ จำกัด และบริษัท แสนรู้ จำกัด เป็นสุดยอดรางวัลแห่งปีจากสื่อออนไลน์ที่ตัดสินด้วยระบบเทคโนโลยีจากโซเชียลมีเดีย โดยมีคณะกรรมการคัดสรรร่วมกับการใช้ระบบ Big Data จาก บริษัท แสนรู้ จำกัด เพื่อรวบรวมข้อมูลจากประชาชนตลอดระยะเวลาหนึ่งปี ซึ่งรางวัลดังกล่าวนี้มาจากกระแสความนิยมในโซเชียลมีเดียจากเสียงประชาชนอย่างแท้จริง

“ทีเส็บ” เดินหน้าส่งเสริมงานแสดงสินค้านานาชาติ

alivesonline.com : “ทีเส็บ” เดินหน้าส่งเสริมการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติด้วย 5 กลยุทธ์ ปรับแนวการตลาดให้เฉพาะเจาะจง มุ่งเน้นกลุ่มธุรกิจศักยภาพสูงในกลุ่ม 12 อุตสาหกรรมหลัก และภูมิภาคเอเชียที่ยังเติบโตได้ เผยปี 64 สนับสนุนการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติ 58 งาน คาดสร้างรายได้หมุนเวียน 2.3 หมื่นล้านบาท

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” เปิดเผยว่า จากแผนการส่งเสริมอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติของ “ทีเส็บ” ระยะ 5 ปี (2562-2566) โดยมุ่งเน้นการดึงงานและสนับสนุนการจัดงาน 12 อุตสาหกรรมหลัก เพื่อตอบรับนโยบายจากรัฐบาล ซึ่งในปี 2563 ได้มีการปรับแผนงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์ COVID-19 พร้อมรับการจัดงานยุคนิวนอร์มัลที่มุ่งส่งเสริมให้ผู้จัดงานสามารถจัดงานได้ โดย “ทีเส็บ” จัดทำโครงการเอ็กซิบิชั่นนิวนอร์ม (Exhibition New Norm) ช่วยฟื้นฟูและผลักดันผู้จัดงานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศไทย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศและเสริมศักยภาพให้จัดงานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศไทยได้ตามมาตรการอย่างปลอดภัย ครอบคลุมทุกรูปแบบการจัดงาน ทั้งการจัดงานในรูปแบบปกติ (Face to Face) และการจัดงานในรูปแบบปกติร่วมกับออนไลน์ (Hybrid Exhibition)

สำหรับปี 2564 “ทีเส็บ” มีแผนการสนับสนุนการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติ 58 งาน แบ่งเป็นงานเดิม 44 งาน และงานใหม่จำนวน 14 งาน ซึ่งงานทั้งหมดจะเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร และอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ คาดว่าจะก่อให้เกิดรายได้หมุนเวียน 2.3 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ การส่งเสริมอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติจะดำเนินงานภายใต้ 5 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย

1.เอเชีย เซนทริค (Asia Centric) มุ่งเน้นการเพิ่มจำนวนผู้เข้าร่วมงานจากภูมิภาคเอเชียให้มากขึ้นทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมจัดแพ็คเกจสนับสนุนการจัดงานสำหรับผู้จัดแสดงงาน (Exhibitor) ผู้จัดงาน (Organizer) และผู้เข้าร่วมงาน (Visitor) ในกลุ่มประเทศเอเชีย รวมถึงสิทธิประโยชน์พิเศษต่าง ๆ จากผู้จัดงานแสดงสินค้า ผู้ออกร้าน และผู้เข้าร่วมงานจากกลุ่มประเทศนี้ เพื่อรักษาความเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้านานาชาติในภูมิภาคเอเชีย

2.ดึงงานแสดงสินค้าใหม่ และส่งเสริมการจัดงานแสดงสินค้า งานประชุมนานาชาติ หรือ งานเฟสติวัลต่าง ๆ ที่มีลักษณะงานใกล้เคียงกัน จัดในช่วงเวลาเดียวกัน (Attract new shows + Clustering Events) มุ่งเน้นการเพิ่มจำนวนผู้เข้าร่วมงานให้มากยิ่งขึ้น

3.ส่งเสริมการขยายงานลงสู่พื้นที่ในภูมิภาคต่าง ๆ ที่มีศักยภาพ (Driving Opportunities to Regions) อาทิ โครงการไทยแลนด์ ล็อก-อิน อีเวนต์ ที่ดึงงานเข้าสู่พื้นที่อีอีซี

4.ร่วมมือหน่วยงานภาครัฐ ผลักดันให้เกิดการจัดงานใหญ่ในหน่วยงานต่าง ๆ (Collaborating with Government) เพื่อให้เกิดการจัดงานหนึ่งกระทรวงหนึ่งงานเอ็กซ์โป (One Ministry One Expo) และกระตุ้นให้ภาครัฐเห็นถึงความสำคัญของงานแสดงสินค้านานาชาติ โดยสนับสนุนการจัดงาน หรือส่งเสริมการประชุม หรือการแข่งขันภายในงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติภายใต้อุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อเพิ่มองค์ความรู้และยกระดับความสำคัญของงานแสดงสินค้านานาชาติ

5.ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มประสบการณ์ให้กับผู้เข้าร่วมชมงานผ่านช่องทางออนไลน์ (Innovation & Technology to Drive Trade Shows) มุ่งเน้นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และกระจายเครือข่ายให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลตอบแทนการลงทุนให้กับผู้จัดงาน และผู้ออกร้าน อีกทั้งการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยียังเป็นการช่วยลดการสัมผัสสำหรับงานที่จัดขึ้นตามปกติด้วย

นายจิรุตถ์ กล่าวในตอนท้ายว่า แม้ในปี 2563 สถานการณ์ COVID-19 จะส่งผลกระทบให้ไม่สามารถเดินทางระหว่างประเทศได้ตามปกติ แต่ผู้จัดงานในอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติต่างนำเทคโนโลยีมาช่วยในการจัดงานรูปแบบปกติร่วมกับออนไลน์ (Hybrid Exhibition) ทำให้ยังคงเกิดการเจรจาธุรกิจและการซื้อขายระหว่างนักธุรกิจไทยและกลุ่มลูกค้าในอาเซียนเกิดการจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) ขึ้นกว่า 1.5 หมื่นคู่ โดย “ทีเส็บ” ให้การสนับสนุนงานแสดงสินค้านานาชาติทั้งสิ้นจำนวน 24 งาน ซึ่งมีผู้ร่วมงานจากทั้งในและต่างประเทศรวม 133,259 คน สร้างรายได้ 6,521 ล้านบาท

ทางด้าน นายสรรชาย นุ่มบุญนำ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า “อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์” นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาส่งเสริมการจัดงานแสดงสินค้าในยุควิถีใหม่ โดยงานแสดงทุกงานได้จัดกิจกรรมและประชาสัมพันธ์งานผ่านช่องทางดิจิทัลต่าง ๆ อาทิ การจัดสัมมนาออนไลน์ (Webinar) เพื่อให้ความรู้กับอุตสาหกรรมและประชาสัมพันธ์งานอย่างต่อเนื่อง, เน้นย้ำสุขอนามัยในการเข้าร่วมงานตามมาตรฐาน Standard Operating Procedure (SOP), เพิ่มช่องทางในการประชาสัมพันธ์งานให้หลากหลาย เช่น ทางเว็บไซต์, E-newsletter, Facebook และ Line OA, โดยจัดงานแสดงสินค้าในรูปแบบไฮบริด เอ็กซิบิชั่น (Hybrid Exhibition) มีผู้สนใจเข้าชมงานจากหลากหลายประเทศผ่านทางดิจิทัลกว่า 2.5 พันคน รวมถึงมีการจัดเจรจาธุรกิจทางออนไลน์ (Online Business Matching) กว่า 500 นัด ในหลากหลายอุตสาหกรรมอีกด้วย

นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด กล่าวว่า การจัดงาน Exhibition ยังคงเป็นกลไกสำคัญในการเชื่อมต่ออุตสาหกรรม พร้อมทั้งขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศแม้ในช่วงวิกฤตการณ์ที่ผ่านมา “นีโอ” ในฐานะผู้จัดงานเเสดงสินค้าระดับนานาชาติได้นำเอาเทคโนโลยีเข้ามาผสานร่วมกับครีเอทีฟไอเดียในการสร้างสรรค์งานเเสดงสินค้าในรูปเเบบใหม่ อาทิ Webinar, Live streaming, Virtual Exhibition และ Online Business Matching เพื่อเสริมศักยภาพเเละเพิ่มการเข้าถึงอย่างไร้ขีดจำกัด

“ผมเชื่อว่าหากสถานการณ์การแพร่ระบาดกลับเข้าสู่สภาวะปกติ การใช้เทคโนโลยีออนไลน์จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยเสริมประสบการณ์ให้กับผู้เข้าร่วมชมงาน และสามารถเป็นแพลตฟอร์มในการเชื่อมต่อเครือข่ายทางธุรกิจกับผู้ซื้อทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

นายกวิน กิตติบุญญา กรรมการผู้จัดการ บริษัท กวิน อินเตอร์เทรด จำกัด กล่าวว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 และการห้ามเดินทางระหว่างประเทศ บริษัทฯ ได้เริ่มนำดิจทัลเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดงานแสดงของบริษัทฯ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แสดงไทยได้มีโอกาสพบปะกับกลุ่มเป้าหมายผู้ซื้อจากต่างประเทศที่สนใจแต่ไม่สามารถเดินทางมาได้เพราะปิดประเทศ ผลปรากฎได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้แสดง

สำหรับปี 2564 บริษัทฯ ได้เตรียมการจัดงานในรูปแบบ Hybrid คือมีทั้ง Face to Face และ Digital เพราะคาดการณ์ว่าสถานการณ์ COVID-19 คงยังไม่จบและวัคซีนที่ผลิตออกมายังมีไม่เพียงพอ โดย Digital จะครอบคลุมทั้งในส่วนของ International Exhibitors ที่สนใจต้องการขยายตลาดมาประเทศไทยและมาร่วมงานไม่ได้ และ Thai Exhibitors ที่ต้องการขายสินค้าไปต่างประเทศ

“แอสเซทไวส์” เผยโฉมห้องชุด “แอทโมซ รัชดา-ห้วยขวาง” รางวัลสุดพิเศษแด่ MUT 2020

alivesonline.com : บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ AssetWise ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยคุณภาพตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ จัดงานฉลองความสำเร็จร่วมกับมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 (Miss Universe Thailand 2020) ในฐานะผู้สนับสนุนรางวัลพิเศษคอนโดฯ ระดับพรีเมียมให้ผู้คว้าตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์เป็นครั้งแรก พร้อมอวดโฉมห้องชุดสุดพิเศษ ณ โครงการ “แอทโมซ รัชดา-ห้วยขวาง” คอนโดรีสอร์ตของคนมีสไตล์สำหรับ “พรฟ้า” และ “แพรว” เข้าพักตลอด 1 ปี

งานเลี้ยงฉลองสำเร็จครั้งนี้ มีหัวเรือใหญ่ของ “แอสเซทไวส์” นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ นางปิยาภรณ์ แสนโกศิก (คุณปุ้ย) และ นายณรงค์ เลิศกิตศิริ (คุณณะ) ผู้ถือลิขสิทธิ์การจัดการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 ให้การต้อนรับทัพสื่อมวลชนและแขกผู้มีเกียรติที่ตบเท้าเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง เพื่อร่วมแสดงความยินดีกับ “แอสเซทไวส์” และเหล่าสาวงามจากเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 และที่ขาดไม่ได้คือเหล่าสาวงามทั้ง 5 คน “อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม” มิสมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 และรองชนะเลิศ 4 คน “วีณา – ปวีณา ซิงห์”, “พรฟ้า – ปุณิกา กุลสุนทรรัตน์”, “แพรว – แพรววณิชยฐ์ เรืองทอง”, และ “ซินดี้ – อเล็กซานดร้า แฮงกี่” มาช่วยสร้างสีสันให้ผู้เข้าร่วมงานได้ชื่นชมความงามของสาวไทยที่สวย เก่ง สมาร์ท แบบ “Real U, Real Universe” อย่างใกล้ชิด ภายในงานยังมอบความสุขให้กับผู้ร่วมงานด้วยความบันเทิงและกิจกรรมที่ “แอสเซทไวส์” ขนมามอบความสุขและขอบคุณ “สื่อมวลชน” ส่งท้ายปี 2563 อย่างจุใจ

นอกจากนั้น “แอสเซทไวส์” ยังได้เผยโฉมห้องชุด ณ โครงการ “แอทโมซ รัชดา-ห้วยขวาง” (Atmoz Ratchada- Huaikwang) คอนโดฯ รีสอร์ตใจกลางรัชดาฯ ซึ่งเป็นรางวัลพิเศษมอบให้แด่ “พรฟ้า” สาวงามผู้คว้าตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 รองชนะเลิศอันดับ 2 และ “แพรว” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 รองชนะเลิศอันดับ 3 ได้เข้าพักอาศัยตลอด 1 ปี

สำหรับโครงการ “แอทโมซ รัชดา-ห้วยขวาง” เป็นคอนโดฯ โลว์ไรส์สไตล์รีสอร์ตแบบตบแต่งพร้อมอยู่ (Fully Furnished) สูง 8 ชั้น ประกอบด้วย 3 อาคาร รวม 594 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต ครอบคลุมพื้นที่กว่า 3 ไร่ ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ NEW CBD ที่มีความคล่องตัวในการเดินทางสูง สามารถ เข้า-ออกได้หลากหลายเส้นทาง เชื่อมต่อถนนรัชดาภิเษก, ถนนพระราม 9, ถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ และเอกมัย-ทองหล่อ ย่านสีสันของชีวิตเมือง มีเส้นทางลัดออกสู่ถนนลาดพร้าว, ถนนสุทธิสารวินิจฉัย และถนนประชาอุทิศ อีกทั้งยังใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน MRT สถานีห้วยขวาง และสถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ รวมไปถึงรถไฟฟ้าสายสีส้ม สถานีประดิษฐ์มนูธรรมในอนาคตอีกด้วย

ทุกตารางนิ้วภายในโครงการ “แอทโมซ รัชดา-ห้วยขวาง” เนรมิตขึ้นมาภายใต้คอนเซ็ปต์ “แค่เปิด…ก็ปิดชีวิตเมือง” เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่พร้อมจะโลดแล่นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดในแต่ละวัน สามารถเปิด-ปิดคลิกสู่ทุกโหมดของชีวิตได้ทันที ไม่ว่าอยากเข้าสู่ “โหมดพักผ่อน” (Rest Mode) ท่ามกลางบรรยากาศรีสอร์ตที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันร่มรื่น เงียบ สงบ และเป็นส่วนตัวกลางเมืองใหญ่ บนพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับกิจกรรมต่าง ๆ ได้มากถึง 30 กิจกรรม รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบวงจร อาทิ สระว่ายน้ำ 2 สระมาตรฐานแบบ Reflection Pool และ Scenic Sky Pool (ชั้นดาดฟ้า) รวมถึงพื้นที่พักผ่อนในทุก ๆ อาคาร อาทิ Lobby Lounge, Sunken Island, The Secret Garden, Creative  Inspiration Workspace, Theater, Social Club, Outdoor Sky Dining และโซนออกกำลังกายที่ให้คุณได้ฟิตกันได้ตลอด 24 ชั่วโมง กับ Gym & Boxing Studio และ Fit Studio หรือต้องการกลับเข้าสู่ “โหมดแอคทีฟ” (Active Mode) เพื่อสนุกไปกับสีสันของชีวิตเมืองก็สามารถทำได้ในพริบตา

โครงการ “แอทโมซ รัชดา-ห้วยขวาง” ยังเอาใจคนรุ่นใหม่ด้วยการเพิ่มอุปกรณ์สมาร์ทเทคโนโลยี (Smart Technology) เพื่อมอบความสะดวกสบายยิ่งขึ้นและใช้งานได้จริง อาทิ Themostat ระบบระบายความร้อนภายในห้อง, Bluetooth Sound System ระบบเสียงไร้สายในทุกห้องให้คุณสามารถผ่อนคลายกับเสียงเพลงที่คุณชื่นชอบได้ทุกที่ในห้องพัก, Rescue Alarm ระบบแจ้งเตือนอุบัติเหตุที่สามารถกดปุ่มขอความช่วยเหลือได้ทันที และ LED Lighting Motion Sensor เซ็นเซอร์จับความเคลื่อนไหว ช่วยเปิด/ปิดไฟอัตโนมัติใต้เตียงเพื่อความสะดวกยามค่ำคืน และอื่น ๆ อีกมากมายเพื่อการใช้ชีวิตที่ดีที่สุดในเมือง

นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ร่วมเป็นผู้สนับสนุนมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 และร่วมสร้างความสำเร็จให้เวทีอันทรงเกียรติของประเทศไทย จนกระทั่งเดินทางมาสู่เส้นทางมิสยูนิเวิร์สระดับโลกแล้ว ซึ่ง “แอสเซทไวส์” จะยังคงให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กำลังใจ MUT2020 เดินหน้าคว้ามงสามไปด้วยกัน โดยรางวัลคอนโดมิเนียมที่ “แอสเซทไวส์” ได้มอบให้กับมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 นั้น จะช่วยให้สาวงามทั้ง 5 ได้ปฏิบัติภารกิจดี ๆ เพื่อสังคมไทยได้อย่างสะดวกสบายและคล่องตัวมากยิ่งขึ้นเมื่ออาศัยอยู่ในคอนโดฯ แห่งนี้ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง”

“แอสเซทไวส์” ยังคงมุ่งมั่นให้การสนับสนุนบทบาทและความสามารถของผู้หญิงไทยบนเวทีความงามระดับชาติและระดับโลกต่อไป โดยเชื่อว่า ทุกคนต่างมีความฝันเป็นของตนเอง อย่างการฝันที่จะมีบ้านสักหลังจะต้องผ่านกระบวนการต่าง ๆ มากมายจนเจอบ้านที่ถูกใจในทำเลที่ต้องการ เช่นเดียวกับผู้เข้าประกวดบนเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ที่จะต้องผ่านการฝึกฝนทักษะ บวกกับความมุ่งมั่นอดทน และความพยายามในการเดินตามความฝัน จนกว่าจะประสบความสำเร็จดังที่ตั้งใจ

ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมโครงการ “แอทโมซ รัชดา-ห้วยขวาง” ได้แล้ววันนี้ โครงการเสร็จสวยงามพร้อมอยู่ พร้อมยูนิตราคาพิเศษ สอบถามเพิ่มเติม โทร.0 2168 0000 หรือเว็บไซต์ www.assetwise.co.th

“ทีเส็บ” แจงผลสำเร็จโครงการ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า”

alivesonline.com : “ทีเส็บ” เผยโครงการ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” เพื่อกระตุ้นกิจกรรมไมซ์ในประเทศ เอกชนร่วมมือคึกคักกว่า 6.2 หมื่นคน จากกว่า 1 พันกลุ่ม สร้างรายได้แก่ธุรกิจประมาณ 130 ล้านบาท หรือกว่า 6 เท่าของงบกระตุ้นการประชุม

 

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” เปิดเผยว่า การจัดโครงการ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” รณรงค์ให้องค์กรเอกชนเร่งจัดประชุมสัมมนาและให้รางวัลพนักงานเดินทางในประเทศ กระตุ้นให้เกิดการสร้างงานและกระจายรายได้ไปยังชุมชนในภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงสถานการณ์ COVID-19 นับว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจมาก โดยขณะนี้มีองค์กรที่ได้รับการสนับสนุนจากโครงการตลอดระยะเวลา 4 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 20 ตุลาคม 2563 จำนวน 1,049 กลุ่ม คิดเป็นจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมไมซ์ทั้งสิ้น 62,555 คน กระจายการจัดงานไปยัง 50 จังหวัดในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ก่อให้เกิดรายได้แก่ธุรกิจประมาณ 130 ล้านบาท

โครงการฯ นี้เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ไทยผ่านการจัดประชุมสัมมนาและกิจกรรมไมซ์ในประเทศ ขณะที่ตลาดไมซ์ต่างประเทศยังไม่สามารถเข้ามาทำกิจกรรมในไทยได้ เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 โดย “ทีเส็บ” ให้การสนับสนุนงบประมาณสำหรับจัดงานแก่องค์กรเอกชนที่ขอรับการสนับสนุนในรูปแบบบัตรกำนัลมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 3 หมื่นบาทต่อกลุ่มตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยโครงการฯนี้ “ทีเส็บ” ได้ใช้งบประมาณไปกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งนับว่าได้ผลตอบรับที่ดีมากในการสร้างให้เกิดกระแสเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในประเทศ

สำหรับกิจกรรมไมซ์ที่ “ทีเส็บ” ให้การสนับสนุนทั้ง 6 ด้านนั้น พบว่า การสัมมนาองค์กร มีจำนวนมากที่สุดถึง 35% คิดเป็นจำนวนงาน 315 งาน จากทั้งหมด 896 งาน รองลงมาคือ การประชุมองค์กร 27% มีจำนวน 246 งาน กิจกรรมนอกสถานที่ทำการของบริษัท 14% มีจำนวน 127 งาน กิจกรรมพนักงานสัมพันธ์ 10% มีจำนวน 94 งาน กิจกรรมเพื่อสังคม 9% มีจำนวน 81 งาน และการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลองค์กร 4% มีจำนวน 33 งาน

เมื่อพิจารณาถึงการจัดงานภายใต้แนวคิด 7 รูปแบบพบว่า กิจกรรมการสร้างทีมเวิร์ค ได้รับความนิยมสูงสุดถึง 63% คิดเป็นจำนวน 377 งาน จากทั้งหมด 596 งาน รองลงมาคือกิจกรรม CSR และการประชุมเชิงอนุรักษ์ 15% มีจำนวน 88 งาน ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม 10% มีจำนวน 59 งาน กิจกรรมบรรยากาศชายหาด 5% มีจำนวน 31 งาน การจัดงานและกิจกรรมหรูหรามีระดับ 4% มีจำนวน 23 งาน กิจกรรมนำเสนออาหารไทยในทุกการจัดงานที่หลากหลาย 2% มีจำนวน 11 งาน และการผจญภัย 1% มีจำนวน 7 งาน

“จากสถิติงานที่ขอรับการสนับสนุนพบว่า แม้สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในหลายด้าน แต่องค์กรบริษัทส่วนใหญ่ยังคงให้ความสำคัญกับการจัดประชุมสัมมนาตลอดจนกิจกรรมที่ช่วยสร้างทีมเวิร์คให้กับองค์กร ดังนั้นการรณรงค์ส่งเสริมการจัดประชุมสัมมนาในประเทศจึงเป็นอีกก้าวสำคัญที่ช่วยผลักดันเศรษฐกิจในประเทศให้ขับเคลื่อนไปได้ และกระจายรายได้ไปสู่ภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจนถึงระดับชุมชนอีกด้วย จึงคาดว่าในปี 2564 ตลาดไมซ์จะเติบโตประมาณ 3.5% โดยมีนักเดินทางไมซ์ในประเทศประมาณ 10 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 3 หมื่นล้านบาท” นายจิรุตถ์ กล่าวในที่สุด

“กรีเน่ คอนโด” เตรียมเปิดเฟส 3 ปี 65 ย้ำจุดเด่นคอนโดฯ ชานเมือง

alivesonline.com : “กรีเน่ คอนโด” ยิ้มรับความสำเร็จโครงการ หลังเฟส 1 ขายพื้นที่หมดครบ 100% ส่วนเฟส 2 คืบหน้า 60% เตรียมตอกหมุดเฟส 3 ปี 65 ชูจุดเด่นความเป็นคอนโดมิเนียมชานเมือง ได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้ง มีความสะดวกสบายด้านคมนาคม ใกล้สนามบินดอนเมือง พร้อมตบแต่งคอนโดฯ ให้เป็นเสมือน “จุดพัก” ของผู้พักอาศัยในสไตล์ต่าง ๆ เผยต้องปรับตัวรับสถานการณ์เศรษฐกิจ และ COVID-19 จัดโปรโมชันแถมของจำเป็นเพื่อการอยู่อาศัย รวมถึงส่วนลดที่มากขึ้น เตรียมจัดรายการส่งเสริมการขายครั้งใหญ่ วันที่ 21-28 ธันวาคม 2563

น.ส.ปิยะฉัตร ปรีดานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปรีดา เรียลเอสเตส จำกัด ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โครงการคอนโดมิเนียมภายใต้ชื่อ “กรีเน่ คอนโด” (GRENE CONDO) ดอนเมือง – สรงประภา เปิดเผยว่า หลังจากประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการเฟส 1 จนขายพื้นที่หมดแล้วครบ 100% ในส่วนของเฟส 2 เพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จ สามารถขายพื้นที่ไปแล้ว 60% และเริ่มมีลูกค้าบางส่วนย้ายเข้ามาพักอาศัยแล้ว ขณะที่เฟส 3 เป็นโครงการในอนาคต คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างประมาณปี 2565

โครงการ “กรีเน่ คอนโด” มีการกำหนดการตบแต่งเป็นธีมต่าง ๆ คือ เฟส 1 เป็นสไตล์มัลดีฟ ส่วนเฟส 2 เป็นสไตล์ไมอามี่ แต่ละเฟสมีพื้นที่ส่วนกลางของตัวเอง โดยเฟส 1 และเฟส 2 มีพื้นที่รวมกันทั้งหมดประมาณ 13 ไร่ คิดเป็นพื้นที่ส่วนกลางรวมกันประมาณ 8 ไร่ ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่มาก เนื่องจากโครงการให้ความสำคัญต่อผู้อยู่อาศัย ซึ่งเป็นกลุ่มคนทำงานบริเวณชานเมือง หรือเดินทางไปมาระหว่างจังหวัด จึงต้องการทำให้โครงการเป็นเสมือนจุดพักของผู้พักอาศัย ตรงตามแนวคิดของโครงการคือเป็นรีสอร์ทคอนโดฯ ที่ให้อารมณ์เหมือนท่องเที่ยวต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ

น.ส.ปิยะฉัตร กล่าวด้วยว่า สำหรับปัจจัยหลักที่มีผลต่อการตอบรับของผู้พักอาศัยในโครงการคือ สถานที่ตั้งย่านชานเมือง ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือ กลุ่มวัยเริ่มต้นทำงาน (First Jobber) จนถึงอายุ 40 ปี โดยจุดเด่นของโครงการ “กรีเน่ คอนโด” ซึ่งถือเป็นคอนโดมิเนียมชานเมืองคือ มีความสะดวกสบายด้านคมนาคม เพราะตั้งอยู่ใกล้สนามบินดอนเมือง ใกล้ทางด่วน เดินทางสะดวกทั้งรถยนต์ส่วนตัว และรถโดยสารสาธารณะ เพราะอยู่ติดถนน โดยเร็ว ๆ นี้ก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม สถานีดอนเมือง ซึ่งห่างจากโครงการไม่ถึง 2 กิโลเมตร ขณะเดียวกัน พื้นที่ส่วนกลางของโครงการก็มีขนาดใหญ่มาก ทั้งยังครบครันด้วย Facilities ที่หลากหลาย ทั้งในส่วนของการออกกำลังกาย การพักผ่อน รวมไปถึงการทำงาน เพื่อรองรับกิจกรรมของเจ้าของร่วมอย่างครอบคลุม

“ในส่วนของขนาดห้องของเราเริ่มต้นที่ 25 ตารางเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่มีราคาพอเหมาะกับกลุ่มลูกค้าวัยเริ่มต้นทำงานที่สามารถจ่ายได้ แม้ว่าห้องขนาด 25 ตารางเมตรถือว่าค่อนข้างเล็ก แต่ด้วยเทคนิคการจัดห้อง และขนาดหน้ากว้างของแต่ละห้องประมาณ 7–8 เมตร ทำให้มีพื้นที่หน้าต่าง ประตู และระเบียงมากกว่าโครงการอื่น คอนโดฯ เราจึงถือว่ามีหน้ากว้างมากสำหรับขนาด 25 ตารางเมตร ทั้งยังกว้างกว่าคอนโดฯ อื่น ๆ ทั้งในเมือง และชานเมือง โดยทุกห้องสามารถมองเห็นวิวส่วนกลางได้อีกด้วย”

น.ส.ปิยะฉัตร กล่าวด้วยว่า จากภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์ต่าง ๆ ในปัจจุบันถือได้ว่าส่งผลกระทบพอสมควรต่อโครงการ โดยในส่วนของเฟส 1 ซึ่งเริ่มขายเมื่อปลายปี 2560 ถือว่าประสบความสำเร็จมาก โดยสามารถขายหมดในเวลาสั้นๆ แต่กลุ่มเป้าหมายได้เปลี่ยนแปลงไปจากกลุ่มวัยเริ่มต้นทำงาน เป็นกลุ่มคนวัยทำงานสายการบิน เช่น กัปตัน แอร์โฮสเตส กราวด์ วิศวกร และเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ซึ่งคนกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบโดยตรงกับสถานการณ์ COVID-19 ส่วนในเฟส 2 เริ่มขายเมื่อกลางปี 2562 แล้วมีสถานการณ์ COVID-19 กลุ่มลูกค้าเป้าหมายส่วนมากต่างถูกพักงานชั่วคราว ถูกลดเงินเดือนและลดค่าตอบแทนต่าง ๆ ประกอบกับนโยบายรัฐที่ไม่นำรายได้ส่วนอื่นมาพิจารณาในการทำสินเชื่อ ทำให้ความสามารถในการกู้ของคนกลุ่มนี้ลดลง จึงส่งผลมากกับโครงการ แต่ ณ ปัจจุบันสถานการณ์เริ่มดีขึ้น เพราะกลุ่มเป้าหมายกลุ่มนี้ก็เริ่มกลับมา แต่จากเดิมทีเป็นกัปตัน และแอร์โฮสเตสเป็นหลัก เปลี่ยนเป็นวิศวกร กราวด์ เจ้าหน้าที่ภาคพื้น หรือเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานมากกว่า

“ปัจจุบันลูกค้าของโครงการมีหลากหลายมากขึ้น ทั้งผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัว ขายของออนไลน์ พนักงานบริษัทที่มีพื้นเพ หรือบ้านอยู่ย่านดอนเมือง – สรงประภา รวมถึงคนในเมืองที่เริ่มมาเป็นลูกค้าเรา เพราะอยู่ในโซนที่เดินทางสะดวก ในขณะที่เราก็ต้องปรับตัวหลายอย่าง เช่น เรื่องการจัดโปรโมชัน ของแถมต่าง ๆ จากเดิมที่ของแถมบางครั้งเป็นของใช้ หรือสินค้าต่าง ๆ ที่อาจจะไม่จำเป็นสำหรับการอยู่อาศัย แต่ปัจจุบันต้องเน้นไปที่ของจำเป็นเพื่อการอยู่อาศัย เช่น เฟอร์นิเจอร์ รวมถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และส่วนลดที่มากขึ้น”

น.ส.ปิยะฉัตร กล่าวในตอนท้ายว่า ช่วงนี้ถือว่ายากสำหรับการดำเนินธุรกิจคอนโดฯ แต่ด้วยเหตุที่เป็นสินค้าที่อยู่อาศัยจึงยังทำให้อยู่ได้ ประกอบกับลูกค้าของโครงการส่วนใหญ่เป็นผู้พักอาศัยจริง ไม่ใช่นักลงทุน ประการสำคัญคือ โครงการของเราเน้นเรื่องคุณภาพชีวิตของลูกค้าเป็นหลัก ทุกโครงการจะพิจารณารายละเอียดในการออกแบบ องค์ประกอบพื้นที่ในห้อง และพื้นที่ส่วนกลางอย่างดี เพื่อให้รู้สึกว่าอยากอยู่ อยากบอกต่อ และอยากชวนเพื่อนมาอยู่ด้วย จึงยังทำให้สามารถขายพื้นที่โครงการได้เรื่อย ๆ

อนึ่ง ในวันที่ 21-28 ธันวาคม 2563 โครงการ “กรีเน่ คอนโด” จัดรายการส่งเสริมการขาย ราคาเริ่มต้นเพียง 1.29 ล้านบาท จองเพียง 7,900 บาท รับสิทธิ์ลุ้น Lucky Draw ส่วนลดและของรางวัลมากมายในงาน มูลค่ารวมกว่า 3 แสนบาท อาทิ เครื่องปรับอากาศ เฟอร์นิเจอร์ Designed by SB Furniture Digital Door Lock ค่าใช้จ่ายวันโอนกรรมสิทธิ์ ค่าส่วนกลาง 12 เดือน เงินกองทุน SAMSUNG Smart TV ตู้เย็น SAMSUNG 2 ประตู เครื่องซักผ้า SAMSUNG ฝาหน้า ไมโครเวฟ SAMSUNG เครื่องทำน้ำอุ่น Mazuma Dyson Airwrap Complete Set + Vacuum Cleaner V11 หรือเลือกรับ Macbook Pro 13” รายละเอียดเพิ่มเติม โทร.0 2055 9224 Location http://bit.ly/32cILjF

#GreneCondo #GreneDonmueang #Donmueang #Grenefamily #คอนโดดอนเมือง #TheMiami #ใกล้สนามบินดอนเมือง #ใกล้ทางด่วน #ใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม

“ทีเส็บ” นำเอกชนไทยบุกตลาดไมซ์ยุโรปผ่านรูปแบบออนไลน์

alivesonline.com : “ทีเส็บ” นำ 32 ผู้ประกอบการไทย ร่วมงานการตลาดไมซ์ระดับโลก “IBTM World Virtual 2020” ในรูปแบบออนไลน์ มุ่งสื่อสารให้ตลาดยุโรปรับรู้ความสำเร็จของประเทศไทยในการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 พร้อมเปิดตัวให้ตลาดยุโรปรับรู้มาตรการของ “ทีเส็บ” ในการอบรมบุคลากรไมซ์ให้สามารถเป็น Medical Control Team ตอกย้ำความพร้อมรองรับการจัดงานแบบนิวนอร์มัล

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” เปิดเผยว่า “ทีเส็บ” นำผู้ประกอบการไทยจำนวน 32 รายเข้าร่วมงานการตลาดไมซ์ระดับโลก “IBTM World Virtual 2020” ซึ่งจัดขึ้นในประเทศอังกฤษ ในรูปแบบออนไลน์ระหว่างวันที่ 8-10 ธันวาคม 2563 โดยผู้ประกอบการไทยที่เข้าร่วมงานดังกล่าวประกอบด้วย สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) บริษัทรับจัดงาน 1 ราย บริษัทให้บริการจัดการเดินทาง (Destination Management Company – DMC) 6 ราย โรงแรม 20 แห่ง และสถานที่จัดงานไมซ์ 3 แห่ง

ยุโรปเป็นตลาดไมซ์ที่เราให้ความสำคัญมาก โดยในช่วงก่อนสถานการณ์ COVID-19 มีนักเดินทางไมซ์จากยุโรปมาไทย 1.2 ล้านคน มีมูลค่าตลาดประมาณ 4.7 พันล้านบาท การเข้าร่วมงาน “IBTM World Virtual 2020” จึงเป็นช่องทางสำคัญที่จะได้สื่อสารให้ตลาดได้รับรู้ทั้งด้านมาตรการควบคุม COVID-19 ของประเทศไทย ด้านการส่งเสริมการตลาดของ “ทีเส็บ” และด้านบริการของผู้ประกอบการเอกชน ซึ่งจะสร้างความมั่นใจแก่ผู้ซื้อที่จะเลือกมาไทยในอนาคต

ในโอกาสดังกล่าว “ทีเส็บ” ได้จัดกิจกรรมแบบไฮบริด เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2563 ณ โรงแรมแลนด์มาร์ค เพื่อเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการไมซ์ให้เกิดความชำนาญกับเครื่องมือและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่จะใช้ในการดำเนินธุรกิจก่อนจะเข้าร่วมงานในช่วง 8-10 ธันวาคม 2563 โดยจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการที่โรงแรมแลนด์มาร์ค เป็นศูนย์อำนวยความสะดวก

นายจิรุตถ์ กล่าวด้วยว่า ในงาน “IBTM World Virtual 2020” ครั้งนี้ “ทีเส็บ” มีโอกาสสื่อสารให้ตลาดยุโรปรับรู้ถึงความสำเร็จของประเทศไทยในการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ความคืบหน้าของวัคซีนที่ประเทศไทยพร้อมใช้ในกลางเดือนมิถุนายน 2564 และการเป็นฐานการผลิตวัคซีนให้ภูมิภาคอาเซียน จนได้รับการยอมรับและยกย่องให้เป็นแบบอย่างจากองค์การอนามัยโลก รวมทั้งรับทราบมาตรฐานสุขอนามัยที่เข้มงวดที่ทำให้อุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศสามารถเปิดดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้ตลาดยุโรปมั่นใจในประเทศไทย ประการสำคัญคือ “ทีเส็บ” ได้เปิดตัวให้ตลาดยุโรปรับทราบมาตรการต่าง ๆ และมาตรการของ “ทีเส็บ” ในการอบรมบุคลากรไมซ์ให้สามารถเป็น Medical Control Team ให้กลุ่มนักเดินทางจากต่างประเทศในอนาคต ซึ่งจะช่วยตอกย้ำให้ตลาดยุโรปตระหนักในความพร้อมรองรับการจัดงานแบบนิวนอร์มัลของประเทศไทย โดย “ทีเส็บ” ยังได้เตรียมประชาสัมพันธ์แคมเปญสนับสนุน Ease Up ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง “ทีเส็บ” และผู้ประกอบการไมซ์ไทย จำนวน 64 ราย เพื่อรองรับกลุ่มนักเดินทางไมซ์ในอนาคตอีกด้วย

“แฟลช มอลล์ เทคโนโลยี” เปิดรับตัวแทน บริการจัดหาสินค้า อัจฉริยะจากประเทศจีน

alivesonline.com : เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีการจัดสัมมนาเปิดรับตัวแทน ครั้งที่ 2 ของ บริษัท แฟลช มอลล์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดรับตัวแทนบริการจัดหาสินค้าอัจฉริยะ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ตัวแทน หรือลูกค้าผู้มีความสนใจ อยากสั่งซื้อหรือนำเข้าสินค้าจากประเทศจีน โดยผ่านแอปพลิเคชัน Line Official (@Flashmall) โดยในงานสัมมนาครั้งนี้มีการแนะนำบริการให้กตัวแทนมากกว่า 40 คน และมีผู้ให้ความสนใจเป็นตัวแทนเป็นจำนวนมาก โดยผู้สนใจสามารถส่งสินค้า เช่น ชื่อสินค้า, รูปภาพ หรือ ลิงค์ตัวอย่าง ผ่านทางแอปพลิเคชัน Line Official (@Flashmall) ซึ่งจะมีระบบ AI อัจฉริยะเพื่อทำการค้นหาจากฐานข้อมูลจากโรงงานของผู้ผลิต ซึ่งจะมีรายการสินค้า มากกว่า 2 แสนรายการ หลังจากนั้นระบบจะช่วยอำนวยความสะดวกในการสั่งซื้อและนำเข้าสินค้าแบบครบวงจร พร้อมทั้งช่วยบริการด้านต่าง ๆ เช่นการขนส่ง การแพ็คสินค้า และอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแบบครบวงจรสำหรับตัวแทน สำหรับผู้สนใจนำสินค้าไปขายบนระบบอีคอมเมิร์ซ

จุดเด่นสำหรับบริการนี้คือตัวแทนสามารถเข้าถึงสินค้าในราคาขายส่งได้โดยไม่มีเงื่อนไขกำหนด สำหรับยอดการสั่งซื้อขั้นต่ำและข้อบังคับในการสต๊อกสินค้า นับว่าเป็นมิติใหม่ของวงการอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยที่สามารถช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าถึงสินค้าต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย นับว่าเป็นจุด One Stop Service นับเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ และน่าจับตามองในแนวหน้าระดับต้น ๆ ของวงการอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย

ผู้สนใจบริการ การจัดหาสินค้าอัจฉริยะของ Flash Mall สามารถติดต่อได้ทางแอปพลิเคชัน Line Official @Flashmall